ศบ.ทก. ชี้กัมพูชาละเลยเก็บศพทหาร ส่งกลิ่นคลุ้ง-หวั่นโรคระบาด

ทำเนียบ 4 ส.ค.- ศบ.ทก.เผย ไทยทำหนังสือประท้วง พร้อมประณามกัมพูชาบิดเบือนข้อเท็จจริง หลังร้อง OHCHR กล่าวหาไทยละเมิดสิทธิ 18 เชลยศึก ย้ำไทยโปร่งใส เผย สัปดาห์นี้เชิญ ICRC – OHCHR ลงพื้นที่ดูความเป็นอยู่เชลยศึก ชี้ กัมพูชาละเลยเก็บศพทหาร ละเมิดศักดิ์ศรีเกียรติยศ-ขัดหลักศาสนา ลั่น สกปรก ส่งกลิ่นเหม็น หวั่นโรคระบาด – เข้ม ห้ามบินโดรนทุกกรณี ขอประชาชนเป็นหูเป็นตาแจ้งเบาะแส


พลเรือตรีสุรสันต์ คงสิริ โฆษกกระทรวงกลาโหม​ พร้อมด้วยนางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศ และรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงผลการประชุมศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ​ ศบ.ทก.​ ประจำวันจันทร์ที่ 4 สิงหาคม​ 2568

พลเรือตรีสุรสันต์ กล่าวว่า สถานภาพรวมชายแดนไทย-กัมพูชาในช่วงที่ผ่านมาทั้งสองฝ่ายยังคงวางกำลังในพื้นที่มั่นของตนเอง ไม่มีการเคลื่อนไหวที่มีนัยสำคัญ ซึ่งมีรายงานว่าทางฝั่งกัมพูชาได้ดัดแปลงที่มั่นและเพิ่มเติมกำลังในพื้นที่หลัก ประกอบด้วย ปราสาทตาเมือนธม, ปราสาทตาควาย, ช่องโดนเอาว์, ช่องอานม้า, ช่องตาเฒ่า, เขาสัตตะโสม และภูผี โดยเพิ่มกำลังเข้ามาทดแทนกำลังที่สูญเสียในแต่ละพื้นที่ ทำให้บ่งชี้ได้ว่าฝั้งกัมพูชาได้รับการสูญเสียเป็นจำนวนมาก


พลเรือตรีสุรสันต์ กล่าวถึงการปฏิบัติเชลยศึก อย่างที่ทราบกันว่า ปัจจุบันเราควบคุมตัวเชลยศึก 20 นายและส่งกลับไปแล้ว 2 นาย ที่บาดเจ็บและป่วยทางจิต คงเหลือ 18 นาย ที่อยู่ในควบคุมตัวของฝ่ายไทย และปรากฎ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนของกัมพูชา ได้ส่งคำร้องไปยัง สำนักข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ หรือ OHCHR โดยกล่าวหาว่าฝ่ายไทยควบคุมตัวทหารกัมพูชาผิดกฎหมายระหว่างประเทศ ถือเป็นความพยายามบิดเบือนข้อเท็จจริงอย่างสิ้นเชิง ฝ่ายไทยขอประณาม เรื่องบิดเบือนข้อมูลข่าวสารของกัมพูชา ทั้งนี้อยากชี้แจงว่าทหารกัมพูชาที่ถูกคุมตัวทั้งหมด ถือว่าเป็นเชลยศึก ซึ่งมีคำจำกัดความว่า เป็นผู้สังกัดในกองทัพภาคีคู่พิพาท ซึ่งไทยและกัมพูชาถือเป็นประเทศภาคีอนุสัญญาเจนีวา ที่มี ผลบังคับใช้ในประเทศที่มีสงคราม หรือในภาวะขัดกันด้วยอาวุธ ทั้งหมดเป็นเงื่อนไขที่เราปฏิบัติตัวต่อผู้ที่ถูกควบคุมตัวในฐานะเชลยศึก และไทยได้ปฏิบัติด้วยการเคลื่อนย้ายเชลยศึกออกจากพื้นที่เสี่ยงทันที พร้อมจัดแพทย์ตรวจร่างกาย จัดหาอาหาร น้ำดื่ม และเสื้อผ้า อย่างเหมาะสมและเพียงพอ ทั้งนี้เมื่อ สภาวะการขัดกันของอาวุธ หรือการรบสิ้นสุดลง นาทีของประเทศที่คุมเชลยศึกก็จะปล่อยตัวกลับประเทศ แต่ปัจจุบันสถานะยังไม่สิ้นสุด เพราะแค่การหยุดยิงยังไม่ถือว่าเป็นการสิ้นสุดสภาวะการขัดกันของอาวุธ

นอกจากนี้ กระทรวงการต่างประเทศ ไทยมีหนังสือแจ้งไปยัง OHCHR เพื่อประท้วงต่อข้อกล่าวหาของ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนของกัมพูชา ที่กล่าวหาไทย ละเมิดต่อการปฏิบัติตัวต่อเชลยศึก และเพื่อแสดงความโปร่งใส รวมถึงเผยแพร่ข้อเท็จจริงให้กับประชาคมโลกทราบ ในสัปดาห์นี้ฝ่ายไทยได้เชิญผู้แทนคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ หรือ ICRC และ OHCHR ลงพื้นที่เพื่อเยี่ยมทหารกัมพูชาที่ถูกควบคุมตัวด้วย

ส่วนประเด็นเรื่องศพของทหารกัมพูชา พลเรือตรีสุรสันต์ สังเกตได้ว่า รัฐบาลและกองทัพบกกัมพูชาเพิกเฉยและละเลยต่อศพทหารของตนเอง ซึ่งประเทศไทยยึดหลักมนุษยธรรมเสมอมา แม้ไทยจะเป็นฝ่ายถูกกระทำ ก็อย่างเคารพชีวิตและศักดิ์ศรีของมนุษย์ไม่ว่าผู้นั้นจะสังกัดชาติใด โดยที่ผ่านมาไทยเล็งเห็นการปฏิบัติต่อศพของทางฝ่ายกัมพูชา ละเมิดหลักมนุษยธรรมสากลขั้นพื้นฐาน ในการทอดทิ้งร่างผู้เสียชีวิตโดยเฉพาะทหารของตนเอง และละเมิดกฎหมาย มนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างชัดเจนตามอนุสัญญาเจนีวาฉบับที่ 1 และ 4 ว่าด้วยการเก็บรักษาและเคารพร่างผู้เสียชีวิตจากการสู้รบ


ส่วนการละเมิดเพิกเฉยของกัมพูชา ต่อเกียรติยศของทหารกัมพูชาเอง คือการไม่ดำเนินการใดๆ ต่อร่างทหารที่เสียชีวิต สะท้อนการละเลยศักดิ์ศรีความเป็นทหารของตนเอง ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเศร้า และอาจจะสร้างผลกระทบต่อขวัญได้กำลังใจของทหารกัมพูชาที่ยังมีชีวิตอยู่ นอกจากนี้ ยังขัดต่อหลักศาสนาและวัฒนธรรมของกัมพูชา ที่นับถือเป็นศาสนาพุทธ การที่ไม่จัดการศพของทหารตนเอง ถือเป็นการละเมิดหลักศาสนาขนบธรรมเนียมอันศักดิ์สิทธิ์ ของประเทศแต่ละฝ่าย

ขณะเดียวกันยังกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขลักษณะข้ามแดน ซึ่งการปล่อยศพไว้โดยไม่เก็บกู้ ส่งผลต่อสุขลักษณะในพื้นที่ อาจจะเป็นความเดือดร้อนที่ลุกลามข้ามพรมแดน นอกเหนือจากเรื่องของกลิ่น ยังเป็นเรื่องของความสกปรก และมีโอกาสที่จะแพร่เชื้อโรคต่างในพื้นที่ มันเป็นอันตรายต่อประชาชน และผู้ปฏิบัติหน้าที่บริเวณชายแดน จึงขอวิงวอนไปยังฝ่ายกัมพูชาเรื่องการเคารพสิทธิพื้นฐานของความเป็นมนุษย์ โดยเฉพาะทหารที่เสียสละสู้รบ

ทั้งนี้ขอความร่วมมือประชาชน งด ผลิต หรือเผยแพร่ข่าวปลอม ซึ่งจะส่งผลกระทบให้เกิดความตื่นตระหนกต่อประชาชนในพื้นที่

