ผบ.ทบ.ย้ำไม่มีปฏิวัติรัฐประหาร

กองทัพบก 6 ต.ค.-ผบ.ทบ.ลั่นไม่ปฎิวัติรัฐประหาร ยึดมั่น 4 สถาบันหลัก ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชน ระบุประเทศไทยมีเสรีภาพสูง แต่ต้องไม่ก้าวล่วงสิทธิ หรือทำผิดกฎหมาย ส่วนการเป็น ส.ว.โดยตำแหน่งรัฐธรรมนูญกำหนดไว้แล้ว ชี้ไม่ใช่หุ่นยนต์ยกมือแบบไม่มีเหตุผล ไม่ขอรับเงินเดือน 2 ทางแน่นอน


พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก แถลงข่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมหน่วยขึ้นตรงในระดับผู้บัญชาการและชั้นนายพลครั้งแรก หลังรับตำแหน่งเพื่อมอบนโยบายให้กำลังพล และเป็นการแถลงข่าวกับสื่อมวลชนเป็นครั้งแรก ที่กองบัญชาการกองทัพบก

พล.อ.ณรงค์พันธ์ กล่าวว่า ในการประชุมฯ ได้มอบนโยบายให้กองทัพบกปกป้องสถาบันชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และประชาชน ซึ่งเป็น 4 เสาหลักของประเทศ พร้อมทั้งสานต่องานที่อดีตผู้บัญชาการกองทัพบกทำไว้และปฏิบัติภารกิจงานที่หลากหลายมากขึ้นที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วในโลกโลกาภิวัตน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ที่เผชิญอยู่ขณะนี้


“ในการประชุม ได้เน้นย้ำถึงการดูแลเรื่องสิทธิกำลังพลให้ชัดเจนถูกต้องมากขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาอย่างที่เกิดขึ้นต้นปีที่ผ่านมา ผู้บังคับบัญชาต้องเข้าถึงผู้ใต้บังคับบัญชาในการดูแลเรื่องสิทธิสวัสดิการให้ทั่วถึง ส่วนการปฏิรูปกองทัพในด้านต่าง ๆ แก้ไขสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ปรับปรุงพัฒนาให้เกิดความเหมาะสมในทุก ๆ ด้าน แต่ทุกอย่างต้องใช้เวลา ไม่ใช่ใช้เวลาเพียงระยะสั้น ๆ บางเรื่องอาจใช้เวลาเท่า หรือไม่เท่ากันในแต่ละเรื่องแตกต่างกันไป ขอประชาชนให้โอกาสการปฏิรูปเรื่องสวัสดิการที่กองทัพได้ให้มืออาชีพเข้ามาช่วยในการบริหารจัดการ อย่างเช่น สวนสนประดิพัทธ์ที่ให้ผู้มีความเชี่ยวชาญเข้ามาดูแลมากขึ้น โดยส่วนใหญ่ก็เกิดความพึงพอใจ” พล.อ.ณรงค์พันธ์ กล่าว

พล.อ.ณรงค์พันธ์ กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ในภาคประชาชน ให้ทุกหน่วยช่วยเหลือประชาชนให้มากที่สุด ที่ประสบปัญหาในด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบกว้างและภัยพิบัติต่าง ๆ ที่จะต้องช่วยเหลืออย่างทันท่วงที รวมถึงเรื่องปัญหายาเสพติดและแรงงานต่างด้าวที่ยังมีการลักลอบเข้ามาในประเทศไทยตามแนวชายแดนต่าง ๆ ในช่วงนี้ เพราะทหารมีหน้าที่ป้องกันภัยต่าง ๆ ที่จะเข้ามาในทุกรูปแบบ ทหารมีหน้าที่รับใช้ประชาชนเพื่อประเทศชาติและประชาชน

เมื่อถามว่า วางนโยบายของกองทัพบกต่อเรื่องการเมืองอย่างไร พล.อ.ณรงค์พันธ์
กล่าวว่า การเมืองต้องแก้ด้วยการเมือง ตนเป็นข้าราชการประจำ ไม่ใช่ข้าราชการการเมือง เพราะฉะนั้นตนจะปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาลและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รวมถึงผู้บัญชาการทหารสูงสุด


เมื่อถามว่า การรัฐประหารจะให้คำมั่นอย่างไรต่อสังคมว่าจะไม่ให้เกิดขึ้นในยุคของผู้บัญชาการทหารบก พล.อ.ณรงค์พันธ์ กล่าวว่า โอกาสทั้งหมดเป็นศูนย์หมด แต่ทุกฝ่ายต้องอย่าสร้างปัญหาที่รุนแรง ความขัดแย้งที่กระทบต่อความเดือดร้อน

“เมื่อวานนี้ (5 ต.ค.) ผู้บัญชาการทหารสูงสุดได้ตอบไปแล้วว่าไม่มีความคิดนี้อยู่ในหัว ผมอยากจะขอทุกคนช่วยกันกำจัดเงื่อนไขต่าง ๆ ออกไปให้มันติดลบ ศูนย์ก็ไม่พอ แต่จะติดลบได้ทุกเรื่องต้องช่วยกันทำอย่างไรก็ตามขจัดเงื่อนไขต่าง ๆ เหล่านั้นให้หมดไปจากประเทศ โอกาสที่จะทำการปฏิวัติรัฐประหารนั้นไม่มีอีกแล้ว เพราะประเทศไทยเป็นประเทศที่ดีที่สุดจากที่ทุกคนเห็นอยู่แล้ว ไทยเป็นประเทศที่เสรีมากที่สุด เป็นประเทศที่อุดมสมบูรณ์มากที่สุด เป็นประเทศที่เราอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข ถามว่าประชาชนทุกวันนี้อยู่อย่างมีความสุข มีใครอยากไปอยู่ประเทศไหนบ้าง ใครก็อยากมาอยู่ประเทศไทย โดยเฉพาะในขณะนี้ที่มีการระบาดของโควิด-19 ที่มีการบริหารจัดการอย่างดี จึงขอให้ร่วมแรงร่วมใจกันทำให้ประเทศฟื้นฟูจากสถานการณ์นี้ให้เร็วที่สุด เพราะคนนอกประเทศกำลังมองเข้ามา” พล.อ.ณรงค์พันธ์ กล่าว

ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวย้ำว่า ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีสิทธิเสรีภาพ แต่สิทธิเสรีภาพทางความคิดเห็น จะต้องมาด้วยกัน 2 ส่วน คือ ต้องไม่ก้าวล่วงสิทธิของคนอื่น และต้องมีความรับผิดชอบต่อเสรีภาพที่ได้กระทำ หากมีการทำผิดกฎหมายก็ต้องรับผิดชอบ เมื่อถามถึงเรื่องการปฏิรูป ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวว่า ทุกคนควรปฏิรูปตัวเองก่อน เหมือนกับคำสอนของสมเด็จโตฯ ในการมองกระจกที่จะต้องมองตนเองก่อนและค่อยไปมองคนอื่นว่าตนเองมีความสมบูรณ์หรือยังก่อนที่จะให้คนอื่นทำหนึ่งอย่างใด

เมื่อถามถึงการปกป้องสถาบัน พล.อ.ณรงค์พันธ์ กล่าวว่า ในหัวตนมี 4 อย่างนี้ คือ
ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชน ตนจะทำทุกอย่างเพื่อรักษาความมั่นคงของ 4 อย่างนี้ และยืนยันว่าจะทำทุกอย่างตามอุดมการณ์ของกองทัพบกและตามแนวของตนที่เป็นนักเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้ามาเป็นสิ่งที่ตนจะยึดมั่น เพื่อทำหน้าที่ของตนเองอย่างดีที่สุด

เมื่อถามถึงการชุมนุมของกลุ่มนักเรียนนักศึกษา พล.อ.ณรงค์พันธ์ กล่าวว่า ได้รับรายงานมาส่วนหนึ่งและพร้อมที่จะปรับปรุงแก้ไขตามที่มีการเรียกร้อง เพราะสังคมเราอยู่บนพื้นฐานความแตกต่างของความคิดที่ต้องเรียนรู้ปฏิรูปและแก้ไขกันไป

“กำลังพลกองทัพบกมี 3 แสนคน มีการทำงาน วิธีปฎิบัติไม่เหมือนกัน ยอมรับไม่มีใครสมบูรณ์ 100 เปอร์เซ็นต์ ตรงไหนที่มีความผิดพลาด ก็ต้องทบทวนแก้ไขกันใหม่ นี่คือการปฏิรูป เราต้องอยู่ในสังคมที่มีความแตกต่างในหลาย ๆ ด้านร่วมกันได้ เพราะเป็นทหารแล้วต้องเสียสละ เมื่อเข้ามาทำหน้าที่นี้แล้ว ต้องอุทิศตัวเพื่อประเทศชาติและประชาชน” ผู้บัญชาการทหารบก กล่าว

