จุฬาฯ 12ก.ย.-“รังสิมันต์” ชำแหละพ.ร.ก.ฉุกเฉินทำต่างชาติไม่เชื่อมั่นศก.ไทย หยุดการชุมนุมไม่ได้ รัฐบาลอย่าอ้างม็อบเพื่อใช้อำนาจพิเศษ การแก้ปัญหาการเมืองไม่ใช่แค่แก้รธน.แต่ต้องทำลายทุนนิยมในสังคม
นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกลและโฆษกคณะกรรมาธิการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร กล่าวในการสัมมนา ความยุติธรรมภายใต้สถานการณ์ฉุกเฉิน ในหัวข้อ สถานการณ์ฉุกเฉินของใคร ว่า พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินเป็นกฎหมายที่ไม่แตกต่างพระราชบัญญัติ แต่พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เป็นกฎหมายชั่วคราวที่ให้ฝ่ายบริหารใช้ แต่ต้องใช้ชั่วคราวเท่านั้น เมื่อดูในสาระขั้นตอนของการประกาศคือให้นายกรัฐมนตรีประกาศใช้เพียงคนเดียว แต่ต้องไม่เกิน 3 เดือน หากต้องการขยายเวลา ต้องเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่ออนุมัติ สาระสำคัญอีกอย่างคือสามารถใช้อำนาจของทหาร ตำรวจมาใช้ในการสนับสนุน เพื่อระงับยับยั้งสถานการณ์ที่เป็นสถานการณ์ฉุกเฉิน ให้เกิดการตัดสินใจและบูรณาการได้อย่างรวดเร็ว
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า สำหรับความเข้มข้นของการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แบ่งอออกเป็น 2 อย่างคือ 1.สถานการณ์ฉุกเฉินแบบทั่วไป ที่ ให้อำนาจแก่เจ้าหน้าที่แก้ไขคลี่คลาย เช่นการจำกัดพื้นที่ ห้ามออกนอกเคหะสถาน และ 2.สถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง เช่น การก่อการร้าย แต่การประกาศใช้ในไทยแบบร้ายแรงจะอยู่ที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ โดยสาระสำคัญคือ สิทธิต่าง ๆ ตามรัฐธรรมนูญจะถูกลิดรอน เช่น การจับกุมโดยไม่ต้องมีหมายศาล และไม่สามารถตรวจสอบได้ในระหว่างการจับกุม เป็นต้น
“ที่ผ่านมาการประกาศใช้พ ร.ก.ฉุกเฉินไม่ได้มีประโยชน์กับการชุมนุมเลย และแม้จะเป็นอำนาจของฝ่ายบริหาร แต่ก็ไม่ค่อยจะประสบความสำเร็จ เพราะยังมีการชุมนุมต่อ นอกจากนี้ยังมีผลกระทบด้านเศรษฐกิจ ที่ต่างประเทศไม่กล้าที่จะเข้ามาลงทุน การประกาศใช้กฎหมายพิเศษจึงจำเป็นต้องใช้อย่างจำกัดมากที่สุด ซึ่งการชุมนุมหลังจากการเลือกตั้งที่ผ่านมา ผมไม่เห็นว่าจะนำไปสู่ความรุนแรง ดังนั้น ผู้ใช้กฎหมายต้องไม่อ้างเหตุความรุนแรงเพื่อใช้กฎหมายพิเศษ ซึ่งหากถอดเหตุการณ์จากในอดีต และไม่อยากเห็นความรุนแรง รัฐต้องไม่เป็นฝ่ายใช้ความรุนแรงตั้งแต่ต้น และไม่ปราบปรามกลุ่มชุมนุมที่สงบ ปราศจากอาวุธและรับรองไว้โดยรัฐธรรมนูญ การแก้ปัญหาการเมืองไทย ไม่ใช่แค่การแก้รัฐธรรมนูญ แต่คือการทำลายอำนาจทุนนิยมในสังคม” นายรังสิมันต์ กล่าว.-สำนักข่าวไทย