พลเรือตรีสุรสันต์กล่าวอีกว่า ในช่วงเวลาที่ผ่านมา พบว่ามีการตรวจพบการบินโดรนที่ผิดกฎหมายอย่างมาก ซึ่งสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยออกประกาศห้ามบินโดรน ตั้งแต่วันที่ 30 กรกฎาคม- 15 สิงหาคม 2568 ผู้ฝ่าฝืนจะต้องจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ขอเชิญ ประชาชน ทหารผ่านศึก นักศึกษาวิชาทหาร อาศัยความรู้ความสามารถที่ได้ร่ำเรียนมาช่วยกันตรวจสอบตรวจตรา โดยเฉพาะในพื้นที่ของกองทัพภาคที่ 1 และ 2 สอดส่องว่ามีผู้ประสงค์ร้ายหรือมีพฤติกรรมดังกล่าวหรือไม่หากตรวจพบขอให้แจ้งไปยัง ศูนย์ต่อต้านโดรน หรือ แจ้งเหตุที่สถานีตำรวจ หน่วยงานทหาร และหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่

สำหรับมาตรการเชิงรุก สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะลงพื้นที่ตรวจสอบการครองครองโดรนทั่วประเทศ โดยจะตรวจสอบจากสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย โดยเฉพาะผู้ที่ได้รับใบอนุญาตบิน ข้อมูลผู้ขออนุญาตใช้ความถี่ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกสถานีจะนำข้อมูลไปตรวจสอบโดรน และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะขอความร่วมมือ ผู้ที่ใช้โดรน ถ้ายึดถือและปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด เพื่อไม่ให้ตกเป็นเครื่องมือของฝ่ายตรงข้าม ซึ่งได้ดำเนินการแล้วในบางพื้นที่ และพบว่ามีผู้ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบบางส่วน จึงได้ตักเตือนไปแล้ว และต่อจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะบังคับกฎหมายอย่างจริงจังและเด็ดขาด ซึ่งปัจจุบันไม่มีการอนุญาตให้บินโดรนใด ทั่วประเทศ ทั้งโดรนเชิงพาณิชย์หรือการเกษตร

ทั้งนี้ ในการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป หรือ GBC ในวันที่ 4-6 สิงหาคมนี้ หรือเป็นการประชุมฝ่ายเลขานุการร่วม ซึ่งจะไม่มีประเทศใดๆ ร่วม ยกเว้นไทยกับกัมพูชา จากนั้นในการประชุม GBC หลัก วันที่ 7 สิงหาคม จะมีผู้สังเกตการณ์เข้าร่วม คือ มาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน

ด้าน​นางมาระตี กล่าวว่า​ ตลอดระยะเวลาหลายวันที่ผ่านมา เอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ทั่วโลก​ รวมไปถึงผู้บริหารระดับสูงของไทย ยังคงใช้โอกาสต่างๆในการชี้แจงข้อเท็จจริง และจุดยืนของไทย ผ่านช่องทางการทูตและเวทีระหว่างประเทศที่สำคัญต่างๆ​ และยังมีการให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างประเทศ​ เพื่อให้ข้อมูลและตอบข้อสงสัยของมิตรประเทศ​ ตอกย้ำท่าทีของไทย​ ที่ยึดมั่นการแก้ไขปัญหาอย่างสันติ​ โปร่งใสและให้ข้อเท็จจริงโดยไม่บิดเบือน​ ซึ่งการดำเนินการของฝ่ายไทยได้รับการตอบรับที่ดี จากมิตรประเทศ ที่แสดงความเห็นใจและสนับสนุนแนวทางของฝ่ายไทย​

นอกจากนี้​ วันนี้​ กระทรวงการต่างประเทศ​ ได้จัดการบรรยายสรุป​แก่คณะทูตและองค์การระหว่างประเทศอีกครั้ง​ เกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทยกัมพูชา มีผู้เข้าร่วมกว่า 121 คน จาก 74 ประเทศ 1 องค์กร และอีก 16 องค์การระหว่างประเทศ หลักๆ​ คือเพื่อรายงานถึงผลการลงพื้นที่ของคณะทูตและผู้ช่วยทูตทหาร​ต่างประเทศ​ รวมไปถึงสื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศ​ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา​ รวมทั้งให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบัน และพัฒนาการล่าสุด​ โดยการบรรยายสรุปจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 3​ นับตั้งแต่เกิดสถานการณ์ซึ่งถือเป็นโอกาสที่ได้ชี้แจง ข้อเท็จจริงหลายประเด็นที่ฝ่ายกัมพูชาสร้างข่าวปลอมขึ้นมา และวันนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้นำบรรยายเอง​

