ยืนยันเลื่อนโหวตแก้ รธน. ไม่ได้ยื้อเวลา

กระทรวงกลาโหม 25 ก.ย.-นายกฯ ยืนยันเลื่อนโหวตแก้ รธน. ไม่ได้ยื้อเวลา ปัดสั่ง ส.ว. ชี้เป็นกลไกรัฐสภา วอนการชุมนุมนึกถึงประเทศ กระทบเศรษฐกิจ สังคม ฝากคนไทยร่วมมือป้องกันคนบางกลุ่มฉวยโอกาสทำลายประเทศ


พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการที่ที่ประชุมรัฐสภาเลื่อนการลงมติร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม 6 ฉบับออกอีก 1 เดือน พร้อมตั้งคณะกรรมาธิการขึ้นมาศึกษา ว่า ไม่มีความคิดเห็น เพราะเป็นขั้นตอนการทำงานของสภาฯ จากการติดตามการประชุมการอภิปรายในวันแรกก็เรียบร้อยดี แต่การอภิปรายในวันที่สอง เห็นว่ามีความขัดแย้งเพิ่มขึ้นในประเด็นที่ทุกคนทราบอยู่แล้ว โดยเฉพาะมีการก้าวล่วง เป็นสิ่งที่หลายคนรับไม่ได้ จึงเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในที่ประชุมเมื่อวานนี้ (24 ก.ย.)

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า โดยส่วนตัวมองว่าทุกคนเป็นผู้ทรงเกียรติ จึงต้องเคารพซึ่งกันและกัน เพราะเป็นวิถีทางของรัฐสภา หากใส่ร้าย บิดเบือนก็รับได้ยาก ดังนั้นจึงต้องมองว่าจะแก้ปัญหาอย่างไรให้บ้านเมืองเกิดความสงบเรียบร้อย และยังยืนยันว่าการเลื่อนลงมติ ไม่ใช่เป็นการยื้อเวลา เพราะตนก็เข้าใจอยู่ว่าจะมีการลงมติ แต่เมื่อสถานการณ์เป็นไปอย่างที่ทุกคนเห็น การที่จะชะลอเลื่อนออกไป ก็เป็นไปตามกฎหมายกติกาของสภาฯ หากจะเกิดอะไรขึ้น ก็เป็นเรื่องของวันข้างหน้า และยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับตน ไม่ทำให้สถานการณ์ของตนดีขึ้นหรือเลวลง แต่เป็นเรื่องของการเป็นประชาธิปไตยที่ต้องรับฟังความคิดเห็น เดินหน้าไปด้วยกันได้ ด้วยความปรองดอง


“ไม่มีการล็อบบี้ หรือสั่งการใคร เพราะ ส.ว.ทุกคนมีเกียรติยศและศักดิ์ศรี ส.ว.มีทั้งในส่วนของที่มาจากการเลือกของประชาชน และการแต่งตั้งผู้ที่มีความรู้ความสามารถจากทุกภาคส่วน ดังนั้นขอให้รับฟังคนเหล่านี้ เพื่อจะได้รู้ว่าไม่มีเรื่องใดที่จะเอื้อกับผม ทุกอย่างเป็นไปตามกลไก และผมคงไม่อยู่ในตำแหน่งตลอดไป และมองว่าสิ่งไหนที่หารือพูดคุยกันได้ เป็นแนวทางที่ดี ยืนยันว่าผมไม่ขัดข้องต่อแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญ ส่วนรัฐบาลจะเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่นั้น ฝ่ายกฎหมายกำลังพิจารณาอยู่” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

