“พรรคกล้า” เดินหน้าหาเสียงเลือกตั้งซ่อมนครศรีฯ วันสุดท้าย

นครศรีธรรมราช 6 มี.ค.-“พรรคกล้า” เดินหน้าหาเสียงวันสุดท้าย ขอประชาชนกาเบอร์ 1 ใช้พลังบริสุทธิ์ สร้างการเมืองใหม่ “กรณ์” ย้ำถ้าการเมืองเก่าชนะ ไม่เกิดการเปลี่ยนแปลง “สราวุฒิ” มั่นใจคะแนนเสียง เพราะลงพื้นที่มานาน มองคนเก่าๆ ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงพื้นที่ได้ ต้องสนับสนุนคนรุ่นใหม่ มาทำงานให้พื้นที่


วันสุดท้ายของการหาเสียงเลือกตั้งซ่อมนครศรีธรรมราช พรรคกล้ายังคงลงพื้นที่ แยกสายพบปะประชาชนตามพื้นที่ต่างๆ โดยนายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า พร้อมด้วยนายสราวุฒิ สุวรรณรัตน์ ผู้สมัครรับเลือกตั้งซ่อมนครศรีธรรมราช เบอร์ 1 พรรคกล้า ลงพื้นที่ตั้งแต่ช่วงเช้าเหมือนเช่นทุกวัน โดยพบปะประชาชนที่ตลาดหัวสะพานชะเมา อ.เฉลิมพระเกียรติ โดยประชาชนทักทายให้การตอบรับอย่างดี และจะเดินสายหาเสียงไปอีกหลายพื้นที่ให้ครบทั้ง 4 อำเภอในเขต 3 ก่อนเวลา 18.00 น. วันนี้ ตามที่กฎหมายเลือกตั้งกำหนดไว้

นายกรณ์ กล่าวถึงการหาเสียงวันสุดท้าย ก่อนเข้าสู่การเลือกตั้งวันพรุ่งนี้ว่า รู้สึกมีความสุขมากที่มีโอกาสพบปะพี่น้องประชาชนตลอดช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ได้เรียนรู้วิถีชีวิต ได้สัมผัสถึงความต้องการของชาวบ้านที่อยากจะเห็นการเมืองดีขึ้น มีการพัฒนา และพรรคกล้ามีส่วนร่วมในการเสนอทางเลือกใหม่ให้กับชาวบ้าน จึงขอให้ทุกคออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง ยิ่งออกมาใช้สิทธิกันมาก อิทธิพลของเงินที่รับรู้กันโดยทั่วไปในพื้นที่ก็จะถูกกลืน สามารถชนะได้ด้วยพลังการเมืองบริสุทธิ์


สำหรับบรรยากาศการแข่งขัน ช่วงโค้งสุดท้ายเข้มข้นขึ้น ถึงขนาดพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ต้องมาปราศรัยช่วยหาเสียงเป็นครั้งแรก นายกรณ์ กล่าวว่า พื้นที่นครศรีธรรมราชมีความพิเศษในการเมืองไทยมาตลอด และการเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ไม่ได้เหมือนการเลือกตั้งครั้งอื่นๆ มีพรรคการเมืองใหม่อย่างพรรคกล้าเข้ามามีส่วนร่วม มีพรรคร่วมรัฐบาลมาลงสนามแข่งขันกันเอง สำหรับพรรคกล้าเปรียบเสมือนการทดสอบว่าการเมืองในพื้นที่จะเปลี่ยนได้หรือไม่ มีพื้นที่ให้คนรุ่นใหม่หรือไม่ หากผู้สมัครของพรรคกล้า นายสราวุฒิ สุวรรณรัตน์ ชนะการเลือกตั้งครั้งนี้ จะสะเทือนวงการและนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในมุมที่ดีขึ้น เป็นการส่งสัญญาณว่าการเมืองมีโอกาสให้คนรุ่นใหม่ พรรคการเมืองใหม่ในแนวสร้างสรรค์ก็มีโอกาสชนะได้ แม้จะมีระดับรองนายกรัฐมนตรีหรือพรรคการเมืองเก่าแก่ที่ครองพื้นที่ แต่พรรคกล้าจะชนะได้ด้วยความคิดด้วยการลงมือทำด้วยความตั้งใจ

