ระยอง 23 ส.ค.- “ธนาธร” แนะถามชาว เพ-ระยอง เอาเรือดำน้ำหรือไม่ เผย ชาวบ้านครวญเศรษฐกิจพังหลังโควิด-19 อัดรัฐบาลควรนำงบมาฟื้นฟูประเทศ แทนทุ่มซื้อเรือดำน้ำ ลั่น หากเกิดรัฐประหาร พร้อมต่อสู้
นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า เปิดเผยภายหลังการลงพื้นที่รับฟังปัญหาประชาชน ที่ตลาด 100 ต.เพ อ.เมือง จ. ระยอง ว่า คณะก้าวหน้าลงพื้นที่บ้านเพ จ.ระยอง เพื่อพบปะประชาชน รับฟังปัญหา ด้านเศรษฐกิจ ขยะ และสิ่ง เเวดล้อม เพื่อนำไปจัดทำเป็นนโยบาย ตอบสนองการเลือกตั้งท้องถิ่น ที่กำลังจะมาถึง กิจกรรมของคณะก้าวหน้าเป็นเรื่องบังเอิญ ที่เกิดขึ้นก่อน นายกรัฐมนตรี จะมาประชุม ครม.สัญจร เพราะคณะก้าวหน้าได้วางแผนไว้นานแล้ว จึงไม่มีความเกี่ยวข้องกัน
ประธานคณะก้าวหน้า กล่าวว่า จังหวัดระยองเศรษฐกิจหลัก เป็นเรื่องการท่องเที่ยว ที่ขณะนี้ยังไม่กลับมา 100% ขนาดวันนี้เป็นวันหยุด ก็มีนักท่องเที่ยว ประปราย เบาบางมาก แม้แต่ตลาดสด อาหารทะเล ตลาดสวนสน แทบจะไม่มีนักท่องเที่ยว พ่อค้าแม่ค้าก็บอกว่ารายได้ตกไปถึง 70% แสดงให้เห็นว่าประชาชนตกอยู่ในภาวะลำบาก การจะทำให้เศรษฐกิจดีขึ้นต้องพัฒนาสถานที่ท่องเที่ยว ปรับปรุงท่าเรือให้มีความสะดวกสบาย
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีการจัดสรรงบประมาณเพื่อจัดซื้อเรือดำน้ำของกองทัพเรือ นายธนาธร กล่าวว่า ที่บ้านเพ เป็นตัวอย่างที่ทำให้เห็นได้ชัดมาก เพราะนอกจากธุรกิจ ท่องเที่ยวจะเป็นธุรกิจหลักแล้ว ยังมีภาคการประมงพาณิชย์และการประมงพื้นบ้านด้วย ซึ่งประมงภาคพาณิชย์ได้ตายไปหมดแล้ว ที่สะพานเทียบท่าเรือจะมีป้ายของชาวประมง เขียนว่าขอให้รัฐบาลมารับซื้อเรือ ขอขายเรือคืนรัฐบาล ที่เป็นเช่นนี้เพราะพวกเขาหมดหวัง การประมงพาณิชย์ของบ้านเพ กำลังล่มสลาย ถ้าถามว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเรือดำน้ำอย่างไร เมื่อประชาชนลำบาก งบประมาณที่จะซื้อเรือดำน้ำ ควรจะเอามาเยียวยาประชาชน เพราะอย่างน้อยจะได้มีขวัญและกำลังใจที่จะประกอบอาชีพต่อไป
“ควรมีกองทุนให้เขาสักก้อนหนึ่ง เพื่ิอเปลี่ยนทักษะและลงทุนในอาชีพใหม่ แต่ทุกวันนี้ทุกคนมีแต่หนี้สินเพิ่มขึ้น เรือต้องจอดทิ้ง แต่ต้องมีค่าบำรุงรักษา ค่าระบบติดตามเรือ (CMS) ที่ต้องจ่ายทุกเดือนแม้ไม่ได้ออกหาปลา ทำให้พวกเขาสิ้นหวัง และเราจะเห็นว่างบประมาณของประเทศที่มีอยู่จำกัดในปีนี้จึงไม่มีเหตุผลที่จะต้องซื้อเรือดำน้ำ ช้าไปอีก 1 ปี แล้วค่อยมาพูดคุยกัน เรื่องซื้อเรือดำน้ำก็ได้ แต่อย่างน้อยงบประมาณ 4 พันกว่าล้านบาทที่ต้องจ่ายงวดแรกในปี 64 ควรจะถูกนำมาฟื้นฟูเศรษฐกิจในประเทศ เพราะถ้านำมาลงทุน เยียวยา ฟื้นฟู ประชาชนที่ลำบากก็จะเกิดการหมุนเวียนภายในประเทศ เราจึงยืนยันว่าไม่เห็นด้วยที่จะให้มีการซื้อเรือดำน้ำ ลำที่ 2 และลำที่ 3 ในปีนี้ ซึ่งผมและพรรคก้าวไกลได้แสดงจุดยืนชัดไปแล้วในชั้นอนุกรรมาธิการ” นายธนาธร กล่าว
เมื่อถามว่าจากการลงพื้นที่ ชาวระยองเห็นด้วยหรือไม่ นายธนาธร กล่าวว่า ชาวบ้านได้แสดงความไม่พอใจกับตนมาแล้วว่า เขามีความรู้สึกไม่เป็นธรรม เพราะลำพังชีวิตเขาลำบากอยู่แล้ว แล้วยังต้องมาอดทนกับการต่อสู้การแพร่ระบาดโควิด-19 หลายคนไม่ได้เปิดร้านมานานนับเดือน หลายคนต้องปิดแผงไป ซึ่งคนเหล่านี้เสียสละเพื่อประเทศ แต่เขากลับเห็นงบประมาณที่มาจากภาษีของพวกเขา ไปใช้ในสิ่งที่ไม่เกิดประโยชน์ ดังนั้นคำถามนี้ จึงไม่ต้องให้ตนเป็นผู้ตอบ แต่สื่อมวลชนสามารถเดินถามได้เอง
นายธนาธร กล่าวถึงกระแสข่าวการทำรัฐประหารว่า เราต่อต้านการทำรัฐประหาร เพราะเชื่อว่าไม่ใช่ทางออก ไทยเป็นประเทศหนึ่ง ที่มีรัฐประหารมากที่สุดในโลก แต่ก็พิสูจน์มาได้ทุกยุค ทุกสมัยว่าแก้ปัญหาไม่ได้ วิกฤติการเมืองรอบนี้ เกิดจากการทำรัฐประหารในปี 49 ซึ่งวิกฤติครั้งนั้นยังทำไม่จบ จนถึงวันนี้ผ่านมา 14 ปีแล้ว แต่เราก็เข้าสู่ทศวรรษที่ไม่ได้พัฒนาประเทศอย่างจริงจัง แทนที่จะเอาเวลาและงบประมาณ มาลดความเหลื่อมล้ำ มาพัฒนาประเทศ แต่กลับเอาไปต่อสู้กันทางการเมือง เพื่อไปเพิ่มความนิยมให้กับพรรคการเมืองที่สนับสนุนการสืบทอดอำนาจของรัฐประหาร ดังนั้น เราไม่สนับสนุนการสืบทอดอำนาจของการทำรัฐประหาร และตนเชื่อว่าจะไม่เกิดขึ้น เพราะต้นทุนทางสังคม ต้นทุนความน่าเชื่อถือเขาได้ใช้หมดแล้ว แต่ก็ประมาทไม่ได้ .-สำนักข่าวไทย