ส่วนข้อเรียกร้องให้ยุบสภาฯ หรือลาออกนั้น ไม่ใช่การแก้ปัญหาหรือไม่
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทุกคนทราบดีอยู่แล้ว และวันนี้จะใช้อำนาจใดมากดดัน เพราะรัฐธรรมนูญยังอยู่ จะใช้ความรุนแรงความแตกแยกมากดดัน ต้องถามว่าคุ้มค่าแล้วหรือไม่ ในขณะที่หลายคนก็รู้วัตถุประสงค์การดำเนินการอยู่แล้ว ขณะที่ฝ่ายกฎหมายยอมรับว่าหนักใจ แต่ตนได้ให้แนวทางไปแล้วในการดำเนินการอย่างไร อายุความของคดียังมี โดยทุกวันนี้ตนถูกต่อว่ามาโดยตลอด และใช้ความอดทนมาอย่างเต็มที่แล้ว

ขณะที่ผู้ชุมนุมนัดหยุดงานทั้งประเทศในวันที่ 14 ตุลาคมนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนไม่ได้กำชับอะไร ทุกคนมีสิทธิจะคิดและทำได้ตามกระบวนการประชาธิปไตย แต่ต้องเคารพกฎหมาย และอยากให้มองว่าประเทศมีปัญหามากมาย ทั้งเรื่องเศรษฐกิจ สังคม และโรคระบาด จึงขอให้มองว่าบางอย่างสมควรจะทำหรือไม่ ทำแล้วได้อะไร หรือใครได้ประโยชน์ จึงอยากฝากให้คนไทยทุกคนช่วยคิด แต่ทั้งนี้ตนคิดว่าประเทศจะผ่านสถานการณ์ต่าง ๆ ไปได้ด้วยดี เพราะเรามีสิ่งศักดิ์สิทธิคุ้มครอง และความดีที่ทุกคนได้ทำ จะเป็นกุศลกลับมาขับเคลื่อนประเทศ โดยเห็นได้จากการลงพื้นที่ของตนที่ จ.เชียงราย พบว่าประชาชนให้ความร่วมมือกับรัฐบาล และสิ่งที่ประชาชนต่างจังหวัดให้ความสนใจมากที่สุดในขณะนี้ คือ อาชีพ ปากท้อง รายได้ ซึ่งเรื่องนี้รัฐบาลดำเนินการอย่างเต็มที่เพื่อประชาชน


นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า การชุมนุมอย่างต่อเนื่องกระทบต่อเศรษฐกิจ การค้าขายทุกระดับ รวมถึงการจราจร ซึ่งต้องมองว่าหากเศรษฐกิจเดินต่อไปไม่ได้และมีโรคระบาด ประเทศจะเดินไปอย่างไร และห่วงว่าหากมีการชุมนุน และเกิดระบาดอีกรอบ ก็เป็นเรื่องที่ไม่ดี

ส่วนจะรับมือการชุมนุมได้ทุกครั้งหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่อยากให้เกิดการชุมนุมขึ้นสักครั้ง และไม่อยากให้ใครใช้การชุมนุมทำให้ประเทศไม่ปลอดภัย ขณะที่การชุมนุมเคลื่อนไหวในเดือนตุลาคม จะเห็นว่ามีมาโดยตลอด ดังนั้นถ้ามองในเรื่องประวัติศาสตร์ ขอให้ทุกคนศึกษาประวัติศาสตร์ในเรื่องที่ดี แล้วนำมาใช้ และมองอีกว่าความขัดแย้ง สงคราม อาจเกิดได้ทุกภูมิภาคของโลก แต่ต้องช่วยกันไม่ให้เกิดในประเทศที่ถือเป็นศูนย์กลางของอาเซียน โดยเฉพาะในประเทศไทย ที่มีศักยภาพในทุกด้าน ดังนั้นต้องหาแนวทางออกด้วยสันติวิธี

ส่วนที่มีการรณรงค์ให้มาร่วมชุมนุมในขณะนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขอฝากคนไทยทุกคนช่วยกันแก้ปัญหาร่วมกับรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ทำงานหนักเพื่อประคับประคองให้สถานการณ์เกิดความเรียบร้อยมากที่สุด และไม่ได้นิ่งนอนใจการดำเนินการทางกฎหมายกับผู้ชุมนุม ขณะนี้กำลังรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมด เนื่องจากหลายคนพยายามไม่เคารพกฎหมาย ดังนั้นจึงต้องมองว่าจะเดินหน้ากันต่อไปอย่างไร ซึ่งทุกคนต้องมองว่าความมั่นคงของประเทศและความปลอดภัยของประชาชนทั้งประเทศสำคัญที่สุด

