มติเอกฉันท์ นายกฯ อยู่บ้านพักหลวงไม่ผิดกฎหมาย

ศาลรัฐธรรมนูญ 2 พ.ย.- เปิดคำต่อคำ มติศาลรัฐธรรมนูญเอกฉันท์ นายกฯ อยู่บ้านพักหลวงไม่ผิดกฎหมาย เป็นไปตามระเบียบกองทัพบก คำวินิจฉัย ย้ำเป็นผู้นำประเทศ รัฐพึงต้องจัดที่พำนักให้นายกฯ และครอบครัวอยู่อย่างสมเกียรติ และปลอดภัย


เมื่อเวลา 15.00 น. ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์ 9 เสียง ว่าความเป็นรัฐมนตรีของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์ โอชา นายกรัฐมนตรี ไม่สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (5) และมาตรา 170 วรรคหนึ่ง (5) ประกอบมาตรา 186 วรรคหนึ่ง มาตรา 184 วรรคหนึ่ง (5) ประกอบมาตรา 186 วรรคหนึ่ง และมาตรา 184 วรรคหนึ่งจากเหตุยังพักอาศัยในบ้านพักรับรองของกองทัพบกหลังเกษียณอายุราชการ ตั้งแต่วันที่ 30 ก.ย. 57 จนถึงปัจจุบัน

โดยคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้ออกนั่งบัลลังก์ และนายวรวิทย์ กังศศิเทียม ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ได้อ่านคำวินิจฉัยซึ่งระบุเหตุผลว่า ศาลรัฐธรรมนูญได้พิจารณาคำร้อง คำชี้แจงข้อกล่าวหา คำชี้แจงของผู้เกี่ยวข้อง เอกสารประกอบคำร้องแล้วเห็นว่า คดีมีพยานหลักฐานเพียงพอจึงยุติการไต่สวน และกำหนดประเด็นพิจารณาวินิจฉัยโดยพล.อ.ประยุทธ์ ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 53 และเกียษณอายุราชการในวันที่ 30 ก.ย. 57 ขณะที่ดำรงตำแหน่งผบ.ทบ. ได้พักอาศัยที่บ้านพักอาคารหมายเลข 253/54 กรมทหารราบที่ 1 ซึ่งบ้านพักหลังนี้ได้มีการปรับโอนสถานะให้มีสถานะเป็นบ้านพักรับรองของกองทัพบกในปี 2555 และปัจจุบันเป็นพื้นที่ครอบครองดูแลและใช้ประโยชน์ราชการของกองทัพบก มีประเด็นต้องวินิจฉัยก่อนว่าพล.อ.ประยุทธ์ กระทำการอันมีลักษณะต้องห้ามตามที่กล่าวหาหรือไม่


ศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่า เมื่อพิจารณาระเบียบกองทัพบกว่าด้วยการเข้าพักอาศัยในบ้านพักรับรองกองทัพบก 2548 ข้อ 5 กำหนดว่า ผู้มีสิทธิเข้าพักอาศัยในบ้านพักรับรองกองทัพบก ต้องมีคุณสมบัติ 5.1 เป็นข้าราชการประจำการสังกัดกองทัพบก ที่มีชั้นยศพลเอก 5.2 เป็นอดีตผู้บังคับบัญชาชั้นสูงของกองทัพบกซึ่งทำคุณประโยชน์ให้กองทัพบกและประเทศชาติ และเคยดำรงตำแหน่งผบ.ทบ.มาแล้ว ข้อ 7 กำหนดให้แบ่งประเภทของบ้านพักรับรองกองทัพบก สำหรับผู้มีสิทธิเข้าพักอาศัยตามข้อ 5 คือ 7.1 บ้านพักรับรองอาคารหมาย 70/25 เป็นบ้านพักของผบ.ทบ. 7.2 บ้านพักรับรองกองทัพบกซึ่งมีหลายหมายเลข และที่กองทัพบกกำหนดขึ้นในภายหลัง เป็นบ้านพักรับรองของผู้บัญชาการชั้นสูงของกองทัพบก และอดีตผู้บังคับบัญชาในข้อ 5.2

