กทม. 3 เม.ย.-“หมอระวี” จี้รัฐสภา ต้องฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั้ง “ส.ว.-สื่อมวลชน” ย้ำสมาชิกรัฐสภาฯ ไม่ได้สำคัญกว่าประชาชน แต่หวั่นเชื้อกระจายไปวงกว้าง แนะต้องเร่งฉีดก่อนวันประชุมร่วม
เมื่อเวลา 09.00 น. นพ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังธรรมใหม่ กล่าวถึงการดำเนินการฉีดวัคซีนโควิด-19 ของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฏร ว่า การประชุมร่วมสมัยวิสามัญที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 7-8 เม.ย. ถือเป็นการประชุมใหญ่ที่มีคนกว่า 700 คนจาก 350 เขตทั่วทั้งประเทศ มารวมกันอยู่ในห้องประชุมใช้ระยะเวลาประชุมยาวนาน รวมไปถึงการรับประทานอาหารร่วมกัน และการใช้บริเวณภายในรัฐสภา ซึ่ง ส.ส. และ ส.ว. เดินทางมาจากทุกเขตทั่วประเทศ ซึ่งอาจจะมีความเสี่ยงในการแพร่ระบาดโควิด-19 ได้ และหากมีเหตุเช่นนั้นเกิดขึ้น จะทำให้แพร่กระจายไปยังประชาชนจังหวัดอื่นๆ ทั่วประเทศได้
นพ.ระวี กล่าวต่อว่า การที่สำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฏรมีแผนที่จะฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ถือเป็นเรื่องที่ดี แต่หากรอให้มีการแจ้งความประสงค์ในวันประชุม ตนมองว่าอาจจะล่าช้าจนเกินไปกว่าจะได้ฉีดวัคซีน โดยตนเห็นว่า การแจ้งความประสงค์สามารถขอความร่วมมือดำเนินการตั้งแต่วันนี้ได้เลย เพราะกว่าจะถึงวันที่ 7 เม.ย.ทางสภาฯจะสามารถแจ้งไปยังสำนักปลัดนายกรัฐมนตรีได้ทัน เพื่อสามารถดำเนินการฉีดวัคซีนได้ในวันประชุม
“ในส่วนของ ส.ว.ผมคิดว่าจะต้องมีการฉีดให้ครอบคลุมรวมถึงสื่อมวลชนที่เข้ามาปฎิบัติหน้าที่ประจำในพื้นที่รัฐสภาด้วย ผมมองว่าทางสภาฯต้องให้ผู้สื่อข่าวทุกคนได้รับการฉีดวัคซีนด้วย เพราะหากจะฉีดแค่ ส.ส.แต่ ส.ว.และสื่อมวลชน ไม่ได้รับการฉีดวัคซีน ทั้งๆที่ต้องทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด จะเปผ้นการป้องกันได้ทั้งหมดหรือไม่ และเพื่อประสิทธิภาพในการป้องกันที่ดีที่สุด ทางสภาฯ ต้องเร่งพิจารณาว่ามีบุคคลใดที่ต้องได้รับการฉีดวัคซีนอีกหรือไม่ เพราะต้องอย่าลืมว่าในแต่ละสัปดาห์มีการประชุมของคณะกรรมาธิการจำนวนมาก ผู้เข้าร่วมประขุม ผู้ติดตาม ส.ส.ต้องได้รับการฉีดวัคซีนด้วยหรือไม่” นพ.ระวี กล่าว
ทั้งนี้ นพ.ระวี กล่าวทิ้งท้ายว่า ที่ตนพูดไม่ใช่ว่านักการเมืองกลัวตาย หรือวิเศษกว่าคนอาชีพอื่น แต่ตนห่วงว่า ถ้ามีใครสักคน ไม่ว่าจะเป็นสื่อมวลชน ลูกจ้าง พนักงานที่ทำหน้าที่ในสภาเกิดติดเชื้อโควิด-19 ขึ้นมา ผลที่เกิดขึ้นจากนั้นจะกระจายไปสู่ครอบครัว คนใกล้ชิด และแพร่กระจายในวงกว้างทั้ง 350 เขตทั่วประเทศได้ ดังนั้นถ้าคิดจะฉีดแล้วก็น่าจะทำให้ครบถ้วน ไม่ต้องแบ่งแยกว่าเป็นใคร สถานะใด.-สำนักข่าวไทย