สำนักงานราชบัณฑิตยสภา 31 ส.ค.- รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี หารือนโยบายกับราชบัณฑิตยสภา กำหนดทิศทางและรับฟังการทำงาน พร้อมนำความเห็นด้านต่าง ๆ จากราชบัณฑิตฯ นำไปสู่การพัฒนาประเทศต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 13.30 น. นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ร่วมประชุมหารือนโยบายการดำเนินงานของราชบัณฑิตยสภา ร่วมกับนพ.สุรพล อิสรไกรศีล นายกราชบัณฑิตยสภา และคณะผู้บริหารราชบัณฑิตยสภา ภายหลังจากที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีได้รับมอบหมายให้มาดำรงตำแหน่งและกำกับดูแลสำนักงานราชบัณฑิตยสภา
รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้รับฟังบรรยายสรุปการดำเนินงานของสำนักงานราชบัณฑิตยสภา ซึ่งมีพันธกิจในการค้นคว้า วิจัย และบำรุงสรรพวิชา นำผลงานที่ได้สร้างสรรค์ออกเผยแพร่ให้เป็นคุณประโยชน์แก่ประเทศและประชาชน ให้ความเห็น คำแนะนำ และคำปรึกษาทางวิชาการแก่นายกรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรี ให้บริการทางวิชาการแก่ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ สถาบันการศึกษา หน่วยงานเอกชน และประชาชน ดำเนินงานเกี่ยวกับการจัดทำพจนานุกรม สารานุกรม อักขรานุกรม อนุกรมวิธาน การบัญญัติศัพท์วิชาการสาขาต่าง ๆ รวมทั้งการจัดทำพจนานุกรมศัพท์วิชาการภาษาต่างประเทศเป็นภาษาไทย และงานวิชาการอื่นๆ
รวมถึงการกำหนดหลักเกณฑ์ต่าง ๆ เกี่ยวกับการใช้ภาษาไทย การอนุรักษ์ภาษาไทยมิให้แปรเปลี่ยนไปในทางที่เสื่อม การส่งเสริมภาษาไทยซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของชาติให้ปรากฏเด่นชัดยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังได้จัดการศึกษาอบรมและพัฒนาทางวิชาการเกี่ยวกับภาษาไทย และภาษาไทยถิ่น โดยผู้เข้าอบรมจะได้รับประกาศนียบัตรชั้นสูงประกาศนียบัตร สัมฤทธิบัตร และวุฒิบัตร จากการอบรมและพัฒนาทางวิชาการ ตามข้อบังคับราชบัณฑิตยสภาอีกด้วย
รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการหารือว่า วันนี้ได้มาแลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์กับผู้บริหารราชบัณฑิตยสภา ถือว่าได้ประโยชน์เป็นอย่างมากและได้รับฟังความเห็นในหลายด้าน ซึ่งราชบัณฑิตสภา มีผู้เชี่ยวชาญในหลายองค์ความรู้ที่จะนำพาไปสู่การพัฒนาประเทศต่อไป นอกเหนือจากด้านภาษาเพียงอย่างเดียว ทั้งนี้ได้หารือถึงปัญหาต่าง ๆ ทั้งเรื่องความเหลือมล้ำ สังคมผู้สูงอายุ และภาคการเกษตรและจะนำความเห็นที่ได้จากผู้รู้นำไปประกอบกับนโยบายในการบริหารประเทศต่อไป
ส่วนอาคารสำนักงานของราชบัณฑิตยสภาแห่งใหม่ ที่จะดำเนินการปรับปรุงอาคารเรือนเจ้าจอมมารดาเลื่อน ให้เป็นหอประวัติศาสตร์ราชบัณฑิตยสภา และก่อสร้างอาคารศูนย์ประชุมราชบัณฑิตยสภา นายอนุชา กล่าวว่า เห็นด้วยที่จะปรับปรุงอาคารดังกล่าว และถือว่าจะเป็นหน้าเป็นตาให้กับทางราชบัณฑิตฯในการทำงาน และเป็นโบราณสถานที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์ และเป็นสถานที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งที่ตกทอดจากรุ่นสู่รุ่น ซึ่งขณะนี้ทางกรมศิลปากรได้อนุญาตปรับปรุงซ่อมแซมตามแบบแล้ว โดยขณะนี้ทางราชบัณฑิตฯได้ทำสัญญาเช่าอาคารเรือนเจ้าจอมมารดาเลื่อน จากสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์เป็นเวลา 30 ปี โดยมีค่าเช่าปีละ 100 บาท.-สำนักข่าวไทย