กต.ออกแถลงการณ์ประณามกองทัพกัมพูชาละเมิดอำนาจอธิปไตย

กระทรวงการต่างประเทศ 24 ก.ค.- กระทรวงการต่างประเทศ ออกแถลงการณ์ประณามกองทัพกัมพูชาละเมิดอำนาจอธิปไตย จงใจเป็นปฏิปักษ์ต่อไทยชัดเจน ยัน รัฐบาลไทยพร้อมยกระดับมาตรการป้องกันตนเอง


นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวว่ากระทรวงการต่างประเทศได้ออกแถลงการณ์เกี่ยวกับสถานการณ์ไทย-กัมพูชา ว่า ตามที่วานนี้ 24 ก.ค.) กระทรวงการต่างประเทศ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้จัดการบรรยายสรุปกับคณะทูต เกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา แล้วได้ยื่นหนังสือ 2 ฉบับ คือ 1. หนังสือถึงฝ่ายกัมพูชาเพื่อประท้วงเกี่ยวกับเหตุการณ์ทหารไทยเหยียบกับระเบิดเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2568 และ2.หนังสือถึงเอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรญี่ปุ่นประจำการประชุมว่าด้วยการลดอาวุธ ในฐานะประธานการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวาวาระปัจจุบัน รายงานเหตุการณ์การละเมิดพันธะกรณีของกัมพูชาในฐานะรัฐภาคีนั้น

ภายหลังฝ่ายไทยได้ยื่นหนังสือ 2 ฉบับ ดังกล่าว รัฐบาลขอแสดงความเสียใจอย่างยิ่งที่เหตุการณ์ความรุนแรงยังเกิดขึ้นอีกครั้งในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชาและเมื่อช่วงเช้าวันนี้ (24 ก.ค.) ฝ่ายกัมพูชาได้เปิดฉากยิงเข้ามาบริเวณตรงข้ามฐานปฎิบัติการของไทยประสาทตาเมือนธม จ. สุรินทร์ อีกทั้งได้ยิงจรวด BM 21 จำนวน 2 นัด ในพื้นที่ชุมชนศูนย์พัฒนาชายแดน กาบเชิง จังหวัดสุรินทร์เป็นเหตุให้ประชาชนได้รับบาดเจ็บ 3 ราย ขณะนี้เหตุการณ์โจมตีที่ไม่ใช่เป้าหมายทางการทหารยังคงเกิดขึ้นต่อเนื่องในเฉพาะพื้นที่ชายแดน โดยเฉพาะพื้นที่โรงพยาบาลพนมดงรัก และสถานที่ต่างๆ เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บหลายราย อีกทั้งช่วงเย็นวานนี้ (23 ก.ค.) ทหารไทยได้เหยียบกับระเบิดระหว่างการลาดตระเวนในพื้นที่ช่องอานม้า อำเภอน้ำยืนจังหวัดอุดรราชธานี เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บบาดเจ็บ 5 นาย และมี 1 นายได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการสูญเสียขาขวา โดยการตรวจสอบเบื้องต้น กองทัพภาค ที่ 2 คาดว่าเป็นทุ่นระเบิดที่ถูกนำมาวางใหม่นับเป็นเหตุการณ์ซ้ำซ้อน และเกิดขึ้นภายในระยะเวลาเพียงหนึ่งสัปดาห์ จากกรณีที่ทหารไทยอีกชุดหนึ่งประสบเหตุในพื้นที่ช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี


จากนั้น นายนิกรเดช ได้อ่านแถลงการณ์ของกระทรวงการต่างประเทศ ต่อสถานการณ์ไทย – กัมพูชา ว่า

