ยื่นฟ้องกองทัพบก ปฏิบัติการไอโอ โดยมิชอบ

ศาลปกครอง 4 มี.ค.-นักปกป้องสิทธิ-นักวิชาการ ยื่นศาลปกครองฟ้องกองทัพบก  ทำปฏิบัติการไอโอโดยมิชอบ ขอให้ศาลสั่งกองทัพหยุด  พร้อมยื่นเรื่องต่อเฟซบุ๊ก-ยูเอ็น ขัดสิทธิในการแสดงความเห็น


น.ส.สฤณี อาชวานันทกุล นักวิชาการอิสระด้านเศรษฐศาสตร์  พร้อมด้วยนายยิ่งชีพ อัชฌานนท์ ผู้จัดการโครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมาย หรือไอลอว์ (iLaw) นายวิญญู วงศ์สุรวัฒน์ หรือ จอห์น วิญญู  พิธีกรผู้จัดรายการ   นายสัญญา  เอียดจงดี ทนายความ  ได้มายื่นฟ้องกองทัพบก และพล.อ.ณรงค์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการกองทัพบก  ต่อศาลปกครอง  กรณีกองทัพบกกำลังทำปฏิบัติการข้อมูลข่าวสาร (IO) เพื่อขอให้ศาลปกครองสั่งยุติปฏิบัติการข้อมูลข่าวสารที่ไม่ถูกต้องทันที  รวมทั้งขอให้ลบข้อมูล แบล็คลิสต์ต่างๆ ออกจากสารบบกองทัพบก และให้กองทัพขอโทษออกสื่อสาธารณะ

นายยิ่งชีพ กล่าวว่า ช่วงที่ผ่านมามีความขัดแย้งทางการเมือง  ขณะเดียวกันก็มีหลักฐานจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลที่ผ่านมา  และการตรวจสอบของทวิตเตอร์ รวมทั้งล่าสุดการสอบสวนของเฟซบุ๊กที่พบว่ากองทัพไทยมีการใช้ปฏิบัติการข้อมูลข่าวสาร เพื่อโจมตีประชาชนที่แสดงความคิดเห็นแตกต่างกัน โดยเฉพาะฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาล  โดยกองทัพจัดกลุ่มเป้าหมายบัญชีสื่อสังคมออนไลน์จำนวนมากที่มอบหมายให้ทหารไปปฏิบัติการข้อมูลข่าวสาร  ทั้งสื่อมวลชน  นักกิจกรรมเพื่อประชาธิปไตย นักการเมือง  ภาคประชาสังคม นักวิชาการ ซึ่งปฏิบัติการเหล่านี้ไม่ใช่การเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารของกองทัพธรรมดา  แต่เป็นการมุ่งโจมตีคนที่เห็นต่าง โดยไม่มีข้อมูลที่เป็นสาระสำคัญ และใช้ถ้อยคำหยามคายที่ไม่มีประโยชน์


“พวกเรา 3 คน เห็นว่าปฏิบัติการที่กองทัพทำเช่นนี้ไม่ถูกต้อง  กองทัพไม่ได้มีอำนาจตามกฎหมายที่จะปฏิบัติการต่อประชาชนเช่นนี้ได้  เราไม่ได้เป็นศัตรูกับชาติ ไม่ได้เป็นศัตรูกับรัฐ  การที่กองทัพเอางบประมาณของรัฐ  เอาภาษีประชาชน เอาบุคคลกรทหารและทรัพยากรของรัฐมาโจมตีประชาชนนั้นไม่ถูกต้องตามกฎหมาย และไม่มีความชอบธรรม” นายยิ่งชีพกล่าว

นายยิ่งชีพ  กล่าวว่า ขอให้ศาลสั่งว่าการปฏิบัติการเป็นสิ่งที่ผิด และให้กองทัพหยุดปฏิบัติการทั้งหมด นอกจากนี้ได้ยื่นจดหมายต่อผู้รายงานพิเศษแห่งองค์การสหประชาชาติว่าด้วยเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น  เพราะบทสนทนาบนโลกออนไลน์ของประชาชนควรจะเป็นบทสนทนาที่เป็นข้อเท็จจริงจากประชาชน  รัฐมีหน้าที่ที่จะต้องรับรองและคุ้มครองเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น ไม่ใช่รัฐเป็นผู้ผลิตข้อมูลโฆษณาชวนเชื่อและโจมตีคนเห็นต่าง  พร้อมกันนี้ ยังได้ยื่นหนังสือต่อเฟซบุ๊กเพื่อขอให้สืบสวนเกี่ยวกับการกระทำนี้ของกองทัพด้วย ซึ่งเป็นคนละส่วนกับที่เฟซบุ๊กเปิดเผยมาก่อนหน้านี้ โดยเป็นเรื่องเกี่ยวกับ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ในคดีของนางอังคณา นีละไพจิตร อดีตคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ที่ยื่นฟ้องไปเมื่อเดือนพฤศจิกายน

