รัฐสภา 8 ก.พ.- ประธานวิปฝ่ายค้าน ย้ำ กรอบซักฟอก 42 ชั่วโมงเพียงพอ ขอรัฐบาลอย่าลาก-ทำให้เขว ชี้มี“งูเห่า”ตอนลงมติถือเป็นเรื่องธรรมดา ไม่หนักใจและ ไม่นับรวม 1-2 เสียงที่รู้กันอยู่ พร้อมคัดค้านญัตติยื่นศาล รธน.ตีความแก้ รธน.ของ “ไพบูลย์-สมชาย”
นายสุทิน คลังแสง ประธานคณะกรรมการประสานงาน (วิป)พรรคร่วมฝ่ายค้าน กล่าวถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลว่า ฝ่ายค้านแบ่งกรอบเวลาโดยการยึด 2 หลัก คือ พรรคใหญ่ที่มีฐาน ส.ส.มาก จะได้เวลามาก และพรรคเล็กที่มีประเด็นมาก ก็อาจจะได้เวลามากเช่นกัน โดยกรอบเวลา 42 ชั่วโมงนั้นเพียงพอ หากไม่มีปัจจัยแทรกซ้อน ประท้วงจนเกินเหตุ หรือมีเรื่องอื่นทำให้ฝ่ายค้านเขว พร้อมยอมรับว่า กระแสข่าว “งูเห่า” หรือกรณีลงมติสวน ถือเป็นเรื่องธรรมดาของการอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่ก็ขอบคุณที่มีข่าวนี้ออกมา เพราะจะทำให้นักการเมืองระมัดระวังตัวมากขึ้น ว่าสังคมกำลังจะจับจ้อง ทั้งนี้ ยังไม่ได้พูดคุยเรื่องลงมติ แต่ทุกคนคงรู้ในใจดีว่า แนวทางของฝ่ายค้านคืออะไร จึงไม่หนักใจ และ มีระบบวิปอยู่ ซึ่งจะกำชับอีกรอบ เพราะมีอยู่แค่ 1-2 คน ที่ฝ่ายค้านรู้เป้าหมายปลายทาง จึงจะไม่นับรวมอยู่แล้ว
ส่วนญัตติขอให้รัฐสภาลงมติส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณาวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 210 (2) ของนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ และนายสมชาย แสวงการ ส.ว. ที่จะเข้าสู่ระเบียบที่ประชุมรัฐสภา ในวันพรุ่งนี้ (9 ก.พ.) นั้น นายสุทิน ยืนยันว่า ฝ่ายค้านไม่เห็นด้วยที่จะยื่นศาลรัฐธรรมนูญเพื่อตีความ เพราะโดยสามัญสำนึก และหลักของประชาธิปไตยทั่วโลก รัฐสภามีสิทธิ์แก้รัฐธรรมนูญ แต่ไม่ใช่การแก้โดยหลุดลอยจากประชาชน ซึ่งก็มีการทำประชามติ ดังนั้น จึงไม่เห็นด้วย และมองว่า เป็นการพยายามขัดขวางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ การประชุมร่วมรัฐสภาพรุ่งนี้ (9 ก.พ.) จึงต้องแสดงเหตุผลกันอย่างเต็มที่ นายสุทิน ยอมรับ กังวลว่า การยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความ จะทำให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญสะดุดลง และจะกลับไปสู่ความเสี่ยง ทั้งกติกาของประเทศจะไม่แน่นอน และเกิดปฏิกิริยาทางสังคมที่น่าวิตก. สำนักข่าวไทย