BIG STORY : ม็อบชุมนุมวันรัฐธรรมนูญ จี้เลิก ม.112

กทม. 10 ธ.ค. – วันนี้มีการทำกิจกรรมชุมนุมเนื่องในวันรัฐธรรมนูญ 3 จุด คือหน้าสำนักงานยูเอ็น อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา บริเวณสี่แยกคอกวัว และหน้า ก.พัฒนาสังคมฯ จี้รัฐบาลยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 รวมถึงปล่อยตัวและยุติการดำเนินคดีกับคณะราษฎร 63 ที่ถูกแจ้งข้อกล่าวหา


วันนี้มีการทำกิจกรรมชุมนุมเนื่องในวันรัฐธรรมนูญหลักๆ 3 จุด จุดแรกหน้าสำนักงานสหประชาชาติ หรือยูเอ็น ถนนราชดำเนินนอก กลุ่ม 24 มิถุนาเพื่อประชาธิปไตย มีนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข เป็นแกนนำ เรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 รวมถึงปล่อยตัวและยุติการดำเนินคดีกับคณะราษฎร 63 ที่ถูกแจ้งข้อกล่าวหาตามมาตรานี้

เริ่มชุมนุมตั้งแต่เวลาประมาณ 10.00 น. มีการตั้งเวทีปราศรัยขนาดเล็กที่หน้ายูเอ็น ซึ่งนายสมยศได้ยื่นหนังสือถึงองค์การสหประชาชาติ กดดันรัฐบาลยกเลิกกฎหมาย มาตรา 112 ที่ทางกลุ่มมองว่าปิดกั้นสิทธิเสรีภาพการแสดงความคิดเห็น การแสดงออก และมองว่าเป็นเครื่องมือทำลายล้างทางการเมือง ก่อนประกาศยุติการชุมนุมในเวลาประมาณ 12.00 น.


จุดที่ 2 ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา บริเวณสี่แยกคอกวัว ถนนราชดำเนิน จัดโดยแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม นำโดยนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือรุ้ง พร้อมคณะ ร่วมกันอ่านแถลงการณ์เครือข่ายผู้ได้รับผลกระทบจากประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 เรื่อง “หยุดกักขังความคิด หยุดปิดปากประชาชน” โดยมีใจความตอนหนึ่งว่า เสรีภาพทางการแสดงความคิดเห็นถือเป็นองค์ประกอบหลักของการปกครองประชาธิปไตย ประชาชนสามารถตรวจสอบและวิพากษ์วิจารณ์ได้อย่างเสรี แต่กฎหมายมาตรา 112 กลับมีเนื้อหาปิดกั้นและมีบทลงโทษรุนแรง ดังนั้น เนื่องในวันรัฐธรรมนูญและวันสิทธิมนุษยชนสากล จึงจำเป็นต้องเรียกร้องให้ยกเลิกมาตรา 112 และให้ยุติการดำเนินคดี รวมถึงล้างมลทินและชดเชยเยียวยาผู้ที่เคยถูกดำเนินคดีจากมาตรา 112 ทั้งหมด เพื่อคืนความยุติธรรมแก่สังคม และเพื่อให้กระบวนการประชาธิปไตยของประเทศไทยสามารถเดินหาต่อไปได้ และลดความขัดแย้งทางการเมืองที่เกิดขึ้นในสังคม

น.ส.ปนัสยา กล่าวถึงแนวทางการเคลื่อนไหวหลังจากนี้ว่า ในปีหน้าจะมีการยกระดับการชุมนุมอย่างแน่นอน ซึ่งในวันที่ 10 ธ.ค. อาจเป็นการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ครั้งสุดท้ายของปีนี้ แต่หากกลุ่มอื่นมีการจัดกิจกรรมก็อาจไปสนับสนุนเป็นครั้งคราว

และจุดสุดท้าย หน้ากระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) โดยกลุ่มม็อบ 10 ธันวาคม เรียกร้องสิทธิเสรีภาพของคนพิการ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงได้นำตู้คอนเทนเนอร์ ลวดหนามหีบเพลง มาวางปิดถนนเป็นแนวกั้นบริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ ด้านข้างยูเอ็น รวมถึงพื้นที่รอบบริเวณถนนราชดำเนิน ที่จะสามารถสัญจรเข้ามายังทำเนียบรัฐบาล สำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ และลานพระราชวังดุสิต โดยจุดที่มีการตั้งแนวแบริเออร์ เช่น ที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ สะพานอรทัย สะพานชมัยมรุเชษฐ์ สะพานเทเวศรนฤมิตร ถนนสามเสน สะพานวิศกรรมนฤมาณ และถนนนครราชสีมา