“การมีคนที่เห็นด้วยกับรัฐบาล และเห็นต่างกับเรา เป็นสิ่งที่เข้าใจและยอมรับได้  แต่การปฏิบัติการข้อมูลข่าวสารของรัฐที่ใช้งบประมาณรัฐและคนของรัฐ เป็นสิ่งผิดปกติที่ยอมรับไม่ได้  เพราะทำให้แยกแยะการสนทนาในโลกออนไลน์ไม่ได้ ทั้งนี้หากหยุดปฏิบัติการไอโอได้ ก็จะทำให้การสนทนาในโลกออนไลน์เป็นธรรมชาติ ทุกคนไว้ใจกันมากขึ้น ไม่ว่าจะเห็นต่างหรือเห็นด้วยกับรัฐบาล ก็อยากให้สนับสนุนยุติปฏิบัติการไอโอแบบนี้” นายยิ่งชีพกล่าว


ขณะที่นายวิญญู วงศ์ พิธีกรผู้จัดรายการ กล่าวว่า พฤติกรรมไอโอมีหลากหลายรูปแบบ ทั้งเข้ามาพูดคุยดีๆ และใช้ถ้อยคำหยาบคายในลักษณะด้อยค่า  ทั้งกับตัวเองและครอบครัว  ซึ่งมีการทำเป็นภาพผ่านสื่อต่างๆทำให้ตัวเองได้รับความเสื่อมเสีย

ด้านนายสัญญา  เอียดจงดี  ทนายความ กล่าวว่า ทั้ง 3 คนในฐานะประชาชนได้ทำหน้าที่ต่อยอดจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจของสภาผู้แทนราษฎร  การปฏิบัติการดังกล่าวไม่ควรมี เนื่องจากไม่ใช่สถานการณ์ที่พึงกระทำได้ และองค์กรตุลาการควรจะมาตรวจสอบเรื่องนี้ โดยหลักฐานที่นำมายื่น ประกอบด้วยหลักการระหว่างประเทศ  และรัฐธรรมนูญที่มีบัญญัติเรื่องการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพประชาชน โดยนำการปฏิบัติการไอโอของกองทัพสหรัฐอเมริกาที่มีมาเป็นบรรทัดฐานว่าห้ามรัฐบาลทำปฏิบัติการนี้กับประชาชนทุกรูปแบบ เพราะตอนนี้ไม่ใช่ภาวะสงครามที่จะมีสิทธิทำปฏิบัติการเช่นนี้ได้  ส่วนพยานหลักฐานเกี่ยวกับคำสั่งของกองทัพ เชื่อว่าศาลปกครองจะทำการไต่สวนเพิ่มเติมในประเด็นนี้ และการอภิปรายของ ส.ส. มีการเปิดเผยเอกสารเกี่ยวกับกองทัพภาค 2 ได้กระทำปฏิบัติการไอโอ  ซึ่งเป็นพฤติการณ์เดียวกันกับที่ยื่นฟ้องศาลปกครองในวันนี้  ซึ่งเรื่องนี้ต้องเปิดเผยทั้งหมด กองทัพต้องมาชี้แจงต่อศาล

ส่วนจะดำเนินการในส่วนคดีอาญาด้วยหรือไม่  นายยิ่งชีพ กล่าวว่า คิดว่าน่าจะไม่ และการฟ้องศาลปกครองก็มีสิทธิที่จะเรียกค่าเสียหายได้ แต่ไม่ได้อยากได้งบประมาณของรัฐมาชดเชยความเสียหาย แต่ขอให้ยุติปฏิบัติการข้อมูลข่าวสารของประชาชนเท่านั้น นอกจากนี้ไม่ติดใจที่จะให้ศาลต้องไปสืบสวนหาเจ้าของบัญชีแอคเคาท์ที่ปฏิบัติการดังกล่าว เพราะไม่อยากเห็นทหารระดับปฏิบัติต้องติดคุก เพราะทำตามคำสั่งเจ้านาย ดังนั้นให้หยุดปฏิบัติการน่าจะเพียงพอ.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่ม 31 ซิ่งเก๋งชนไรเดอร์ดับคาที่ หลังมีปากเสียงเรื่องขับเฉี่ยวชน