สุดท้ายขอส่งกำลังใจให้คณะผู้แทนไทยที่กำลังประชุม กรอบ GBC​ ที่ประเทศมาเลเซีย ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญที่จะกลับสู่โต๊ะเจรจา​ บนพื้นฐานของความสุจริตใจ เพื่อลดความตึงเครียด และแก้ไขปัญหาระหว่างกันอย่างสันติวิธี​.-316 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบแล้วบ้าน “พระอลงกต” ที่ขอนแก่น ชาวบ้านเผยเป็นคนใจดี

ขอนแก่น 25 ส.ค. – พบแล้วบ้านของ “พระอลงกต” ใน อ.เมือง จ.ขอนแก่น ตรวจสอบพบเป็นบ้านพักข้าราชการของกรมทางหลวง ชาวบ้านเผย “พระอลงกต” เป็นคนใจดี กลับมาแจกเงินทุกปี พอเห็นข่าวรู้สึกตกใจและสงสาร เพราะเที่เคยสัมผัสเป็นคนใจดี ทีมข่าวตรวจสอบข้อมูลเพื่อตามหาบ้านของพระอลงกต รู้ว่าเป็นคน จ.ขอนแก่น ตั้งแต่กำเนิด สืบค้นที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน พบระบุว่าบ้านเกิดของหลวงพ่ออลงกต อยู่ใน อ.เมือง จ.ขอนแก่น ตรวจสอบพบว่าเป็นบ้านพักข้าราชการของกรมทางหลวง และไปพบบ้านของพ่อเฉย พ่อของพระอลงกต ซึ่งทุกคนไม่ได้เรียกว่าพระอลงกต แต่จะคุ้นเคยเรียกกันว่าพระจอร์จ และนิสัยของพระพระอลงกตมีแต่เรื่องราวดีๆ มอบให้กับสังคม พระอลงกตจะแวะเวียนมาบอกบุญเสมอปีละครั้ง ในช่วงวันเกิดที่โรงเรียนแก่นนคร ที่พระอลงกตเคยศึกษา อย่างช่วงที่พ่อเฉย พ่อของพระอลงกต ยังมีชีวิต พ่อเฉยจะทำว่าวให้เด็กๆ ละแวกนี้เล่น เป็นที่รักของคนในชุมชนเช่นกัน พี่สาวของพระอลงกต ขายข้าวแกงอยู่ตรงข้ามบ้านพักข้าราชการ ซึ่งบ้านของครอบครัวพระอลงกต จะอยู่ติดกับรั้วของสำนักงานทางหลวง แต่พอครอบครัวพระอลงกตเกษียณก็พากันย้ายออกไปอยู่ที่อื่น บ้านพักปัจจุบันนี้ไม่มีใครอยู่ และบ้านส่วนตัวก็ไม่มีใครอยู่อาศัยเช่นกัน พระอลงกตออกจากบ้านไปช่วงปี 2527 แต่พระอลงกตจะกลับมาที่บ้านส่วนตัวทุกปี หลังจากเป็นเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ เพื่อมาทำบุญวันเกิดโรงเรียนแก่นนคร มอบทุนการศึกษาให้กับเด็กๆ เสมอ […]

ตำรวจแจ้งข้อหาเมาแล้วขับ “มารี เบรินเนอร์”

กทม. 24 ส.ค.-ตำรวจแจ้งข้อหาเมาแล้วขับ “มารี เบรินเนอร์” ขับรถหรูเจอด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์แล้วไม่ยอมเป่า ส่วนเพื่อนชายที่มาด้วยโวยวายและขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ คาดน่าจะเกิดจากมึนเมา กรณีนักแสดงสาว “มารี เบรินเนอร์” ขับรถหรูเจอด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์แล้วไม่ยอมเป่าวัด ส่วนเพื่อนชายที่มาด้วยได้ลงจากรถมาโวยวายขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ ทาง พ.ต.อ.เจษฎา ยางนอก ผกก.สน.วังทองหลาง เผยว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา ตำรวจ สน.วังทองหลาง ได้ตั้งด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์ ที่ถนนประดิษฐ์มนูธรรม ช่วงเวลาประมาณ 02.00-04.00 น. ได้ขอตรวจรถยนต์ยี่ห้อปอร์เช่ สีเขียว ปรากฏว่ามี น.ส.มารี เบรินเนอร์ นักแสดงสาว เป็นผู้ขับขี่ และมีนายอัศม์กรณ์ โดยสารมาด้วย ซึ่งนั่งข้างหน้า และมีผู้หญิงมาด้วยอีก 2 คน เมื่อขอตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ นายอัศม์กรณ์ กลับโวยวาย ขัดขวางไม่ให้ตรวจ และมีการด่าทอด้วยคำที่หยาบคาย แต่ไม่ได้มีการทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ ในที่สุดตำรวจได้คุมตัวทั้งหมดมายัง สน.วังทองหลาง พร้อมกับแจ้งข้อกล่าวหาเมาแล้วขับ กับนางสาวมารี เนื่องจากนางสาวมารี ไม่ยินยอมเป่าเครื่องตรวจวัดแอลกอฮอล์ จากนั้นนางสาวมารี ได้ยื่นหลักทรัพย์เป็นเงินสดจำนวน 20,000 บาท […]

