รมช.กห.ตอบกระทู้ยันสลายม็อบตามหลักสากล

รัฐสภา 4 ต.ค.-“รังสิมันต์ โรม” ถามกระทู้จี้หาคนอยู่เบื้องหลังสั่งสลายการชุมนุม ไม่เชื่อน.1สั่งคนเดียว ระบุเจ้าหน้าที่ปฏิบัติ 2 มาตรฐาน ด้านรมช.กลาโหม ยืนยันทำตามกฎหมาย ขั้นตอนหลักสากล ปฏิบัติกับทุกกลุ่มเท่าเทียม


การประชุมสภาผู้แทนราษฎร วันนี้(4 พ.ย.) มีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎรเป็นประธานการประชุม ได้พิจารณากระทู้ถามสดของนายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เรื่องการสลายการชุมนุม โดยนายรังสิมันต์กล่าวว่า ช่วงที่ผ่านมามีการสลายการชุมนุมและใช้กำลังจับกุมผู้ชุมนุมถึง 3 ครั้งเริ่มตั้งแต่ช่วงบ่ายวันที่ 13 ตุลาคม เช้ามืดวันที่ 15 ตุลาคม และหัวค่ำวันที่ 16 ตุลาคม

“การชุมนุมทั้ง 3 ครั้งไม่ปรากฏพฤติการณ์การประทุษร้ายต่อชีวิตหรือร่างกายของบุคคลอื่น หรือทำลายทรัพย์สินของรัฐหรือเอกชนอย่างร้ายแรง เป็นการชุมนุมที่มีเวลากำหนดสิ้นสุด ถือเป็นการชุมนุมที่สอดคล้องตามรัฐธรรมนูญ ไม่ควรมีเหตุให้สลายการชุมนุม นอกจากนี้ยังมีการดำเนินคดีกับผู้ชุมนุมด้วยข้อหาผิดมาตรา 116 ของรัฐธรรมนูญยุยงปลุกปั่น จึงอยากทราบว่าใครเป็นผู้รับผิดชอบสูงสุดในการตัดสินใจสลายการชุมนุม ปรากฏข้อเท็จจริงอะไรที่ทำให้เข้าสู่หลักเกณฑ์การสลายการชุมนุม จะรับผิดชอบอย่างไร และเหตุใดดำเนินคดีในข้อหาซ้ำ ๆ ในมาตรา 116” นายรังสิมันต์ กล่าว


นายรังสิมันต์ ตั้งข้อสังเกตว่าหลังการเจรจากับกลุ่มผู้ชุมนุม เจ้าหน้าที่ฉีดน้ำทันที จึงอยากถามว่าใครเป็นคนตัดสินใจสลายการชุมนุม เพราะไม่เชื่อว่าผู้บัญชาการตำรวจนครบาลเป็นคนสั่งเพียงคนเดียว น่าจะเป็นผู้ที่มีอำนาจมากกว่านั้น ต้องยอมรับว่าการชุมนุมมีหลายกลุ่มทั้งกลุ่มเสื้อเหลืองและกลุ่มราษฎร โดยเฉพาะกลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อเหลืองมีการเกณฑ์คนให้มาชุมนุมกันและได้รับความสะดวกเป็นอย่างดีจากภาครัฐ มีการเชิญชวนจากผู้ว่าราชการจังหวัด แต่ไม่สลายการชุมนุม ซึ่งการสลายการชุมนุมต้องขออนุญาตจากศาลก่อน แต่ปรากฏว่าไม่มีคำสั่งจากศาล

ด้านพล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรีให้ตอบกระทู้แทน ชี้แจงว่า รัฐบาลและนายกรัฐมนตรีมีความ ห่วงใยการชุมนุมในช่วงที่ผ่านมา จึงมอบหมายให้เจ้าหน้าที่เข้าไปดูแล โดยเน้นย้ำให้อดทนชี้แจงทำความเข้าใจกับผู้ชุมนุม ให้ทราบถึงขอบเขตสิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ รวมทั้งกฎหมายต่าง ๆ แต่กรณีที่เข้าข่ายการกระทำผิดก็ต้องดำเนินคดี ไม่เช่นนั้นเจ้าหน้าที่จะถูกดำเนินคดีฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่

