รัฐสภา 9 พ.ย.-ก้าวไกลชี้นายกฯ ไม่ควรใช้อำนาจปัดตกร่าง พ.ร.บ. รับราชการทหาร ก่อนเสนอเข้าสภา เตรียมยื่นกระทู้ถามนายกฯ กรณีพลทหารเสียชีวิตที่ร้อยเอ็ด
นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล พร้อมด้วยนายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม. และนายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล แถลงกรณีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมไม่ให้คำรับรองร่างพ.ร.บ.รับราชการทหาร ที่เสนอโดยอดีตพรรคอนาคตใหม่ โดยอาศัยอำนาจตามรัฐธรรมนูญมาตรา 133 ที่กำหนดให้ในกรณีที่ร่างพระราชบัญญัติซึ่งเสนอโดยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หากเป็นร่างพระราชบัญญัติเกี่ยวด้วยการเงินจะเสนอได้เมื่อมีคำรับรองของนายกรัฐมนตรี จึงไม่สามารถเสนอร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวเข้าสู่สภาได้
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตามมาตรา 133 นายกรัฐมนตรีมีอำนาจเพียงพิจารณาว่าร่างกฎหมายที่เสนอโดย ส.ส.กระทบต่อการเงินการคลังของประเทศอย่างไร ซึ่งจุดมุ่งหมายของมาตรา133 เพื่อให้นายกรัฐมนตรี ในฐานะที่เป็นผู้บริหารประเทศที่ทราบถึงสถานะการเงินการคลังของประเทศดีที่สุดพิจารณาว่ากฎหมายฉบับนั้นสอดคล้องกับสถานะการเงินการคลังหรือไม่ แต่หนังสือที่แจ้งกลับมายังตนไม่ได้ระบุถึงเหตุผลที่ไม่ให้การรับรองว่าส่งผลต่อการเงินการคลังอย่างไร
“พรรคก้าวไกลเห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์เป็นบุคคลหนึ่งที่แสดงการคัดค้านนโยบายยกเลิกการบังคับเกณฑ์ทหารอย่างชัดแจ้งมาโดยตลอด การใช้อำนาจไม่ให้คำรับรองร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวที่มีสาระสำคัญคือการยกเลิกการบังคับเกณฑ์ทหารในยามสันติ เปลี่ยนเป็นการรับสมัครโดยสมัครใจทั้งหมดนั้น จึงอาจเป็นการหยิบฉวยเอาอำนาจหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญที่มีไว้เพื่อพิจารณาถึงผลกระทบต่อการเงินการคลังของประเทศ มาใช้เพื่อตอบสนองวัตถุประสงค์ทางการเมืองส่วนตน ดังนั้นการมีอยู่ของมาตราดังกล่าวจะทำให้นายกรัฐมนตรีสามารถขัดขวางร่างพระราชบัญญัติที่ตนไม่ต้องการได้ตั้งแต่ก่อนที่ร่างพระราชบัญญัตินั้นจะเข้าสู่สภา และส่งผลให้การปฏิบัติหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติในการตรากฎหมายเพื่อถ่วงดุลอำนาจของฝ่ายบริหารนั้นไม่สามารถทำได้” นายรังสิมันต์ กล่าว
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ร่างพระราชบัญญัติรับราชการทหาร เป็นการปรับปรุงระบบการรับราชการทหาร ไม่ให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายไปกับเรื่องที่ไม่จำเป็น ซึ่งจะส่งผลดีต่อการเงินการคลังของประเทศ หากพล.อ.ประยุทธ์เห็นว่ามีเป็นปัญหากระทบต่อการเงินการคลัง ควรเปิดให้สภามีโอกาสปรับปรุงแก้ไขโดยกระบวนการของสภา ไม่ใช่ใช้อำนาจเข้ามาแทรกแซง
ด้านนายณัฐชา กล่าวถึงกรณีการเสียชีวิตของพลทหารพิชวัฒน์ เวียงนนท์ สังกัดมณฑลทหารบกที่ 27 จ.ร้อยเอ็ด ที่ถูกนำตัวกลับค่ายทหารเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2563 หลังจากหนีออกมาแล้วปรากฏว่าเสียชีวิตด้วยการผูกคอในวันถัดมา ว่าเป็นครั้งแรกที่เกิดขึ้นในยุคของพล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก ซึ่งการเสียชีวิตครั้งนี้ไม่ว่าจะเป็นการบังคับผูกคอหรือการผูกคอด้วยตัวเองก็ตาม ทางกองทัพบกจะต้องออกมาชี้แจงข้อเท็จจริง และหาคนรับผิดชอบ เพื่อความเป็นธรรมแก้ครอบครัวของผู้เสียชีวิต และในสัปดาห์นี้จะนำเรื่องนี้ตั้งกระทู้ถามสดต่อนายกรัฐมนตรี ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม.-สำนักข่าวไทย