พปชร. 4 ก.ค.-พปชร.แนะญาติผู้เสียชีวิต และทรัพย์สินเสียหายให้ฟ้องดำเนินคดีกับ “ฮุนเซน”
พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ตามที่พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะอดีต ผบ.ทบ. ลงไปตรวจเยี่ยมให้กำลังใจทหาร กองกำลังสุรนารี กองทัพภาค 2 และพี่น้องประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากการสู้รบที่อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ พร้อมคณะอดีตนายทหารชั้นผู้ใหญ่ ประกอบด้วย อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด ,อดีตผู้บัญชาการทหารบก 2 ท่าน อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม อดีตเสนาธิการทหารบก ,อดีตแม่ทัพภาคที่ 1,2,4และ อดีตผู้บังคับบัญชาอีกหลายท่าน เพื่อรับฟังปัญหาในพื้นที่เพื่อขับเคลื่อนในการแก้ไขปัญหา แก่พี่น้องประชาชนอย่างเป็นรูปธรรม
ปัญหาที่พบคือความสูญเสียชีวิตของพี่น้องประชาชนและทหารหาญ โดยมีประชาชน เสียชีวิต 17 ราย บาดเจ็บสาหัส 12 ราย บาดเจ็บปานกลาง 13 ราย บาดเจ็บเล็กน้อย 13 ราย (รวม 52 ราย) ทางทีมงานกฏหมาย พปชร. พิจารณาแล้วเห็นว่า จากพยานหลักฐานที่ปรากฎทางสื่อสังคมออนไลน์ ทั้งไทยและกัมพูชา โดยเฉพาะสื่อออนไลน์ ของ ทางการกัมพูชา และของ นายฮุนเซนเอง ปรากฏพยานหลักฐานทั้งภาพและข้อความแสดงให้เห็นถึงพฤติกรรมในการสั่งการ และบัญชาการรบเอง ซึ่งกรณีดังกล่าว มีการปฎิบัติการทางทหารจากประเทศกัมพูชาและทำให้พี่น้องประชาชน เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก การกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำกระทำผิดฐาน ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา อันเป็นความผิด ตาม ป.อาญา มาตรา83,84,86 ,288 และ มาตรา289 และยังเป็นการกระทำผิดเกี่ยวกับความมั่นคงนอกราชอาณาจักร ตาม ป.อาญา ม.119,120,127 ,128และ ม.129 อีกด้วย การที่นายฮุนเซน ได้วางแผนการรบ สั่งการ และ ให้การสนับสนุนดังกล่าว ผู้สนับสนุนในการกระทำความผิด ตามมาตรา 119,120,127 ต้องระวางโทษเช่นเดียวกับตัวการในความผิดนั้น (ตามมาตรา 129) จึงเสนอแนะ ญาติผู้เสียชีวิต และทรัพย์สินเสียหายให้ฟ้องดำเนินคดีกับสมเด็จฮุนเซนตามกฏหมาย
ทั้งนี้ กรณีดังกล่าว แม้ว่าการกระทำผิดของสมเด็จฮุนเซน จะเกิดขึ้นนอกราชอาณาจักรไทย แต่สามารถดำเนินคดี และรับโทษในประเทศได้ ตาม มาตรา 7 และ 8 ป.อาญา ซึ่งคดีดังกล่าว อัยการสูงสุดจะเป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบ และมั่นใจว่า อัยการสูงสุดคนปัจจุบันเห็นแก่ความสูญเสียของ ประชาชนชาวไทย มากกว่าประเทศกัมพูชาแน่นอน
พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวว่า พยานหลักฐานดังกล่าวชัดเจนมาก และไม่สามารถปฏิเสธได้ เพราะสื่อออนไลน์บางส่วนเป็นของทางการกัมพูชาและเป็นของสมเด็จฮุนเซนเอง และที่สำคัญ หากศาลฯ ได้ออกหมายจับสมเด็จฮุนเซนฯกับพวก สามารถส่งหมายจับดังกล่าว ไปยังตำรวจสากลหรืออินเตอร์โพล เพื่อให้ประเทศที่อยู่ในสนธิสัญญาฯ ส่งผู้ร้ายข้ามแดน มาดำเนินคดีที่ประเทศไทยได้ ซึ่งญาติผู้เสียชีวิต สามารถดำเนินคดี ได้ทั้งคดีอาญาและฟ้องเรียกค่าเสียหายทางแพ่งจากสมเด็จฮุนเซน และกัมพูชาใต้โดยเป็นหน้าที่ของรัฐบาลไทยจะต้อง ตัวกลางในการให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับความเสียหายและได้รับความเดือดร้อนในครั้งนี้
“สำหรับการสู้รบและยึดพื้นที่บริเวณ ช่องอานม้า ขอให้กำลังใจ พี่น้องทหารที่เสียสละทุกสิ่งทุกอย่าง แม้ชีวิตเพื่อปกป้องพื้นแผ่นดินไทยไว้ให้แก่ลูกหลาน ขอให้สามารถยึดพื้นที่กลับคืนได้โดยเร็วและปลอดภัยในการปฏิบัติหน้าที่ทุกคน แต่มีเสียงบ่นน้อยใจจากพี่น้องทหารหาญว่า เสียสละทั้งชีวิต แต่ได้รับเงินชดเชย จากรัฐบาลเพื่อไทยแค่หนึ่งล้านบาท แต่ผู้ชุมนุมทางการเมืองเสื้อแดงได้รับเงินถึง 7-8 ล้านบาท ซึ่งงบประมาณซอฟต์พาวเวอร์ ที่เอาไปโฆษณากางเกงช้างและอื่นๆ หลายพันล้านบาท และที่สำคัญ ครม.ในการประชุมเมื่อวันที่ 29 ก.ค. 2568 ได้อนุมัติ การจัดงานเทศกาลดนตรีอิเล็กทรอนิกส์แดนซ์ (Electronic Dance Music : EDM) โดยกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา ททท. และกระทรวงวัฒนธรรม ใช้งบประมาณกว่า 1,600 ล้านบาท ซึ่งงบประมาณส่วนนี้ควรเอามาช่วยเหลือพี่น้องทหารและพี่น้องประชาชน ไม่ดีกว่าหรือ“
นอกจากนี้ อยากฝากพี่น้องประชาชนทั้ง 20 อำเภอ 7 จังหวัด ที่มีเขตติดต่อกับประเทศกัมพูชาให้ช่วยกันสอดส่องดูอากาศยานไร้คนขับหรือโดรน ที่บินอยู่ในเขตพื้นที่ ซึ่งในขณะนี้ ได้มีการประกาศห้ามบินในทุกเขตของประเทศไทย หากพบมีการบินโดรน ในพื้นที่ใด ขอให้แจ้งที่เบอร์โทร 1374 หรือกองทัพภาคที่ 1 หรือ กองทัพภาคที่ 2 หรือหน่วยทหารในพื้นที่ เพื่อป้องกันการสอดแนมจากฝ่ายตรงข้าม และฝากพี่น้องประชาชนที่มีจิตใจรักประเทศชาติและบ้านเมือง ช่วยกันหาตัวไส้ศึก ที่สั่งการให้ทหารถอย หรือแทรกแซง การทำงานของเจ้าหน้าที่ทหาร ทำให้ไม่สามารถทำงานได้เต็มที่”.-315.-สำนักข่าวไทย