เดินสายแจงทูตสหภาพยุโรป-อังกฤษ ปมชายแดน

รัฐสภา 31 ก.ค.-ประธาน กมธ.การต่างประเทศ เดินสายชี้แจงทูตสหภาพยุโรป-อังกฤษ ปมชายแดนไทย-กัมพูชา ห่วงข่าวปลอมบิดเบือนภาพไทย ย้ำไทยอดทน ยับยั้งชั่งใจทุกขั้นตอน ไม่ตอบโต้เกินจำเป็น ชี้ ต้องเข้มแข็งด้วยลำแข้งตัวเอง ขอประชาคมโลกแสดงจุดยืนต่อความรุนแรง พร้อมจับตาบทบาทประเทศที่สาม บอกถึงเวลาไทยต้องวางตัวอย่างรอบคอบและเข้มแข็ง


นางสาวสรัสนันท์ อรรณนพพร ประธานคณะกรรมาธิการการต่างประเทศสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงการเดินสายพบคณะทูตสหภาพยุโรป และทูตอังกฤษ ถึงสถานการณ์ความขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า ตั้งแต่เกิดเหตุปะทะที่ชายแดนตั้งแต่วันที่ 24 กรกฎาคมที่ผ่านมาทางคณะกรรมาธิการการต่างประเทศได้เดินสายชี้แจงข้อเท็จจริง เป็นอันดับแรก เพราะมีความกังวลใจว่าการสื่อสารข่าว จากทั้งไทยและกัมพูชา มีความแตกต่างกันค่อนข้างมาก จึงเป็นส่วนที่ต่างชาติไม่เข้าใจ และกังวลใจ กรรมาธิการจึงเดินสายไปชี้แจงกับประเทศ ที่เป็นสมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคง ที่อย่างน้อยได้แสดงถึงความกังวลใจในฐานะของฝ่ายนิติบัญญัติ เช่นที่ผ่านมาได้ชี้แจงกับประเทศจีน รัสเซีย อังกฤษ ฝรั่งเศส และอีก 18 ประเทศ ขอสหภาพยุโรป ไปแล้ว ซึ่งจากนี้กรรมาธิการจะเดินสายพูดคุยและชี้แจงข้อเท็จจริงต่างๆ และเรียกร้องให้มิตรประเทศแสดงจุดยืนต่อความรุนแรงที่เกิดขึ้น และขอให้ทุกประเทศช่วยจับตาดูข้อเท็จจริงต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะที่ผ่านมาประชาคมโลกเห็นถึงความสับสนที่เกิดขึ้นเป็นอย่างไร เพราะสำนักข่าวต่างประเทศต่างหยิบยกการแถลงข่าว จาก กัมพูชาที่มีการปลอมแปลงมารายงานข่าว ซึ่งเห็นว่าเป็นการปลอมแปลงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น

เมื่อถามว่า ภายหลังที่ มีข้อตกลงการหยุดยิง แต่ยังเกิดการปะทะ จากฝ่ายกัมพูชาสถานทูตต่างๆมีความเข้าใจในเรื่องนี้หรือไม่ ประธานคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ กล่าวว่า แต่ละประเทศก็รับฟัง เพราะหลายประเทศโดยเฉพาะจากโซนยุโรป ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียโดยตรงจากเรื่องนี้ ดังนั้นจุดยืน สนับสนุนให้ทั้งสองฝ่ายยับยั้งชั่งใจ ในส่วนไทยก็ชัดเจนว่ายับยั้งชั่งใจมาโดยตลอด ซึ่งการปะทะที่เกิดขึ้น ทางฝั่งไทยไม่ได้เลือกที่จะปะทะให้เกิดความเสียหายต่อพลเรือน ไทยปกป้องตนเองเท่าที่จำเป็น และเท่าที่เห็นยังไม่มีภาพ ที่ชาวกัมพูชาได้รับความเสียหาย หรือพลเรือนเสียชีวิต ดังนั้นประชาคมโลกจึงจำเป็นต้องแสดงจุดยืนในเรื่องนี้ เพราะเป็นเรื่องที่ประชาชนและพลเรือนได้รับความรุนแรง ซึ่งขัดแย้งกับกฎบัตรต่างๆ ที่ทั้งสองประเทศเป็นภาคีอยู่


เมื่อถามว่าแต่ละสถานสถานทูตมีความสงสัยหรือไม่ ที่เหตุการณ์เกิดการปะทะและยกระดับความรุนแรงขึ้น ประธานคณะกรรมาธิการการต่างประเทศกล่าวว่า เขาก็อยากฟังความ เห็นของฝ่ายนิติบัญญัติและนักการเมืองเช่นเดียวกันว่ามีความเห็นอย่างไร ขณะที่ประเทศในภูมิภาค ก็อยากทำความเข้าใจว่า เกิดอะไรขึ้นกับทั้งสองประเทศ ยังมีความเป็นกลางและไม่ได้ออกความเห็นมาก

ขณะที่โซนประเทศที่ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสีย ก็มีความกังวลใจ เรื่องประเทศที่สามที่เข้ามาเกี่ยวข้อง จึงอยากทราบจุดยืนของไทย ต่อประเทศมหาอำนาจว่าเป็นอย่างไร

ประธานคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ ยังกล่าวว่า ทุกประเทศมีส่วนได้ส่วนเสีย ดังนั้นประเทศไทยจึงมีความจำเป็นที่ต้องเข้มแข็งด้วยลำแข้งตัวเอง เป็นโอกาสที่จะได้เห็นว่าใครเป็นมิตรประเทศของเราในที่เรามีปัญหา ได้เห็นความจริงใจจากหลายประเทศ ที่จะเข้ามีส่วนร่วมในการช่วยเหลือให้ผ่านพ้นวิกฤตนี้ ซึ่งเรื่องนี้ไทยต้องเข้มแข็งด้วยตัวเองและต้องมองให้ออกว่า กัมพูชามีจุดประสงค์อะไร และประเทศที่เกี่ยวข้องต้องการอะไร


“ไม่มีการปะทะไหน มาถึงความรุนแรงแค่เพราะว่าต้องการปราสาท มันน่าจะมีอะไรที่มากกว่านั้น ส่วนใหญ่การประทะจากทั่วโลก ล้วนแล้วแต่มาจากทรัพยากร เงินๆทองๆ ทั้งนั้น” นางสาวสรัสนันท์ กล่าว

สำหรับการประชุมคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ ในวันนี้ ที่เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาชี้แจงข้อมูลความรุนแรงและความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชานั้น ประธานกรรมาธิการการต่างประเทศ กล่าวว่า เป็นประเด็นที่ติดตามอยู่อย่างต่อเนื่องในกรอบของกรรมาธิการการต่างประเทศ และนอกเหนือจากนั้นเราอยากรู้ถึงสถานการณ์ปัจจุบันตามแนวชายแดน ว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากที่หยุดยิงแล้ว การปะทะและการปฏิสัมพันธ์ของทหารเป็นอย่างไร จึงอยากสอบถาม ผู้ว่าราชการจังหวัดตามแนวชายแดน และตัวแทนกองทัพภาคที่2 ว่าหลังจากคุยกันที่มาเลเซีย ว่าจะมีการพูดคุยกันที่JBC จะเป็นไปในทิศทางไหน เพราะวงการพูดคุยRBC ยังไม่มีความคืบหน้า และหลายกรอบเป็นสิ่งที่เราทำกันอยู่แล้ว วันนี้อยากดูแนวทางของกระทรวงการต่างประเทศและใฝ่ความมั่นคงว่าต่อจากนี้ จะทำอย่างไรให้สถานการณ์คลี่คลายให้เร็วที่สุด

เมื่อถามว่า ในฐานะกรรมาธิการการต่างประเทศมองอย่างไร ต่อข้อเสนอแนะ จากนักวิชาการและฝ่ายการเมือง ที่ให้ฟ้องกัมพูชาต่อศาล อาญาระหว่างประเทศหรือ ICC ประธานกรรมาธิการการต่างประเทศกล่าวว่า สามารถทำได้แต่ยังไม่ถึงเวลา เพราะอาจเป็นการเขวี้ยงงูไม่พ้นคอ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นมีผู้เสียชีวิตจำนวนมากทางฝั่งไทยและกัมพูชา ดังนั้นการจะฟ้องศาลICC ต้องมีหลักฐานที่เพียงพอ และเท่าที่ดูกัมพูชายังมีคดีอื่นๆ ที่ไม่ได้รับการยอมรับจากประชาคมโลกมากอยู่แล้ว

“ดังนั้นไทยจึงต้องวางเป้าให้ดีว่าต้องการอะไร เราต้องการที่จะหยุดความรุนแรงเพื่อเจรจาไปเจรจาต่อ หรือพยายามกำจัดบุคคลหรือครอบครัวใดครอบครัวหนึ่งให้ออกจากซีน” นางสาวสรัสนันท์ กล่าว

ประธานคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ กล่าวว่า เป็นหน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศ ที่เป็นตัวกลางในการเจรจาส่วนเกมการเมืองระดับภูมิภาค ยัง
ต้องจับตาดู เพราะยังมีความเคลื่อนไหวจากทางจีนและสหรัฐ ที่มีนัยสำคัญ อาจถึงเวลาแล้วที่ประเทศไทยจะต้องตัดสินใจครั้งใหญ่ ว่าไทยจะวางตัวอยู่ในมิติไหน ให้เหมาะสมและเสียหายให้น้อยที่สุด โดยไม่เลือกฝั่ง เพราะตอนนี้การค้าถูกกดดันด้วยเรื่องภาษี ทำให้ทราบถึงเจตนารมณ์ที่ชัดเจนของสหรัฐว่าต้องการกดดันไทยผ่านกรอบอะไรบ้าง จึงเป็นที่น่ากังวลว่าท้ายที่สุดแล้ว ว่าไทยถูกกดดันจากเกมของใคร

เมื่อถามถึงการที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรกัมพูชา แถลงกลางที่ประชุมระดับสูงของสหภาพรัฐสภา ที่เจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ ว่าไทยละเมิดข้อตกลงหยุดยิงนั้น นางสาวสรัสนันท์ กล่าวว่า ตนในฐานะเลขาธิการหน่วยประจำชาติไทย ในสหภาพรัฐสภา หรือ IPU นั้น มองว่าเป็นสิทธิ์ของแต่ละคน ที่สามารถแสดงออกบนเวทีระหว่างประเทศ ส่วนสิ่งที่เกิดขึ้นฝ่ายนิติบัญญัติมีองค์กรระหว่างประเทศในหลายกรอบ ทั้ง IPU , สมัชชารัฐสภาอาเซียน หรือ AIPA กรอบอาเซียนและ สหภาพสมาชิกรัฐสภาเอเชียแปซิฟิก หรือ APPU ดังนั้นควรใช้กรอบความร่วมมือที่มีอยู่เพื่อสื่อสารไปยังสมาชิกทั่วโลกให้เกิดประโยชน์สูงสุด.-315 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.ตร.รับทราบเหตุปะทะเดือดสงขลา ปิดล้อมกลุ่มก่อความไม่สงบ

รัฐสภา 11 ก.ย.- “บิ๊กต่าย” พยักหน้ารับทราบ เหตุปะทะเดือด เจ้าหน้าที่ปิดล้อมกลุ่มก่อความไม่สงบ พื้นที่ จ.สงขลา ระบุขอเข้าประชุมก่อน พลตํารวจเอก กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางมาประชุมร่วมกับกรรมาธิการการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร ที่อาคารรัฐสภา โดยผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามว่า ได้รับรายงานเรื่องการปะทะเดือด เจ้าหน้าที่ปิดล้อมกลุ่มก่อความไม่สงบ ที่บ้านห้วยเต่า สงขลา แล้วหรือไม่ โดยพลตํารวจเอก กิตติ์รัฐ พยักหน้า แต่ไม่ได้ตอบคำถาม ระบุเพียงว่าขอเข้าประชุมก่อน -สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” ชี้เป้าตลก 3 พยางค์ ส่อโยงเส้นเงินวัดพระบาทน้ำพุ

รัฐสภา 11 ก.ย.- “บิ๊กเต่า” ชี้เป้าตลก 3 พยางค์โผล่วันจับ “ทิดอลงกต” ส่อโยงเส้นเงินวัดพระบาทน้ำพุ พบพิรุธ ยังไม่มารายงานตัว พลตำรวจตรี จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กล่าวถึงความคืบหน้าคดีทิดอลงกต วัดพระบาทน้ำพุ ที่มีการเปิดเผยออกมาว่า ตลกชื่อ 3 พยางค์ มีส่วนเกี่ยวข้องกับเงินวัดพระบาทน้ำพุด้วย ว่า มีตลกอีก 1 คนที่ยังเป็นเป้าหมายยังไม่ได้มาแสดงตัวและยังไม่ได้มาให้การ พนักงานสอบสวนจะเรียกมาเอง ซึ่งพบพิรุธเยอะว่าทำอะไรที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายหรือไม่เป็นไปตามวิธีการที่ทำในการเข้าไปช่วยเหลือ ทิดอลงกต ในการขนย้ายสิ่งของ ซึ่งเป็นเอกสารสำคัญ และไม่เหมือนดาราท่านอื่น ที่เป็นการรับจ้างงาน แต่คนนี้น่าจะเป็นคนที่สนิทส่วนตัว เป็นคนที่เคยถูกดำเนินคดีอยู่ เมื่อถามว่าเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้เลยใช่หรือไม่ พลตำรวจตรี จรูญเกียรติ กล่าวว่าเป็นคนลึกลับซับซ้อน ซึ่งเป็นคนที่เคยโผล่ให้เห็นในวันที่ทิดอลงกตถูกจับ -สำนักข่าวไทย

พ.อ.นพ.ธวัชชัย เล่านาที จนท.สวนสัตว์ ลงจากรถ แล้วถูกสิงโตตะปบรุมขย้ำ

กทม. 10 ก.ย.-พ.อ.นพ.ธวัชชัย เล่านาที สิงโตตะปบเจ้าหน้าที่สวนสัตว์ จากนั้นสิงโตอีก 5 ตัว รุมขย้ำ โดยที่เจ้าตัวไม่ได้ขัดขืนหรือร้องขอความช่วยเหลือ พ.อ.นพ.ธวัชชัย กาญจนรินทร์ อดีตอาจารย์และแพทย์ศัลยกรรม โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า หรือเป็นที่รู้จักในฐานะหมอที่มาช่วยเหลือในคดีการเสียชีวิตของแตงโม ซึ่งเป็นผู้เห็นเหตุการณ์ระบุว่า วันนี้ตนมาเที่ยวสวนสัตว์ โดยได้ขับรถเข้าไปในโซนซาฟารี ขณะนั้นมีรถนักท่องเที่ยวหลายคันเข้าชม เมื่อมาถึงบริเวณโซนสิงโต ก็พบว่ามีรถของเจ้าหน้าที่รายหนึ่งซึ่งเป็นรถของสวนสัตว์จอดอยู่คันเดียว ตอนนั้นตนเองก็รู้สึกผิดสังเกต เพราะช่วงเวลาดังกล่าวไม่ใช่ช่วงเวลาให้อาหารสัตว์และเจ้าหน้าที่รายนี้อยู่คนเดียว ได้ลงมายืนข้างล่างของรถ ฝั่งคนขับ โดยเปิดประตูทิ้งไว้ แต่ไม่ได้ทำอะไร แค่ยืนเฉยๆ ลักษณะยืนหันหน้า เข้าหารถ หันหลังให้สัตว์ ซึ่งตนก็รู้สึกแปลกอย่างมาก อย่างไรก็ตาม เนื่องจากมีต้นไม้บัง ตนก็เลยไม่เห็นว่าในมือถืออะไร จากนั้นประมาณ 3 นาที ก็มีสิงโตตัวหนึ่งค่อยๆ ย่องมาทางข้างหลังช้าๆ ก่อนจะตะครุบเข้าข้างหลังเจ้าหน้าที่รายดังกล่าวทันที โดยที่เจ้าหน้าที่รายดังกล่าวไม่ได้มีท่าที ขัดขืน ดิ้นรนต่อสู้ หรือร้องขอชีวิตแต่อย่างใด หลังจากนั้น สิงโตตัวอื่นๆ ก็ค่อยๆ เดินตามมารุมกัดตามที่ปรากฏในคลิป ตนเองไม่รู้จะต้องทำอย่างไร ทำได้เพียงแต่บีบแตรรถ เช่นเดียวกับนักท่องเที่ยวคันอื่น ที่ช่วยกันบีบแตร ผ่านไปประมาณ 10 […]

สิงโตสวนสัตว์เอกชน ลาก จนท.ไปรุมกัด สาหัส

กทม. 10 ก.ย.-สิงโตในสวนสัตว์เอกชน ทำร้ายเจ้าหน้าที่ ลากไปรุมกัด อาการสาหัส นักท่องเที่ยวบันทึกเหตุการณ์ไว้ได้ พ.ต.อ.นิรุชพล โยธามาตย์ ผกก.สน.คันนายาว เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (10 ก.ย.68) ได้รับรายงานว่า เกิดเหตุสิงโตทำร้ายเจ้าหน้าที่ ภายในสวนสัตว์ของเอกชน จากการตรวจสอบพบว่า เจ้าหน้าที่ลงไปให้อาหาร โดยไม่ปฏิบัติตามกฎของบริษัท จึงทำให้ถูกสิงโตรุมทำร้าย เบื้องต้นอาการสาหัส นำตัวส่งโรงพยาบาล ประสานพนักงานสอบสวนเชิญตัวเจ้าหน้าที่ของสวนสัตว์มาสอบปากคำ และลงบันทึกประจำวัน โดยยังไม่มีญาติของเจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายมาแจ้งความแต่อย่างใด ทั้งนี้ ในคลิปเป็นเหตุการณ์ที่นักท่องเที่ยวบันทึกไว้ได้ บริเวณส่วนจัดแสดงสิงโต มีรั้วขนาดใหญ่เปิดให้รถเข้า-ออก เป็นพื้นที่เปิด ให้นักท่องเที่ยวขับรถเข้าไปด้านใน มีป้ายกำกับชัดเจนห้ามเปิดกระจกและห้ามลงจากรถ ด้านในจะมีรถของสวนสัตว์จอดดูแลความปลอดภัย และบางช่วงมีการจัดแสดงโชว์ให้อาหารสิงโตที่อยู่ด้านใน.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

