พรรคเพื่อไทย 7 ก.พ.-พรรคเพื่อไทย เปิดตัว The Change Maker ผนึกกำลังผู้มากประสบการณ์-คนรุ่นใหม่ ร่วมหาทางออก สร้างความหวังให้คนไทยผ่านแพลตฟอร์มทางการเมืองครั้งแรกของประเทศ
พรรคเพื่อไทย เปิดตัวโครงการ “The Change Maker : นวัตกรรมทางการเมืองที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง” (people-centric) ผ่านกิจกรรม “แฮกกาธอน” (Hackathon) หรือการสร้างนวัตกรรมแบบเร่งด่วน มาใช้ในการพัฒนาทางการเมืองจัดการเรียนรู้ผ่าน Interactive workshops หรือการสัมมนาเชิงปฏิบัติการ แก้โจทย์ทางการเมือง โดยคัดเลือกผู้เข้าร่วมโครงการ 100 คน เข้าร่วมกระบวนการออกแบบนโยบายร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมลงพื้นที่จริงกับ ส.ส. ในพื้นที่ ร่วมสร้างสรรค์ผลงานจริงตั้งแต่เริ่มเสนอปัญหา ไปสู่โปรเจคทดลอง (Pilot Project) เพื่อแก้ปัญหาระดับชาติได้จริงในอนาคต
ทั้งนี้ “The Change Maker : นวัตกรรมทางการเมืองที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง” เป็นหนึ่งในโครงการที่จัดโดย ทีมคิดเพื่อไทย แพลตฟอร์มใหม่ของพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นการระดมสรรพกำลังของผู้มากประสบการณ์และคนรุ่นใหม่ที่มีความมุ่งมั่นเปลี่ยนแปลงประเทศ เข้ามาร่วมมือกันพัฒนาประเทศผ่านวิธีการต่าง ๆ ซึ่งจะเกิดขึ้นในอนาคต
นายประเสริฐ จันทรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า โครงการ The Change Maker เป็นก้าวที่พรรคเพื่อไทยจะ Disrupt ตัวเอง ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงการทำงานของพรรคอีกครั้ง นับตั้งแต่ปรับเปลี่ยนคณะกรรมการบริหารชุดใหม่ เชื่อว่าโครงการนี้จะได้บุคคลและนโยบายใหม่ๆ มาพัฒนาประเทศ เพื่อให้ชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนดีขึ้น พรรคเพื่อไทย ยืนยันว่า ความเป็นสถาบันการเมืองของพรรคยังคงแข็งแกร่ง และยังคงยึดมั่นในจุดยืนเดิมที่เป็นสมองของประเทศ ด้วยบุคลากรทั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั่วประเทศ และผู้มากประสบการณ์ ที่จะร่วมกันนำพาประเทศไทยออกจากวิกฤตและพัฒนาไปมากกว่าที่เป็นอยู่ได้
ด้านนายคณาพจน์ โจมฤทธิ์ ผู้อำนวยการทีมคิดเพื่อไทย และโครงการ The Change maker กล่าวว่า โครงการนี้จะเป็นการปลุกความหวังของคนในสังคมไทยให้กลับฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง ผ่านแพลตฟอร์มทางการเมืองครั้งแรกของเมืองไทย ที่มีคนรุ่นใหม่เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ เข้ามาร่วมผนึกกำลังกับทางพรรคที่มี ส.ส. , นักการเมืองที่มากประสบการณ์ และ Ecosystem ที่พร้อมสำหรับสถาบันทางการเมือง เพื่อสรรหานโยบายที่ตอบโจทย์ทุกปัญหาของยุคสมัยได้