“รัฐบาลตระหนักดีว่าสิทธิเสรีภาพการชุมนุมและแสดงความเห็นเป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน การจัดกิจกรรมเป็นสิทธิที่ดำเนินการได้ภายใต้กรอบกฎหมาย โดยเฉพาะพฤติกรรมที่มีลักษณะก้าวร้าว จะเป็นการสร้างเงื่อนไขและชนวนความขัดแย้งในสังคม ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 44 วรรคหนึ่งกำหนดว่าบุคคลย่อมชุมนุมโดยเสรีภาพ โดยปราศจากอาวุธ แต่ต้องไม่ละเมิดสิทธิของผู้อื่น ซึ่งการดำเนินการของเจ้าหน้าที่เป็นไปตามพ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะและการประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าว


พล.อ.ชัยชาญ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่และรัฐบาลทราบดีว่าผู้ร่วมชุมนุมมาด้วยความเห็นต่าง แต่ก็ดำเนินการตามขอบเขตของกฎหมาย ใช้การเจรจาละมุนละม่อม การตัดสินใจดำเนินการเข้าขอคืนพื้นที่ในช่วงเช้าวันที่ 13 เนื่องจากว่าช่วงเย็นมีหมายกำหนดการเสด็จ และได้พยายามเจรจาว่าขอให้ขึ้นไปบนฟุตบาท เพื่อให้ขบวนเสด็จมีความปลอดภัยและสมพระเกียรติมากที่สุด ซึ่งการเจรจาทุกขั้นตอน เจ้าหน้าที่ใช้ความอดทนอดกลั้น แต่ผู้ชุมนุมสาดสีและเจ้าหน้าที่ไม่ได้ตอบโต้ แต่เข้าจับกุมตามวิธีการ ตามกฎหมาย ขณะที่วันที่ 14 มีทั้งเส้นทางหลักและเส้นทางรองจะต้องผ่านกลุ่มผู้ชุมนุม ทางเจ้าหน้าที่พิจารณาแล้วเห็นว่าเส้นทางที่ใช้แล้วมีความเหมาะสมมากที่สุด ถ้าปรับก็จะต้องวางกำลังใหม่ ทำให้ไม่เรียบร้อยมากขึ้น

“การกำหนดเส้นทางเสด็จนั้น ทุกหน่วยงานได้วางแผนอย่างละเอียดรอบคอบ ส่วนวันที่ 15 ที่ประกาศขอคืนพื้นที่ เนื่องจากเป็นการประกาศในสถานการณ์ฉุกเฉิน มีการมาชุมนุม เจ้าหน้าที่ต้องบังคับใช้กฎหมาย และขั้นตอนการปฏิบัติอยู่ในหลักสากล โดยใช้การเจรจา ชี้แจงก่อนล่วงหน้า การเตรียมความพร้อมของเจ้าหน้าที่พยาบาล ซึ่งทุกขั้นตอนของการดำเนินการ เครื่องมือต่าง ๆ ที่ใช้ในการดูแลผู้ชุมนุม เป็นไปตามประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ตามพระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะทุกประการ การตัดสินใจอยู่ที่ผู้รับผิดชอบเหตุการณ์ในขณะนั้นจะตัดสินใจ เพื่อให้สถานการณ์สงบเรียบร้อยที่สุด ตามขอบเขตของกฎหมาย” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าว

พล.อ.ชัยชาญ กล่าวว่า การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินได้มอบให้หัวหน้าผู้รับผิดชอบวิเคราะห์สถานการณ์ขอพื้นที่ และดูแลสถานการณ์ไม่ให้ลุกลามบานปลาย และกรณีผู้ชุมนุมล้อมรถยนต์พระที่นั่ง ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกินกว่าที่ประชาชนทั่วไปจะรับได้ ส่วนที่กล่าวถึงการชุมนุมของกลุ่มปกป้องสถาบัน ขอเรียนว่าเป็นความรู้สึกของประชาชนที่ออกมาปกป้องสถาบันที่คนไทยทุกคนเคารพและเทิดทูน และที่อำนวยความสะดวกประชาชนที่มาเฝ้ารับเสด็จ เพราะถือว่ามาร่วมงานพระราชพิธี ไม่ได้เข้าข่ายผิดพระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะ การดูแลในส่วนดังกล่าวเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งการชุมนุมที่ผ่านมาบางกลุ่มก็แจ้งการชุมนุม บางกลุ่มไม่ได้แจ้ง เจ้าหน้าที่ก็ดูแลตามอำนาจของกฎหมาย ยืนยันดำเนินการทุกอย่างอย่างเท่าเทียมกัน