หนุ่มไทยเชื้อสายอินเดีย ลูกเจ้าของร้านขายผ้าซิ่งเก๋งชนไรเดอร์ดับ ริมถนนสุขุมวิท หลังมีปากเสียงเรื่องขับรถเฉี่ยวไม่ลงมาเจรจา

พ่อพาญาติเยี่ยมลูกชายลูกครึ่งอินเดีย ขับรถชนไรเดอร์ดับ

พ่อพาญาติเยี่ยมลูกชายลูกครึ่งอินเดีย ที่หัวร้อนขับรถชนไรเดอร์ดับคาที่กลางสุขุมวิท เมื่อวานนี้ พร้อมไหว้ขอสื่อ อย่ามายุ่งกับครอบครัว

จำคุกทนายเดชา

ศาลสั่งจำคุก 1 ปี “ทนายเดชา” ปมไลฟ์หมิ่น “อ.อ๊อด”

ศาลสั่งจำคุก 1 ปี “ทนายเดชา” คดีหมิ่น “อ.อ๊อด” ปรับ 1 แสนบาท ปมไลฟ์ด่าเสียหาย ให้รอลงอาญา โจทก์เตรียมอุทธรณ์ต่อ ขอให้ติดคุกจริง

ศาลให้ประกันหนุ่มลูกครึ่งอินเดียหัวร้อนขับรถไล่ชนไรเดอร์ดับ

ครอบครัวไรเดอร์ที่ถูกหนุ่มลูกครึ่งอินเดียหัวร้อนขับรถไล่ชนเสียชีวิต กอดกันร้องไห้รับร่างและรดน้ำศพ ด้านศาลให้ประกันตัวผู้ต้องหา วงเงิน 600,000 บาท ติดกำไล EM-ห้ามออกนอกประเทศ

ข่าวแนะนำ

สมรสเท่าเทียม

นายกฯ ส่งคลิปสารร่วมยินดีกฎหมายสมรสเท่าเทียมบังคับใช้

“แพทองธาร” นายกฯ ส่งคลิปสารร่วมแสดงความยินดีกฎหมายสมรสเท่าเทียมบังคับใช้ ขอบคุณทุกภาคส่วนผ่านการต่อสู้กับอคติกว่า 2 ทศวรรษ ทำให้ ทุกตารางนิ้วของประเทศไทยโอบรับความหลากหลาย และเท่าเทียม

จำคุกสมรักษ์คำสิงห์

ศาลสั่งคุก 2 ปี 13 เดือน 10 วัน “สมรักษ์” พยายามข่มขืนสาววัย 17

ศาลจังหวัดขอนแก่น พิพากษาจำคุก “สมรักษ์ คำสิงห์” อดีตนักมวยฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิก เป็นเวลา 2 ปี 13 เดือน 20 วัน พร้อมชดใช้ค่าสินไหมทดแทนรวม 170,000 บาท คดีพยายามข่มขืนเด็กสาววัย 17 ปี

คึกคัก คู่รักจูงมือกันไปจดทะเบียนวันแรกกฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผล

วันนี้กฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผลใช้บังคับอย่างเป็นทางการ หลายคู่รักควงแขนไปจดทะเบียนสมรสกันชื่นมื่น ที่สยามพารากอน มีคู่รักที่ลงทะเบียนมาจดทะเบียนสมรสที่นี่กว่า 300 คู่

ฝุ่น กทม.

คนกรุงจมฝุ่นต่อเนื่อง เช้านี้อยู่ระดับสีแดง 21 พื้นที่

กทม. อ่วมหนัก ฝุ่น PM 2.5 พุ่งต่อเนื่อง อยู่ระดับสีแดง ผลกระทบต่อสุขภาพ 21 พื้นที่ ย้ำสวมหน้ากากอนามัยขณะอยู่นอกอาคาร และงดกิจกรรมกลางแจ้ง