หัวหน้าพรรคกล้า กล่าวด้วยว่า วันพรุ่งนี้จะครบ 1 ปีพอดี ที่พรรคกล้าได้ก่อตั้งอย่างเป็นทางการและเมื่อตั้งพรรคการเมืองมา รู้อยู่แล้วว่าต้องสู้ ต้องเจอกับอะไร การต่อสู้ของพรรคกล้า หากดูเวทีปราศรัยก็จะเห็นว่ามาด้วยความคิดใหม่ มาด้วยความตั้งใจที่จะช่วยส่งเสริม พัฒนาความเป็นอยู่ของพี่น้องในเขตพื้นที่ที่ไปหาเสียง และได้การตอบรับดี ขอขอบคุณพี่น้องเขต 3 ทั้ง 4 อำเภอ ที่ต้อนรับผู้สมัครของพรรค ให้โอกาสพรรคกล้า ตอนนี้ถือว่าคุ้มแล้วกับความทุ่มเท และหวังว่าจะนำไปสู่การมี ส.ส. คนแรกในสภา

ส่วนมองว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะชี้ขาดโควตารัฐมนตรีของพรรคการเมืองใหญ่ ในขณะที่พรรคกล้าเข้าไปแทรกอยู่ตรงกลาง นายกรณ์กล่าวว่า หากพรรคกล้าชนะขึ้นมา ไม่ใช่แค่จะเห็นความเปลี่ยนแปลงในมิติต่างๆ แต่จะเห็นความเปลี่ยนแปลงในพรรคการเมืองใหญ่ด้วย เพราะต้องกลับไปทบทวนว่าวิธีเดิมๆ อาจจะไม่โดนใจชาวบ้านแล้ว ต้องมีการปรับปรุง ซึ่งประชาชนทั้งประเทศเองก็จะได้ประโยชน์ แต่ถ้าการเมืองแบบเก่ายังชนะอยู่เหมือนเดิม การเปลี่ยนแปลงก็จะไม่เกิดขึ้น เพราะฉะนั้นพรรคกล้ามาวันนี้ เหมือนกับเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในทางบวกกับการเมืองไทย


นายสราวุฒิ สุวรรณรัตน์ ผู้สมัครรับเลือกตั้งซ่อม นครศรีธรรมราช เบอร์ 1 พรรคกล้า กล่าวว่า รู้สึกตื่นเต้น เพราะเหลือเวลาอีกไม่กี่ชั่วโมงก็จะสิ้นสุดการหาเสียงแล้ว แต่ไม่กังวล เพราะทำพื้นที่ตรงนี้มาโดยตลอด แม้จะเหลือเวลาหาเสียงไม่มาก ก็จะใช้ให้คุ้มค่าที่สุด ออกไปพบปะพูดคุยให้รู้ถึงอุดมการณ์และแนวคิดของมากที่สุด

ส่วนการหาเสียงโค้งสุดท้ายที่พรรคการเมืองขนาดใหญ่ ระดมแกนนำลงพื้นที่ นายสราวุฒิกล่าวว่า ชาวนครศรีธรรมราชไม่ได้ต้องการความยิ่งใหญ่หรือเวทีขนาดใหญ่ ความอลังการใดๆ เพราะพื้นที่นี้เป็นพื้นที่พิเศษ ความใหญ่โตอลังการไม่ได้ช่วยให้พี่น้องที่นี่อยู่ดีกินดี แต่ความตั้งใจและมีแนวความคิดต่างหาก ที่จะช่วยเหลือพี่น้องชาวนครศรีธรรมราชเขต 3 ได้ อยากให้ลองมองเวทีปราศรัยของพรรคกล้า นำกระจูด นางพารา ทุเรียน นำของดีเมืองนครศรีธรรมราช โชว์ไว้ด้านหลัง เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนได้สืบสานของดีของจังหวัดนครศรีธรรมราช

นายสราวุฒิ ยังเชิญชวนพี่น้องประชาชน ให้ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งซ่อมวันพรุ่งนี้ แสดงให้เห็นว่า คนนครศรีธรรมราชมีความรักประชาธิปไตย เลือกคนดีๆเข้าไปนั่งในสภาฯ เชิญชวนให้ออกมาใช้สิทธิใช้เสียง สนับสนุนคนรุ่นใหม่ให้เข้าไปทำงาน สร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับชุมชน สร้างการเปลี่ยนแปลงให้นครศรีธรรมราชเขต 3 เชื่อว่าคนเก่าๆ คนเดิมๆ ความคิดแบบเดิม ความคิดแบบนักปกครอง ไม่สามารถแก้ไขปัญหาพื้นที่นี้ได้ ลองเปลี่ยนมาใช้นักบริหารหรือคนรุ่นใหม่ จะมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในอนาคตแน่นอน ขอเพียงออกมาใช้สิทธิเลือกตั้ง เลือกพรรคกล้า กาเบอร์ 1 ให้โอกาสตนเองและนายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า ทำงานเพื่อนครศรีธรรมราช เขต 3.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง