กต.ออกแถลงการณ์ประณามกองทัพกัมพูชาละเมิดอำนาจอธิปไตย

กระทรวงการต่างประเทศ 24 ก.ค.- กระทรวงการต่างประเทศ ออกแถลงการณ์ประณามกองทัพกัมพูชาละเมิดอำนาจอธิปไตย จงใจเป็นปฏิปักษ์ต่อไทยชัดเจน ยัน รัฐบาลไทยพร้อมยกระดับมาตรการป้องกันตนเอง


นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวว่ากระทรวงการต่างประเทศได้ออกแถลงการณ์เกี่ยวกับสถานการณ์ไทย-กัมพูชา ว่า ตามที่วานนี้ 24 ก.ค.) กระทรวงการต่างประเทศ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้จัดการบรรยายสรุปกับคณะทูต เกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา แล้วได้ยื่นหนังสือ 2 ฉบับ คือ 1. หนังสือถึงฝ่ายกัมพูชาเพื่อประท้วงเกี่ยวกับเหตุการณ์ทหารไทยเหยียบกับระเบิดเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2568 และ2.หนังสือถึงเอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรญี่ปุ่นประจำการประชุมว่าด้วยการลดอาวุธ ในฐานะประธานการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวาวาระปัจจุบัน รายงานเหตุการณ์การละเมิดพันธะกรณีของกัมพูชาในฐานะรัฐภาคีนั้น

ภายหลังฝ่ายไทยได้ยื่นหนังสือ 2 ฉบับ ดังกล่าว รัฐบาลขอแสดงความเสียใจอย่างยิ่งที่เหตุการณ์ความรุนแรงยังเกิดขึ้นอีกครั้งในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชาและเมื่อช่วงเช้าวันนี้ (24 ก.ค.) ฝ่ายกัมพูชาได้เปิดฉากยิงเข้ามาบริเวณตรงข้ามฐานปฎิบัติการของไทยประสาทตาเมือนธม จ. สุรินทร์ อีกทั้งได้ยิงจรวด BM 21 จำนวน 2 นัด ในพื้นที่ชุมชนศูนย์พัฒนาชายแดน กาบเชิง จังหวัดสุรินทร์เป็นเหตุให้ประชาชนได้รับบาดเจ็บ 3 ราย ขณะนี้เหตุการณ์โจมตีที่ไม่ใช่เป้าหมายทางการทหารยังคงเกิดขึ้นต่อเนื่องในเฉพาะพื้นที่ชายแดน โดยเฉพาะพื้นที่โรงพยาบาลพนมดงรัก และสถานที่ต่างๆ เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บหลายราย อีกทั้งช่วงเย็นวานนี้ (23 ก.ค.) ทหารไทยได้เหยียบกับระเบิดระหว่างการลาดตระเวนในพื้นที่ช่องอานม้า อำเภอน้ำยืนจังหวัดอุดรราชธานี เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บบาดเจ็บ 5 นาย และมี 1 นายได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการสูญเสียขาขวา โดยการตรวจสอบเบื้องต้น กองทัพภาค ที่ 2 คาดว่าเป็นทุ่นระเบิดที่ถูกนำมาวางใหม่นับเป็นเหตุการณ์ซ้ำซ้อน และเกิดขึ้นภายในระยะเวลาเพียงหนึ่งสัปดาห์ จากกรณีที่ทหารไทยอีกชุดหนึ่งประสบเหตุในพื้นที่ช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี


จากนั้น นายนิกรเดช ได้อ่านแถลงการณ์ของกระทรวงการต่างประเทศ ต่อสถานการณ์ไทย – กัมพูชา ว่า

