รมช.กห.ตอบกระทู้ยันสลายม็อบตามหลักสากล

รัฐสภา 4 ต.ค.-“รังสิมันต์ โรม” ถามกระทู้จี้หาคนอยู่เบื้องหลังสั่งสลายการชุมนุม ไม่เชื่อน.1สั่งคนเดียว ระบุเจ้าหน้าที่ปฏิบัติ 2 มาตรฐาน ด้านรมช.กลาโหม ยืนยันทำตามกฎหมาย ขั้นตอนหลักสากล ปฏิบัติกับทุกกลุ่มเท่าเทียม


การประชุมสภาผู้แทนราษฎร วันนี้(4 พ.ย.) มีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎรเป็นประธานการประชุม ได้พิจารณากระทู้ถามสดของนายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เรื่องการสลายการชุมนุม โดยนายรังสิมันต์กล่าวว่า ช่วงที่ผ่านมามีการสลายการชุมนุมและใช้กำลังจับกุมผู้ชุมนุมถึง 3 ครั้งเริ่มตั้งแต่ช่วงบ่ายวันที่ 13 ตุลาคม เช้ามืดวันที่ 15 ตุลาคม และหัวค่ำวันที่ 16 ตุลาคม

“การชุมนุมทั้ง 3 ครั้งไม่ปรากฏพฤติการณ์การประทุษร้ายต่อชีวิตหรือร่างกายของบุคคลอื่น หรือทำลายทรัพย์สินของรัฐหรือเอกชนอย่างร้ายแรง เป็นการชุมนุมที่มีเวลากำหนดสิ้นสุด ถือเป็นการชุมนุมที่สอดคล้องตามรัฐธรรมนูญ ไม่ควรมีเหตุให้สลายการชุมนุม นอกจากนี้ยังมีการดำเนินคดีกับผู้ชุมนุมด้วยข้อหาผิดมาตรา 116 ของรัฐธรรมนูญยุยงปลุกปั่น จึงอยากทราบว่าใครเป็นผู้รับผิดชอบสูงสุดในการตัดสินใจสลายการชุมนุม ปรากฏข้อเท็จจริงอะไรที่ทำให้เข้าสู่หลักเกณฑ์การสลายการชุมนุม จะรับผิดชอบอย่างไร และเหตุใดดำเนินคดีในข้อหาซ้ำ ๆ ในมาตรา 116” นายรังสิมันต์ กล่าว


นายรังสิมันต์ ตั้งข้อสังเกตว่าหลังการเจรจากับกลุ่มผู้ชุมนุม เจ้าหน้าที่ฉีดน้ำทันที จึงอยากถามว่าใครเป็นคนตัดสินใจสลายการชุมนุม เพราะไม่เชื่อว่าผู้บัญชาการตำรวจนครบาลเป็นคนสั่งเพียงคนเดียว น่าจะเป็นผู้ที่มีอำนาจมากกว่านั้น ต้องยอมรับว่าการชุมนุมมีหลายกลุ่มทั้งกลุ่มเสื้อเหลืองและกลุ่มราษฎร โดยเฉพาะกลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อเหลืองมีการเกณฑ์คนให้มาชุมนุมกันและได้รับความสะดวกเป็นอย่างดีจากภาครัฐ มีการเชิญชวนจากผู้ว่าราชการจังหวัด แต่ไม่สลายการชุมนุม ซึ่งการสลายการชุมนุมต้องขออนุญาตจากศาลก่อน แต่ปรากฏว่าไม่มีคำสั่งจากศาล

ด้านพล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรีให้ตอบกระทู้แทน ชี้แจงว่า รัฐบาลและนายกรัฐมนตรีมีความ ห่วงใยการชุมนุมในช่วงที่ผ่านมา จึงมอบหมายให้เจ้าหน้าที่เข้าไปดูแล โดยเน้นย้ำให้อดทนชี้แจงทำความเข้าใจกับผู้ชุมนุม ให้ทราบถึงขอบเขตสิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ รวมทั้งกฎหมายต่าง ๆ แต่กรณีที่เข้าข่ายการกระทำผิดก็ต้องดำเนินคดี ไม่เช่นนั้นเจ้าหน้าที่จะถูกดำเนินคดีฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่