เมื่อถามถึงสถานการณ์ขณะนี้มีความห่วงกังวลอย่างไรบ้างหรือไม่ ในฐานะเป็นผู้บัญชาการกองทัพบก พล.อ.ณรงค์พันธ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องดูแล เช่น การชุมนุม เชื่อว่าตำรวจดูแลสถานการณ์ได้ และไม่เชื่อว่าจะเกิดจลาจล เพราะคนไทยจะไม่ใช้ความรุนแรง ซึ่งความรุนแรงไม่มีประโยชน์ต่อใครหรือต่อโลก ส่วนปัญหายาเสพติด ทุกคนก็ต้องช่วยกัน

ส่วนเรื่องการทำหน้าที่ ส.ว.นั้น พล.อ.ณรงค์พันธ์ ยืนยันว่า เป็นการทำหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ แต่เรื่องของการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทุกอย่างต้องดูข้อเท็จจริง เพราะเราไม่ใช่หุ่นยนต์ที่จะยกมือหมดทุกอย่าง ต้องดูเหตุผลดูข้อเท็จจริงต่าง ๆ ด้วยว่ามีประโยชน์หรือไม่ และจะไม่รับเงินเดือน 2 ทางแน่นอน แต่ไม่ทราบว่าจะสามารถลาออกจาก ส.ว.ตามข้อเรียกร้องได้หรือไม่

“ขอฝากสื่อมวลชนสายทหารว่า เรื่องที่ติดตามในแง่การเมือง ขอฝากให้ติดตามงานของทหารเพิ่มเติมบ้าง เช่น การที่ทหารเข้าไปทำงานดูแลช่วยเหลือประชาชน หรือประชาชนมีความเดือดร้อนตรงไหน บ้างอย่างไร ให้แจ้งทหารเข้าไปช่วยได้ เพราะทหารมีความพร้อมช่วยเหลือประชาชนตลอดเวลา จะขอบคุณมาก” พล.อ.ณรงค์พันธ์ กล่าว

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวสายทหารได้สะท้อนการทำงานที่ล่าช้าของทีมงานกองทัพบกในการส่งข้อมูลเพื่อให้กองทัพปรับปรุง ส่วนสายด่วนของกองทัพบกในช่วงหลังนั้นไม่ค่อยมีข้อร้องเรียนมาแล้ว เพราะในช่วงที่ผ่านมา พล.อ.ณรงค์พันธ์ กล่าวว่า ได้สอบถามกับ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ อดีตผู้บัญชาการทหารบก ก็ได้คำตอบว่า การร้องเรียนผ่านสายตรงในช่วงหลังลดลง เพราะปัญหาได้รับการแก้ไขอย่างรวดเร็ว จากนี้จะหาช่องทางทำเป็นแอพลิเคชัน เพื่อให้ผู้บังคับบัญชาได้สื่อสารโดยตรงกับผู้ใต้บังคับบัญชา.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.เรือนจำทักษิณป่วย ไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน  

13 มิ.ย. – ศาลฎีกาฯ ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนกรณีกรมราชทัณฑ์อนุญาตให้ “ทักษิณ” เข้ารักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจ นัดไต่สวนเพิ่มอีก 6 นัด เดือน ก.ค.68 ด้าน ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ยอมรับไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนคดีชั้น 14 ในเรื่องการบังคับคดีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ล่าสุดการไต่สวนนัดแรกเสร็จสิ้นแล้ว โดยศาลได้สอบถาม นายมานพ ชมชื่น ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพคนปัจจุบัน เกี่ยวกับกระบวนการในการส่งตัวนายทักษิณจากเรือนจำไปโรงพยาบาลตำรวจ ในคืนวันที่ 22 สิงหาคม ซึ่งนายทักษิณ มีอาการแน่นหน้าอก นอนไม่หลับ พยาบาลเวรตรวจอาการแล้ว ถึงโทรไปหาแพทย์ และมีความเห็นให้ส่งตัวไปที่โรงพยาบาลตำรวจ โดยไม่ได้เข้าไปที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน และอาการก็ตรงกลับใบส่งตัวที่แพทย์เขียนไว้ล่วงหน้า เพราะเป็นผู้ป่วยกรณีฉุกเฉิน แต่ก็ยอมรับว่าไม่ได้เข้าโรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน จากนั้นศาลได้นัดไต่สวน 6 นัด ในเดือนกรกฎาคม 2568 และใน […]