“ดังนั้นจึงต้องฟังคนทั้งประเทศ ช่วยกันสร้างการรับรู้ ความเข้าใจให้เกิดความรัก ความสามัคคี สร้างความเชื่อมั่นให้กับต่างประเทศ ไม่ทำให้ประเทศเกิดอันตราย และขอประชาชนเลือกเสพสื่อออนไลน์อย่างระมัดระวัง เชื่อข่าวอย่างมีภูมิคุ้มกัน ขอย้ำว่ารัฐบาล เจ้าหน้าที่ดูแลผู้ชุมนุมอย่างเต็มที่ และขอฝากว่าการใช้คำพูดที่หยาบคายเป็นตัวอย่างไม่ดีต่อเยาวชน ไม่ควรจะเกิดขึ้น และฝากคนไทยทั่วประเทศต้องช่วยกันดูแลประเทศ ยึด ชาติ ศาสน์ กษัตริย์เป็นหลัก” พล.อ.ประยุธ์ กล่าว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

จำคุกสมรักษ์คำสิงห์

ศาลสั่งคุก 2 ปี 13 เดือน 10 วัน “สมรักษ์” พยายามข่มขืนสาววัย 17

ศาลจังหวัดขอนแก่น พิพากษาจำคุก “สมรักษ์ คำสิงห์” อดีตนักมวยฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิก เป็นเวลา 2 ปี 13 เดือน 10 วัน พร้อมชดใช้ค่าสินไหมทดแทนรวม 170,000 บาท คดีพยายามข่มขืนเด็กสาววัย 17 ปี

Chinese foreign ministry in January 2025

ถอดบทเรียนจากจีน แก้ปัญหาฝุ่นพิษ PM 2.5 จริงจัง

ปักกิ่ง 23 ม.ค. – สถานการณ์ฝุ่นพิษ PM 2.5 ที่กำลังเป็นปัญหาใหญ่และเร่งด่วนในไทยอยู่ในขณะนี้ หลายฝ่ายกำลังหาทางแก้ไขด้วยการมุ่งไปที่ต้นตอที่ทำให้เกิดฝุ่น จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลกระบุว่า ในปี พ.ศ. 2542 ประชากรโลกมากถึง 92% ได้รับฝุ่น PM2.5 ในระดับความเข้มข้นสูงกว่าที่องค์การอนามัยโลกกำหนด และถ้ารัฐบาลทุกประเทศไม่เร่งแก้ปัญหาอย่างเอาจริงเอาจัง ภายในอีก 7 ปีข้างหน้า หรือ พ.ศ. 2573 คุณภาพชีวิตคนทั่วโลกจะยิ่งเลวร้ายสุดขีด เพราะปริมาณ PM2.5 จะเพิ่มขึ้นจากเดิม 50% และประเทศที่สามารถพิสูจน์ให้เห็นเป็นตัวอย่างว่า หากรัฐบาลตั้งใจจริงจัง ทุ่มสรรพกำลังความพยายาม จะสามารถกำจัดปัญหาฝุ่นควันพิษได้อย่างแน่นอนนั่นก็คือ จีน   จีนเคยมีคนเสียชีวิตเพราะมลพิษในอากาศปีละหลายล้านคน แต่ทุกวันนี้แม้แต่ธนาคารโลกยังยกย่องจีนว่า เป็นแบบอย่างของความพยายาม สามารถพลิกฟ้าหม่นเพราะฝุ่น PM2.5 ให้กลับเป็นฟ้าใสได้สำเร็จ ความพยายามของเหมา เจ๋อตุง ผู้นำจีนที่มุ่งเปลี่ยนสังคมเกษตรกรรมเป็นสังคมอุตสาหกรรม ทำให้จำนวนโรงงานในจีนเพิ่มขึ้นทวีคูณภายใน พ.ศ. 2502 แน่นอนว่า นโยบายเศรษฐกิจของผู้นำจีนช่วยให้คนจีนหลายล้านหลุดพ้นจากขีดความยากจน แต่ก็ต้องแลกกับชีวิตและสุขภาพ เพราะควันพิษจากโรงงานทำให้ฝุ่น PM2.5 พุ่งในระดับเกินกว่าจะรับไหว กว่ารัฐบาลจะรู้ตัวว่าปัญหามาถึงขั้นวิกฤต […]