  1. รัฐบาลไทยขอประณามอย่างรุนแรงที่สุดต่อการกระทำของกองทัพกัมพูชาที่ละเมิดอธิปไตยของไทย และกฎหมายระหว่างประเทศ ต่อเหตุการณ์ที่ฝ่ายกัมพูชาลอบเข้ามาวางกับระเบิดในดินแดนไทย เป็นผลให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บเมื่อวันที่ 16 และ 23 กรกฎาคม 2568 และได้เปิดฉากยิงเข้ามาบริเวณตรงข้ามฐานปฏิบัติการของฝ่ายไทย ในช่วงเช้าของวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 รวมทั้งได้โจมตีอย่างรุนแรงต่อเนื่องในพื้นที่ฝั่งไทยตลอดเช้านี้ รวมถึงเป้าหมายพื้นที่ที่เป็นพลเรือน โดยเฉพาะโรงพยาบาล จนเป็นเหตุให้ประชาชนบาดเจ็บและเสียชีวิต  
  2. ดังนั้น เมื่อคำนึงถึงความร้ายแรงดังกล่าวจากการที่กัมพูชาจงใจมีการกระทำเป็นปฏิปักษ์อย่างชัดเจนต่อประเทศไทย รัฐบาลไทยจึงตัดสินใจลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูตและเรียกเอกอัครราชทูต ณ กรุงพนมเปญ กลับประเทศไทย (recall) และขอให้เอกอัครราชทูตกัมพูชากลับประเทศเช่นกัน
  3. รัฐบาลไทยเรียกร้องให้กัมพูชายุติการกระทำที่ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรงซ้ำๆ ซึ่งเป็นการขัดต่อหลักการความเป็นเพื่อนบ้านที่ดีและความสุจริตใจ อีกทั้งจะยิ่งเป็นการบ่อนทำลายชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือของกัมพูชาในประชาคมโลก
  4. รัฐบาลไทยเรียกร้องให้กัมพูชาแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และยุติการโจมตีเป้าหมายทางทหารและพลเรือน รวมถึงยุติการละเมิดอธิปไตยของไทยโดยทันที โดยรัฐบาลไทยพร้อมที่จะยกระดับมาตรการป้องกันตนเอง หากกัมพูชายังคงไม่ยุติการกระทำที่เป็นการโจมตีทางอาวุธและละเมิดอธิปไตยของไทยตามหลักสากลและกฎหมายระหว่างประเทศ

นายนิกรเดช ยังระบุได้ว่า ในช่วงบ่ายวันนี้ (24 ก.ค.) จะมีการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เพื่อหารือถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยที่ประชุมจะพิจารณามาตรการและแนวทางในขั้นถัดไปของฝ่ายไทยอย่างรอบด้าน โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพร้อมทำงานอย่างมีเอกภาพ และทำงานไปพร้อมกัน ในด้านความมั่นคง การทูต การบริหารจัดการในพื้นที่ชายแดน ตลอดจนมาตรการคุ้มครองความปลอดภัยของประชาชนและในช่วงเวลาที่สถานการณ์มีความละเอียดอ่อน การสื่อสารในสังคมโดยเฉพาะช่องทางสื่อสารออนไลน์อาจจะนำไปสู่ความเข้าใจผิด และสร้างความแตกแยกโดยไม่ได้ตั้งใจ กระทรวงการต่างประเทศขอให้สังคมเชื่อมั่นในเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ทุกหน่วยงานและฝ่ายความมั่นคง เพื่อความสามัคคีของคนในชาติซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในยามนี้

จากนั้นผู้สื่อข่าวได้สอบถาม จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นไทยยังคงย้ำจุดยืน ว่า จะยึดหลักการด้านสันติภาพ และหลักการเจรจาทวิภาคีหรือไม่ นายนิกรเดช กล่าวว่า หลักการดังกล่าวจะถูกนำเข้าไปพิจารณาในที่ประชุม สมช. ในช่วงบ่ายวันนี้


ส่วนที่สังคมตั้งคำถามถึงท่าทีของไทยว่าทำไมต้องอดทนและ ต้องดำเนินการตามกฎตามระเบียบในขณะที่กัมพูชาจะทำอะไรก็ได้ จุดยืนของไทยกับกัมพูชาต่างกันอย่างไรทำไมไทยถึงต้องรักษาจุดยืนนี้ต่อประชาคมโลก นายนิกรเดช กล่าวว่า
ประเทศไทยพูดมาตลอดว่าเรายึดมั่นในกฎหมายระหว่างประเทศ ธรรมเนียมปฏิบัติระหว่างประเทศ กฎระเบียบสหประชาชาติ และกฎบัตรของอาเซียนนั้นเป็นเหตุให้ไทยได้ใช้ความอดทน อดกลั้นถึงจุดนี้ และวันนี้เราก็เป็นฝ่ายเริ่มแต่เราได้ป้องกันตนเอง ซึ่งได้ดำเนินการอย่างสมเหตุสมผลเพื่อ ปกป้องอธิปไตยของชาติและคนไทย

ส่วนในกรณีที่เกิดขึ้นน่าจะรู้กันทั้งประชาคมอาเซียนและทั่วโลกแล้ว ในเบื้องหลังประเทศต่างๆในอาเซียน ได้พยายามจะเข้ามาช่วยเหลือสถานการณ์ไทย-กัมพูชาอย่างไร นายนิกรเดช กล่าวว่า ยังไม่มี ซึ่งเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อเช้านี้ และยังไม่มีการเรียกร้องมาจากประเทศใดในอาเซียน หรือประเทศอื่นๆเพื่อขอเข้ามามีบทบาทใดๆ

เมื่อถามว่าขณะนี้ลดความสัมพันธ์แต่ถ้าไปถึงขั้นสัมพันธ์ทางการทูตจะต้องทำอย่างไรบ้าง นายนิกรเดช กล่าวว่าในการดำเนินความสัมพันธ์ทางการทูตเราสามารถลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นขั้นเป็นตอน เมื่อลดถึงระดับสุดก็จะนำไปถึงการตัดสัมพันธ์ทางการทูต วันนี้เราได้ดำเนินการที่เรียกทูตไทยกลับประเทศ และได้ขอให้ฝ่ายกัมพูชาเรียกทูตของเขากลับ อันเป็นการลดระดับมาตรการทางการทูต และเป็นการเปิดช่องให้ข้าราชการที่เป็นนักการทูตมีช่องทางในการที่จะหารือกันได้อยู่ รวมถึงการดูแลคนคนไทย ซึ่งน่าจะเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดตอนนี้ โดยเฉพาะคนไทยที่อยู่ในประเทศกัมพูชา ซึ่งการตัดความสัมพันธ์ทางการทูตเป็นเรื่องยากไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเมื่อตัดความสัมพันธ์ทางการทูตช่องทางในการพูดคุยติดต่อ หรือลดแรงกดดันที่มีทั้งสองฝ่ายจะถูกปิดประตูหรือทำให้การเจรจาหาจุดร่วมเพื่อให้มีความสงบเกิดขึ้นจะเป็นไปได้ยากดังนั้นเราจะยังไม่ไปถึงจุดนั้น

ส่วนคนไทยที่อยู่ในประเทศกัมพูชาขณะนี้มีอยู่จำนวนเท่าไหร่ นายนิกรเดช กล่าวว่า เคยมีอยู่ประมาณ 1000 คน แต่ตอนนี้ส่วนหนึ่งได้กลับมาแล้วและอยู่ระหว่างสถานเอกอัครราชทูตกำลังเช็คตัวเลขแต่มีอยู่หลาย 100 คน

เมื่อถามถึงการยกระดับเวทีโลก หรือนานาชาติต้องผ่านกระบวนการอย่างไรหรือต้องทำในรูปแบบไหนอย่างไร หรือมีการทำไปแล้ว นายนิกรเดช กล่าวว่า การไปมีบทบาทระหว่างประเทศเราได้ดำเนินการแล้ว ในขณะที่เรากำลังแถลงข่าวอยู่รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศอยู่ที่นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา และได้พบกับประธานคณะมนตรีความมั่นคงซึ่งประธานจะเปลี่ยนทุกเดือน โดยได้พบกับประธานของเดือนนี้คือปากีสถาน และปานามา ซึ่งจะเป็นประธานในเดือนหน้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อีกทั้งในวันนี้จะพบกับเลขาธิการสหประชาชาติ รวมถึงผู้แทนประเทศสำคัญต่างๆไม่ว่าจะเป็นญี่ปุ่น รัสเซีย และประเทศอื่นๆ กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการอย่างเต็มที่ไม่ใช่เฉพาะที่นิวยอร์ก ยังมีการยื่นหนังสือที่ การประชุมออตตาวา ก็ใช้เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรของไทยประจำเจนนีวา ท่านทูตทุกคนได้รับแนวทางในการไปปกป้องอธิปไตยและผลประโยชน์ของไทยในเวทีโลกพร้อมๆกัน ดังนั้นการดำเนินการของเราไม่ได้อยู่แค่เวทีสหประชาชาติ แต่ยังมีการพูดคุยกับประเทศที่เรามีความสนิทสนมด้วยทั้งหมด .-316 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดเนื้อหาหนังสือแจง UNSC กัมพูชาวางทุ่นระเบิด-เริ่มยิงก่อน

25 ก.ค.- เปิดเนื้อหาหนังสือจากผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติที่นิวยอร์ก เพื่อชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทย ประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ส่งหนังสือชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ระบุว่า ขอแจ้งให้ท่านและสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติทุกท่านทราบ ถึงสถานการณ์อันร้ายแรงที่ส่งผลกระทบต่ออธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย อันเป็นผลจากการรุกรานทางทหารของประเทศกัมพูชา โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 1.     เมื่อวันที่ 16 และ 23 กรกฎาคม ค.ศ. 2025 ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารไทยกำลังลาดตระเวนตามเส้นทางปกติที่กำหนดไว้ ซึ่งอยู่ภายในอาณาเขตของประเทศไทย ทหารได้เหยียบทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 ส่งผลให้ทหาร 2 นาย ได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสส่งผลถึงขั้นพิการถาวร ขณะที่ทหารนายอื่น ๆ ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทุ่นระเบิด PMN-2 ทั้งหมดที่พบอยู่ในสภาพใหม่ ยังมีเครื่องหมายที่มองเห็นได้ชัดเจน หลักฐานบ่งชี้ว่าทุ่นระเบิดเหล่านี้เพิ่งถูกวางใหม่ ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นรัฐภาคีของอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ไทยได้ยื่นรายงานประจำปีเกี่ยวกับความโปร่งใสในการดำเนินการตามพันธกรณีในอนุสัญญาดังกล่าว ตามมาตรา 7 ของอนุสัญญาฯ อย่างต่อเนื่อง รายงานดังกล่าวระบุว่าประเทศไทยได้ทำลายทุ่นระเบิดในคลังทั้งหมดแล้วตั้งแต่ปี ค.ศ. 2003 และต่อมา ได้ทำลายทุ่นระเบิดทั้งหมดที่เก็บไว้เพื่อการฝึกอบรมและการวิจัยในปี ค.ศ. […]

“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน”

ก.มหาดไทย 25 ก.ค.-“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน” ชี้รับฟังทุกความไม่พอใจ แต่ทุกอย่างเป็นไปตามยุทธวิธี ให้ทหารมีอิสระในการทำงาน มอง “ก่อแก้ว” ขอศาล รธน. คืนอำนาจให้ “แพทองธาร” เป็นความเห็นเหมือนประชาชนจำนวนมาก แต่ให้เป็นตามกระบวนการยุติธรรม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาการนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ ระบุถึง อยากให้กองทัพสั่งสอนความเจ้าเล่ห์ของฮุนเซนก่อน ว่า ก็เหมือนประชาชนทั่วไป ที่เวลานี้มีความรู้สึกเช่นนั้น หลายคนแสดงความเห็นให้ทำแบบนู้นแบบนี้ เราก็รับฟังความห่วงใยความไม่พอใจที่เราถูกกระทำ ตนเข้าใจความรู้สึกเหล่านั้น และเห็นว่าเป็นจุดมุ่งหมายเดียวกัน เพราะเรื่องอธิปไตยของประเทศ การรุกล้ำเข้ามา กระทบประชาชนเรายอมไม่ได้ ซึ่งที่ผ่านมาทุกฝ่ายจะเห็นว่าเราประนีประนอม (Compromise) ให้มากที่สุด แต่เมื่อสิ่งดังกล่าวไม่เกิดขึ้น และเป็นปัญหา วันนี้จึงได้สั่งการให้ทหารมีอิสระในพื้นที่ โดยผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นผู้คุมยุทธการ ปฏิบัติได้ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงได้มีการทำความเข้าใจกับ พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีการโทรคุยกับผู้บัญชาการทหารสูงสุด […]

เข้าสู่วันที่ 2 กัมพูชาเปิดฉากตั้งแต่เช้ามืด ที่ปราสาทตาเมือนธม

สุรินทร์ 25 ก.ค.-เข้าสู่วันที่ 2 เหตุปะทะไทย-กัมพูชา เริ่มเปิดฉากยิงกันตั้งแต่เช้ามืด บริเวณปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ขณะนี้เสียงยังดังต่อเนื่อง ก่อนขยายการสู้รบไปตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านอีสานใต้ อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เป็นพื้นที่แรกที่ฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิงก่อนด้านปราสาทตาเมือนครับ เช้ามืดวันนี้ ราวตี 5 ครึ่ง ก็เริ่มปะทะกันอีก ขณะนี้ก็มีเสียงดังอย่างต่อเนื่อง เส้นทางจากอำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ เข้าสู่อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ แม้สายแล้ว ก็มีรถสัญจรไปมาค่อนข้างน้อย เนื่องจากเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยการสู้รบ โดยอำเภอพนมดงรักเป็นหนึ่งใน 4 อำเภอ ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ประกาศให้ผู้ที่ไม่มีความจำเป็นเข้าพื้นที่ร่วมกับอำเภอกาบเชิง บัวเชดและสังขะ โดยตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา ในพื้นที่ตามแนวชายแดนได้ยินเสียงการปะทะด้วยกระสุนปืนใหญ่ดังอย่างต่อเนื่อง ผู้นำหมู่บ้านบันทึกสถิติเฉพาะฝั่งไทยตอบโต้เกินกว่า 100 ลูกแล้ว บ้านหนองแรด ตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก ที่จรวดหลายลำกล้อง BM 21 ตกเยอะสุด 10 ลูก วานนี้โดยรอบหมู่บ้าน โชคดีไม่ลงบ้านเรือน มีกระจกแตกเล็กน้อยจากแรงอัดลูกจรวดเท่านั้น วันนี้ ยังมีชาวบ้านอยู่นับร้อยคนหลบอยู่ในหลุมหลบภัย จากทั้งหมด […]

เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราวรองรับประชาชนพื้นที่เสี่ยงภัยชายแดน

ศรีสะเกษ 24 ก.ค. – บรรยากาศคืนแรกที่ศูนย์อพยพฯ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ประชาชนต้องละทิ้งบ้านเรือนมาพักอาศัยชั่วคราว จากเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา นี่เป็นบรรยากาศค่ำคืนแรกที่ประชาชนในเขต อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ต้องออกมาพักอาศัยนอกบ้านเรือน ตั้งแต่เกิดเหตุกัมพูชายิงจรวดเข้าใส่เขตพักอาศัยของพลเรือน ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศ ทำให้ตลอดทั้งวัน อ.กันทรลักษ์ มีการอพยพประชาชนแล้วมากกว่า 41,000 คน กระจายไปตามจุดต่างๆ โดยจุดนี้เป็นจุดที่น่าจะมีผู้อพยพมากที่สุด เพราะใกล้แนวชายแดนที่อยู่ในระยะปลอดภัยมากที่สุด คือ ประมาณ 40 กิโลเมตร จากแนวชายแดน มีประชาชนเข้ามาพักอาศัย 4,865 คน และยังมีจุดอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกระจายกันไป ผลจากสถานการณ์ตึงเครียดและพลเรือนตกเป็นเป้าของการโจมตี ทำให้หลายคนอยู่ในอาการเครียดและกังวล เจ้าหน้าที่ต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้กำลังใจเป็นระยะ รวมทั้งให้บริการยาและอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นเบื้องต้น พร้อมกันนี้ได้ย้ำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของนายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ที่ได้ฝากแจ้งประชาชนที่ยังลังเลไม่ยอมอพยพออกจากพื้นที่ เนื่องจากเป็นห่วงทรัพย์สินหรือสัตว์เลี้ยง ว่า ขณะนี้มีชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ผู้ใหญ่บ้าน และกำนัน ดูแลพื้นที่อย่างใกล้ชิดทุกหมู่บ้าน จึงขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือ และออกมาจากพื้นที่เสี่ยงตามจุดนัดหมาย เพื่อความปลอดภัยของตนเองและครอบครัว. – สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

9 ทันโลก : แจงด่วน! คณะมนตรีความมั่นคง ไทยนี้รักสงบ

25 ก.ค. – นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ จะร่วมประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ตามที่กัมพูชาร้องขอไว้ รายงาน 9 ทันโลก พาไปติดตามบทบาทและโอกาสของไทยบนเวทีสำคัญนี้ ไทยในฐานะสมาชิกสหประชาชาตินานเกือบ 80 ปี จะได้แสดงบทบาทอีกครั้งในคณะมนตรีความมั่นคง ซึ่งเป็นโอกาสสำคัญในการสื่อสารกับประชาคมโลก ถึงการกระทำของกัมพูชา ซึ่งเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศหลายด้าน รวมถึงกฎบัตรสหประชาชาติที่ไทยยึดมั่น ในห้องประชุมนี้ ไทยในฐานะสมาชิกสหประชาชาติ ลำดับที่ 55 จะทำหน้าที่อีกครั้งในภารกิจด้านสันติภาพ ตั้งแต่เข้าเป็นสมาชิกเมื่อปี 2489 ที่นี่ไทยเคยทำหน้าที่ประธานการประชุมคณะมนตรีความมั่นคง โดยพลอากาศเอก สิทธิ เศวตศิลา และหม่อมหลวง พีระพงศ์ เกษมศรี ทำหน้าที่สองวาระ ในปี 2528 และ 2529 ในเวลาที่สงครามเย็นคุกรุ่น มาในวันนี้ไทยกำลังจะมีโอกาสอันดีที่ได้ใช้ช่องทางการทูตสำคัญ เสาหลักความมั่นคงของสหประชาชาติ ในอีกบทบาทหนึ่งที่ยังคงอยู่บนพื้นฐานการแสวงหาสันติภาพตามกลไกนี้ เมื่อประเทศสมาชิก ในกรณีนี้คือกัมพูชา ร้องขอให้เปิดประชุมเร่งด่วน สมาชิกคณะมนตรีซึ่งมีสมาชิกถาวร 5 ประเทศ และสมาชิกไม่ถาวร 10 ประเทศ พิจารณากรณีที่เป็นภัยคุกคามใดต่อสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ เช่น กรณีการปะทะระหว่างไทยกับกัมพูชา […]

น่านยังอ่วม บางจุดน้ำท่วมสูงเกือบ 2 เมตร

น่าน 25 ก.ค. – เข้าสู่วันที่ 3 น้ำท่วมใหญ่เป็นประวัติการณ์ของเมืองน่าน แม้ระดับน้ำลดลงบ้างแล้ว แต่ในตัวเมือง-เขตเศรษฐกิจยังท่วมสูง บางจุดระดับน้ำเกือบ 2 เมตร ขณะที่ “บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์” นำทีมกู้ภัยฝ่ากระแสน้ำเชี่ยวเข้าช่วยเหลือชาวบ้าน .-สำนักข่าวไทย

มีผลทันที! ประกาศกฎอัยการศึก 8 อำเภอ “จันทบุรี-ตราด”

25 ก.ค.- กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ประกาศใช้กฎอัยการศึกบางพื้นที่ มีผลทันที กองทัพเรือ โดย กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด “ประกาศใช้กฎอัยการศึก” บางพื้นที่ ดังนี้ ตามที่ได้มีประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ลงวันที่ 19 กันยายน 2549 ให้ใช้กฎอัยการศึกทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 19 กันยายน 2549 เวลา 21.05 นาฬิกา ซึ่งต่อมาได้มีพระบรมราชโองการเลิกใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่ และให้ใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่ ลงวันที่ 31 ธันวาคม 2550 นั้น โดยที่ปรากฏว่าประเทศกัมพูชาได้ใช้กำลังและอาวุธรุกรานเข้ามาในราชอาณาจักรไทยตลอดแนวชายแดน จึงมีความจำเป็นโดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้ที่ต้องใช้กำลังทหาร ตำรวจ พลเรือน ตลอดจนประชาชนชาวไทยทุกคน เพื่อป้องกันประเทศให้พ้นจากภัยคุกคามอันมีที่มาจากภายนอกราชอาณาจักรดังกล่าว เพื่อรักษาไว้ซึ่งอธิปไตยของชาติและบูรณภาพแห่งดินแดน ตลอดจนชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนชาวไทย และจำเป็นต้องประกาศใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่เพิ่มเติม อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 176 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ประกอบกับมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติกฎอัยการศึก พุทธศักราช 2457 จึงให้ใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่เพิ่มเติม ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 จังหวัดจันทบุรี อำเภอเมืองจันทบุรี […]

จรวด BM-21 ตกในพื้นที่สุรินทร์ 6 ลูก เร่งอพยพคนเพิ่ม

สุรินทร์ 25 ก.ค. – กระสุนของฝั่งกัมพูชามาตกไกลกว่าเหตุปะทะปี 2554 ตามที่เจ้าหน้าที่คาดการณ์ ล่าสุดมีจรวด BM-21 จำนวน 6 ลูก ตกในพื้นที่ อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ เตรียมอพยพประชาชนไปยังที่ปลอดภัยกว่า .-สำนักข่าวไทย