“คาจิกิ” ทวีกำลังเป็นพายุไต้ฝุ่น ส่งผลให้ไทยฝนตกเพิ่มทุกภาค

กรุงเทพฯ 24 ส.ค.- กรมอุตุฯ ออกประกาศระบุ ช่วงเช้าที่ผ่านมา พายุโซนร้อน “คาจิกิ” ในทะเลจีนใต้ ได้ทวีกำลังแรงเป็นพายุไต้ฝุ่น เตือน 57 จังหวัด เฝ้าระวังฝนตกหนักถึงหนักมาก ตั้งแต่วันที่ 24-27 ส.ค.68 นายสมควร ต้นจาน ผู้อำนวยการกองพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยว่า พายุโซนร้อน “คาจิกิ” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง ทวีกำลังแรงเป็นพายุไต้ฝุ่น “กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตก ค่อนไปทางเหนือเล็กน้อย และมีแนวโน้มที่จะเคลื่อนเข้าสู่อ่าวตังเกี๋ย ก่อนจะขึ้นฝั่งตอนบนของ ประเทศเวียดนาม และ สปป.ลาว ในช่วงวันที่ 25–26 สิงหาคมนี้ ขอบด้านหน้าของพายุ เริ่มส่งผลกระทบต่อไทยตั้งแต่วันนี้ โดยเฉพาะพื้นที่ด้านตะวันออกของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จะมีเมฆฝนเพิ่มขึ้น จากนั้นจะมีฝนตก ก่อนขยายไปยังภาคกลาง รวมทั้ง กรุงเทพฯ และปริมณฑล ภาคตะวันออก และ ภาคใต้ ในช่วงวันถัดไป กรมอุตุนิยมวิทยาเตือนว่า อิทธิพลของพายุ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ที่มีกำลังแรง จะทำให้มีฝนตกเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะ […]

“จิรายุ” ย้ำคลิป “นั่งลงลูก” ในห้องพิจารณาคดี เป็นคลิปตกแต่งเสียง

ทำเนียบ 24 ส.ค.-“จิรายุ” ย้ำคลิป “นั่งลงลูก” ในห้องพิจารณาคดีศาล รธน. ที่ “ชวน” ได้ยินเป็นคลิปตกแต่งเสียง ฟังกี่รอบก็ชัดว่า “นั่งลงครับ” เตือนประชาชนบิดเบือนข้อมูลใส่ร้าย อย่าโพสต์ ไม่ชัวร์ อย่าแชร์ นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี อดีตประธานคณะกรรมาธิการกิจการศาล องค์กรอิสระ องค์กรอัยการฯ กล่าวถึง กรณีมีการบิดเบือนคำพูดในวันสืบพยานของนายกรัฐมนตรี โดยหลังจากนายกรัฐมนตรีกล่าวคำสาบานตนแล้ว ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญท่านหนึ่งได้กล่าวคำว่า “นั่งลงครับ” แต่กลับมีกระบวนการนำไปบิดเบือนและตกแต่งเสียง โดยกล่าวหาว่า ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญพูดว่า “นั่งลงลูก“ ซึ่งเป็นการบิดเบือน ขณะเดียวกัน ยังพบว่าอดีตประธานรัฐสภา นายชวน หลีกภัย ได้สัมภาษณ์ให้ความเห็นในกรณีดังกล่าวหลายประเด็น ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่า นายชวน หลีกภัย อาจจะยังไม่ได้ฟังคลิปเต็มๆ จริงๆ ในวันดังกล่าว หรือไม่ก็อาจจะได้ฟังจากคลิปที่ถูกบิดเบือนและตกแต่ง ซึ่งความเป็นจริงการบันทึกเสียงทั้งหมดหรือการกล่าวบนบัลลังก์ คนที่นั่งอยู่ในห้องพิจารณาก็ได้ยินตรงกันว่า “นั่งลงครับ” ทั้งสิ้น นายจิรายุ กล่าว ตนในฐานะเคยดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการกิจการศาลองค์กรอิสระ องค์กรอัยการฯ ติดตามการทำงานกระบวนการยุติธรรมมาโดยตลอด ไม่มีเหตุผลใดๆ ในกระบวนการยุติธรรมที่จะใช้คำพูดในลักษณะเช่นนี้ […]

