นายกฯ เผยกำลังจัดเวทีรับฟังนักศึกษา

กรุงเทพฯ 17 ส.ค.-  นายกฯ เผยกำลังจัดเวทีรับฟังนักศึกษา แต่ขอไม่ลงรับฟังเอง เหตุตกเป็นเป้าเล่นงาน  ย้ำ ขอเรียกร้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ มีขั้นตอน ขณะที่ ให้นายกฯ ลาออกนั้น ยังไม่ถึงเวลา  พร้อมถามใครอยู่เบื้องหลังม็อบ พรรคการเมืองใดเข้าพื้นที่บ้าง


พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึง ข้อเสนอของหลายฝ่ายที่ต้องการให้รัฐบาลเปิดเวทีรับฟังความเห็นของนักศึกษา ที่ออกมาเคลื่อนไหว พร้อมยื่นข้อเรียกร้องมายังรัฐบาล ว่า ขณะนี้ได้เตรียมการไว้แล้ว โดยให้กระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงอุดม ศึกษาวิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม ร่วมเปิดเวทีในการเชิญแกนนำมาพูดคุย  

“แต่ขออย่านำรัฐบาล หรือนายกรัฐมนตรีลงไปพูดคุยในตอนนี้ เพราะเป้าหมายของการชุมนุม คือ ต้องการเล่นงานนายกรัฐมนตรีและรัฐบาล แต่หากไม่มีนายกรัฐมนตรี หรือรัฐบาลที่มีอำนาจเต็มในการบริหาร ประเทศก็เดินหน้าต่อไม่ได้  ดังนั้น ข้อเรียกร้องที่ให้นายกรัฐมนตรีลาออก จึงยังไม่ถึงเวลา” นายกรัฐมนตรี กล่าว


นายกรัฐมนตรี ยังขอให้สื่อมวลชนระมัดระวังในการเสนอข่าว และช่วยกันนำเสนอข่าวเพื่อไม่ให้ความขัดแย้งลุกลามบานปลาย พร้อมตั้งคำถามกลับด้วยว่า “สื่อเห็นหรือไม่ มีใครอยู่เบื้องหลัง มีนักการเมือง หรือพรรคไหนเข้าไปในกลุ่มผู้ชุมนุมบ้าง เพราะการเข้าไปอยู่ในพื้นที่ จะยิ่งทำให้สถานการณ์แย่ลง เนื่องจากผู้ที่ได้รับผลกระทบ คือเด็กนักศึกษาที่ออกมาเคลื่อนไหว รวมถึง เศรษฐกิจในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบด้วย”

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต้องการให้ทุกคนปฏิบัติตามกฎหมายขั้นพื้นฐาน สิทธิและหน้าที่ ส่วนข้อเรียกร้องให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ และให้นายกรัฐมนตรีลาออก  ทุกอย่างมีกระบวนการ ขั้นตอน โดยเฉพาะการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มี กรรมการรับฟังความคิดเห็น ผ่านการลงประชามติ และกระบวนการในรัฐสภา ตามขั้นตอนของกฎหมาย ซึ่งกำลังเร่งดำเนินการให้ทั้งหมด ส่วนกรณีที่ผู้ชุมนุมขีดเส้นตายให้รัฐบาลปฏิบัติตามข้อเรียกร้อง ไม่เช่นนั้นจะชุมนุมอีกครั้ง ในเดือนกันยายนนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนทำงานโดยยึดหลักของกฎหมาย จะทำในแบบอื่นไม่ได้ และการชุมนุมได้มีการติดตามทุกวัน ขึ้นอยู่ว่าจะติดตามมากน้อยแค่ไหน  .- สำนักข่าวไทย 