ขณะที่ นพ.สุรพงษ์ สืบวงษ์ลี ที่ปรึกษาและ Mentor ของโครงการ The Change Maker กล่าวว่า ขณะนี้ประเทศไทยเผชิญกับมหาวิกฤติครั้งใหญ่ที่สุดในศตวรรษและไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน รวม 5 ด้านและเกิดขึ้นในเวลาเดียวกัน ได้แก่ 1.วิกฤติการเมือง รัฐธรรมนูญ และความขัดแย้งแบ่งข้างในสังคม 2.วิกฤติเศรษฐกิจที่หนักกว่าวิกฤตต้มยำกุ้งเพราะกระทบทุกคนในสังคม 3. วิกฤติทางสังคม ความเหลื่อมล้ำมากขึ้นทุกที การศึกษาที่อ่อนด้อย 4. วิกฤติโรคระบาดซึ่งกระทบทั้งโลก สร้างความเสียหายยิ่งกว่าสงครามโลก และ 5. วิกฤติการดิสรัปต์ของเทคโนโลยี ทำให้เกิดภาวะชนชั้นไร้ประโยชน์ การตกงานอย่างกว้างขวาง ซึ่งมหาวิกฤติในครั้งนี้ ผู้รับผิดชอบไม่มีการเตรียมการรองรับแรงกระแทกอย่างเพียงพอและจริงจัง จึงเป็นหน้าที่ของเราทุกคนที่ต้องช่วยเหลือพวกเรากันเอง ซึ่งโครงการ The Change Maker จะเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมกันคิดหาทางออกจากวิกฤติ และเปลี่ยนแปลงให้สังคมไทยให้แข็งแรงขึ้น มีภูมิต้านทานในการรับมือกับทุกเรื่องที่เข้ามาได้
นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ที่ปรึกษาด้านหลักสูตรของโครงการ The Change Maker กล่าวว่า สถาบันการเมืองเสมือนที่พึ่งของประชาชนในการแก้ไขปัญหาของประเทศ พรรคเพื่อไทย ซึ่งมีเบ้าหลอมมาจากพรรคไทยรักไทย ถือเป็นพรรคการเมืองสามารถครองใจประชาชนมาตลอด 20 ปี โดยมี “เคล็ดลับครองใจประชาชน” 3 ชุด ได้แก่ 1.คน คิด เคลื่อน โดยพรรคไทยรักไทยสามารถรวบรวมบุคคลที่มีความสามารถ ร่วมกันคิดเสนอนโยบาย แนวทางแก้ปัญหาที่ทำได้จริง
- ICE : โดย I (Inclusive) ระดมความเป็นเจ้าของและการมีส่วนร่วม ส่วน C (Collaborative) ร่วมมือจากภาคส่วนต่างๆ ประสานประโยชน์อย่างเหมาะสม
และ E (Empower) ทำให้ประชาชนมีอำนาจ มีสิทธิ์ มีศักดิ์ศรี ผ่านโครงการต่าง ๆ ที่ทำให้เกิดความเท่าเทียม เช่น โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค และการปรับทัศนคติว่าข้าราชการไม่ใช่ “นาย” แต่เป็น “ผู้ให้บริการ” และเคล็ดลับข้อที่ 3. คือ 3C ซึ่งเป็นพลังแห่งความสร้างสรรค์ โดย C ตัวแรกคือ Creative คือการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ คนรุ่นใหม่ พลังสร้างสรรค์สูงกว่า ผู้ใหญ่ต้องรับฟังและเลือกเป็น, Communication เลือกสาระ เข้าใจเจตนาร่วม จึงจะบริหารประเทศ สำเร็จ และ Contest การแข่งขัน ซึ่งจะช่วยให้เกิดพลังที่สร้างสรรค์และท้าทาย โดย นพ.พรหมินทร์ เชื่อว่า หากนำเคล็ดลับนี้นำไปสร้างสรรค์โครงการ เพื่อระดมคน ความคิด และความร่วมมือ จะช่วยขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาของพี่น้องประชาชนได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โครงการ The Change Maker เปิดรับบุคคลทั่วไปที่มีความสนใจสมัครเข้าร่วมโครงการได้ที่ช่องทาง Google Form ตั้งแต่วันนี้ จนถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์นี้ โดยสามารถติดตามรายละเอียดของการรับสมัครเพิ่มเติมและความคืบหน้าของโครงการได้ที่ Facebook, Instagram, Twitter และ Telegram “THINKPHEUTHAI” .-สำนักข่าวไทย