เมื่อเวลา 14.00 น. มีเหตุตึงเครียดเกิดการเผชิญหน้าระหว่างตำรวจและการ์ดผู้ชุมนุม เมื่อมีกลุ่มชาวบ้านและผู้ค้าย่านตลาดเทเวศร์ไปร้องขอให้นายปิยรัฐ จงเทพ หรือโตโต้ หัวหน้าการ์ดอาสากลุ่มวีโว่ มาทำการรื้อรั้วลวดหนามบริเวณตลาดเทเวศร์ออก เนื่องจากทำให้ค้าขายไม่ได้ ซึ่งนายโตโต้ นำกลุ่มการ์ดประมาณ 60 คน เดินเท้ามาเตรียมรื้อลวดหนามบริเวณสะพานข้ามคลองผดุงกรุงเกษม ใกล้แยกเทเวศร์ เพื่อเปิดทางให้ชาวบ้านเดินไปมาได้ ส่งผลให้ตำรวจควบคุมฝูงชน 1 กองร้อย มาตรึงกำลัง ไม่อนุญาตให้กลุ่มการ์ดเข้ารื้อถอน

ขณะที่ชาวบ้านในย่านตลาดเทเวศร์ออกมาตะโกนเรียกร้องให้ตำรวจเปิดทางเดินให้ชาวบ้านได้ค้าขาย หลังถูกปิดตั้งแต่เที่ยงคืนที่ผ่านมา และไม่มีการแจ้งเตือนให้ชาวบ้านย่านนี้รับทราบมาก่อน ทำให้เดือดร้อนอย่างหนัก โดยเฉพาะคนหาเช้ากินค่ำ โดยกลุ่มการ์ดวีโว่ได้นำกำลังมาประชิดแนวกั้นของตำรวจ พร้อมสวมถุงมือดันเจ้าหน้าที่เข้าไปรื้อรั้วลวดหนาม จนเกิดการกระทบกระทั่งกันระหว่างกลุ่มการ์ดและเจ้าหน้าที่ มีการล็อกคอตำรวจด้วย จากนั้นตำรวจได้เรียกเสริมกำลังอีก 1 กองร้อย พร้อมโล่ เดินหน้าแถวมาประชิดกลุ่มการ์ด เมื่อประเมินแล้วเห็นว่าไม่มีความจำเป็นต้องปะทะ นายโตโต้จึงสั่งถอนกำลังกลับทันที

ด้าน พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า จุดที่ขอให้เปิดทางบริเวณแยกเทเวศร์ ซึ่งกลุ่มการ์ดอ้างว่าประชาชนในพื้นที่ รวมถึงพ่อค้าแม่ค้า ได้รับความเดือดร้อนนั้น จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่พบว่าไม่ใช่ชาวบ้านในพื้นที่ แต่เป็นประชาชนนอกพื้นที่ และกลุ่มการ์ดวีโว่เองเคยพยายามฝ่าเข้าไปในพื้นที่สำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ เจ้าหน้าที่จึงไม่สามารถเปิดทางให้ผ่านเข้าออกได้ ส่วนประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน ทางเจ้าหน้าที่ได้จัดรถรับส่งไว้บริเวณถนนลูกหลวงซอย 14 ตัดถนนสามเสน ไว้บริการในช่วงที่เจ้าหน้าที่ปิดถนน

ส่วนบรรยากาศช่วงบ่าย บริเวณอนุสรณ์สถาน 14 ตุลา เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานได้ปิดกั้นพื้นที่บริเวณด้านหน้าอนุสรณ์สถาน เพื่อทำการเก็บหลักฐาน หลังเมื่อคืนที่ผ่านมามีกลุ่มผู้ไม่หวังดีขี่รถจักรยานยนต์ขว้างวัตถุคล้ายระเบิดไปป์บอมบ์เข้ามาในบริเวณพื้นที่ดังกล่าว เบื้องต้นยังไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นระเบิดชนิดใด

ขณะที่กิจกรรมได้มีการจัดเสวนา มีนายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ นักวิชาการและผู้ลี้ภัยทางการเมือง ปาฐกถาพิเศษผ่านคลิปวิดีโอ หัวข้อ “ยกเลิก 112 สิแล้วเราจะเล่าให้ฟัง” ต่อด้วยการเสวนา “#ยกเลิกม.112” โดยนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ แกนนำราษฎร และนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข แกนนำ 24 มิถุนาประชาธิปไตย โดยมีมวลชนปักหลักสังเกตการณ์อยู่ตลอดบนฟุตปาธถนนราชดำเนิน

