เดินสายแจงทูตสหภาพยุโรป-อังกฤษ ปมชายแดน

รัฐสภา 31 ก.ค.-ประธาน กมธ.การต่างประเทศ เดินสายชี้แจงทูตสหภาพยุโรป-อังกฤษ ปมชายแดนไทย-กัมพูชา ห่วงข่าวปลอมบิดเบือนภาพไทย ย้ำไทยอดทน ยับยั้งชั่งใจทุกขั้นตอน ไม่ตอบโต้เกินจำเป็น ชี้ ต้องเข้มแข็งด้วยลำแข้งตัวเอง ขอประชาคมโลกแสดงจุดยืนต่อความรุนแรง พร้อมจับตาบทบาทประเทศที่สาม บอกถึงเวลาไทยต้องวางตัวอย่างรอบคอบและเข้มแข็ง


นางสาวสรัสนันท์ อรรณนพพร ประธานคณะกรรมาธิการการต่างประเทศสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงการเดินสายพบคณะทูตสหภาพยุโรป และทูตอังกฤษ ถึงสถานการณ์ความขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า ตั้งแต่เกิดเหตุปะทะที่ชายแดนตั้งแต่วันที่ 24 กรกฎาคมที่ผ่านมาทางคณะกรรมาธิการการต่างประเทศได้เดินสายชี้แจงข้อเท็จจริง เป็นอันดับแรก เพราะมีความกังวลใจว่าการสื่อสารข่าว จากทั้งไทยและกัมพูชา มีความแตกต่างกันค่อนข้างมาก จึงเป็นส่วนที่ต่างชาติไม่เข้าใจ และกังวลใจ กรรมาธิการจึงเดินสายไปชี้แจงกับประเทศ ที่เป็นสมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคง ที่อย่างน้อยได้แสดงถึงความกังวลใจในฐานะของฝ่ายนิติบัญญัติ เช่นที่ผ่านมาได้ชี้แจงกับประเทศจีน รัสเซีย อังกฤษ ฝรั่งเศส และอีก 18 ประเทศ ขอสหภาพยุโรป ไปแล้ว ซึ่งจากนี้กรรมาธิการจะเดินสายพูดคุยและชี้แจงข้อเท็จจริงต่างๆ และเรียกร้องให้มิตรประเทศแสดงจุดยืนต่อความรุนแรงที่เกิดขึ้น และขอให้ทุกประเทศช่วยจับตาดูข้อเท็จจริงต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะที่ผ่านมาประชาคมโลกเห็นถึงความสับสนที่เกิดขึ้นเป็นอย่างไร เพราะสำนักข่าวต่างประเทศต่างหยิบยกการแถลงข่าว จาก กัมพูชาที่มีการปลอมแปลงมารายงานข่าว ซึ่งเห็นว่าเป็นการปลอมแปลงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น

เมื่อถามว่า ภายหลังที่ มีข้อตกลงการหยุดยิง แต่ยังเกิดการปะทะ จากฝ่ายกัมพูชาสถานทูตต่างๆมีความเข้าใจในเรื่องนี้หรือไม่ ประธานคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ กล่าวว่า แต่ละประเทศก็รับฟัง เพราะหลายประเทศโดยเฉพาะจากโซนยุโรป ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียโดยตรงจากเรื่องนี้ ดังนั้นจุดยืน สนับสนุนให้ทั้งสองฝ่ายยับยั้งชั่งใจ ในส่วนไทยก็ชัดเจนว่ายับยั้งชั่งใจมาโดยตลอด ซึ่งการปะทะที่เกิดขึ้น ทางฝั่งไทยไม่ได้เลือกที่จะปะทะให้เกิดความเสียหายต่อพลเรือน ไทยปกป้องตนเองเท่าที่จำเป็น และเท่าที่เห็นยังไม่มีภาพ ที่ชาวกัมพูชาได้รับความเสียหาย หรือพลเรือนเสียชีวิต ดังนั้นประชาคมโลกจึงจำเป็นต้องแสดงจุดยืนในเรื่องนี้ เพราะเป็นเรื่องที่ประชาชนและพลเรือนได้รับความรุนแรง ซึ่งขัดแย้งกับกฎบัตรต่างๆ ที่ทั้งสองประเทศเป็นภาคีอยู่