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการดำเนินคดีเหตุปะทะกันในมหาวิทยาลัยรามคําแหง ว่า มีผู้มาร้องทุกข์ 5 รายและดำเนินการแล้ว มีผู้ต้องสงสัย 10 คนที่เกี่ยวข้องกับการทำร้ายร่างกายพนักงานสอบสวนและได้เรียกมาสอบปากคำแล้ว พบการกระทำผิดชัดเจน 1 ราย ออกหมายเรียกมารับทราบข้อกล่าวหาแล้ว ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างการเปรียบเทียบพยานหลักฐาน ซึ่งยืนยันว่าตำรวจไม่ได้เลือกปฏิบัติ แต่เร่งรัดดำเนินการ จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใช้เวลา 9 วันออกหมายเรียก ยืนยันเจ้าหน้าที่ดำเนินการกับทุกกลุ่มที่ทำผิดกฎหมาย

“สำหรับการจัดเจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดนจากต่างจังหวัดเข้ามาดูแลสถานการณ์ ขอเรียนว่าเจ้าหน้าที่กำหนดแผนการปฏิบัติและกำหนดความต้องการกำลังในแต่ละแผนการปฏิบัติว่าจะใช้จำนวนเท่าใด ซึ่งการต้องเตรียมกำลังจากต่างจังหวัด เนื่องจากกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ควบคุมฝูงชนไม่พอเพียง จึงต้องสลับหมุนเวียนกำลัง ยืนยันว่าดูแลกำลังพลที่ปฏิบัติภารกิจอย่างเต็มที่ และกรณีที่มีข่าวหักหัวคิว ได้ตรวจสอบขั้นตอนการเบิกจ่ายงบประมาณ และย้ำนโยบายให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติดูแลเจ้าหน้าที่ที่มาปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่ เพื่อให้มีขวัญและกำลังใจทำงานได้ดีที่สุด” พล.อ.ชัยชาญ กล่าว

ภายหลังฟังการชี้แจง นายรังสิมันต์ กล่าวว่า รู้สึกผิดหวังในคำตอบ เพราะอยากจะทราบว่าใครเป็นผู้สั่งการสลายการชุมนุม และเห็นว่ากรณีสลายการชุมนุมวันที่ 13 ตุลาคมกับสถานการณ์การการชุมนุมปิดล้อมรถขบวนเสด็จวันที่ 14 และยังมีกรณีกินหัวคิวเบี้ยเลี้ยงตำรวจอีก จึงอยากทราบว่านำตำรวจจากต่างจังหวัดเข้ามาควบคุมฝูงชนในกรุงเทพฯ จำนวนเท่าใด 14,000 นายหรือไม่ มากี่วัน เหตุใดจึงใช้ตำรวจจากต่างจังหวัด ใช้งบประมาณมื้อละเท่าไหร่ นอนที่ไหน.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทย เจ้าตัวคุม “โยธาฯ-ปค.”

กระทรวงมหาดไทย 14 ก.ค. –“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทยแล้ว เจ้าตัวคุม “โยธาฯ – ปค.” ฟาก “เดชอิศม์” คุม “ที่ดิน – สถ.” สางปัญหาที่ดิน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย รักษาราชการนายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้แบ่งงานกับทั้ง 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการทำงานของทั้ง 3 คนเราทำงานเป็นทีมเดียวกัน ส่วนหลักเกณฑ์การแบ่งก็กระจายให้ทั่วถึงเพื่อช่วยกันดูแล โดยตนกำกับดูแลกรมโยธาธิการและผังเมือง กรมการปกครอง สำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย สำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย การประสานงานส่วนราชการในสังกัด กระทรวงมหาดไทยตาม พ.ร.บ.การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2553 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปาส่วนภูมิภาค และดูหน่วยงานส่วนที่เหลือทั้งหมด โดยทั้งหมดสงวนไว้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ และบุคคลซึ่งตนเป็นผู้ดูแล นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ได้มอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย กำกับดูแล กรมการพัฒนาชุมชน เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสตรีและการดำเนินการเรื่องผ้าไทย รวมถึงกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย […]