“รัฐบาลตระหนักดีว่าสิทธิเสรีภาพการชุมนุมและแสดงความเห็นเป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน การจัดกิจกรรมเป็นสิทธิที่ดำเนินการได้ภายใต้กรอบกฎหมาย โดยเฉพาะพฤติกรรมที่มีลักษณะก้าวร้าว จะเป็นการสร้างเงื่อนไขและชนวนความขัดแย้งในสังคม ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 44 วรรคหนึ่งกำหนดว่าบุคคลย่อมชุมนุมโดยเสรีภาพ โดยปราศจากอาวุธ แต่ต้องไม่ละเมิดสิทธิของผู้อื่น ซึ่งการดำเนินการของเจ้าหน้าที่เป็นไปตามพ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะและการประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าว


พล.อ.ชัยชาญ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่และรัฐบาลทราบดีว่าผู้ร่วมชุมนุมมาด้วยความเห็นต่าง แต่ก็ดำเนินการตามขอบเขตของกฎหมาย ใช้การเจรจาละมุนละม่อม การตัดสินใจดำเนินการเข้าขอคืนพื้นที่ในช่วงเช้าวันที่ 13 เนื่องจากว่าช่วงเย็นมีหมายกำหนดการเสด็จ และได้พยายามเจรจาว่าขอให้ขึ้นไปบนฟุตบาท เพื่อให้ขบวนเสด็จมีความปลอดภัยและสมพระเกียรติมากที่สุด ซึ่งการเจรจาทุกขั้นตอน เจ้าหน้าที่ใช้ความอดทนอดกลั้น แต่ผู้ชุมนุมสาดสีและเจ้าหน้าที่ไม่ได้ตอบโต้ แต่เข้าจับกุมตามวิธีการ ตามกฎหมาย ขณะที่วันที่ 14 มีทั้งเส้นทางหลักและเส้นทางรองจะต้องผ่านกลุ่มผู้ชุมนุม ทางเจ้าหน้าที่พิจารณาแล้วเห็นว่าเส้นทางที่ใช้แล้วมีความเหมาะสมมากที่สุด ถ้าปรับก็จะต้องวางกำลังใหม่ ทำให้ไม่เรียบร้อยมากขึ้น

“การกำหนดเส้นทางเสด็จนั้น ทุกหน่วยงานได้วางแผนอย่างละเอียดรอบคอบ ส่วนวันที่ 15 ที่ประกาศขอคืนพื้นที่ เนื่องจากเป็นการประกาศในสถานการณ์ฉุกเฉิน มีการมาชุมนุม เจ้าหน้าที่ต้องบังคับใช้กฎหมาย และขั้นตอนการปฏิบัติอยู่ในหลักสากล โดยใช้การเจรจา ชี้แจงก่อนล่วงหน้า การเตรียมความพร้อมของเจ้าหน้าที่พยาบาล ซึ่งทุกขั้นตอนของการดำเนินการ เครื่องมือต่าง ๆ ที่ใช้ในการดูแลผู้ชุมนุม เป็นไปตามประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ตามพระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะทุกประการ การตัดสินใจอยู่ที่ผู้รับผิดชอบเหตุการณ์ในขณะนั้นจะตัดสินใจ เพื่อให้สถานการณ์สงบเรียบร้อยที่สุด ตามขอบเขตของกฎหมาย” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าว

พล.อ.ชัยชาญ กล่าวว่า การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินได้มอบให้หัวหน้าผู้รับผิดชอบวิเคราะห์สถานการณ์ขอพื้นที่ และดูแลสถานการณ์ไม่ให้ลุกลามบานปลาย และกรณีผู้ชุมนุมล้อมรถยนต์พระที่นั่ง ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกินกว่าที่ประชาชนทั่วไปจะรับได้ ส่วนที่กล่าวถึงการชุมนุมของกลุ่มปกป้องสถาบัน ขอเรียนว่าเป็นความรู้สึกของประชาชนที่ออกมาปกป้องสถาบันที่คนไทยทุกคนเคารพและเทิดทูน และที่อำนวยความสะดวกประชาชนที่มาเฝ้ารับเสด็จ เพราะถือว่ามาร่วมงานพระราชพิธี ไม่ได้เข้าข่ายผิดพระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะ การดูแลในส่วนดังกล่าวเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งการชุมนุมที่ผ่านมาบางกลุ่มก็แจ้งการชุมนุม บางกลุ่มไม่ได้แจ้ง เจ้าหน้าที่ก็ดูแลตามอำนาจของกฎหมาย ยืนยันดำเนินการทุกอย่างอย่างเท่าเทียมกัน