ข้อ 8 วรรคหนึ่ง กำหนดให้ผู้มีสิทธิเข้าพักอาศัยในบ้านพักรับรองกองทัพบกหมดสิทธิเข้าพักอาศัยในกรณีดังนี้ 8.1 ย้ายออกนอกกองทัพบก 8.2 ออกจากราชการไม่ว่ากรณีใด 8.3 ถึงแก่กรรม 8.4 เมื่อกองทัพบกพิจารณาให้หมดสิทธิเข้าพักอาศัย ข้อ 8 วรรคสอง กำหนดว่าสำหรับผู้มีสิทธิเข้าพักอาศัยตามข้อ5.2 ถ้าหมดสิทธิเข้าพักอาศัยตามข้อ 8.1 หรือ8.2 แล้ว กองทัพบกมีสิทธิพิจารณาให้เข้าพักอาศัยเป็นกรณีเฉพาะรายก็ได้ และข้อ 11 กำหนดว่า บ้านพักรับรองที่กองทัพบกกำหนดให้พิจารณาตามความเหมาะสมในการสนับสนุนงบประมาณค่ากระแสไฟฟ้า และน้ำประปา ตลอดจนค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่จำเป็นในการพักอาศัย และเหมาะสมในการใช้งาน

ประกอบคำชี้แจงของผู้บัญชาการทหารบก ได้ชี้แจงว่า ขณะพล.อ.ประยุทธ์ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 24 ส.ค. 57 พล.อ.ประยุทธ์ ยังคงดำรงตำแหน่งผบ.ทบ. จึงเป็นผู้มีสิทธิเข้าพักอาศัยในบ้านพักรับรองของกองทัพบก โดยอาศัยระเบียบกองทัพบกว่าด้วยการเข้าพักอาศัยในบ้านพักรับรอง 2548 ข้อ 5 และเมื่อเกษียณอายุราชการในตำแหน่งผบ.ทบ.ขณะนั้นเมื่อวันที่ 30 ก.ย. 57 แต่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอยู่ ก็ยังคงเป็นผู้มีสิทธิพักอาศัยในบ้านพักรับรองดังกล่าว เนื่องจากพล.อ.ประยุทธ์ เคยเป็นอดีตผู้บังคับบัญชาชั้นสูงของกองทัพบก ซึ่งทำคุณประโยชน์ให้กองทัพและประเทศชาติ และเคยดำรงตำแหน่ง ผบ.ทบ.มาแล้วตามข้อ 5.2 หาใช่หาอาศัยในบ้านพักรับรองในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพียงสถานะเดียว ซึ่งหากพล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้เป็นผู้บังคับบัญชาชั้นสูงของกองทัพ แม้เป็นนายกรัฐมนตรีที่เป็นพลเรือนย่อมไม่มีสิทธิได้พักอาศัยในบ้านพักรับรองตามระเบียบของกองทัพบกมิได้


นอกจากนี้ข้อ 8 กำหนดให้อำนาจกองทัพบกพิจารณาให้ผู้มีสิทธิเข้าพักอาศัยในบ้านพักรับรองของกองทัพบกที่หมดสิทธิเข้าพักอาศัยด้วยเหตุย้ายออกนอกกองทัพบก หรือออกจากราชการไม่ว่ากรณีใด ให้มีสิทธิเข้าพักอาศัยในบ้านพักรับรองเป็นกรณีเฉพาะรายก็ได้ การที่กองทัพบกกำหนดให้อาคารหมายเลข 253/54 เป็นบ้านพักรับรอง แม้จะเป็นการกำหนดขึ้นภายหลังปรากฏตามหนังสือ กบ.ทบ.ด่วนมากที่ ต่อ กห.0404/1560 ลงวันที่ 19 มิ.ย.55 โดยอนุมัติให้ปรับโอนอาคารรับรองดังกล่าวเป็นบ้านพักรับรองกองทัพบกซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของกองทัพบกก็ตาม แต่เป็นการกำหนดโดยอาศัยอำนาจตามข้อ 7.2 ให้กระทำได้ ส่วนการที่กองทัพบกสนับสนุนงบประมาณค่ากระแสไฟฟ้า และน้ำประปาในการใช้งานบ้านพักรับรองกองทัพบกพิจารณาตามความเหมาะสมในการพิจารณาค่ากระแสไฟฟ้า ค่าน้ำประปาตลอดจนค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่จำเป็นต่อการพักอาศัย ตามความเหมาะสมในการใช้งานตามข้อ 11 แล้ว

นอกจากนี้การให้สิทธิดังกล่าวข้างต้นกองทัพบกได้พิจารณาให้สิทธิแก่บุคคลที่เข้าเงื่อนไขมีคุณสมบัติในการเข้าพักอาศัยบ้านพักอาศัยของกองทัพบกมิใช่ให้สิทธิเฉพาะกรณีพล.อ.ประยุทธ์ เห็นได้ว่า การที่พล.อ.ประยุทธ์ อาศัยในบ้านพักรับรองที่กองทัพบกจัดให้ และได้รับการสนับสนุนค่ากระแสไฟฟ้าและน้ำประปา เป็นไปตามดุลยพินิจของกองทัพบก ที่มีอำนาจพิจารณาตามระเบียบกองทัพบกว่าด้วยการเข้าพักอาศัยในบ้านพักรับรองกองทัพบก พ.ศ. 2548 โดยระเบียบดังกล่าวใช้บังคับมาตั้งแต่วันที่ 16 ก.พ.2548 ก่อนที่ผู้ถูกร้องจะดำรงตำแหน่งเป็นผบ.ทบ.และนายกรัฐมนตรี โดยที่นายกรัฐมนตรี เป็นตำแหน่งที่มีความสำคัญของประเทศ นอกจากเป็นหัวหน้าของคณะรัฐมนตรี ซึ่งรัฐธรรมนูญกำหนดให้มีหน้าที่บริหารราชการแผ่นดิน ยังมีฐานะเป็นผู้นำของประเทศ ความปลอดภัยของนายกรัฐมนตรี รวมทั้งครอบครัวจึงมีส่วนสำคัญ รัฐมีหน้าที่จัดการดูแลให้ปลอดภัยแก่นายกรัฐมนตรีและครอบครัว ตามความเหมาะสมแก่สภาพการณ์ การจัดบ้านพักรับรองที่ปลอดภัย มีความเป็นส่วนตัว สร้างความพร้อมทั้งสุขภาพกาย และจิตใจ การปฏิบัติภารกิจในการบริหารประเทศ ล้วนเป็นประโยชน์ส่วนรวมจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง ที่รัฐพึงจัดให้มีที่พำนักของผู้นำของประเทศในขณะที่ดำรงตำแหน่ง

กรณีประเทศไทยแม้รัฐเคยกำหนดให้สถานที่บางแห่งเป็นที่พำนักของนายกรัฐมนตรี ในขณะที่ดำรงตำแหน่ง เช่นบ้านพิษณุโลกก็ตาม แต่ปัจจุบันการบำรุง รักษาไม่พร้อมใช้หรือจัดให้มีขึ้นใหม่ ดังนั้นเพื่อให้นายกรัฐมนตรีปฎิบัติหน้าที่ในฐานะผู้นำของประเทศได้อย่างสมเกียรติ รัฐพึงจัดให้มีที่พำนักประจำตำแหน่งนายกรัฐมนตรี การที่กองทัพบกอนุมัติให้ใช้บ้านพักรับรองของกองทัพบก และสนับสนุนค่ากระแสไฟฟ้า ค่าน้ำประปา ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ เคยได้รับสิทธิตั้งแต่ดำรงตำแหน่งผบ.ทบ.ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน โดยปฏิบัติเป็นไปตามระเบียบกองทัพบกว่าด้วยการเข้าพักอาศัยในบ้านพักรับรองกองทัพบก พ.ศ. 2548 ซึ่งเป็นกฎที่ยังคงใช้บังคับอยู่โดยไม่ได้ถูกยกเลิกหรือเพิกถอน ประกอบกับกองทัพบกให้สิทธิดังกล่าวกับผู้มีคุณสมบัติตามระเบียบนั้น โดยถือเป็นสิทธิของบุคคลเนื่องมาจากการดำรงตำแหน่ง อดีตผู้บังคับบัญชาชั้นสูงของกองทัพบก จึงไม่ได้เป็นการกระทำที่ทำให้พล.อ.ประยุทธ์ รับเงินหรือประโยชน์ใด ๆ จากกองทัพบกซึ่งเป็นหน่วยราชการเป็นพิเศษ นอกเหนือจากปฏิบัติกับบุคคลอื่น จึงไม่เข้าข่ายเป็นการกระทำฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 160 (5) จนทำให้ความเป็นรัฐมนตรีสื้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญมาตรา มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) หรือไม่

เห็นว่าเมื่อวินิจฉัยว่าพล.อ.ประยุทธ์ พักอาศัยบ้านพักรับรองของกองทัพบก ซึ่งกองทัพบกพิจารณาจัดบ้านพักรับรองกองทัพบก สนับสนุนค่ากระแสไฟฟ้า และน้ำประปาใช้งานในบ้านพักรับรอง เป็นไปตามระเบียบกองทัพบกว่าด้วยการเข้าพักอาศัยในบ้านพักรับรองกองทัพบก 2548 จึงไม่เป็นกรณีการถือประโยชน์ส่วนตนมากกว่าประโยชน์ของประเทศ ไม่เป็นการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ เพื่อตนเอง ไม่เป็นการขอ เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด ในประการที่อาจทำให้กระทบกระเทือนต่อการปฏิบัติหน้าที่ และไม่เป็นการกระทำอันเป็นการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนตนกับประโยชน์ส่วนรวม ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม เว้นแต่เป็นการรับที่มีบทบัญญัติกฎหมาย ระเบียบ และข้อบังคับ ให้รับได้