เมื่อถามว่าแต่ละสถานสถานทูตมีความสงสัยหรือไม่ ที่เหตุการณ์เกิดการปะทะและยกระดับความรุนแรงขึ้น ประธานคณะกรรมาธิการการต่างประเทศกล่าวว่า เขาก็อยากฟังความ เห็นของฝ่ายนิติบัญญัติและนักการเมืองเช่นเดียวกันว่ามีความเห็นอย่างไร ขณะที่ประเทศในภูมิภาค ก็อยากทำความเข้าใจว่า เกิดอะไรขึ้นกับทั้งสองประเทศ ยังมีความเป็นกลางและไม่ได้ออกความเห็นมาก

ขณะที่โซนประเทศที่ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสีย ก็มีความกังวลใจ เรื่องประเทศที่สามที่เข้ามาเกี่ยวข้อง จึงอยากทราบจุดยืนของไทย ต่อประเทศมหาอำนาจว่าเป็นอย่างไร

ประธานคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ ยังกล่าวว่า ทุกประเทศมีส่วนได้ส่วนเสีย ดังนั้นประเทศไทยจึงมีความจำเป็นที่ต้องเข้มแข็งด้วยลำแข้งตัวเอง เป็นโอกาสที่จะได้เห็นว่าใครเป็นมิตรประเทศของเราในที่เรามีปัญหา ได้เห็นความจริงใจจากหลายประเทศ ที่จะเข้ามีส่วนร่วมในการช่วยเหลือให้ผ่านพ้นวิกฤตนี้ ซึ่งเรื่องนี้ไทยต้องเข้มแข็งด้วยตัวเองและต้องมองให้ออกว่า กัมพูชามีจุดประสงค์อะไร และประเทศที่เกี่ยวข้องต้องการอะไร


“ไม่มีการปะทะไหน มาถึงความรุนแรงแค่เพราะว่าต้องการปราสาท มันน่าจะมีอะไรที่มากกว่านั้น ส่วนใหญ่การประทะจากทั่วโลก ล้วนแล้วแต่มาจากทรัพยากร เงินๆทองๆ ทั้งนั้น” นางสาวสรัสนันท์ กล่าว

สำหรับการประชุมคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ ในวันนี้ ที่เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาชี้แจงข้อมูลความรุนแรงและความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชานั้น ประธานกรรมาธิการการต่างประเทศ กล่าวว่า เป็นประเด็นที่ติดตามอยู่อย่างต่อเนื่องในกรอบของกรรมาธิการการต่างประเทศ และนอกเหนือจากนั้นเราอยากรู้ถึงสถานการณ์ปัจจุบันตามแนวชายแดน ว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากที่หยุดยิงแล้ว การปะทะและการปฏิสัมพันธ์ของทหารเป็นอย่างไร จึงอยากสอบถาม ผู้ว่าราชการจังหวัดตามแนวชายแดน และตัวแทนกองทัพภาคที่2 ว่าหลังจากคุยกันที่มาเลเซีย ว่าจะมีการพูดคุยกันที่JBC จะเป็นไปในทิศทางไหน เพราะวงการพูดคุยRBC ยังไม่มีความคืบหน้า และหลายกรอบเป็นสิ่งที่เราทำกันอยู่แล้ว วันนี้อยากดูแนวทางของกระทรวงการต่างประเทศและใฝ่ความมั่นคงว่าต่อจากนี้ จะทำอย่างไรให้สถานการณ์คลี่คลายให้เร็วที่สุด

เมื่อถามว่า ในฐานะกรรมาธิการการต่างประเทศมองอย่างไร ต่อข้อเสนอแนะ จากนักวิชาการและฝ่ายการเมือง ที่ให้ฟ้องกัมพูชาต่อศาล อาญาระหว่างประเทศหรือ ICC ประธานกรรมาธิการการต่างประเทศกล่าวว่า สามารถทำได้แต่ยังไม่ถึงเวลา เพราะอาจเป็นการเขวี้ยงงูไม่พ้นคอ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นมีผู้เสียชีวิตจำนวนมากทางฝั่งไทยและกัมพูชา ดังนั้นการจะฟ้องศาลICC ต้องมีหลักฐานที่เพียงพอ และเท่าที่ดูกัมพูชายังมีคดีอื่นๆ ที่ไม่ได้รับการยอมรับจากประชาคมโลกมากอยู่แล้ว