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการดำเนินคดีเหตุปะทะกันในมหาวิทยาลัยรามคําแหง ว่า มีผู้มาร้องทุกข์ 5 รายและดำเนินการแล้ว มีผู้ต้องสงสัย 10 คนที่เกี่ยวข้องกับการทำร้ายร่างกายพนักงานสอบสวนและได้เรียกมาสอบปากคำแล้ว พบการกระทำผิดชัดเจน 1 ราย ออกหมายเรียกมารับทราบข้อกล่าวหาแล้ว ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างการเปรียบเทียบพยานหลักฐาน ซึ่งยืนยันว่าตำรวจไม่ได้เลือกปฏิบัติ แต่เร่งรัดดำเนินการ จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใช้เวลา 9 วันออกหมายเรียก ยืนยันเจ้าหน้าที่ดำเนินการกับทุกกลุ่มที่ทำผิดกฎหมาย

“สำหรับการจัดเจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดนจากต่างจังหวัดเข้ามาดูแลสถานการณ์ ขอเรียนว่าเจ้าหน้าที่กำหนดแผนการปฏิบัติและกำหนดความต้องการกำลังในแต่ละแผนการปฏิบัติว่าจะใช้จำนวนเท่าใด ซึ่งการต้องเตรียมกำลังจากต่างจังหวัด เนื่องจากกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ควบคุมฝูงชนไม่พอเพียง จึงต้องสลับหมุนเวียนกำลัง ยืนยันว่าดูแลกำลังพลที่ปฏิบัติภารกิจอย่างเต็มที่ และกรณีที่มีข่าวหักหัวคิว ได้ตรวจสอบขั้นตอนการเบิกจ่ายงบประมาณ และย้ำนโยบายให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติดูแลเจ้าหน้าที่ที่มาปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่ เพื่อให้มีขวัญและกำลังใจทำงานได้ดีที่สุด” พล.อ.ชัยชาญ กล่าว

ภายหลังฟังการชี้แจง นายรังสิมันต์ กล่าวว่า รู้สึกผิดหวังในคำตอบ เพราะอยากจะทราบว่าใครเป็นผู้สั่งการสลายการชุมนุม และเห็นว่ากรณีสลายการชุมนุมวันที่ 13 ตุลาคมกับสถานการณ์การการชุมนุมปิดล้อมรถขบวนเสด็จวันที่ 14 และยังมีกรณีกินหัวคิวเบี้ยเลี้ยงตำรวจอีก จึงอยากทราบว่านำตำรวจจากต่างจังหวัดเข้ามาควบคุมฝูงชนในกรุงเทพฯ จำนวนเท่าใด 14,000 นายหรือไม่ มากี่วัน เหตุใดจึงใช้ตำรวจจากต่างจังหวัด ใช้งบประมาณมื้อละเท่าไหร่ นอนที่ไหน.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผู้ว่าฯ สงขลา จัดคิวนายอำเภอรับ-ส่ง “เดชอิศม์” ทุกสัปดาห์

กทม. 18 ส.ค.-ผู้ว่าฯ สงขลา ทำหนังสือด่วน จัดคิวนายอำเภอ เวียนต้อนรับ-ส่ง “เดชอิศม์” สนามบินหาดใหญ่ ทุกสัปดาห์ นายโชตินรินทร์ เกิดสม ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ทำหนังสือด่วนที่สุด ที่ สข 0017.3/17839 เรื่อง ขอความอนุเคราะห์อำนวยความสะดวก นายเดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เรียน นายอำเภอเมืองสงขลา ด้วยจังหวัดสงขลาได้รับแจ้งว่า นายเดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย มีกำหนดเดินทางมาราชการในพื้นที่จังหวัดสงขลา เพื่อตรวจราชการสำคัญตามนโยบายรัฐบาล และมีกำหนดเดินทางกลับไปปฏิบัติราชการ ณ กรุงเทพมหานคร ในวันที่ 18 สิงหาคม 2568 โดยสายการบินแอร์เอเชีย เที่ยวบินที่ FD 3103 เวลา 08.25-09.50 น. เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกแก่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย จังหวัดสงขลาจึงขอให้ท่านดำเนินการ ดังนี้ 1. เชิญนายอำเภอเมืองสงขลา ร่วมส่งนายเดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ณ ห้องรับรอง ท่าอากาศยานหาดใหญ่ […]

