กระทรวงการต่างประเทศ 18 ส.ค.- โฆษก กต. เผยทูตไทยประจำกรุงเจนีวา เร่งเดินหน้ายื่นหลักฐานต่อกลไกอนุสัญญาออตตาวา เหตุเขมรลอบวางทุ่นระเบิดในไทย จ่อประชุมครั้งต่อไป 22 ส.ค.นี้
นายนิกรเดช พลางกูร โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวความคืบหน้าสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า เมื่อวันที่ 16 ส.ค.68 ที่ผ่านมา มีการจัดคณะลงพื้นที่เพื่อสังเกตการณ์ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลบริเวณชายแดนทางกัมพูชาที่จังหวัดศรีสะเกษ โดยนายมาริษ เสงี่ยมพงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมด้วยผู้ช่วยรัฐมนตรีการต่างประเทศ กองทัพบก และกระทรวงมหาดไทย พร้อมเชิญคณะทูตจากประเทศสมาชิกอาเซียน รัฐภาคีอนุสัญญาออตาวา องค์กรภาคประชาสังคมเก็บกู้ทุ่นระเบิด รวมทั้งสื่อมวลชนไทยและสื่อมวลชนต่างประเทศ เพื่อสังเกตการณ์จัดสถานที่จริงเกี่ยวกับเหตุ ระหว่างลอบวางทุ่นระเบิดในดินแดนไทยของฝ่ายกัมพูชา
ในการลงพื้นที่ครั้งนี้ ได้มีการบรรยาสรุปเกี่ยวกับข้อเท็จจริงลำดับเหตุการณ์ที่ทหารไทยได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบระเบิดทุ่มระเบิดในดินแดนไทน ซึ่งมีการสังเกตภารกิจการเก็บกู้ระเบิดในสถานที่จริงของหน่วยปฏิบัติการเก็บกู้ทุ่นระเบิดด้านมนุษยธรรม โดยหน่วยทหาร บริเวณภูมะเขือจังหวัดศรีสะเกษ เพื่อให้เห็นหลักฐานการวางทุ่นสังหารบุคคลของฝ่ายกัมพูชาในดินแดนไทย โดยคณะได้รับทราบข้อเท็จจริงจากหน่วยปฏิบัติการจริงพร้อม เห็นหลักฐานเชิงประจักษ์ที่มีการวางระเบิดใหม่ซึ่งทำให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บและทุพพลภาพถาวร รวมถึงส่งผลกระทบต่อประชาขนและสังคมในระยะยาว
นอกจากนี้คณะได้สังเกตการณ์ว่าได้รับประชาชนในอำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ที่ได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง จากการโจมตีโดยไม่เลือกเป้าหมายของฝ่ายกัมพูชา พร้อมทั้งได้รับทราบการดำเนินการให้ความช่วยเหลือจากภาคส่วนต่าง ๆ ซึ่งทั้งหมดนี้เพื่อย้ำว่ากัมพูชารอบวางทุนระเบิดดังกล่าวในดินแดนไทย ซึ่งเป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย การกระทำของกัมพูชายังขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศกฎบัตรสหประชาชาติ และกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ รวมถึงพันธะกรณีตาม อนุสัญญาออตตาวา ที่ทั้งไทยและกัมพูชาเป็นภาคี นอกจากนี้เป็นการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงซึ่งกำหนดให้ทั้งสองฝ่ายยุติการใช้อาวุธทุกชนิด และไม่รอบวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคลด้วย
นอกจากนี้ การลงพื้นที่ยังให้ประชาคมระหว่างประเทศ ทบทวนการช่วยเหลือที่ให้กัมพูชาเก็บกู้ทุ่มระเบิด และร่วมกันกดดันให้กัมพูชาปฏิบัติตามพันธะกรณี ที่ได้เป็นหนึ่งในภาคีอนุสัญญาออตตาวา ที่มีความรับผิดชอบ
ส่วนการดำเนินการของไทย ภายใต้อนุสัญญาออตตาวา กระทรวงการต่างประเทศมีการประท้วงโดยตรงไปยังกัมพูชาทุกครั้ง รวมไปถึงส่งไปยังประธานอาเซียนที่ประเทศมาเลเซีย เกี่ยวกับการละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ในเวทีพหุภาคีเอกอัครราชทูตถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ทั้งที่นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และนครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ได้ทำงานอย่างแข็งขัน ในการขับเคลื่อนอนุสัญญาออตตาวายิ่งขึ้น ฝ่ายไทยได้จุดชนวนทางการ ภายใต้กรอบอนุสัญญาว่าก่อนที่จะจะถึงการประชุมรัฐภาคีในเดือนธันวาคมปีนี้เพื่อชี้ชัดเรื่องการละเมิดอนุสัญญาที่เกิดขึ้น กดดันให้ปฏิบัติตามพันธะกรณีของตน