รถพ่วงเบรกแตกลงเขา ชนแหลก 10 คัน เจ็บ 3

นครราชสีมา 13 ก.ค. – รถพ่วงเบรกแตกลงเขามอกลางดง ชนแหลกรวมสิบคัน บาดเจ็บ 3 คน ทำถนนมิตรภาพรถติดยาวหลายกิโลเมตร คนขับรถพ่วงบาดเจ็บ แต่ยังให้การได้ รถพ่วงบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ชนแหลกนับ 10 คัน บนถนนมิตรภาพ ขาเข้ากรุงเทพมหานคร ช่วงลงเขามอกลางดง กิโลเมตรที่ 37-38 อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตำรวจ สภ.กลางดง พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายหน่วยระดม เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์คันต้นเหตุ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน กรุงเทพมหานคร ด้านหน้าหัวลากพังยับ นายวิทยา อายุ 34 ปี คนขับ ได้รับบาดเจ็บที่ขาซ้าย ยังนั่งอยู่บริเวณที่นั่งข้างคนขับ โดยเล่าว่า บรรทุกของมาเต็มตู้คอนเทนเนอร์ ช่วงลงเขาเกิดเบรกไม่อยู่ เนื่องจากลมหมด จึงทำให้พุ่งชนท้ายรถพ่วงบรรทุกไม้อีกคันที่อยู่ด้านหน้า จนกระเด็นไปคนละทิศละทาง ไม้กระจายเกลื่อนถนน ด้วยความแรงยังวิ่งไปเฉี่ยวชนกับรถที่วิ่งอยู่ด้านหน้าเสียหายอีก 8 คัน เป็นรถกระบะ 5 คัน, รถเก๋ง […]

มส.มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เรียกพระ 5 รูปแจงด่วน

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.-มหาเถรสมาคม ประชุมนัดพิเศษ มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เผยสึกแล้ว 6 คน ยังติดต่อไม่ได้ 2 คน เตรียมแก้กฎมหาเถรสมาคม อ้างสุดล้าหลังกว่า 50 ปี ขณะที่พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ชิงลาออกแล้ว นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคมนัดพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ว่า สมเด็จพระสังฆราชห่วงใยต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้น จึงมีพระบัญชาให้มหาเถรสมาคม นิมนต์กรรมการฯประชุมเร่งด่วน ซึ่งทางกรรมการฯ มีข้อห่วงใย และมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยมีมติ ดังนี้ -พระที่ถูกกล่าวหา ต้องอาบัติปราชิก ถือว่าสิ้นสุดความเป็นพระภิกษุทางวินัย และต้องสึกโดยทันที ส่วนพระที่ยังไม่ถึงขั้นปราชิก ก็ให้ปลดออกจากตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการทุกรูป และจะมีมติขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดสมณศักดิ์-ในระยะเร่งด่วน ให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ทุกระดับ ตรวจสอบดูแลและกำกับพฤติกรรมองพระในปกครองอย่างใกล้ชิด หากพบพฤติกรรมละเมิดพระธรรมวินัยให้ดำเนินการสอบสวน และรายงานมหาเถรสมาคมโดยเร็ว-กรณีพระภิกษุถูกกล่าวหาผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ ให้ออกคำสั่พักการปฏิบัติหน้าที่ และให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฏหมาย พร้อมขอให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนและสาธารณชน เนื่องจากยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา-และทบทวนปรับปรุงกฎระเบียบคณะสงฆ์ว่าด้วยการประทำผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ โดยมหาเถรสมาคม เห็นควรขอประทานพระวินิจฉัยสมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาโปรดให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อคุ้มครองพระพุทธศาสนาคณะหนึ่ง […]

ส่งตัวดำเนินคดี นักท่องเที่ยวไทยทำร้ายทหารกัมพูชา

สุรินทร์ 13 ก.ค.-ทบ. เผยนักท่องเที่ยวไทยต่อยทหารกัมพูชา ที่ปราสาทตาเมือนธม เป็นอดีตทหารพราน ส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 13 ก.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกกล่าวถึงกรณีที่งนักท่องเที่ยวชาวไทย ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ว่า กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี ว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.20 น. ได้เกิดเหตุการณ์นักท่องเที่ยวชาวไทยทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ณ บริเวณปราสาทตาเมือนธม โดยผู้ก่อเหตุได้ชกเจ้าหน้าที่กัมพูชา ทั้งทางด้านหลังและด้านหน้า ก่อนจะหลบหนีออกจากพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยสามารถติดตามและควบคุมตัวได้ในเวลาต่อมา จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายสมหมาย ศรีศุกรานันทน์ อดีตอาสาสมัครทหารพราน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานชมรมทหารพรานจิตอาสาค่ายปักธงชัย และประธานเครือข่ายทหารผ่านศึกจังหวัดสมุทรสาคร ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณพื้นที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทางเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทย ได้ทำความเข้าใจกับผู้เสียหายไปแล้วในเบื้องต้น เพื่อพยายามไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ในระดับเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย สำหรับผู้ก่อเหตุ ได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เตือนเหนือ-กลาง-ตะวันออก ฝนตกหนักบางแห่ง กทม.ฟ้าคะนอง 70%