ดราม่า “ไข่เจียวปู 4,000” ถึงหูพาณิชย์

กรุงเทพฯ​ 18 ส.ค.​-“จตุพร” สั่งกรมการค้าภายในตรวจสอบประเด็น​ดราม่า​ “ไข่​เจียวปู” ร้าน​ Michelin Guide สูงถึง​จานละ 4,000 บาท​ จาก​ที่​แจ้งราคาในเมนู​ 1,500​ บาท ย้ำ​ไม่ตรงปกไม่ได้ กรณี “พีชชี่” ยูทูบเบอร์ชื่อดัง โพสต์เล่าประสบการณ์สั่งไข่เจียวปูร้านดังราคาเมนู 1,500 บาท แต่ถูกเก็บจริง 4,000 บาท กำลังเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในโลกออนไลน์ ล่าสุด นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ระบุว่า จะมอบหมายให้กรมการค้าภายใน ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง ขณะนี้​ยังไม่ได้รับรายละเอียด​ แต่โดยหลักการแล้ว ราคาที่เรียกเก็บจากผู้บริโภคต้องตรงกับราคาที่ระบุในเมนู หาก “ไม่ตรงปก” จะบั่นทอนความเชื่อมั่นทางการค้า “การค้าขายจะยั่งยืนได้ต้องอาศัยความไว้เนื้อเชื่อใจ หากผู้บริโภครู้สึกว่า​ ราคาไม่ตรงกับที่เห็นในเมนู ย่อมเสียความรู้สึก” นายจตุพรกล่าว เรื่องนี้เริ่มจาก “พีชชี่” โพสต์ผ่าน X เมื่อวันที่ 15 ส.ค. ระบุว่าไปทานไข่เจียวปู ซึ่งเป็นร้านอาหารไทยเพียงไม่กี่แห่งที่ได้รับการบรรจุใน Michelin Guide โดยเมนูระบุราคา 1,500 […]

“บิ๊กต่าย” ถกบอร์ดกลั่นกรอง เลื่อน “สำราญ-อิทธิพล” ขึ้นรอง ผบ.ตร.

กรุงเทพฯ 17 ส.ค. – ผบ.ตร. นั่งหัวโต๊ะประชุมกลั่นกรองแต่งตั้งนายพลสีกากี เลื่อน “สำราญ-อิทธิพล” ขึ้นรอง ผบ.ตร. ที่ห้องประชุม 2 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เป็นประธานคณะกรรมการพิจารณาการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจระดับ ตร. หรือ “บอร์ดกลั่นกรอง” พิจารณาแต่งตั้งข้าราชการตำรวจระดับรอง ผบ.ตร.-ผบก. โดยมี พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.กรไชย คล้ายคลึง รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.นิรันดร เหลื่อมศรี รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จตช. และ พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง ผบช.สกพ. และเลขานุการ เข้าร่วมประชุม ทั้งนี้ […]

เสียงเรียกแห่งความอร่อย…ก๋วยเตี๋ยวแต้จิ๋วโบราณเชียงใหม่

เชียงใหม่ 17 ส.ค. – โดดเด่นไม่เหมือนใคร “ก๋วยเตี๋ยวแต้จิ๋วสูตรโบราณ” ของอาแปะตี๋อ้วน ที่แต่งกายแบบล้านนาโบราณ เดินหาบขายตามตลาดและย่านชุมชนใน จ.เชียงใหม่ มานานกว่า 10 ปีแล้ว โดยใช้การตีกังสดาล หรือระฆังวงเดือน เรียกลูกค้า สะดุดตาผู้พบเห็น หลายคนติดใจในรสชาติและราคาที่ย่อมเยา จนมีลูกค้ามากมาย .-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ทบ.ยันคลิปรื้อถอนหลักเขตแดนเป็นข่าวบิดเบือน