  1. รัฐบาลไทยขอประณามอย่างรุนแรงที่สุดต่อการกระทำของกองทัพกัมพูชาที่ละเมิดอธิปไตยของไทย และกฎหมายระหว่างประเทศ ต่อเหตุการณ์ที่ฝ่ายกัมพูชาลอบเข้ามาวางกับระเบิดในดินแดนไทย เป็นผลให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บเมื่อวันที่ 16 และ 23 กรกฎาคม 2568 และได้เปิดฉากยิงเข้ามาบริเวณตรงข้ามฐานปฏิบัติการของฝ่ายไทย ในช่วงเช้าของวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 รวมทั้งได้โจมตีอย่างรุนแรงต่อเนื่องในพื้นที่ฝั่งไทยตลอดเช้านี้ รวมถึงเป้าหมายพื้นที่ที่เป็นพลเรือน โดยเฉพาะโรงพยาบาล จนเป็นเหตุให้ประชาชนบาดเจ็บและเสียชีวิต  
  2. ดังนั้น เมื่อคำนึงถึงความร้ายแรงดังกล่าวจากการที่กัมพูชาจงใจมีการกระทำเป็นปฏิปักษ์อย่างชัดเจนต่อประเทศไทย รัฐบาลไทยจึงตัดสินใจลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูตและเรียกเอกอัครราชทูต ณ กรุงพนมเปญ กลับประเทศไทย (recall) และขอให้เอกอัครราชทูตกัมพูชากลับประเทศเช่นกัน
  3. รัฐบาลไทยเรียกร้องให้กัมพูชายุติการกระทำที่ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรงซ้ำๆ ซึ่งเป็นการขัดต่อหลักการความเป็นเพื่อนบ้านที่ดีและความสุจริตใจ อีกทั้งจะยิ่งเป็นการบ่อนทำลายชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือของกัมพูชาในประชาคมโลก
  4. รัฐบาลไทยเรียกร้องให้กัมพูชาแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และยุติการโจมตีเป้าหมายทางทหารและพลเรือน รวมถึงยุติการละเมิดอธิปไตยของไทยโดยทันที โดยรัฐบาลไทยพร้อมที่จะยกระดับมาตรการป้องกันตนเอง หากกัมพูชายังคงไม่ยุติการกระทำที่เป็นการโจมตีทางอาวุธและละเมิดอธิปไตยของไทยตามหลักสากลและกฎหมายระหว่างประเทศ

นายนิกรเดช ยังระบุได้ว่า ในช่วงบ่ายวันนี้ (24 ก.ค.) จะมีการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เพื่อหารือถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยที่ประชุมจะพิจารณามาตรการและแนวทางในขั้นถัดไปของฝ่ายไทยอย่างรอบด้าน โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพร้อมทำงานอย่างมีเอกภาพ และทำงานไปพร้อมกัน ในด้านความมั่นคง การทูต การบริหารจัดการในพื้นที่ชายแดน ตลอดจนมาตรการคุ้มครองความปลอดภัยของประชาชนและในช่วงเวลาที่สถานการณ์มีความละเอียดอ่อน การสื่อสารในสังคมโดยเฉพาะช่องทางสื่อสารออนไลน์อาจจะนำไปสู่ความเข้าใจผิด และสร้างความแตกแยกโดยไม่ได้ตั้งใจ กระทรวงการต่างประเทศขอให้สังคมเชื่อมั่นในเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ทุกหน่วยงานและฝ่ายความมั่นคง เพื่อความสามัคคีของคนในชาติซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในยามนี้

จากนั้นผู้สื่อข่าวได้สอบถาม จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นไทยยังคงย้ำจุดยืน ว่า จะยึดหลักการด้านสันติภาพ และหลักการเจรจาทวิภาคีหรือไม่ นายนิกรเดช กล่าวว่า หลักการดังกล่าวจะถูกนำเข้าไปพิจารณาในที่ประชุม สมช. ในช่วงบ่ายวันนี้


ส่วนที่สังคมตั้งคำถามถึงท่าทีของไทยว่าทำไมต้องอดทนและ ต้องดำเนินการตามกฎตามระเบียบในขณะที่กัมพูชาจะทำอะไรก็ได้ จุดยืนของไทยกับกัมพูชาต่างกันอย่างไรทำไมไทยถึงต้องรักษาจุดยืนนี้ต่อประชาคมโลก นายนิกรเดช กล่าวว่า
ประเทศไทยพูดมาตลอดว่าเรายึดมั่นในกฎหมายระหว่างประเทศ ธรรมเนียมปฏิบัติระหว่างประเทศ กฎระเบียบสหประชาชาติ และกฎบัตรของอาเซียนนั้นเป็นเหตุให้ไทยได้ใช้ความอดทน อดกลั้นถึงจุดนี้ และวันนี้เราก็เป็นฝ่ายเริ่มแต่เราได้ป้องกันตนเอง ซึ่งได้ดำเนินการอย่างสมเหตุสมผลเพื่อ ปกป้องอธิปไตยของชาติและคนไทย

ส่วนในกรณีที่เกิดขึ้นน่าจะรู้กันทั้งประชาคมอาเซียนและทั่วโลกแล้ว ในเบื้องหลังประเทศต่างๆในอาเซียน ได้พยายามจะเข้ามาช่วยเหลือสถานการณ์ไทย-กัมพูชาอย่างไร นายนิกรเดช กล่าวว่า ยังไม่มี ซึ่งเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อเช้านี้ และยังไม่มีการเรียกร้องมาจากประเทศใดในอาเซียน หรือประเทศอื่นๆเพื่อขอเข้ามามีบทบาทใดๆ