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

Taiwanese actress Barbie Hsu, who died of influenza at 48 sepia

“ซันไช่” นางเอกจาก F4 ซีรีส์ดังไต้หวันเสียชีวิตแล้ว

ไทเป 3 ก.พ.- ต้าเอส หรือที่ผู้ชมรู้จักในบทบาท “ซันไช่” นางเอกจากเรื่องรักใสใส หัวใจสี่ดวง (Meteor Garden) ซีรีส์ดังของไต้หวันในช่วงปี 2544 เสียชีวิตในวัย 48 ปี เพราะอาการแทรกซ้อนจากไข้หวัดใหญ่ ต้าเอสหรือบาร์บี สวี มีชื่อจริงว่า สวี ซีหยวน เป็นที่รู้จักไปทั่วเอเชียจากซีรีส์ดังที่คนมักเรียกกันสั้น ๆ เอฟ 4 (F4) มีข่าวลือแพร่สะพัดในโลกออนไลน์เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ว่า เธอเสียชีวิตแล้ว และยิ่งเป็นกระแสหนักขึ้นไปอีกเมื่อนายหวัง เสี่ยวเฟย อดีตสามีที่เป็นนักธุรกิจได้เปลี่ยนรูปโพรไฟล์ในสื่อสังคมออนไลน์เป็นสีดำ และในเช้าวันนี้น้องสาวของเธอ สวี ซีตี้ ที่รู้จักในวงการบันเทิงว่า เสี่ยวเอส ยืนยันด้วยการส่งถ้อยแถลงถึงสถานีโทรทัศน์ทีวีบีเอส นิวส์ (TVBS News) ว่าพี่สาวของเธอถึงแก่กรรมเพราะปอดอักเสบที่เป็นอาการแทรกซ้อนจากไข้หวัดใหญ่ ต้าเอสเกิดเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2519 เริ่มเข้าวงการในฐานะศิลปินคู่กับเสี่ยวเอสในชื่อวง เอสโอเอส  “S.O.S” เมื่อปี 2537 เธอมีลูก 2 คนกับอดีตสามี […]

“เต้ มงคลกิตติ์” หอบกล้องวงจรปิด 34 จุดคดี “แตงโม” มอบดีเอสไอ

นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เข้าพบ พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนข้อเท็จจริงคดีการเสียชีวิตของ น.ส.ภัทรธิดา (นิดา) พัชรวีระพงษ์ หรือแตงโม เพื่อมอบหลักฐานและให้ข้อมูลดีเอสไอ หลังรับเป็นเลขสืบสวนที่ 20/2568

“อนุทิน” ยังไม่รู้ ปม “โจ้มหาเฮง” แจ้งความเอาผิดคุณนายผู้ว่าฯ เบี้ยวค่าสลาก

“อนุทิน” บอกยังไม่รู้ ปม “โจ้มหาเฮง” แจ้งความเอาผิดคุณนายผู้ว่าฯ เบี้ยวเงินค่าสลาก ชี้หากจริง ผู้ว่าฯ เหนื่อยแน่

ข่าวแนะนำ

สมช.เคาะพรุ่งนี้ 9 โมง! ตัดไฟฟ้า-อินเทอร์เน็ต-น้ำมัน 5 จุด

สมช.เคาะตัดไฟฟ้า-อินเทอร์เน็ต-น้ำมัน 5 จุดในเมียนมา โยงแก๊งคอลเซ็นเตอร์ พรุ่งนี้ 09.00 น. เชื่อ เข้าใจหลังมีการหารือแจ้งให้เตรียมความพร้อมแล้ว ย้ำ ไม่แทรกแซงเรื่องภายใน

ผบช.ภ.2 สั่งย้าย ผกก.สภ.องครักษ์ เซ่นปม จนท.บุกทลายบ่อน

รมว.มหาดไทย ชื่นชมชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง บุกทลายบ่อนนครนายก ขณะที่ ผบช.ภ.2 สั่งย้ายผู้กำกับการ สภ.องครักษ์ เซ่นปมบ่อน พร้อมตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง ใครบกพร่อง-รับผลประโยชน์ ยืนยันเอาผิดไม่มีละเว้น

ตร.เชื่อชิงทอง 113 บาท ก่อเหตุคนเดียว วางแผนมาอย่างดี

เหตุคนร้ายชิงทองในร้านทองกลางห้างดัง ย่านลำลูกกา จ.ปทุมธานี ได้ทองรูปพรรณ 113 บาท มูลค่ากว่า 5 ล้านบาท ตำรวจเชื่อคนร้ายก่อเหตุเพียงคนเดียว และวางแผนมาเป็นอย่างดี