กรุงเทพฯ 18 ก.ค. – กรมอุตุฯ เตือนภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก มีฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะบริเวณ จ.แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ และเชียงราย ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 70% และมีฝนตกหนักบางแห่ง กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก มีฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ และเชียงราย ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้ เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเมียนมาตอนบน และประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่าง มีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง คลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทย เดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง […]

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

เสวนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก”

17 ก.ค. – หลายหน่วยงานรวมพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ในงานเสวนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก” โดย บมจ.อสมท นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเปิดงานสัมมนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย…สู้วิกฤติโลก” ยอมรับว่า นับว่าปัญหาเศรษฐกิจโลกกระทบมายังไทย จากภาษีศุลกากรของสหรัฐกระทบมายังประชาชน ผู้ผลิต เอสเอ็มอีรายย่อย ความร่วมมือของภาครัฐ เอกชน ประชาชน จึงต้องร่วมมือกันปลดล็อกอนาคตประเทศไทย…สู้วิกฤติโลก” โดยได้จัดเวทีใหญ่ให้ผู้กำหนดนโยบายและทิศทางของประเทศ และภาคเอกชน มาร่วมแสดงความเห็น ด้านเศรษฐกิจ นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในหัวข้อ เกาะติดมาตรการกระทรวงการเงินการคลัง พลิกฟื้นกำลังซื้อในประเทศ และแนวโน้มเศรษฐกิจ และสงครามการค้า ภาษีนำเข้าของสหรัฐ ว่าทีมไทยแลนด์ นำโดยนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และ รมว.คลัง กำหนดเจรจากับผู้แทนการค้าสหรัฐช่วงค่ำวันนี้ ต้องชั่งน้ำหนัก ทั้ง 2 มิติ คือ ผลกระทบที่ผู้ส่งออก และผู้ผลิตในประเทศทั้งภาคอุตสาหกรรม และเกษตรกร รัฐบาลไม่มอง เพียงจะเจรจาภาษีได้เท่าไหร่ ยอมรับไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ แต่จะสานประโยชน์ให้ตกกับทุกฝ่าย […]

ทบ. เร่งตรวจสอบวิเคราะห์ “ทุ่นระเบิด” คาดผลชัด 2-3 วัน

17 ก.ค.- โฆษก ทบ. แจงเร่งตรวจสอบเหตุกำลังพลเหยียบกับระเบิดชายแดนช่องบก คาดใช้เวลา 2-3 วัน ชัดเจนเรื่องชนิดและห้วงเวลาที่มีการนำทุ่นระเบิดมาติดตั้ง ยังไม่ยืนยันว่าเป็นทุ่นระเบิดใหม่ พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยภายหลังได้รับทราบรายงานจากกองทัพภาคที่ 2 กรณีเมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (16 ก.ค.68) เกิดเหตุกำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 6021 เหยียบกับระเบิดระหว่างการลาดตระเวนในพื้นที่ช่องบก จ.อุบลราชธานี ทำให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ปัจจุบันทุกนายอาการปลอดภัยอยู่ในระหว่างการพักสังเกตอาการที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี อย่างใกล้ชิด สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับทุ่นระเบิดดังกล่าวนั้น ปัจจุบันอยู่ในระหว่างการเข้าพื้นที่เกิดเหตุและเก็บหลักฐาน มาดำเนินการวิเคราะห์โดยผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิดอย่างละเอียด ซึ่งขั้นตอนนี้ คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 – 3 วัน เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ชัดเจน ในเรื่องของชนิดและห้วงเวลาที่มีการนำทุ่นระเบิดมาติดตั้ง ตามที่สังคมได้ให้ข้อสังเกตว่าอาจเป็นทุ่นระเบิดที่ถูกวางขึ้นใหม่ ไม่ใช่ทุ่นระเบิดที่ตกค้างอยู่ในพื้นที่การสู้รบเดิม ทั้งนี้ โฆษกกองทัพบก ยังได้กล่าวว่า หลังจากนี้หน่วยในพื้นที่ชายแดน จะได้มีการตรวจสอบพิสูจน์ทราบเพิ่มเติมว่า ทางกัมพูชาได้มีการนำทุ่นระเบิดมาใช้ในพื้นที่หรือไม่ เพราะในปัจจุบันทั้งไทยและกัมพูชา ได้ให้สัตยาบันในการเข้าร่วมเป็นประเทศภาคีในอนุสัญญาออตตาวา ว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล อย่างเป็นทางการ ตั้งแต่เมื่อปี พ.ศ. 2542.-สำนักข่าวไทย