นอกจากนี้กลุ่มราษฎรได้นำลอตเตอรี่ปลอมที่จัดทำขึ้นจำนวน 2,475 ใบ เพื่อเฉลิมฉลองวัน “รัฐธรรมนูญ” ซึ่งฉบับแรกออกมาเมื่อปี พ.ศ. 2475 และเพื่อแสดงถึงการผูกขาดในการรับผลประโยชน์ของรัฐบาล จากการขายสลากกินแบ่งรัฐบาล มาแจกให้ผู้ชุมนุมคนละ 1 ใบ เป็นของที่ระลึกเท่านั้น ไม่สามารถแลกรางวัลใดๆ ได้ ท่ามกลางตำรวจ สน.ชนะสงคราม เดินดูแลความเรียบร้อยเป็นระยะ

ด้านการดูแลรักษาความปลอดภัยมีกลุ่มการ์ดอาสาและเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ชนะสงคราม คอยดูแลความสงบเรียบร้อยโดยรอบ ภาพรวมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย นอกจากนี้ภายในงานยังมีมาตรการคัดกรองโควิด -19 ด้วยการติดตั้งเครื่องวัดอุณหภูมิและฉีดแอลกอฮอล์ให้กับผู้ที่เข้ามาร่วมชุมนุม

ด้านการดูแลรักษาความปลอดภัยมีกลุ่มการ์ดอาสาและเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ชนะสงคราม คอยดูแลความสงบเรียบร้อยโดยรอบ ภาพรวมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย นอกจากนี้ภายในงานยังมีมาตรการคัดกรองโควิด -19 ด้วยการติดตั้งเครื่องวัดอุณหภูมิและฉีดแอลกอฮอล์ให้กับผู้ที่เข้ามาร่วมชุมนุม ทั้งนี้ การจัดกิจกรรมไม่ได้มีการรุกล้ำลงไปบนพื้นผิวจราจรแต่อย่างใด ส่งผลให้สามารถสัญจรไปมาได้ตามปกติ เมื่อจัดกิจกรรมเสร็จสิ้น ล่าสุดแกนนำได้ประกาศยุติการชุมนุมแล้ว

นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม แกนนำกลุ่มไทยภักดี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กเรื่อง #Save112 เพราะคนไทยไม่เดือดร้อน ว่า 10 ธ.ค. แกนนำม็อบจะไปยื่นข้อเรียกร้องต่อสหประชาชาติ เพื่อกดดันรัฐบาลให้เลิกมาตรา 112 และให้ยุติการดำเนินคดีคณะราษฎรทุกคน แกนนำม็อบรู้ไหมว่ากฎหมายอาญา มาตรา 112 บัญญัติว่า “ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้าย พระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี” ไม่ใช่เป็นกฎหมายที่อยากจะรังแกใครก็ได้

คำถามถึงแกนนำม็อบว่าพวกท่านคิดว่าการหมิ่นประมาท การดูหมิ่น การแสดงความอาฆาตมาดร้าย เป็นสิ่งที่ควรกระทำหรือ ถ้าไม่คิดกระทำสิ่งเหล่านี้แล้ว ทำไมต้องกลัว อย่าว่าแต่สถาบัน ถ้ามีคนไปหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพ่อแม่ของเหล่าแกนนำ พวกท่านจะคิดอย่างไร และสิ่งที่ต้องถามแกนนำม็อบ ถ้าจะขอยกเลิกมาตรา 112 ทำไมไม่ขอยกเลิกมาตรา 133 และมาตรา 134 ด้วย หรือจะให้คุ้มครองเฉพาะประมุขรัฐ และผู้แทนประมุขรัฐต่างประเทศ แต่ไม่ต้องคุ้มครององค์ประมุขรัฐของไทย .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดเนื้อหาหนังสือแจง UNSC กัมพูชาวางทุ่นระเบิด-เริ่มยิงก่อน

