ทำเนียบฯ 25 ก.ย.- “อนุชา” ยืนยัน ตั้งคณะกรรมาธิการสามัญเพื่อศึกษา 6 ญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่การยื้อเวลา และไม่มีใบสั่ง ย้ำรัฐบาลจริงใจในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ขอประชาชนอย่าชุมนุมใหญ่เดือนตุลาคม
นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสวิจารณ์รัฐสภาเลื่อนการลงมติญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญ และเห็นชอบให้ตั้งคณะกรรมาธิการสามัญ เพื่อมาศึกษาญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้ง 6 ญัตติ เวลา 30 วัน เป็นการยื้อเวลาของรัฐบาลหรือไม่ ว่าไม่ใช่การยื้อเวลา แต่เนื่องจากทั้ง 6 ญัตติยังไม่สามารถหาข้อยุติได้ โดยเฉพาะวุฒิสภายังไม่เคยเข้าร่วมการศึกษาแก้ไขรัฐธรรมนูญกับ ส.ส.มาตั้งแต่ต้น จึงอาจไม่ทราบรายละเอียด
“ดังนั้น หากปล่อยให้มีการลงมติ อาจมีเรื่องไม่คาดคิดเกิดขึ้น จึงมองว่าการหาทางออกที่ดีที่สุด คือการตั้งกรรมาธิการขึ้นมาศึกษา เพื่อพิจารณาญัตติทั้งหมด ก่อนตัดสินใจว่าจะรับหลักการหรือไม่ ไม่ใช่การยื้อหรือต้องการคว่ำร่างที่เสนอมา เพราะหากจะคว่ำ ทำไมถึงไม่คว่ำตั้งแต่วันนี้ ขณะเดียวกันหากเปิดสมัยการประชุมหน้า แล้วมีการพิจารณา และที่ประชุมมีมติไม่คว่ำร่าง คนที่พูดเรื่องนี้จะรับผิดชอบอย่างไร” นายอนุชา กล่าว
นายอนุชา ยืนยันว่า การเสนอตั้งกรรมาธิการไม่ได้คิดมาตั้งแต่ต้น และมาทราบแนวทางก่อนการลงมติเท่านั้น ถือเป็นวิธีการที่สภาควรจะมีความยืดหยุ่นในการแก้ปัญหาต่างๆ ไม่ใช่เรื่องที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะต้องเอาชนะกัน หากทะเลาะกันก่อน ก็จะยิ่งเกิดความลำบากในการพูดคุย เพราะเพียงแค่นี้ก็ไม่ไว้วางใจกัน แล้วจะร่วมมือกันแก้ปัญหาบ้านเมืองอย่างไร
“การลงมติดังกล่าวไม่มีใบสั่ง แล้วแต่มุมมองของแต่ละคน หากมองเป็นลบก็ลบ หากมองเป็นการสร้างสรรค์ก็สร้างสรรค์ แต่ขอย้ำว่าเป็นการพิจารณาตามความเหมาะสม คำนึงถึงกระแสของประชาชน เพราะผมก็เป็นตัวแทนของประชาชน” นายอนุชา กล่าว
ส่วนกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ไม่เห็นด้วยกับแนวทางตั้งกรรมาธิการ จะส่งผลต่อการทำงานของพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ นายอนุชา กล่าวว่า เป็นเอกสิทธิ์ของแต่ละบุคคล ต่างคนต่างมีอิสระในการทำตามระบอบ ไม่มีอะไรที่แตกต่าง และการทำงานมีหลายมิติ ความเห็นต่างจึงเป็นเรื่องปกติ แต่ต้องยอมรับซึ่งกันและกัน และขอยืนยันว่ารัฐบาลจริงใจในการแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างแน่นอน พร้อมยอมรับเป็นห่วงการเคลื่อนไหวนอกสภา ที่ประชาชนอยากเห็นการเปลี่ยนแปลง
“ยอมรับว่าเป็นห่วงการเคลื่อนไหวนอกสภา แต่ส่วนตัวก็เชื่อว่า การเมืองมีหลายมิติ มีทั้งผู้ที่เห็นด้วยและเห็นต่าง เป็นสิ่งปกติของระบอบประชาธิปไตย และสภาถือเป็นช่องทางตัดสิน เพื่อหาข้อยุติว่าควรเป็นไปในทิศทางใด หากนำพาประชาชนลงสู่ถนน วันข้างหน้าก็จะเป็นวงจรแบบนี้” นายอนุชา กล่าว และว่า ต้องการขอร้องประชาชน ไม่ให้ชุมนุมใหญ่ในเดือนตุลาคมนี้ เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ได้มุ่งหวังด้านลบ หากต้องการเห็นการเดินหน้าของระบอบประชาธิปไตยตามที่ประชาชนคาดหวัง ก็ต้องเดินไปสู่จุดหมายปลายทางร่วมกัน .- สำนักข่าวไทย