บก.ทบ. 9 พ.ย.- ผบ.ทบ.ลั่น โอกาสเกิดรัฐประหารยังติดลบ ซัด มีผู้ชุมนุมจ้องใช้ความรุนแรง ชี้ ในคลิปหลักฐานขว้างประทัดใส่เจ้าหน้าที่ชัด เปรียบ “เขตพระราชฐาน” คือ บ้านเรา ไม่มีใครอยากให้คนบุกรุก ถามกลับ หากวัดพระแก้ว-ศาลหลักเมือง ได้รับความเสียหายใครรับผิดชอบ
พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) กล่าวถึงสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มราษฎร 63 เมื่อวานนี้ ( 9 พ.ย.) ว่า เจ้าหน้าที่ทหารที่ได้รับบาดเจ็บ เป็นเจ้าหน้าที่ที่ไม่ได้สวมเครื่องแบบ เนื่องจากเข้าไปอยู่หลังแนวตำรวจเพื่อเสริมกำลังกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เนื่องจากสถานการณ์เมื่อวานนี้ ผู้ชุมนุมจะมุ่งหน้าสู่พระบรมมหาราชวัง ศาลหลักเมือง วัดพระแก้ว ซึ่งหากมีความเสียหายเกิดขึ้น ไม่มีใครรับผิดชอบได้ ที่ผ่านมา หน่วยงานด้านความมั่นคง ได้พูดคุยประสานงานกับการ์ดผู้ชุมนุม โดยขอให้เป็นการชุมนุมอย่างสันติ ไม่ให้เกิดความรุนแรง แม้จะเป็นการชุมนุมที่ผิด พ.ร.บ.การชุมนุมในที่สาธารณะ แต่เจ้าหน้าที่ก็ประนีประนอม ใครที่ทำผิดกฎหมาย ก็จะดำเนินการกับคนนั้น ต้องยอมรับว่า มีกลุ่มคนที่อยากให้เกิดความรุนแรง ซึ่งต้องควบคุมให้ได้ ถ้าเกิดความรุนแรง ประเทศชาติก็จะถอยลงมาอีก
“เราเห็นคลิปแล้วว่า เขาเตรียมอะไรมา คล้าย ๆ ประทัดเขวี้ยงข้ามรถบัส ถามว่า โดยเจตนาหรือไม่เจตนาก็ตาม หากเข้าไปศาลหลักเมืองหรือวัดพระแก้ว แล้วเกิดความเสียหาย ใครจะออกมายืนรับผิดชอบ จึงเป็นสิ่งที่เราต้องช่วยกัน เจ้าหน้าที่ เขาพร้อมอุทิศตนอยู่แล้ว แต่อย่าเอาประเด็นนั้นมาเป็นความขัดแย้ง ต้องมองความเสียหายที่เกิดขึ้นกับส่วนรวมและประเทศชาติ แต่สุดท้ายก็สามารถพูดคุยประนีประนอมกันได้ ไม่เช่นนั้น หากเกิดความเสียหาย ใครจะรับผิดชอบ เขตพระราชฐาน ก็เหมือนบ้านเรา ถามว่าบ้านเรา เราต้องการให้คนบุกรุกไหม ก็แค่นั้น คือ ทุกคนก็รักบ้านตัวเอง รักครอบครัวตัวเอง เพียงแต่สิ่งเหล่านี้ เพียงแต่อย่างที่บอกคือ สถานการณ์อย่าให้เกิดความรุนแรง ตอนนี้ เรากำลังดีขึ้น โดยเฉพาะจากมาตรการป้องกันโควิด” พล.อ.ณรงค์พันธ์ กล่าว
เมื่อถามว่า เหมือนสถานการณ์ทางการเมืองไม่มีทางออก จนกระทบกับเศรษฐกิจ พล.อ.ณรงค์พันธ์ กล่าวว่า การเมืองต้องแก้ด้วยการเมือง ขอให้ทุกคนมีสติ และมองกระจกให้รอบด้าน อย่ามองด้านเดียว มองว่า ตอนนี้ควรทำอะไร เมื่อถามย้ำว่า ได้หารือกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หรือไม่ ผบ.ทบ. กล่าวว่า รับคำสั่งนายกรัฐมนตรีให้ดูแลเรื่องชายแดน ยาเสพติด และโควิด ตามคำสั่งและภารกิจหน้าที่ของตน
ต่อข้อถามถึงบทบาทของกองทัพ ในสถานการณ์เช่นนี้ พล.อ.ณรงค์พันธ์ กล่าวว่า ภารกิจของทหารเยอะอยู่แล้ว ทั้งภารกิจชายแดน และภารกิจเพื่อประชาชน เพราะประชาชนเดือดร้อนอยู่ เมื่อถามว่า คปส.เรียกร้องให้ทหารรัฐประหาร พล.อ.ณรงค์พันธ์ เลี่ยงที่จะตอบคำถามของสื่อมวลชน โดยระบุเพียงแค่ว่า ขอให้สื่อมวลชนดูที่ภารกิจของทหารว่า มีจำนวนมาก เมื่อถามย้ำว่าโอกาสรัฐประหารยังเป็นศูนย์อยู่หรือไม่ พล.อ.ณรงค์พันธ์ กล่าวว่า “ติดลบ”
พล.อ.ณรงค์พันธ์ กล่าวถึงการประชุมหน่วยขึ้นตรงของกองทัพบกประจำเดือนพฤศจิกายน ว่า ได้ขอบคุณหน่วยกองกำลังป้องกันชายแดนที่ปราบปรามยาเสพติด ซึ่งในช่วง 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมา สามารถจับยาบ้าได้ทุกกองทัพภาครวมแล้วมากกว่า 10 ล้านเม็ด นอกจากนี้ มีเรื่องภัยโควิดที่ต้องเข้มงวดกับผู้ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายที่อาจนำพาโควิดกลับมาด้วย ซึ่งเวลานี้ สถานการณ์โควิดของประเทศไทยอยู่ในเกณฑ์ดีระดับต้น ๆ และจะเป็นตัวชี้วัดที่ทำให้สถานการณ์ด้านเศรษฐกิจดีขึ้นตามลำดับ ที่ผ่านมา ตนไปตรวจเยี่ยมทหารที่อยู่ห่างไกล ทั้งสตูล กระบี่ และตรัง ดูเรื่องทั้งกำลังพล การปฏิบัติงาน และทหารใหม่ที่เข้ามา พบว่า ส่วนใหญ่มีความตั้งใจเป็นอย่างดี ทุกคนไม่มีความกังวลเหมือนในอดีตที่ผ่านมา ส่วนตัวเน้นย้ำกับหน่วยว่า เรื่องสิทธิกำลังพล จะต้องทำให้ถูกต้องที่สุด นอกจากนี้ ยังได้ตรวจเยี่ยมกองทัพภาคที่ 2 พบว่า ทุ่มเทช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อนเป็นอย่างดี โดยเฉพาะด้านภัยพิบัติ .-สำนักข่าวไทย