ข่าวแนะนำ

“แพทองธาร” รีโพสต์โต้คลิปบิดเบือน ยันศาลบอก “นั่งลงครับ”

กรุงเทพฯ 25 ส.ค.- “แพทองธาร” รีโพสต์สตอรี่ไอจี โต้ดรามาคลิปบิดเบือน ยันศาล รธน. บอก “นั่งลงครับ” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รีโพสต์สตอรี่ในอินสตราแกรมของสำนักข่าว VOICE TV ยืนยันไม่เป็นความจริง ต่อกระแสดรามาปล่อยคลิปเสียงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พูดว่า “นั่งลงลูก” ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวคําปฏิญาณ ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน คดีคลิปสนทนากับ ฮุน เซน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในคลิปดังกล่าวมีข้อความระบุว่า ฟังชัดๆๆ ศาลบอกว่า “นั่งลงครับ” ไม่ใช่ “นั่งลงลูก” อย่างที่มีคนปั่น!! อย่ามั่ว อย่าบิดเบือนข่าว อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงเช้าวันนี้ (25 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร จะดำเนินการเรื่องการส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลนัดยื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันนี้ ก่อนจะนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 15.00 น.-316 -สำนักข่าวไทย

แจงยิบข้อดี MOU43 กรอบแนวทางสำรวจปักปันเขตแดน

กต. 25 ส.ค.- อธิบดีกรมสนธิสัญญาฯ แจงละเอียดยิบข้อดี MOU43 ใช้เป็นกรอบแนวทางการสำรวจปักปันเขตแดน เพื่อทำแผนที่ใหม่ร่วมกันตามหลักสากล เตือนยกเลิกหนีแผนที่ 1 : 200,000 ไม่พ้น และจะวนมาทำ MOU กันใหม่ นายเบญจมินทร์ สุกาญจนัจที อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ ร่วมกับนายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ อธิบายถึงที่มาของบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบกระหว่างไทยกับกัมพูชา หรือ MOU 43 ว่าเป็นเอกสารพื้นฐานของกรอบการเจรจา ระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลกัมพูชา ว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบกปี 2543 หรือ MOU2543 หรือ MOU43 อธิบดีกรมสนธิสัญญาฯ มั่นใจว่า ประเทศไทยได้เปรียบจาก MOU43 เนื่องจาก MOU43 เป็นการกำหนดกรอบความตกลง และกลไกการปักปันเขตแดน เพื่อร่วมกันสำรวจ-จัดทำหลักเขตแดน เพื่อให้ได้แผนที่ที่นำมาใช้ได้จริง โดยใช้หนังสือสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส ค.ศ.1904 และ 1907 เป็นเอกสารประกอบ เนื่องจาก หนังสือสัญญาดังกล่าวได้พูดถึงคณะกรรมการปักปันเขตแดน เพื่อให้ไปทำแผนที่ตามหลักสันปันน้ำ แม่น้ำ และแนวเส้นตรง […]