25 ก.ค.- เปิดเนื้อหาหนังสือจากผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติที่นิวยอร์ก เพื่อชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทย ประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ส่งหนังสือชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ระบุว่า ขอแจ้งให้ท่านและสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติทุกท่านทราบ ถึงสถานการณ์อันร้ายแรงที่ส่งผลกระทบต่ออธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย อันเป็นผลจากการรุกรานทางทหารของประเทศกัมพูชา โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 1.     เมื่อวันที่ 16 และ 23 กรกฎาคม ค.ศ. 2025 ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารไทยกำลังลาดตระเวนตามเส้นทางปกติที่กำหนดไว้ ซึ่งอยู่ภายในอาณาเขตของประเทศไทย ทหารได้เหยียบทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 ส่งผลให้ทหาร 2 นาย ได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสส่งผลถึงขั้นพิการถาวร ขณะที่ทหารนายอื่น ๆ ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทุ่นระเบิด PMN-2 ทั้งหมดที่พบอยู่ในสภาพใหม่ ยังมีเครื่องหมายที่มองเห็นได้ชัดเจน หลักฐานบ่งชี้ว่าทุ่นระเบิดเหล่านี้เพิ่งถูกวางใหม่ ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นรัฐภาคีของอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ไทยได้ยื่นรายงานประจำปีเกี่ยวกับความโปร่งใสในการดำเนินการตามพันธกรณีในอนุสัญญาดังกล่าว ตามมาตรา 7 ของอนุสัญญาฯ อย่างต่อเนื่อง รายงานดังกล่าวระบุว่าประเทศไทยได้ทำลายทุ่นระเบิดในคลังทั้งหมดแล้วตั้งแต่ปี ค.ศ. 2003 และต่อมา ได้ทำลายทุ่นระเบิดทั้งหมดที่เก็บไว้เพื่อการฝึกอบรมและการวิจัยในปี ค.ศ. […]

“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน”

ก.มหาดไทย 25 ก.ค.-“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน” ชี้รับฟังทุกความไม่พอใจ แต่ทุกอย่างเป็นไปตามยุทธวิธี ให้ทหารมีอิสระในการทำงาน มอง “ก่อแก้ว” ขอศาล รธน. คืนอำนาจให้ “แพทองธาร” เป็นความเห็นเหมือนประชาชนจำนวนมาก แต่ให้เป็นตามกระบวนการยุติธรรม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาการนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ ระบุถึง อยากให้กองทัพสั่งสอนความเจ้าเล่ห์ของฮุนเซนก่อน ว่า ก็เหมือนประชาชนทั่วไป ที่เวลานี้มีความรู้สึกเช่นนั้น หลายคนแสดงความเห็นให้ทำแบบนู้นแบบนี้ เราก็รับฟังความห่วงใยความไม่พอใจที่เราถูกกระทำ ตนเข้าใจความรู้สึกเหล่านั้น และเห็นว่าเป็นจุดมุ่งหมายเดียวกัน เพราะเรื่องอธิปไตยของประเทศ การรุกล้ำเข้ามา กระทบประชาชนเรายอมไม่ได้ ซึ่งที่ผ่านมาทุกฝ่ายจะเห็นว่าเราประนีประนอม (Compromise) ให้มากที่สุด แต่เมื่อสิ่งดังกล่าวไม่เกิดขึ้น และเป็นปัญหา วันนี้จึงได้สั่งการให้ทหารมีอิสระในพื้นที่ โดยผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นผู้คุมยุทธการ ปฏิบัติได้ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงได้มีการทำความเข้าใจกับ พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีการโทรคุยกับผู้บัญชาการทหารสูงสุด […]

เข้าสู่วันที่ 2 กัมพูชาเปิดฉากตั้งแต่เช้ามืด ที่ปราสาทตาเมือนธม

สุรินทร์ 25 ก.ค.-เข้าสู่วันที่ 2 เหตุปะทะไทย-กัมพูชา เริ่มเปิดฉากยิงกันตั้งแต่เช้ามืด บริเวณปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ขณะนี้เสียงยังดังต่อเนื่อง ก่อนขยายการสู้รบไปตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านอีสานใต้ อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เป็นพื้นที่แรกที่ฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิงก่อนด้านปราสาทตาเมือนครับ เช้ามืดวันนี้ ราวตี 5 ครึ่ง ก็เริ่มปะทะกันอีก ขณะนี้ก็มีเสียงดังอย่างต่อเนื่อง เส้นทางจากอำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ เข้าสู่อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ แม้สายแล้ว ก็มีรถสัญจรไปมาค่อนข้างน้อย เนื่องจากเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยการสู้รบ โดยอำเภอพนมดงรักเป็นหนึ่งใน 4 อำเภอ ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ประกาศให้ผู้ที่ไม่มีความจำเป็นเข้าพื้นที่ร่วมกับอำเภอกาบเชิง บัวเชดและสังขะ โดยตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา ในพื้นที่ตามแนวชายแดนได้ยินเสียงการปะทะด้วยกระสุนปืนใหญ่ดังอย่างต่อเนื่อง ผู้นำหมู่บ้านบันทึกสถิติเฉพาะฝั่งไทยตอบโต้เกินกว่า 100 ลูกแล้ว บ้านหนองแรด ตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก ที่จรวดหลายลำกล้อง BM 21 ตกเยอะสุด 10 ลูก วานนี้โดยรอบหมู่บ้าน โชคดีไม่ลงบ้านเรือน มีกระจกแตกเล็กน้อยจากแรงอัดลูกจรวดเท่านั้น วันนี้ ยังมีชาวบ้านอยู่นับร้อยคนหลบอยู่ในหลุมหลบภัย จากทั้งหมด […]

เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราวรองรับประชาชนพื้นที่เสี่ยงภัยชายแดน

ศรีสะเกษ 24 ก.ค. – บรรยากาศคืนแรกที่ศูนย์อพยพฯ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ประชาชนต้องละทิ้งบ้านเรือนมาพักอาศัยชั่วคราว จากเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา นี่เป็นบรรยากาศค่ำคืนแรกที่ประชาชนในเขต อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ต้องออกมาพักอาศัยนอกบ้านเรือน ตั้งแต่เกิดเหตุกัมพูชายิงจรวดเข้าใส่เขตพักอาศัยของพลเรือน ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศ ทำให้ตลอดทั้งวัน อ.กันทรลักษ์ มีการอพยพประชาชนแล้วมากกว่า 41,000 คน กระจายไปตามจุดต่างๆ โดยจุดนี้เป็นจุดที่น่าจะมีผู้อพยพมากที่สุด เพราะใกล้แนวชายแดนที่อยู่ในระยะปลอดภัยมากที่สุด คือ ประมาณ 40 กิโลเมตร จากแนวชายแดน มีประชาชนเข้ามาพักอาศัย 4,865 คน และยังมีจุดอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกระจายกันไป ผลจากสถานการณ์ตึงเครียดและพลเรือนตกเป็นเป้าของการโจมตี ทำให้หลายคนอยู่ในอาการเครียดและกังวล เจ้าหน้าที่ต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้กำลังใจเป็นระยะ รวมทั้งให้บริการยาและอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นเบื้องต้น พร้อมกันนี้ได้ย้ำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของนายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ที่ได้ฝากแจ้งประชาชนที่ยังลังเลไม่ยอมอพยพออกจากพื้นที่ เนื่องจากเป็นห่วงทรัพย์สินหรือสัตว์เลี้ยง ว่า ขณะนี้มีชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ผู้ใหญ่บ้าน และกำนัน ดูแลพื้นที่อย่างใกล้ชิดทุกหมู่บ้าน จึงขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือ และออกมาจากพื้นที่เสี่ยงตามจุดนัดหมาย เพื่อความปลอดภัยของตนเองและครอบครัว. – สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

เชิญธงชาติไทยขึ้นสู่ยอด “ภูมะเขือ” กองทัพยึดคืนพื้นที่เบ็ดเสร็จ

26 ก.ค.- ธงชาติไทยโบกสะบัด! ปักยอด “ภูมะเขือ” หลังทหารไทยเปิดปฏิบัติการเข้าตียึดพื้นที่คืนจากฝ่ายกัมพูชาสำเร็จช่วงเย็นวานนี้ กองทัพบกได้รับรายงานจากกองทัพภาคที่ 2 ว่า เมื่อเวลา 09.20 น. ได้มีการเชิญธงชาติไทยขึ้นสู่ยอดภูมะเขือ หลังจากที่ทหารไทยได้เปิดปฏิบัติการเข้าตียึดพื้นที่ภูมะเขือ ซึ่งเป็นบริเวณที่ฝ่ายทหารกัมพูชาได้วางกำลังไว้อย่างหนาแน่น และสามารถยึดพื้นที่ได้สำเร็จเมื่อช่วงเย็นของเมื่อวานนี้ อย่างไรก็ตาม ยังคงมีความพยายามจากฝ่ายกัมพูชาในการเข้าตีเพื่อแย่งยึดพื้นที่คืนอย่างต่อเนื่อง โดยได้มีการระดมยิงปืนใหญ่และเตรียมการจัดกำลังเข้าตีตอบโต้ฝ่ายไทย -สำนักข่าวไทย