“ดังนั้นไทยจึงต้องวางเป้าให้ดีว่าต้องการอะไร เราต้องการที่จะหยุดความรุนแรงเพื่อเจรจาไปเจรจาต่อ หรือพยายามกำจัดบุคคลหรือครอบครัวใดครอบครัวหนึ่งให้ออกจากซีน” นางสาวสรัสนันท์ กล่าว

ประธานคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ กล่าวว่า เป็นหน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศ ที่เป็นตัวกลางในการเจรจาส่วนเกมการเมืองระดับภูมิภาค ยัง
ต้องจับตาดู เพราะยังมีความเคลื่อนไหวจากทางจีนและสหรัฐ ที่มีนัยสำคัญ อาจถึงเวลาแล้วที่ประเทศไทยจะต้องตัดสินใจครั้งใหญ่ ว่าไทยจะวางตัวอยู่ในมิติไหน ให้เหมาะสมและเสียหายให้น้อยที่สุด โดยไม่เลือกฝั่ง เพราะตอนนี้การค้าถูกกดดันด้วยเรื่องภาษี ทำให้ทราบถึงเจตนารมณ์ที่ชัดเจนของสหรัฐว่าต้องการกดดันไทยผ่านกรอบอะไรบ้าง จึงเป็นที่น่ากังวลว่าท้ายที่สุดแล้ว ว่าไทยถูกกดดันจากเกมของใคร

เมื่อถามถึงการที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรกัมพูชา แถลงกลางที่ประชุมระดับสูงของสหภาพรัฐสภา ที่เจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ ว่าไทยละเมิดข้อตกลงหยุดยิงนั้น นางสาวสรัสนันท์ กล่าวว่า ตนในฐานะเลขาธิการหน่วยประจำชาติไทย ในสหภาพรัฐสภา หรือ IPU นั้น มองว่าเป็นสิทธิ์ของแต่ละคน ที่สามารถแสดงออกบนเวทีระหว่างประเทศ ส่วนสิ่งที่เกิดขึ้นฝ่ายนิติบัญญัติมีองค์กรระหว่างประเทศในหลายกรอบ ทั้ง IPU , สมัชชารัฐสภาอาเซียน หรือ AIPA กรอบอาเซียนและ สหภาพสมาชิกรัฐสภาเอเชียแปซิฟิก หรือ APPU ดังนั้นควรใช้กรอบความร่วมมือที่มีอยู่เพื่อสื่อสารไปยังสมาชิกทั่วโลกให้เกิดประโยชน์สูงสุด.-315 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.พล.7 ของเขมร โดนกระสุนปืนใหญ่ยิงดับ บนช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ

26 ก.ค. – พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ จากการปะทะแย่งชิงพื้นที่ระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ตลอดวันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปะทะระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา บริเวณภูมะเขือ และช่องตาเฒ่า ตั้งแต่เช้ามืดวันนี้ ทหารไทยสามารถปกป้องพื้นที่ภูมะเขือ และกดดันทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ได้สำเร็จ ในขณะที่ทหารกัมพูชา พยายามกลับเข้ามาโจมตีกลับ เพื่อยึดภูมะเขือ ส่งผลให้มีทหารกัมพูชาเสียชีวิตหลายนาย หนึ่งในนั้นคือ พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ. – สำนักข่าวไทย

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

กริพเพน

ทอ. ส่ง F16 – กริพเพน ปฏิบัติการรอบ 2 ทิ้งบอมบ์พื้นที่ทางทหารเขมร

26 ก.ค. – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และกริพเพน 2 ลำ ออกปฏิบัติการรอบสอง โจมตียุทธบริเวณทำลายพื้นที่ทหารกัมพูชา บริเวณปราสาทตาควาย อ.พนมดง จ.สุรินทร์ ภารกิจลุล่วง และกับฐานปฏิบัติโดยปลอดภัย สำหรับพื้นที่บริเวนนี้ ทหารไทยกับทหารกัมพูชา ปะทะกันดุเดือด โดยทหารไทยพยายามทำลายพื้นที่กัมพูชาวางกำลังไว้หลายระลอก ในขณะที่กัมพูชาโต้กลับและระดมกำลังทหารมาเพิ่มเติม ส่งผลให้พื้นที่บริเวนนี้มีการปะทะดุเดือดตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.ถึงวันนี้. – สำนักข่าวไทย

เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ”

26 ก.ค.- เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ” ทหารไทยยึดอาวุธปืน-โดรน 11 รายการ พร้อมมือถือ 7 เครื่อง ใช้ถ่ายคลิปยั่วยุทหารไทย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า สำหรับปฏิบัติการ ของเจ้าที่ทหารกองทัพภาคที่ 2 บนภูมะเขือที่สามารถยึดกลับคืนมาได้ ทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 10 นาย พร้อมทั้งตรวจพบและสามารถยึดอาวุธ ยุทโธปกรณ์ จำนวน 11 รายการ ประกอบด้วย นอกจากนี้ยังพบโทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง ที่ทางทหารกัมพูชาชอบถ่ายในเวลาทำคลิปเมื่อเจอกับทหารไทยบริเวณแนวชายแดน -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ตรวจสอบบ้านลักลอบทำประทัดไล่นก บึ้มกลางชุมชน

สุพรรณบุรี 31 ก.ค. – จากเหตุบ้านที่ลักลอบทำประทัดไล่นก เกิดระเบิดขึ้น ทำให้มีผู้เสียชีวิต วันนี้ตำรวจเข้าเก็บหลักฐานเพิ่มเติม ยืนยันว่าที่เกิดเหตุไม่ใช่โรงงาน แต่เป็นที่ลักลอบทำ ที่น่าตกใจคือหลังเกิดเหตุชาวบ้านโดยรอบบอกว่า ไม่เคยรู้มาก่อนว่าบ้านดังกล่าวลักลอบทำประทัดไล่นก จี้หน่วยงานตรวจสอบ กลัวว่าอาจจะมีบ้านที่ลักลอบทำอีก.-สำนักข่าวไทย

พระราชทานน้ำหลวงอาบศพ 7 ผู้บริสุทธิ์

ศรีสะเกษ 31 ก.ค. – ที่จังหวัดศรีสะเกษ มีพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ 7 ผู้บริสุทธิ์ ที่เสียชีวิตบริเวณปั๊มน้ำมัน ในพื้นที่ อ.กันทรลักษ์ จากการโจมตีของกัมพูชา ที่วัดมหาพุทธาราม หรือวัดพระโต พระอารามหลวง จ.ศรีษะเกษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุเคราะห์ ในการพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ และวางพวงมาลาพระราชทาน แก่ประชาชน รวม 7 คน ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ความความไม่สงบ ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยผู้เสียชีวิต 6 คน เป็นประชาชนเสียชีวิตบริเวณปั๊มน้ำมัน ในพื้นที่บ้านผือ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีษะเกษ และอีก 1 คนเสียชีวิตจากระเบิดลงบ้าน ในพื้นที่หมู่ที่ 4 ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ โดยมีนายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ เป็นประธานในพิธี พร้อมครอบครัวผู้เสียชีวิต และมีพิธีการบำเพ็ญกุศลสวดพระอภิธรรมทุกคืน ถึงวันที่ 2 ส.ค.นี้ ก่อนจะมีพิธีพระราชทานเพลิงศพ 3 สิงหาคมนี้ ด้านนายคมสันต์ […]

พบโดรนปริศนาหลายพื้นที่ คาดเป็นโดรนจารกรรม

บุรีรัมย์ 31 ก.ค. – แม้จะมีประกาศห้ามบินโดรนทั่วประเทศตั้งแต่เมื่อวานนี้ แต่ในหลายพื้นที่ยังตรวจพบโดรนปริศนาขึ้นบิน เบื้องต้นคาดเป็นโดรนสอดแนม ขณะที่วิทยุการบินฯ วอนประชาชนร่วมมือ หากฝ่าฝืนจะใช้มาตรการทางทหารจัดการทันที เมื่อเวลาประมาณ 23.00 น. คืนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยสว่างจรรยา จุด อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ ใช้โทรศัพท์บันทึกภาพโดรนที่บินเหนือ รพ.เฉลิมพระเกียรติ ไว้ได้ และยังพบว่ามีโดรนบินเหนือบ้านตะโก, บ้านยายคำ, ตลาดตาเป๊กและบ้านเจริญสุข รวมทั้งหมด 4 แห่ง บินวนเวียนประมาณ 5 นาที จึงพยายามตรวจสอบโดยรอบพื้นที่ ก่อนจะพบรถตู้ยี่ห้อฮุนไดสีดำจอดอยู่ เชื่อว่าน่าจะเป็นเจ้าของโดรน เมื่อเข้าไปสอบถามคนในรถตู้ ที่เปิดกระจกลงมาพูดคุย เห็นภายในรถตู้มีคนประมาณ 3-4 คน มีอุปกรณ์คล้ายเครื่องควบคุมอะไรบางอย่างอยู่ในรถ จึงสอบถามว่าจะไปที่ไหน ได้รับคำตอบว่าจะไปสระแก้ว หลังจากนั้นรถตู้ได้ขับหนีออกไปอย่างรวดเร็ว แม้จะพยายามขับรถไล่ตามแต่ตามไม่ทัน เชื่อว่าเป็นโดรนของกัมพูชามาบินสอดแนมอย่างแน่นอน ส่วนที่ อำเภอบ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ตรวจพบโดรนปริศนาหลายสิบลำ บินว่อนเหนือพื้นที่อำเภอบ้านกรวด ครอบคลุมพื้นที่ 7 ตำบล คือ ตำบลสายตะกู ตำบลจันทบเพชร […]

ทบ. เชิญผู้ช่วยทูตทหารอาเซียนรับฟังข้อเท็จจริงชายแดนไทย-กัมพูชา

กทม. 31 ก.ค.- ทบ. เชิญผู้ช่วยทูตทหารอาเซียนร่วมหารือและรับฟังการชี้แจงข้อเท็จจริง อัปเดตสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา หลังตั้งทีมเฝ้าติดตามหยุดยิงชายแดนไทย-กัมพูชา วันนี้ (31 ก.ค.68) พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า กองทัพบกโดยกรมข่าวทหารบก ร่วมหารือกับผู้ช่วยทูตทหารอาเซียนประจำประเทศไทย นำโดยผู้ช่วยทูตทหารมาเลเซียประจำประเทศไทย ณ อาคารศรีสิทธิสงคราม ภายในกองบัญชาการกองทัพบก โดยมี พล.ท.กำชัย วงศ์ศรี เจ้ากรมข่าวทหารบก เป็นประธานในการหารือ การหารือครั้งนี้มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อหารือเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา รวมทั้งการจัดตั้ง Interim ASEAN Defence Attaches Monitoring Team (Interim ASEAN DAs Monitoring Team) ในการปฏิบัติหน้าที่สังเกตการณ์สถานการณ์หยุดยิง (Ceasefire) ตามแนวชายแดนไทยกัมพูชา ซึ่งการหารือในครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากข้อตกลงหยุดยิง ที่ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 28 ก.ค.68 ที่ผ่านมา ซึ่งมีการเห็นพ้องร่วมกันในการจัดตั้งทีมเฝ้าติดตามชั่วคราวของฝ่ายทูตทหารจากชาติสมาชิกอาเซียนโดยเร่งด่วน เพื่อเป็นกลไกเบื้องต้นในการติดตามสถานการณ์และสร้างความไว้วางใจระหว่างทั้งสองฝ่าย นอกจากนี้ในที่ประชุมได้มีการหารือเกี่ยวกับการจัดตั้งกลไก ASEAN Monitoring Team (AMIT) ในอนาคต […]