“ภูมิธรรม” รับหนักใจ “กัมพูชา” ตกลงกันแล้วไปพูดอีกอย่าง

ทำเนียบ 25 ส.ค.- “ภูมิธรรม” บอกประชุม RBC กองทัพภาค 2 เป็นเรื่องเขตแดน ยอมรับหนักใจ “กัมพูชา” ตกลงกันแล้วไปพูดอีกอย่าง ย้ำไม่ยอมให้ใครรุกล้ำอธิปไตย มองเรื่องเขตแดนไม่เคยจบง่าย บางประเทศใช้เวลาเป็นร้อยปี อย่ากังวลใจ ถ้ายังยืนหยัดผลประโยชน์ชาติ พร้อมยกนาฬิกาข้อมือ ก่อนแซวตัวเอง “วันนี้วันที่เท่าไหร่ ดูเวลาทุกวัน จะพ้นตำแหน่งแล้ว” นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค RBC ไทย-กัมพูชาในส่วนของกองทัพภาคที่2ในวันที่ (27 ส.ค.) จะมีการเสนอเงื่อนไขเหมือนกับการประชุม RBC ของกองทัพภาคที่ 1 หรือแตกต่างกันหรือไม่ว่า ก็ไม่มี เป็นการต่อเนื่อง จากการประชุม RBC ครั้งที่แล้ว แต่อาจจะแตกต่างกันบ้างของแต่ละสภาพพื้นที่และสภาพปัญหา และพื้นฐานจะเป็นการประชุมต่อเนื่องจากครั้งก่อน เป็นเรื่องระดับแม่ทัพไปคุยกัน ส่วนใหญ่เป็นเรื่องเส้นแดน ทำอย่างไรที่จะทำให้ได้ข้อสรุปที่ตรงกันมากที่สุด ส่วนแนวโน้มน่าจะมีสัญญาณที่ดีใช่หรือไม่ เพราะการประชุมครั้งก่อนฝ่ายกัมพูชารับเงื่อนไข แต่การประชุมที่กองทัพภาคที่2 มีเรื่องรั้วลวดหนาม ที่แตกต่างกับกองทัพภาคที่ 1 นายภูมิธรรม กล่าวว่า เรื่องรั้วลวดหนามอาจจะเป็นสิ่งที่ไม่ตรงกับที่พูดคุยกันมา […]

ชื่นชมผ้าไทยลายกริพเพน

25 ส.ค. – ผ้าไทยลาย “กริพเพน” ออกแบบโดยได้แรงบันดาลใจจากเครื่องบินขับไล่กริพเพน ของกองทัพอากาศไทย ที่ไม่เพียงสะท้อนถึงความงดงามทางวัฒนธรรม แต่ยังประกาศถึงความกล้าหาญและหัวใจนักสู้ของชนชาติไทย เพจกรุงเก่าของชาวสยาม และคุณ Kamon Wan เผยแพร่ภาพผ้าไทยลายเครื่องบินรบกริพเพน โดยกองทัพอากาศ รายงานว่าแนวคิดนี้เกิดขึ้นด้วยแรงบันดาลใจจากเครื่องบินกริพเพน ที่มาร่วมพิทักษ์แผ่นดินไทย ชายแดนไทย-กัมพูชา และถูกถ่ายทอดลงบนผ้าไหมสุรินทร์อันเลื่องชื่อ ผสาน “ความแข็งแกร่ง” ของนักรบกับ “ความงาม” แห่งภูมิปัญญาไทยได้อย่างทรงพลัง ภายใต้คอนเซ็ปต์ “แม่ย่านางกริพเพน” ศิลป์และศรัทธาได้รวมเป็นหนึ่ง ที่ไม่เพียงสะท้อนถึงความงดงามทางวัฒนธรรม แต่ยังประกาศถึงความกล้าหาญและหัวใจนักสู้ของชนชาติไทย นี่คือผลงานที่ย้ำเตือนว่าไทยมิได้มีเพียงกำลังปกป้องผืนแผ่นดิน แต่ยังรักษารากเหง้าวัฒนธรรมอันงดงามไว้คู่กัน เพื่อบอกชัดแก่โลกว่าเราคือประเทศไทยผู้สืบสานวัฒนธรรม ที่จะไม่มีวันให้ใครมาย่ำยี ผู้สื่อข่าวรายงานจากกรุงสตอกโฮล์ม สวีเดน ว่าผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารสวีเดนประจำประเทศไทย และเจ้าหน้าที่ของ SAAB สวีเดน ได้เห็นแล้วปลื้มใจมากที่คนไทยมีความรู้สึกที่ดีกับเครื่องบินกริพเพน และนับเป็นแนวคิดที่สร้างสรรค์ กองทัพอากาศมีกำหนดที่จะลงนามในสัญญาจัดซื้อเครื่องบิน Gripen C/D กับ FMV และ SAAB สวีเดน ในวันนี้ (25 สิงหาคม) นำโดย พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล […]