สมชัย ชี้ร่างพ.ร.บ.ประชามติไม่เห็นหัวประชาชน

มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 13 พ.ย. – สมชัย ชี้ ร่างฯประชามติของรัฐบาลที่เสนอสภาสะท้อนความไม่จริงใจ  ไม่ทันการณ์ ไม่ทันสมัย ไม่เข้าใจหลักการการทำประชามติ และไม่เห็นหัวประชาชน เผยรับฟังความเห็นแบบไม่เปิดกว้าง


นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) กล่าวในการเสวนาสาธารณะ “จับตาประชามติ แก้ไขรัฐธรรมนูญ”  ว่าร่าง พ.ร.บ.ประชามติที่รัฐบาลเสนอสภา มีการรับฟังความคิดเห็นช่วงระหว่าง 19 ตุลาคม ถึง 2 พฤศจิกายน  ที่จัดทำโดย กกต. และรายงานการรับฟังความคิดเห็นที่ส่งให้สภา พร้อมร่างฯ พ.ร.บ.ประชามติมีจำนวน 33 หน้า  ทุกหน้าเขียนว่าไม่มีความเห็น เนื่องจากการไปแสดงความคิดเห็นต้องทำเป็นจดหมายและอีเมล์

นายสมชัย มองว่า รัฐบาลไม่ใส่ใจในการออกกฏหมายประชามติ เพราะดูได้จากการดำเนินการล่าช้ามา 3 ปี 6 เดือน 28 วัน หลังรัฐธรรมนูญออกมาใช้ 6 เมษายน 2560  แต่คณะรัฐมนตรีมีมติร่างกฎหมายประชามติ 8 กันยายน 2563  และ กกต.รับฟังความคิดเห็น  19 ตุลาคม ถึง 2 พฤศจิกายน  นายกรัฐมนตรีลงนามส่งร่างฯ ให้สภา 4 พฤศจิกายน ซึ่งการที่นายชวน หลักภัย ประธานรัฐสภา มีมติว่าร่างกฎหมายประชามติ เป็นกฎหมายปฏิรูป ข้อดีก็คือ จะทำให้การพิจารณาเป็นไปด้วยความรวดเร็ว ที่จะมีการพิจารณาร่วมของทั้งสองสภา แต่การที่มีสมาชิกวุฒิสภาที่ไว้ใจไม่ได้ก็อาจจะกลายเป็นข้อเสียใหม่


นายสมชัย กล่าวว่าเมื่อดูจากร่าง พ.ร.บ.ประชามติ ที่เสนอสภาจะพบว่า การทำประชามติจะทำได้ 2 เงื่อนไข คือ ทำตามมาตรา 256 และมาตรา 166 คือ ครม.ต้องการทำประชามติ   ซึ่งจะพบว่าร่างฯ ที่เสนอเป็นการออกกฎหมาย ที่ไม่ทันการณ์  คือ หากจะทำประชามติแบบเร็วๆ ไม่สามารถทำได้ มีการกำหนดระยะเวลาว่าต้องไม่เร็วกว่า 90 วัน และไม่ช้ากว่า  120 วัน และยังพบว่าไม่ทันสมัย เหตุ มาตรา 33 ระบุให้ใช้หีบและบัตรออกเสียง  มาตรา 34 ระบุการลงคะแนน ทำเครื่องหมายกากบาท เมื่อเทียบกับกฎหมายเลือกตั้ง ส.ส.กำหนดให้ใช้วิธีการอื่น  สะท้อนเห็นถึงความไม่ทันสมัย ที่ในอนาคตอาจมีวิธีการอื่นเช่น การลงคะแนนทางโทรศัพท์มือถือ

นายสมชัย ยังกล่าวว่านอกจากนี้ยังพบว่า เขียนโดยไม่เข้าใจปรัชญาการทำประชามติ  คือสามารถทำประชามติได้ในระดับชาติ ทั่วประเทศ และระดับพื้นที่  รวมทั้งไม่เห็นหัวประชาชน  เพราะกำหนดการลงคะแนนล่วงหน้าได้เฉพาะนอกเขต   จะลงคะแนนล่วงหน้าในเขตได้เฉพาะเจ้าหน้าที่รัฐที่ต้องไปปฏิบัติหน้าที่ แทนที่จะเปิดให้ประชาชนลงคะแนนได้โดยง่าย   เอาความสะดวกของเจ้าหน้าที่เป็นหลัก ทั้งที่การจัดการทำประชามติง่ายกว่าการเลือกตั้ง ส.ส.มากมาย  และไม่มีการลงคะแนนนอกราชอาณาจักร  ออกแบบมาจำกัดสิทธิประชาชน เน้นสะดวกเจ้าหน้าที.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ประหารชีวิตแอมไซยาไนด์

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ส่วนอดีตสามี คุก 1 ปี 4 เดือน “ทนายพัช” คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้าน

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้านบาท จำนวนนี้พบโอนจาก “บอสพอล-บอสปีเตอร์” ด้วย เร่งขยายผลมีบอสรายอื่นโอนเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหรือไม่

ข่าวแนะนำ

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ต้อนรับอบอุ่น “โอปอล” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ถึงไทย

กลับถึงไทยแล้ว “โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ปรากฏตัวในชุดไทย สวยสง่า แฟนนางงามต้อนรับอย่างอบอุ่น

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

นายกฯ โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์

“นายกฯ แพทองธาร” โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes Global CEO Conference ครั้งที่ 22 ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ รับมือความท้าทาย ชูจุดเด่นไทยอยู่ตรงกลางของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีภาคการเกษตรที่เข้มแข็งดึงดูดนักลงทุน บอกกระตุ​้นเศรษฐกิจ​แจกเงินหมื่นเฟส​ 2 พุ่งเป้าเงินสะพัด ลั่น​จุดยืนไทยวางตัวเป็นทูตสันติภาพ พร้อมปรับตัวตามนโยบาย “ทรัมป์”