18 ส.ค.- กองทัพบก ยันคลิปรื้อถอนหลักเขตแดน เป็นข่าวบิดเบือน หวังสร้างความเข้าใจผิดต่อสังคม จากกรณีคลิปวิดีโอปรากฏในสื่อสังคมออนไลน์ ในลักษณะการใช้รถตักดินทำการรื้อถอนหลักคอนกรีตที่อาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่าเป็นหลักเขตแดนไทย-กัมพูชานั้น กองทัพบกได้ตรวจสอบข้อมูลกับหน่วยทหารในพื้นที่แล้ว พบว่าภาพหลักคอนกรีตที่ปรากฏในคลิปวีดีโอนั้นไม่ใช่หลักเขตแดนไทย-กัมพูชา ที่สร้างโดยคณะกรรมการปักปันเขตแดนระหว่างสยามกับฝรั่งเศส ในปี ค.ศ. 1919-1920 (พ.ศ. 2462-2463) เนื่องจากขนาดและรูปร่างของ หลักเขตแดนไทย-กัมพูชา จะต้องมีความกว้าง 40 ซม. ยาว 40 ซม. สูงเหนือพื้นดิน 1 เมตร และส่วนที่ฝังลงไปในดินมีฐานรากอีกประมาณ 80 ซม. มีการสลักข้อความ 3 ภาษา คือด้านที่หันเข้าหาฝั่งไทย จะเขียนว่ากรุงสยามอยู่บรรทัดบน ภาษาฝรั่งเศสอยู่ตรงกลาง และภาษาเขมรอยู่บรรทัดล่าง ด้านที่หันเข้าหาประเทศกัมพูชา จะเขียนบรรทัดบนเป็นภาษาเขมร บรรทัดกลางเป็นภาษาฝรั่งเศส และบรรทัดล่างเป็นภาษาไทย เขียนว่ากรุงกัมพูชา ส่วนด้านข้างของตัวหลักทั้ง 2 ข้าง ก็เขียนไว้ 3 ภาษา เช่นเดียวกัน โดย ภาษาไทยเขียนไว้ว่าแดนต่อแดน และด้านบนหลักเขตจะมีหมายเลขหลักเขตกำกับไว้อย่างชัดเจน ทั้งนี้ ขอให้ติดตามข่าวสารจากข้อมูลในช่องทางอย่างเป็นทางการเท่านั้น เช่น […]

ผู้ว่าฯ สงขลา ยืนยันไม่ได้ออกคำสั่งรับ มท.3

สงขลา 18 ส.ค.-ผู้ว่าฯ สงขลา ยืนยันไม่ได้ออกคำสั่งให้นายอำเภอจัดเวรต้อนรับ-ส่ง “เดชอิศม์” ส่วนมีใครคิดจะปลอมแปลงขึ้นมาก็ต้องตรวจสอบกันต่อไป นายโชตินรินทร์ เกิดสม ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ออกมากล่าวถึงเรื่องที่มีหนังสือคำสั่งทางราชการให้นายอำเภอของจังหวัดสงขลาทั้ง 16 อำเภอจัดเวรต้อนรับ-ส่ง และจัดห้อง VIP พร้อมอาหารว่าง ต้อนรับ รัฐมนตรีช่วยกระทรวงมหาดไทย นายเดชอิศม์ ขาวทอง ซึ่งรายละเอียดในหนังสือกล่าวว่าให้นายอำเภอเมืองสงขลาปฏิบัติหน้าที่ในวันที่ 18 สิงหาคม 2568 คือในวันนี้ ว่าไม่เป็นความจริง ตนไม่ได้ออกหนังสือฉบับนี้ เพราะหนังสือที่ตนลงนามฉบับสุดท้ายในวันนั้นคืองานประชุม ส่วนความจริงตอนนี้มอบหมายให้รองผู้ว่าราชการที่เกี่ยวข้องตรวจสอบเรื่องนี้แล้ว แต่ให้ข้อคิดว่าหนังสือที่จะขอใช้พื้นที่หน่วยงานจากท่าอากาศยาน ก็ต้องเป็นลายเซ็นของผู้ว่าราชการเท่านั้น ส่วนมีใครคิดจะปลอมแปลงหรือทางหนังสือปลอมขึ้นมาก็ต้องตรวจสอบกันต่อไป แต่จะให้ได้ความจริงให้เร็วที่สุด เมื่อมีการสอบถามเรื่องความขัดแย้งของจังหวัดสงขลาราชการจังหวัดสงขลากล่าวว่าท่านไม่น่าจะมีความขัดแย้งกับใคร เพราะไม่เคยทำงานในพื้นที่มาก่อน เพิ่งมารับตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลาในครั้งแรก ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ยังกล่าวอีกว่า วันและเวลาดังกล่าวที่มีการออกหนังสือ ตนก็ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ ไปธุระส่วนตัวงานแต่งงานของญาติที่จังหวัดนครศรีธรรมราช แต่จะให้ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องหาความจริงเรื่องนี้ให้เร็วที่สุดเพราะถือว่าเป็นการทำผิดอย่างมาก.-สำนักข่าวไทย