นาวิกโยธินคุมพื้นที่ได้ทั้งหมด ตอบโต้ทหารกัมพูชาหนีกระเจิง

26 ก.ค.- เหตุปะทะชายแดนตราด ทหารนาวิกโยธิน ตอบโต้ทหารกัมพูชาหนีกระเจิง ถอยร่นออกจากพื้นที่อธิปไตยไทย ส่วนประชาชนอพยพไปที่ปลอดภัย เมื่อเวลา 07.30 น. วันที่ 26 ก.ค.69 รายงานข่าวจากหน่วยความมั่นคงจังหวัดตราด เปิดเผยว่าถึงสถานการณ์ บริเวณบ้านชำราก จ.ตราด ทหารกัมพูชา ได้วางกำลังรุกล้ำเขตแดนไทย 3 จุดเปิดฉากยิงทหารไทย เมื่อช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา โดยกำลังทหารนาวิกโยธิน ได้เปิดยุทธการ “ตราดพิฆาตไพรี1” จนสามารถควบคุมพื้นที่ได้ทั้งหมด ผลักดันกำลังทหารกัมพูชา ออกนอกพื้นที่ ไม่มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ส่วนประชาชนพื้นที่ อำเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราด ได้อพยพไปพื้นที่ปลอดภัย ในอำเภอเมืองตราด ประมาณ 75 เปอร์เซนต์เมื่อวันที่ 24-25 ก.ค.68 -สำนักข่าวไทย

กรมอุตุฯ เผย “เหนือ-อีสาน” ยังมีฝนตกหนักบางแห่ง

กทม. 26 ก.ค.- กรมอุตุฯ เผย “เหนือ-อีสาน” ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง เตือน 7 จังหวัดรับมือ อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยตอนบนยังคงมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ตาก บึงกาฬ สกลนคร นครพนม และมุกดาหาร ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ในขณะที่มีหย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบน และอ่าวไทยตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุโซนร้อน “ก๋อมัย” บริเวณมหาสมุทรแปซิฟิก มีแนวโน้มเคลื่อนตัวไปทางตอนใต้ของประเทศญี่ปุ่น โดยพายุนี้ไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย.- สำนักข่าวไทย

9 ทันโลก : แจงด่วน! คณะมนตรีความมั่นคง ไทยนี้รักสงบ

25 ก.ค. – นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ จะร่วมประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ตามที่กัมพูชาร้องขอไว้ รายงาน 9 ทันโลก พาไปติดตามบทบาทและโอกาสของไทยบนเวทีสำคัญนี้ ไทยในฐานะสมาชิกสหประชาชาตินานเกือบ 80 ปี จะได้แสดงบทบาทอีกครั้งในคณะมนตรีความมั่นคง ซึ่งเป็นโอกาสสำคัญในการสื่อสารกับประชาคมโลก ถึงการกระทำของกัมพูชา ซึ่งเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศหลายด้าน รวมถึงกฎบัตรสหประชาชาติที่ไทยยึดมั่น ในห้องประชุมนี้ ไทยในฐานะสมาชิกสหประชาชาติ ลำดับที่ 55 จะทำหน้าที่อีกครั้งในภารกิจด้านสันติภาพ ตั้งแต่เข้าเป็นสมาชิกเมื่อปี 2489 ที่นี่ไทยเคยทำหน้าที่ประธานการประชุมคณะมนตรีความมั่นคง โดยพลอากาศเอก สิทธิ เศวตศิลา และหม่อมหลวง พีระพงศ์ เกษมศรี ทำหน้าที่สองวาระ ในปี 2528 และ 2529 ในเวลาที่สงครามเย็นคุกรุ่น มาในวันนี้ไทยกำลังจะมีโอกาสอันดีที่ได้ใช้ช่องทางการทูตสำคัญ เสาหลักความมั่นคงของสหประชาชาติ ในอีกบทบาทหนึ่งที่ยังคงอยู่บนพื้นฐานการแสวงหาสันติภาพตามกลไกนี้ เมื่อประเทศสมาชิก ในกรณีนี้คือกัมพูชา ร้องขอให้เปิดประชุมเร่งด่วน สมาชิกคณะมนตรีซึ่งมีสมาชิกถาวร 5 ประเทศ และสมาชิกไม่ถาวร 10 ประเทศ พิจารณากรณีที่เป็นภัยคุกคามใดต่อสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ เช่น กรณีการปะทะระหว่างไทยกับกัมพูชา […]