ล่าสุด เมื่อวันที่ 30 ก.ค.ที่ผ่านมา เอกอัครราชทูต ประจำกรุงเจนีวา ได้เข้าประชุมเรื่องรายละเอียดการละเมิดอนุสัญญาของกัมพูชา ซึ่งจะมีการประชุมครั้งต่อไปในวันที่ 22 ส.ค.นี้ โดยจะเข้าร่วมอีกเช่นกันเพื่อนำเสนอข่อเท็จจริงและหลักฐานเพิ่มเติมทั้งหมดนี้ ขอยืนยันว่าคณะกรรมการดังกล่าวเป็นกลไกอนุสัญญาออตตาวาที่ให้ประเทศภาคีที่ถูกกระทำอย่างไทย ได้นำเรื่องไปเป็นหนึ่งในข้อพิจารณาของคณะกรรมการ เพื่อสร้างแรงกดดันให้ประเทศภาคีที่ละเมิดอนุสัญญาเข้ามาชี้แจงและแก้ไข
ขณะที่กรอบทวิภาคี ไทยได้แสดงความผิดหวังอย่างยิ่งที่กัมพูชาไม่รับข้อเสนอของไทยในการร่วมเก็บกู้ทุ่นระเบิด ในการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC) เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (16 ส.ค.68) และการที่กัมพูชาโดย CMAA แถลงเมื่อเช้านี้โดยอ้างเหตุการณ์ไปนานา ซึ่งเป็นท่าทีที่ย้อนแย้งของกัมพูชาซึ่งกล่าวว่าให้ความสำคัญกับการเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรม แต่กลับสร้างเงื่อนไขและปล่อยให้อาวุธร้ายแรงอย่างถูกใช้อยู่และยังคงอยู่ถือเป็นการละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศและข้อตกลงหยุดยืนอย่างชัดเจน และไม่ให้ค่ากับชีวิตความปลอดภัยของมนุษย์ที่ประชาชนของทั้งสองประเทศ
ส่วนที่มีการนำเสนอข้อมูลที่บิดเบือนเพื่อให้เกิดความสับสนโดยผู้อำนวยการ CMAC ขอยืนยันอีกครั้งว่าฝ่ายไทยได้นำท่อนระเบิดที่ตรวจพบทั้งในสองลักษณะได้แก่ทุ่นระเบิดที่ยังไม่ได้นำไปติดตั้ง และทุ่นระเบิดที่ติดตั้งแล้วรวมทั้งได้นำเสนอชิ้นส่วนของท่อระเบิดที่ทำให้เกิดการบาดเจ็บสาหัสและทำให้ทหารไทยพิการไปแล้วซึ่งถูกเก็บกดมาจากบริเวณที่ทหารกับกัมพูชาเคยวางกำลังอยู่ไม่มีการบิดเบือนและไม่มีการจัดฉากใด ๆ การสื่อสารท่าทีของกัมพูชาในเรื่องนี้แสดงถึงความย้อนแย้งในเชิงหลักการของกัมพูชาอย่างชัดเจนอย่างไรก็ตามกระทรวงการต่างประเทศจะเดินหน้าให้กัมพูชามาร่วมมือกับไทยในการเก็บกู้ระเบิดอย่างจริงจังและจริงใจ พร้อมให้ หน่วยงานระหว่างประเทศมาตรวจสอบอย่างชัดเจน
ขณะที่การลงพื้นที่ของผู้สังเกตการณ์ชั่วคราววันนี้จนถึงวันพุธที่ 20 สิงหาคมกองทัพไทยอยู่ระหว่างการนำผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว ซึ่งจัดตั้งขึ้นตามมติจีบีซีสมัยสามัญ ลงพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานีศรีสะเกษและสุรินทร์ซึ่งประกอบไปด้วยผู้ช่วยโทษฝ่ายทหารจากฝ่ายประเทศได้แก่มาเลเซียบรูไนสปอลาวอินโดนีเซียเมียนมาร์ฟิลิปปินส์สิงคโปร์และเวียดนาม รวมทั้งสิ้น 14 คน เพื่อรับทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการละเมิดข้อตกลงของกัมพูชารวมทั้งขัดขวางขวางการปฎิบัติการเก็บระเบิดของศูนย์ปฏิบัติการเก็บกู้ระเบิดแห่งชาติและได้เข้าสังเกตการในพื้นที่จริง ในการลงพื้นที่ครั้งนี้จะทำให้เห็นหลักฐานอย่างประจักษ์และเห็นด้วยตนเองที่ไม่มีการจัดฉากใดใดเพื่อช่วยเป็นกระบอกเสียงชี้แจงให้กับประชาคมโลกรู้ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศและการละเมิดข้อตกลงจุดยืนของกัมพูชาเพื่อยับยั้งข่าวปลอมที่ฝ่ายกัมพูชาปล่อยออกมาอย่างไม่หยุด
การลงพื้นที่ของคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ เป็นการลงพื้นที่ต่อเนื่องเป็นครั้งที่สองหลังจากลงพื้นที่พบกับเชลยครั้งแรก การลงพื้นที่ของคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศเป็น เครื่องมือยืนยันว่าไทยจะให้ความร่วมมือระหว่างหน่วยงานระหว่างประเทศและทางการไทยที่ยึดมั่นในหลักการระหว่างประเทศโดยเฉพาะหลักสิทธิมนุษธรรมและหลักปฏิบัติสากลต่างๆ
สุดท้ายนี้ ขอยืนยันว่าไทยมุ่งมั่นในการแก้ไขปัญหา กับกัมพูชาอย่างสันติผ่านกลไกทวิภาคีที่มีอยู่ และหวังว่าการประชุมต่าง ๆ ทั้ง RBC GBC และ JBC ที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพในอนาคตอันใกล้จะช่วยลดความตึงเครียดที่มีอยู่ และเป็นพื้นฐานในการแก้ปัญหาในระยะต่อไป.312 -สำนักข่าวไทย