“วันนอร์” จี้ สส.ที่ถูกติดต่อให้เงิน 10 กก. เปิดโปง อย่าอ้ำอึ้ง

รัฐสภา 18 ส.ค.-“วันนอร์” จี้ สส.ที่ถูกติดต่อให้เงิน 10 กก. เปิดโปง อย่าอ้ำอึ้ง ยันพร้อมตรวจสอบหากส่งเรื่อง-หลักฐานร้องมา ส่วนปัญหาองค์ประชุม โยนวิปรัฐคุมเสียงปริ่มน้ำ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงปัญหาองค์ประชุมที่เสียงรัฐบาลปริ่มน้ำทำให้ประธานต้องชิงปิดประชุมหลายครั้งเพราะองค์ประชุมไม่ครบ ว่าเสียงของรัฐบาลเป็นหน้าที่ของวิปรัฐบาล ที่จะทำให้องค์ประชุมเกินกึ่งหนึ่งเพื่อให้ประชุมได้ ซึ่งในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2569 ที่ผ่านมา ต้องมีการตรวจสอบองค์ประชุมก่อนลงมติ ดังนั้นหากประสานงานกันให้ดีและทุกคนรู้หน้าที่ตนเอง สภาก็คงดำเนินการเดินหน้าไปได้ ซึ่งไม่ว่าจะเป็นกฎหมายอะไรก็เช่นกัน หากมีการลงมติที่มีผู้ที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ก็คิดว่าหากทุกคนปฏิบัติตามหน้าที่ ก็ไม่มีปัญหาอะไร เพราะรัฐบาลมีเสียงเกินกึ่งหนึ่งจะมากหรือจะน้อยก็ถือว่าเกินกึ่งหนึ่ง ก็ถือว่าเป็นองค์ประชุมและลงคะแนนได้ ไม่มีปัญหาอะไร ส่วนที่มีการปิดประชุมก่อนเนื่องจากเสียงไม่พอนั้น ประธานสภาผู้แทนราษฎรกล่าวว่า หากองค์ประชุมไม่ครบก็ต้องปิดประชุม เพราะตามกฎหมายและข้อบังคับไม่สามารถดำเนินการไปได้ ซึ่งก็ต้องดูกันไป โดยในช่วงสัปดาห์ต่อไปก็มีกฎหมายหลายฉบับที่จะเข้ามา ซึ่งตนคิดว่าแม้องค์ประชุมมาก หากสมาชิกไม่มาอยู่ในห้องประชุมให้ครบองค์ประชุมก็ไม่มีประโยชน์อะไรเช่นกัน แต่ถ้าองค์ประชุมปริ่มน้ำ แต่มาครบเกินกึ่งหนึ่งก็ดำเนินการไปได้ เป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ ที่มีฝ่ายค้านและรัฐบาล โดยหากรัฐบาลต้องการให้กฎหมายผ่าน มติกฎหมายของฝ่ายรัฐบาล รัฐบาลก็ต้องดูแลสมาชิกให้เกินกึ่งหนึ่งจะมากหรือจะน้อยก็ให้เกินกึ่งหนึ่งก็ถือว่าใช้ได้แล้ว ประธานสภาผู้แทนราษฎรยังกล่าวถึงกรณีที่มี สส.ออกมาเปิดเผยว่า มีการเสนอให้เงิน 10 กิโล เพื่อแลกกับการลงมติ ผ่านร่างพระราชบัญญัติงบประมาณฯ และร่างกฎหมายเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ว่า […]

กัมพูชาขอเลื่อนประชุม RBC ทภ.2 เป็น 27 ส.ค.นี้

กทม. 18 ส.ค.-กัมพูชาขอเลื่อนประชุม RBC กองทัพภาคที่ 2 เป็นวันที่ 27 ส.ค.นี้ เตรียมนัดหารือที่ช่องสะงำ ศบ.ทก. แจ้งความคืบหน้าการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค RBC ไทย-กัมพูชา ในส่วนของกองทัพภาคที่ 2 โดยระบุว่ากองเลขาฯ ฝ่ายกัมพูชา ประสานขอเลื่อนการประชุม RBC สมัยวิสามัญ จากเดิมวันที่ 21 ส.ค.68 เป็นวันที่ 27 ส.ค.68 เพื่อมีเวลาเตรียมการประชุมเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 นำเรียน พลเอกพนา แคล้วปลอดทุกข์ ผบ.ทบ. แล้ว ไม่ขัดข้องสำหรับการเลื่อนห้วงการประชุม RBC ตามที่ฝ่ายกัมพูชาเสนอ ดังนั้น กองทัพภาคที่ 2 จึงขอเลื่อนการประชุมประสานการปฏิบัติ และการประชุม RBC สมัยวิสามัญ ดังนี้1.วันที่ 25-26 ส.ค.68 : ประชุมกองเลขาฯ2.วันที่ 27 […]