สั่ง 4 ข้อยกระดับมาตรฐานซาฟารีเวิลด์ ห่วงความปลอดภัยและสวัสดิภาพสัตว์

กรุงเทพฯ 12 ก.ย. – อธิบดีกรมอุทยานฯ มีคำสั่งด่วนถึงซาฟารีเวิลด์ ให้ปรับปรุงมาตรฐานความปลอดภัยในการจัดแสดงสัตว์ดุร้ายโดยเร็ว พร้อมกำหนด 4 มาตรการเข้มที่ต้องปฏิบัติเพื่อยกระดับความปลอดภัยทั้งต่อนักท่องเที่ยวและเจ้าหน้าที่ ชี้เป็นห่วงสุขภาพและสวัสดิภาพสิงโต เบื้องต้นพบมีภาวะเครียดและมีอาการโรคผิวหนัง ส่วนกรงยังมีไม่เหมาะสมเพียงพอ นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เปิดเผยว่า ได้มีหนังสือด่วนที่สุดถึงบริษัท ซาฟารีเวิลด์ จำกัด (มหาชน) ให้ดำเนินการปรับปรุงมาตรฐานความปลอดภัยในการจัดแสดงสัตว์ดุร้าย หลังเกิดเหตุสิงโตในโซนจัดแสดงแบบเปิดรุมทำร้ายเจ้าหน้าที่สวนสัตว์จนเสียชีวิต จากการตรวจสอบเบื้องต้นของคณะเจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯ พบข้อบกพร่องด้านความปลอดภัยหลายประการเช่น ไม่มีระบบกั้นพื้นที่อย่างปลอดภัย ไม่มีประตูนิรภัยสองชั้น และขาดอุปกรณ์ควบคุมสัตว์ที่เหมาะสม ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ต้องเข้าใกล้สัตว์โดยตรงขณะปฏิบัติงาน กรมฯ จึงกำหนด 4 มาตรการเร่งด่วน ที่บริษัทต้องดำเนินการให้ครบถ้วน ดังนี้ อธิบดีกรมอุทยานฯ ย้ำว่า ได้ให้บริษัทเร่งปรับปรุงให้ได้ตามมาตรฐานเพื่อความปลอดภัยทั้งของนักท่องเที่ยวและเจ้าหน้าที่ ก่อนหน้านี้ กรมอุทยานฯ ได้มีคำสั่งปิดการจัดแสดงสิงโตและสัตว์ดุร้ายในสวนสัตว์เปิดซาฟารีเวิลด์เป็นการชั่วคราวหลังเกิดเหตุ โดยคำสั่งล่าสุดนี้ ถือเป็นการกำหนดรายละเอียดแนวทางแก้ไขเชิงระบบ เพื่อให้เกิดการปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม อธิบดีกรมอุทยานฯ ยังแสดงความห่วงใยถึงสุขภาพและสวัสดิภาพของสิงโต 5 ตัวที่รุมทำร้ายเจ้าหน้าที่สวนสัตวว์ เป็นเพศผู้ 3 ตัว เพศเมีย 2 […]

ชาวบ้านเฮ! ปิดรอยขาดพนังกั้นน้ำยังได้สำเร็จ

ร้อยเอ็ด 12 ก.ย. – สามารถปิดรอยขาดพนังกั้นน้ำยัง บริเวณบ้านทรายมูล อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด หลังเจ้าหน้าที่จากหลายหน่วยงาน พร้อมชาวบ้านกว่า 200 คน เร่งช่วยกันซ่อมแซม ปฏิบัติการเร่งซ่อมพนังกั้นลำน้ำยังที่ขาด บริเวณบ้านทรายมูล หมู่ 4 ต.ขวาว อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด ทำให้มวลน้ำทะลักเข้าท่วมนาข้าวเสียหายกว่า 5,000 ไร่ ครอบคลุม 3 ตำบล นายชัชวาลย์ เบญจสิริวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด นำเจ้าหน้าที่จากหลายหน่วยงาน พร้อมชาวบ้านกว่า 200 คน ใช้ทั้งแรงคนและเครื่องจักรหนัก รถบรรทุกทราย และถุงบิ๊กแบ็กปิดกั้นรอยแตก นอกจากนี้ยังนำเสาไฟฟ้า 16 ต้น มาวางพาดขวางเสริมฐานความแข็งแรง ร่วมกับท่อนไม้ขนาดใหญ่ เพื่อชะลอความแรงของกระแสน้ำ ก่อนใช้รถแบ็กโฮจัดวางถุงทรายทับซ้ำอีกชั้นหนึ่ง เพื่อเพิ่มความมั่นคงให้แนวป้องกัน เมื่อเวลา 17.00 น. วานนี้ (11 ก.ย.) สามารถปิดบริเวณที่ขาดได้สำเร็จ ผู้ว่าฯ ร้อยเอ็ด กล่าวว่า หลังจากปิดกั้นจุดที่ขาดเสร็จสิ้น […]