คึกคัก คู่รักจูงมือกันไปจดทะเบียนวันแรกกฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผล

วันนี้กฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผลใช้บังคับอย่างเป็นทางการ หลายคู่รักควงแขนไปจดทะเบียนสมรสกันชื่นมื่น ที่สยามพารากอน มีคู่รักที่ลงทะเบียนมาจดทะเบียนสมรสที่นี่กว่า 300 คู่

ผู้ป่วยเสียชีวิต

รพ.สิรินธร ยืนยันไม่มีผู้ป่วยช็อก-เสียชีวิต จากเหตุชายผิวสีคลุ้มคลั่ง

ผอ.รพ.สิรินธร ยืนยันไม่มีผู้ป่วยช็อก หรือเสียชีวิต จากเหตุต่างชาติผิวสีคลุ้มคลั่ง มีเพียงเจ้าหน้าที่ รพ.บาดเจ็บจากการถูกต่อยเล็กน้อย

ข่าวแนะนำ

เปิดรับการลงทุน

นายกฯ ย้ำบทบาทของไทยในเวทีโลก ที่ดาวอส พร้อมเปิดรับการลงทุน

นายกฯ ย้ำบทบาทของไทยในเวทีโลก ที่ดาวอส พร้อมเปิดรับการลงทุนสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจ ด้วยจุดแข็งด้านเกษตรกรรม Soft Power และอุตสาหกรรมที่มีความยั่งยืน มุ่งมั่นพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลและการค้าเสรี เร่งสร้างสภาพแวดล้อมทางการค้าที่เสรี เปิดกว้าง และยั่งยืน

ช้างหลุดเดินถนน

ระทึก! ช้างหลุดจากปางช้างเดินบนถนน รถเสียหาย 1 คัน

ระทึก! ควาญช้างและตำรวจเร่งติดตามช้างหลุดจากปาง เดินบนถนน ชนกระจกมองข้างรถยนต์เสียหาย 1 คัน สุดท้ายไปเจอเล่นน้ำอยู่ในลำธารอย่างสบายใจ

ฝุ่น กทม.

แดงเกือบทั้งกรุง คุณภาพอากาศวิกฤติ ฝุ่น PM 2.5 กระทบต่อสุขภาพ

คุณภาพอากาศกรุงเทพฯ วิกฤติต่อเนื่อง เช้านี้ฝุ่น PM 2.5 อยู่ระดับสีแดง ผลกระทบต่อสุขภาพ 67 พื้นที่ คุณภาพอากาศจะแย่แบบนี้ไปถึงสัปดาห์หน้า

วันประวัติศาสตร์ สมรสเท่าเทียมวันแรก

วันนี้เป็นวันแรกที่กฎหมายสมรสเท่าเทียม มีผลใช้บังคับอย่างเป็นทางการ ใน กทม. มีการจัดงานวันสมรสเท่าเทียมอย่างยิ่งใหญ่ เฉลิมฉลองให้กับเส้นทางการต่อสู้อันยาวนานกว่าที่กฎหมายจะมีผลบังคับใช้ ไม่ว่าเพศใดก็จะได้รับสิทธิการสมรสอย่างเท่าเทียมกัน