เครื่องบินแอร์อินเดีย ตกใส่อาคารที่พักแพทย์ ตาย 241 รอดคนเดียว

นิวเดลี 13 มิ.ย. – เครื่องบินโดยสารของสายการบินแอร์อินเดีย พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประสบอุบัติเหตุตกใส่อาคารในย่านชุมชนทางตะวันตกของประเทศ มีผู้เสียชีวิต 241 ราย รอดชีวิตปาฏิหาริย์เพียงคนเดียว ยังไม่มีการยืนยันว่ามีคนในอาคารบ้านเรือนเสียชีวิตเท่าไร เครื่องบินลำที่ประสบอุบัติเหตุเป็นเครื่องบินโบอิ้ง 787-8 ดรีมไลน์เนอร์ ของสายการบิน แอร์ อินเดีย เที่ยวบิน เอไอ171 (AI171) พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประกอบด้วยผู้โดยสาร 230 คน และลูกเรือ 12 คน เพิ่งจะออกเดินทางจากท่าอากาศยานระหว่างประเทศเมืองอาห์เมดาบัด รัฐคุชราต ทางตะวันตกของอินเดียเมื่อเวลา 13.34 น. วานนี้ มุ่งหน้าไปยังท่าอากาศยานแกตวิค กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ คนบนเครื่องบินเป็นชาวอินเดีย 169 คน และมีพลเมืองอังกฤษ 53 คน โปรตุเกส 7 คน และแคนาดา 1 คน คลิปที่ผู้ใช้งานสื่อออนไลน์ในอินเดียส่งต่อกันแพร่หลาย เผยให้เห็นช่วงเวลาขณะที่เครื่องบินโดยสารลำนี้เครื่องบินค่อยๆ […]

แพทยสภายืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย

กทม. 12 มิ.ย.- แพทยสภามีมติ 2 ใน 3 ยืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย ปมส่งตัว “ทักษิณ” รักษาชั้น 14 รพ.ตร. ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา อุปนายกแพทยสภา เปิดเผยหลังการประชุมการลงมติแพทยสภากว่า 5 ชม. ว่า กรณีที่มีการกล่าวโทษแพทย์ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ เกี่ยวกับการประพฤติผิดจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม การประชุมคณะกรรมการแพทยสภาครั้งที่ 6/2568 ประจำเดือนมิถุนายน คือวันนี้ มีวาระสำคัญคือการพิจารณาหนังสือยับยั้งมติลงโทษผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมของคณะกรรมการแพทยสภาจากสภานายกพิเศษ วาระนี้มีคณะกรรมการแพทยสภาเข้าร่วมประชุมจำนวน 68 คน จากจำนวนแพทยสภาที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งสิ้น 69 คน ได้พิจารณาการยับยั้งมติแพทยสภาของสภานายกพิเศษ มีมติด้วยคะแนนเสียงเกินกว่า 2 ใน 3 ของคณะกรรมการฯ ที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งคณะ ซึ่งมีคะแนนโหวตมากกว่า 60 เสียง ยืนยันตามมติเดิมของคณะกรรมการแพทยสภาเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2568 กระบวนการต่อไปแพทยสภาจะออกคำสั่งบังคับตามมติและแจ้งให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทราบ คาดว่าคำสั่งจะออกได้ในวันพรุ่งนี้ และจะมีผลการลงโทษหลังจากคำสั่งไปยังผู้ถูกร้องเรียน ทั้งนี้ […]

“ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน

ฉะเชิงเทรา 12 มิ.ย. – “ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน จ.ฉะเชิงเทรา พบกองขยะอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วนเครื่องยนต์นำเข้ากองเต็มพื้นที่ ฝ่าฝืนคำสั่งกรมโรงงานฯ น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าทีมสุดซอย พร้อมเจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่อุตสาหกรรมจังหวัด และตำรวจสอบสวนกลาง เข้าตรวจสอบโรงงานรีไซเคิลใน อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นการขยายผลจากข้อมูลที่ผู้ใหญ่บ้าน ต.เขาหินซ้อน อ้างว่ามีบริษัทคัดแยกขยะอุตสาหกรรมในพื้นที่ให้นำดินไปแจกฟรี แต่กลับพบว่าเป็นขยะอุตสาหกรรม จากการตรวจสอบพบว่าบริษัทแห่งนี้จะรับขยะอิเล็กทรอนิกส์ เศษสายไฟ วัสดุแบตเตอรี่ มอเตอร์ และชิ้นส่วนเครื่องยนต์ที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ ผ่านบริษัทแห่งหนึ่งที่ฮ่องกง โดยบริษัทดังกล่าวรับซื้อเศษขยะมาจากญี่ปุ่นอีกทอดหนึ่ง ก่อนส่งมาที่โรงงานรีไซเคิลในไทยให้คัดแยก แต่สำแดงเป็นโลหะผสม (Mixed metal) และมีการเสียภาษีต่อเที่ยวตามน้ำหนัก รวมแล้วประมาณ 33,000 บาท การคัดแยกขยะจะใช้แรงงานต่างด้าวคัดแยกเหล็ก อะลูมิเนียม ทองแดงออก โดยในส่วนของเหล็ก จะส่งโรงเหล็กในประเทศ สำหรับอะลูมิเนียมกับทองแดง จะส่งกลับไปฮ่องกง เพื่อขายต่อ โดยไม่ต้องเสียภาษี เนื่องจากเป็นเศษโลหะ อีกทั้งยังมีกองขยะที่ไม่สามารถนำไปแปรรูปใช้งานต่อได้จำนวนมากถูกทิ้งไว้ในประเทศ โรงงานดังกล่าวมีการขออนุญาตประกอบกิจการตั้งแต่ปี 2558 แต่ก่อนหน้านี้พบว่ามีการขยายโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต การจัดเก็บวัสดุไม่ถูกต้องตามมาตรฐาน คือกองอยู่ลานโล่งด้านนอกอาคาร ปัญหาเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยในการประกอบกิจการ และการปล่อยน้ำเสีย […]

ข่าวแนะนำ

ประชุม JBC วันแรกเป็นไปด้วยดี สองฝ่ายหารือตรงไปตรงมา

14 มิ.ย.- โฆษก กต. เผยการประชุม JBC “ไทย-กัมพูชา” บรรยากาศเป็นไปด้วยดี ทั้งสองฝ่ายหารือกันอย่างตรงไปตรงมา พร้อมย้ำไทยไม่ยอมรับอำนาจศาลโลก สำหรับการประชุมจะเสร็จสิ้นในวันพรุ่งนี้ นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงการประชุมกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย – กัมพูชา หรือ JBC ครั้งที่ 6 ว่าตั้งแต่เมื่อเช้า หลังจากคณะผู้แทนไทยฯ ที่นำโดยนายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย เดินทางถึงกรุงพนมเปญเมื่อวานนี้ ได้รับรายงานความคืบหน้ามาเป็นระยะ และเมื่อสักครู่ที่ผ่านมา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศก็ได้เรียกประชุมผู้บริหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ที่ขอให้เรียกประชุมและรายงานความคืบหน้าเป็นระยะ เพื่อจะได้มีข้อสั่งการ นายนิกรเดช กล่าวว่า การประชุมเริ่มจากที่พบหารือระหว่างสองประธานไทย-กัมพูชา กลุ่มเล็ก จากนั้นได้เริ่มการประชุม JBC เต็มคณะ เพื่อหารือประเด็นทางเทคนิค ที่อยู่ในขอบเขตการทำงานของ JBC เช่นการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีการสำรวจภูมิประเทศ ขณะนี้การประชุมก็ยังคงดำเนินอยู่ ซึ่งช่วงบ่ายก็จะเป็นการหารือตามระเบียบวาระที่วางไว้ เช่นการพูดคุยด้านเทคนิค และคาดว่าจะมีการประชุมไปจนถึงวันพรุ่งนี้ บรรยากาศการประชุมเป็นไปด้วยดี และทั้งสองฝ่ายกำลังเดินหน้าหารือกันตามวาระ ถือว่าการประชุมเป็นไปด้วยดี ทั้งสองฝ่ายเดินหน้าคุย และปรับความคิดหากันด้วยดี ฝ่ายไทยหวังว่าการประชุมครั้งนี้จะมีส่วนช่วยลดความ ตึงเครียดของสถานการณ์ที่เกิดขึ้น […]