‘เจนซี’ เนปาลเรียกร้องยุบสภา-ตายเพิ่มเป็น 34 ราย

กาฐมาณฑุ 12 ก.ย. -ยอดผู้เสียชีวิตจากการประท้วงรุนแรงในเนปาล เพิ่มเป็น 34 ราย ผู้นำเยาวชนเรียกร้องให้ยุบสภา และสนับสนุนอดีตประธานศาลฏีกาหญิง เป็นผู้นำประเทศชั่วคราว หลังการประท้วงรุนแรง 2 วันจนนายกรัฐมนตรีต้องลาออก โอจาชวี ราช ทาปา ผู้นำเยาวชนเนปาล เรียกร้องให้ยุบสภาหลังการเจรจากับกองทัพในกรุงกาฐมาณฑุเมื่อวานนี้ และบอกว่า พวกเขาสนับสนุนให้ สุชิลา คาร์กี อดีตประธานศาลฎีกา เป็นหัวหน้ารัฐบาลรักษาการ พวกเขาไม่เห็นด้วยกับการยกเลิกรัฐธรรมนูญ แต่เสริมว่ายังมีสิ่งที่ต้องแก้ไขอีกมาก ขณะที่แกนนำเยาวชนอีกคนอ้างว่า พวกเขาได้ประท้วงอย่างสันติหลังจากได้รับอนุญาตจากนายกเทศมนตรีของกรุงกาฐมาณฑุ แต่รัฐบาลกลับสั่งให้ตำรวจปราบจลาจลยิงแก๊สน้ำตาและกระสุนยางเข้าใส่พวกเขาเพื่อหวังสลายการชุมนุมจนนำไปสู่ความรุนแรงเป็นเหตุจลาจลนองเลือด เผาทำลายอาคารรัฐสภา จนนายกรัฐมนตรี เคพี ชาร์มา โอลี ต้องลาออก ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตจากการประท้วงเพิ่มเป็น 34 ราย บาดเจ็บ 1,033 คน ส่วนเมื่อวานนี้ ทหารยังคงลาดตระเวนตามท้องถนนที่เงียบสงบของกรุงกาฐมาณฑุ ร้านค้าและโรงเรียนยังคงปิด ส่วนหน่วยงานบริการสำคัญบางแห่งกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง เหตุความวุ่นวายในเนปาลรอบนี้ มีที่มาจากการที่รัฐบาลสั่งห้ามใช้สื่อสังคมออนไลน์ที่ประกาศเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แต่ถูกยกเลิกไปหลังจากมีผู้เสียชีวิต 19 รายในวันจันทร์ที่ผ่านมา ก่อนที่การประท้วงจะขยายไปเป็นการต่อต้านการทุจริตของนักการเมืองและข้าราชการ รวมถึงบรรดาลูกท่านหลานเธอและอภิสิทธิ์ชน ที่นำเสนอชีวิตหรูหราสุขสบายของพวกเขาผ่านทางสื่อออนไลน์ ในขณะที่ชาวเนปาลจำนวนมากยังมีชีวิตที่ยากลำบาก การประท้วงนี้ได้รับการขนานนามว่าเป็นการเคลื่อนไหวของคนเจนซี […]

อุตุฯ เผยไทยยังมีฝนตกหนักบางแห่ง-กทม.ฟ้าคะนอง 60%

กรุงเทพฯ 12 ก.ย. – กรมอุตุฯ เผยประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองและมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 60% กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนอง และมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือ ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่าง และอ่าวไทย มีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง กรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส.-สำนักข่าวไทย