“พล.อ.ประวิตร” ยันไม่รู้คนอ้างชื่อรับประโยชน์ขุดลอกคูคลอง

รัฐสภา 18 ก.พ.-ส.ส.เสรีรวมไทย กล่าวหารัฐหักหัวคิวขายโครงการขุดลอกคูคลอง ด้าน “พล.อ.ประวิตร” บอกไม่รู้คนอ้างชื่อเรียกรับผลประโยชน์ ยัน ไม่มีเจตนาทุจริต ขอ “นราพร” แจ้งชื่อมา เดี๋ยวสอบให้ พร้อมแจง สิทธิพิเศษ อผศ. งานขุดคลอง เป็นของสมัย “ยิ่งลักษณ์” ชี้ ครม. มีมติระงับแล้วตั้งแต่ปี 60


น.ส.นภาพร เพ็ชร์จินดา ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย อภิปรายว่า ตั้งแต่คสช.เข้ามา มีการให้งบประมาณองค์การทหารผ่านศึก (อผศ.) ไปดำเนินการขุดลอกคูคลอง แต่อผศ.ไม่สามารถดำเนินการเองได้ จึงนำโครงการไปขายให้คนอื่นดำเนินการต่อ หลายโครงการไม่สามารถดำเนินการต่อจนเสร็จได้ บางโครงการขาดทุน เนื่องจากมีการเรียกรับหัวคิว เรื่องนี้นายถาวร เสนเนียม รมช.คมนาคม เคยออกมาตั้งคำถามเรื่องนี้ ล่าสุดสมัยรัฐบาลนี้ แม้จะไม่ให้งบอผศ.ดำเนินการในลักษณะนี้แล้ว ก็ยังมีเรียกรับผลประโยชน์หัวคิวอยู่ในรูปแบบโครงการขุดลอกคูคลอง แก้ปัญหาภัยแล้ง อุทกภัย ร่วม 20,000 โครงการ แต่เปลี่ยนวิธีการเป็นการซอยโครงการ ไม่ให้เกินโครงการละ 5 แสนบาท เพื่อไม่ต้องผ่านการเปิดประมูล ใช้จัดจ้างพิเศษ กำหนดบริษัทลงไปได้เลย โดยบริษัทที่ได้งานจะเป็นบริษัทเดิมๆ เช่น กลุ่มของคุณนาย อ. ที่เคยได้ประโยชน์ในสมัยอผศ. ตนมีสลิปหลักฐานการโอนเงินค่าหัวคิว ใครอยากได้งานให้โอนเงินมาก่อน เพื่อซื้องาน แล้วผู้ใหญ่ในพื้นที่จะหิ้วเงินที่โอนมาทั้งหมด เป็นเงินสดไปให้ผู้มีอำนาจอีกที โดยมีการอ้างชื่อ บิ๊กผู้ใหญ่ในกระทรวงมหาดไทย คือ “บิ๊ก ป.และบิ๊ก ฉ.เพื่อให้ได้งาน พล.อ.อนุพงษ์ เคยตรวจสอบไหมเรื่องการซอยงาน 

พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ลุกขึ้นชี้แจง กรณีนางสาวนราพร เพชร์จินดา ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเสรีรวมไทย อภิปรายไม่ไว้วางใจในกรณีการทุจริตคอรัปชั่นภายในองค์การทหารผ่านศึก โดยชี้อจงว่า องค์การทหารผ่านศึกเป็นองค์การกุศลเพื่อดูแลทหารผ่านศึก และจากการประชุมคณะรัฐมนตรี ในปี 2556 สมัยที่ในสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งองค์การทหารผ่านศึกได้รับสิทธิพิเศษ ประเภทได้รับงานด้านการพัฒนาก่อสร้างปรับปรุง ฟื้นฟูแหล่งน้ำ และได้เริ่มฟื้นฟูพัฒนาแหล่งน้ำมาตั้งแต่ปี 2558 ซึ่งที่ผ่านมาพบว่ามีปัญหา ไม่ตรงกับความต้องการของประชาชน จนนำไปสู่การร้องเรียนต่อองค์การทหารผ่านศึก จึงได้ชี้มีการแจงข้อเท็จจริงให้ป.ป.ชและสตง.ทราบ และปัจจุบันยังไม่มีการชี้มูลความผิดในส่วนขององค์การทหารผ่านศึก โดยคณะรัฐมนตรีได้มีมติระงับสิทธิพิเศษในปี 2560 ซึ่งองค์การทหารผ่านศึกไม่ได้รับการคุ้มครองมาจากหน่วยใดอีกเลยจนกระทั่งถึงปัจจุบัน


ทั้งนี้พลเอกประวิตรยังระบุอีกว่า ทางรัฐบาลไม่ได้ดำเนินการอะไร การที่มาอ้างตน เอาชื่อตนไปรับเงิน รับทอง ตนจะไปรู้หรือว่าใครเป็นคนอ้าง คนไหนที่เชื่อก็เชื่อไป ตนไม่ทราบเลย เพราะฉะนั้นอยากจะบอกว่าไม่มีเจตนา ที่จะทุจริตหรือกระทำการใดๆที่ไม่เป็นไปตามกฎหมาย พร้อมกับยืนยันว่าไม่มีรายรับจากสิ่งต่างๆเหล่านี้

โดยภายหลังการชี้แจง นางสาวนราพร ได้ประท้วงอีกครั้ง โดยระบุว่า พลเอกประวิตรตอบไม่ตรงคำถาม ซึ่งพลเอกประวิตร ได้ชี้แจงว่า ตามที่มีการกล่าวหามา หากอยากรู้ว่าเป็นรายชื่อของใคร ก็ขอให้ส่งมา ตนจะสอบให้ว่าใครเป็นคนดำเนินการ รายละเอียดต่างๆ เพราะตนอยู่ข้างบนก็ไม่ทราบว่าเขารับกัน 30 : 40 หรืออะไรตามที่นางสาวนราพรกล่าว.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สามีเข้าเกียร์ค้างไว้ สตาร์ทรถพุ่งชนภรรยาดับ

สลด! สามีขับรถใส่เกียร์ค้างไว้ สตาร์ทรถพุ่งชนภรรยาเสียชีวิตในบ้านพักย่านวิภาวดี ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การเบื้องต้น นำตัวสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง

คุมฝากขัง “เอ็ม เอกชาติ” เจ้าตัวปิดปากเงียบ

ตร.ไซเบอร์คุมตัว “เอ็ม เอกชาติ” ฝากขัง เจ้าตัวปิดปากเงียบ ไม่ตอบคำถามสื่อ ด้านตำรวจพบเส้นทางการเงินจากเว็บพนัน กว่า 30 ล้านบาท

ข่าวแนะนำ

ทยอยนำ 3 ร่างผู้เสียชีวิตออกจากใต้ซากตึกถล่ม ส่งสถาบันนิติเวช

นำร่างผู้เสียชีวิต 3 ราย ออกจากใต้ซากอาคารถล่ม ทยอยเคลื่อนออกจากพื้นที่ ส่งสถาบันนิติเวชวิทยา ด้านตำรวจเตรียมดำเนินคดีชาวจีน 4 คน ขนเอกสารอ้างเคลมประกัน

ระดมทีมค้นหาสุดกำลัง ช่วยผู้ที่ติดค้างใต้ซากตึกถล่ม

ระดมทีมค้นหาสุดกำลัง ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ที่ติดค้างใต้ซากอาคาร สตง. ถล่มจากเหตุแผ่นดินไหว ทุกภาคส่วนยังทำงานแข่งกับเวลาและสภาพอากาศที่ร้อนจัด ล่าสุดมีรายงานพบร่างผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 4 ราย

“อนุทิน” เซ็นตั้ง คกก.สอบอาคาร สตง.ถล่มจากแผ่นดินไหว

“อนุทิน” เซ็นตั้ง คกก.สอบ หลังตึก สตง.ถล่มจากเหตุแผ่นดิน​ไหว​เพียงตึกเดียว​ คาดรู้ผลใน 7 วัน ยันไล่บี้ตั้งแต่แบบอาคารและการก่อสร้าง ชี้ทั้งบริษัทไทย-จีน​ ต้องรับผิดชอบเต็มร้อย ​ขณะทูตจีนพาผู้เชี่ยวชาญด้านแผ่นดินไหวพบ

บกปภ.ช. รายงานสถานการณ์แผ่นดินไหว เสียหาย 18 จังหวัด

บกปภ.ช. รายงานสถานการณ์แผ่นดินไหว เสียหายเพิ่มขึ้นเป็น 18 จังหวัด เฉพาะกรุงเทพฯ เสียชีวิต 9 ราย สูญหาย 79 ราย ยังคงเร่งค้นหาผู้รอดชีวิตจากอาคารถล่ม ขณะที่กรมบัญชีกลางขยายวงเงินทดรองราชการเพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน 200 ล้านบาท