ประชุม JBC “ไทย-กัมพูชา” ยึด MOU43 แก้ปมชายแดน-ลดตึงเครียด

14 มิ.ย.- “ไทย-กัมพูชา” แถลงย้ำความสำคัญของการใช้กลไกคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม JBC เจรจาประเด็นด้านเขตแดนระหว่างกัน และการทำงานร่วมกันด้วยสันติวิธี ภายใต้กรอบ MOU43 นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ประธานกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ฝ่ายไทย เป็นประธานการประชุมกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 6 (JBC) ร่วมกับนายฬำ เจีย รัฐมนตรีรับผิดชอบกิจการชายแดนและหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา ประธานร่วมฝ่ายกัมพูชา ทั้งสองฝ่ายกล่าวถ้อยแถลงย้ำความสำคัญของการใช้กลไกคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) ในการเจรจาประเด็นด้านเขตแดนระหว่างกันและการทำงานร่วมกันด้วยสันติวิธี ภายใต้กรอบบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบก พ.ศ. 2543 (MOU 43) เพื่อประโยชน์ในการแก้ไขปัญหาชายแดนและลดความตึงเครียดที่มีอยู่ ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการของทั้งสองฝ่าย ประกอบด้วย ผู้แทนจากหน่วยงานเชิงเทคนิคที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม กรมแผนที่ทหาร กองทัพบก กองทัพเรือ สำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา (เทียบเท่ากระทรวง) กระทรวงกลาโหมกัมพูชา กองทัพภาคต่าง ๆ ของกัมพูชา รวมถึงผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชาของกัมพูชาทุกจังหวัด -สำนักข่าวไทย

Cambodia and Thailand hold a closed-door meeting ahead of the official meeting of JBC in Phnom Penh

ไทย-กัมพูชา หารือกลุ่มเล็กก่อนประชุม JBC

พนมเปญ 14 มิ.ย. – สื่อกัมพูชารายงานว่า กัมพูชาและไทย ได้เปิดการหารือกลุ่มเล็กฝ่ายละ 5 คน ก่อนการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม หรือเจบีซี (JBC) ที่กรุงพนมเปญ ในวันนี้ เว็บไซต์แขมร์ไทมส์ของกัมพูชารายงานว่า ในการหารือกลุ่มเล็กที่มีผู้ร่วมเข้าเพียง 10 คน ฝ่ายกัมพูชานำโดยนายเจีย ฬำ  รัฐมนตรีผู้รับผิดชอบกิจการชายแดน ส่วนฝ่ายไทยนำโดยนายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ที่ปรึกษากระทรวงต่างประเทศด้านกิจการชายแดน ซึ่งเป็นนักการทูตผู้เชี่ยวชาญช่วงข้อพิพาทปราสาทพระวิหาร พร้อมกับเผยแพร่ภาพชุดการหารือดังกล่าว.-814.-สำนักข่าวไทย

รวบแล้ว! โจรชิงทองที่ลำพูน หนีกบดานพัทยา

พัทยา 14 มิ.ย.- หนีไม่รอด! รวบโจรบุกเดี่ยวชิงทอง จ.ลำพูน หนีกบดานพัทยา สารภาพติดการพนันออนไลน์ จากกรณีเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2568 เกิดเหตุคนร้ายรูปร่างสูงประมาณ 160-165 ซม. ทราบชื่อต่อมาคือ นายประกร อายุ 47 ปี ขี่รถจักรยานยนต์สีดำ บุกเดี่ยวเข้าไปชิงทองคำรูปพรรณ จากห้างทองฯ อ.ป่าซาง จ.ลำพูน ได้สร้อยคอทองคำ น้ำหนัก 5 บาท ไปจำนวน 2 เส้น มูลค่ากว่า 500,000 บาท แล้วหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว ล่าสุดตำรวจ สภ.จว.ชลบุรี ได้เบาะแสว่า นายประกร ที่มีหมายจับศาลจังหวัดลำพูน ในข้อหากระทำความผิดฐาน “วิ่งราวทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นการจับกุม” หลังก่อเหตุได้หนีมากบดานในพื้นที่จังหวัดชลบุรี จึงนำกำลังออกติดตาม กระทั่งพบตัวนายประกร อยู่ภายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งย่านพัทยากลาง เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าจับกุม เจ้าตัวให้การยอมรับ เป็นผู้ก่อเหตุวิ่งราวทองจากห้างทองในพื้นที่จังหวัดลำพูนจริง หลังก่อเหตุได้หนีมายังพื้นที่เมืองพัทยาและนำทองไปขายในห้างทองแห่งหนึ่ง ตอนแรก คิดว่าจะเดินทางเข้ามาตัว แต่ก็สายไปเนื่องจากมาโดนเจ้าหน้าที่ติดตามจับกุมตัวได้เสียก่อน ส่วนสาเหตุที่ก่อเหตุลงไปนั้นเนื่องจากตนเองติดการพนันออนไลน์ จนเงินหมด […]