ดังนั้นพล.อ.ประยุทธ์ จึงไม่มีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตามที่กำหนดไว้ในมาตรฐานจริยธรรม ข้อ 27 ประกอบข้อ 7 ข้อ 8 ข้อ 9 ข้อ 10 ข้อ 11 อันเป็นกระทำต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญมาตรา 160(5) ซึ่งเป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัว ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170วรรคหนึ่ง(4) อาศัยเหตุผลดังกล่าวจึงวินิจฉัยว่าความเป็นรัฐมนตรีของพล.อ.ประยุทธ์ไม่สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170วรรคหนึ่ง(4) ประกอบมาตรา 160 (5) และมาตรา 170 วรรคหนึ่ง(5) ประกอบมาตรา 186 วรรคหนึ่ง มาตรา 184 วรรคหนึ่ง (3) .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ศาลตัดสินพิรงรอง

“พิรงรอง” รับกังวลใจ วันนี้ศาลตัดสิน คดีทรูฟ้องหลุดเก้าอี้ กสทช.

“พิรงรอง” ถึงศาล รับกังวลใจ คดีทรูฟ้องหลุดเก้าอี้ กสทช. ปมส่งใบเตือนทีวีดิจิทัลมีโฆษณาแทรก ยืนยันทำหน้าที่อย่างถูกต้อง

ผู้สมัคร นายก อบจ.สมุทรปราการ หอบหลักฐานทุจริตเลือกตั้ง ร้อง ปธ.สภา

ผู้สมัคร นายก อบจ. สมุทรปราการ พรรคประชาชน หอบหลักฐานทุจริตเลือกตั้ง อบจ.ร้องประธานสภา จี้ กกต.สอบให้ความเป็นธรรม ลั่นจะไม่ปล่อยให้เรื่องเงียบ

พิรงรองคุก2ปี

คุก 2 ปี “พิรงรอง” กสทช. คดี “ทรู” ฟ้องกลั่นแกล้ง

ศาลสั่งจำคุก 2 ปี “พิรงรอง” กรรมการ กสทช. ไม่รอลงอาญา ผิดมาตรา 157 ชี้มีเจตนากลั่นแกล้ง “ทรูไอดี” ให้ได้รับความเสียหาย กรณีออกหนังสือเตือนโฆษณาแทรกในทีวีดิจิทัล

บุกรวบ 2 บิ๊กบอสแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวจีน

ตำรวจนครบาลบุกรวบ 2 บิ๊กบอสแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวจีน สร้างเพจปลอมเป็นหน่วยงานตำรวจ และ ปปง. หลอกเหยื่อว่าสามารถติดตามทรัพย์สินที่ถูกหลอกคืนได้ ค้นบ้านพบซิมบ็อกซ์โทรศัพท์ และ QR Code ปลอม จำนวนมาก

ข่าวแนะนำ

เข้าสู่คืนที่ 2 ตัดไฟฟ้าชายแดนเมียนมา ทำลายวงจรแก๊งคอลเซ็นเตอร์

เข้าสู่คืนที่ 2 สำหรับการตัดกระแสไฟฟ้า ตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ต และระงับการส่งน้ำมัน จากฝั่ง อ.แม่สอด จ.ตาก ไปเมืองเมียวดีของเมียนมา เพื่อตัดวงจรกลุ่มจีนเทา พบมีการใช้ไฟฟ้าน้อยลง

คนร้ายลอบวางระเบิดรถกระเช้าภายในเทศบาลตำบลรือเสาะ

คนร้ายลอบวางระเบิดรถกระเช้าจอดในอาคารจอดรถ เทศบาลตำบลรือเสาะ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส หลังเสร็จพิธีต้อนรับนายกเทศมนตรีคนใหม่ ทำให้ไฟไหม้รถเสียหายหลายคัน

ปล้นร้านสะดวกซื้อ

รวบ 6 เยาวชน ก่อเหตุปล้นร้านสะดวกซื้อปัตตานี

รวบแล้ว 6 โจร ปล้นร้านสะดวกซื้อ อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี ได้เงินกว่า 4,000 บาท พบผู้ก่อเหตุทั้งหมด เป็นเยาวชนอายุระหว่าง 14-16 ปี