เมื่อถามว่าขณะนี้ลดความสัมพันธ์แต่ถ้าไปถึงขั้นสัมพันธ์ทางการทูตจะต้องทำอย่างไรบ้าง นายนิกรเดช กล่าวว่าในการดำเนินความสัมพันธ์ทางการทูตเราสามารถลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นขั้นเป็นตอน เมื่อลดถึงระดับสุดก็จะนำไปถึงการตัดสัมพันธ์ทางการทูต วันนี้เราได้ดำเนินการที่เรียกทูตไทยกลับประเทศ และได้ขอให้ฝ่ายกัมพูชาเรียกทูตของเขากลับ อันเป็นการลดระดับมาตรการทางการทูต และเป็นการเปิดช่องให้ข้าราชการที่เป็นนักการทูตมีช่องทางในการที่จะหารือกันได้อยู่ รวมถึงการดูแลคนคนไทย ซึ่งน่าจะเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดตอนนี้ โดยเฉพาะคนไทยที่อยู่ในประเทศกัมพูชา ซึ่งการตัดความสัมพันธ์ทางการทูตเป็นเรื่องยากไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเมื่อตัดความสัมพันธ์ทางการทูตช่องทางในการพูดคุยติดต่อ หรือลดแรงกดดันที่มีทั้งสองฝ่ายจะถูกปิดประตูหรือทำให้การเจรจาหาจุดร่วมเพื่อให้มีความสงบเกิดขึ้นจะเป็นไปได้ยากดังนั้นเราจะยังไม่ไปถึงจุดนั้น

ส่วนคนไทยที่อยู่ในประเทศกัมพูชาขณะนี้มีอยู่จำนวนเท่าไหร่ นายนิกรเดช กล่าวว่า เคยมีอยู่ประมาณ 1000 คน แต่ตอนนี้ส่วนหนึ่งได้กลับมาแล้วและอยู่ระหว่างสถานเอกอัครราชทูตกำลังเช็คตัวเลขแต่มีอยู่หลาย 100 คน

เมื่อถามถึงการยกระดับเวทีโลก หรือนานาชาติต้องผ่านกระบวนการอย่างไรหรือต้องทำในรูปแบบไหนอย่างไร หรือมีการทำไปแล้ว นายนิกรเดช กล่าวว่า การไปมีบทบาทระหว่างประเทศเราได้ดำเนินการแล้ว ในขณะที่เรากำลังแถลงข่าวอยู่รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศอยู่ที่นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา และได้พบกับประธานคณะมนตรีความมั่นคงซึ่งประธานจะเปลี่ยนทุกเดือน โดยได้พบกับประธานของเดือนนี้คือปากีสถาน และปานามา ซึ่งจะเป็นประธานในเดือนหน้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อีกทั้งในวันนี้จะพบกับเลขาธิการสหประชาชาติ รวมถึงผู้แทนประเทศสำคัญต่างๆไม่ว่าจะเป็นญี่ปุ่น รัสเซีย และประเทศอื่นๆ กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการอย่างเต็มที่ไม่ใช่เฉพาะที่นิวยอร์ก ยังมีการยื่นหนังสือที่ การประชุมออตตาวา ก็ใช้เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรของไทยประจำเจนนีวา ท่านทูตทุกคนได้รับแนวทางในการไปปกป้องอธิปไตยและผลประโยชน์ของไทยในเวทีโลกพร้อมๆกัน ดังนั้นการดำเนินการของเราไม่ได้อยู่แค่เวทีสหประชาชาติ แต่ยังมีการพูดคุยกับประเทศที่เรามีความสนิทสนมด้วยทั้งหมด .-316 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สมุทรปราการอ่วม! ปิด 25 โรงเรียนหนีน้ำท่วม

สมุทรปราการ 8 ก.ย.- สมุทรปราการอ่วม! ระดับน้ำยังท่วมสูง หลังฝนตกหนักทั้งคืน ด้าน สพท. สั่งปิดแล้ว 25 โรงเรียน ปรับให้สอนแบบออนไลน์ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา หรือ สพท. สั่งปิด 25 โรงเรียนจังหวัดสมุทรปราการ 1 วัน พร้อมปรับการเรียนเป็นแบบออนไลน์ เพื่อความปลอดภัยของนักเรียนและผู้ปกครอง หลังฝนตกหนักทั้งคืน ถนนสายสำคัญหลายเส้นถูกน้ำท่วม บางแห่งสูงกว่า 30 เซนติเมตร รวมถึงตรอกซอกซอยต่าง ๆ โดยบางพื้นที่น้ำได้ไหลเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน ขณะเดียวกันหลายจุดยังคงมีน้ำท่วมขัง ระบายออกไม่ได้ เนื่องจากระดับน้ำในคลองสายหลักสูง ประกอบกับน้ำทะเลหนุน เจ้าหน้าที่เร่งระบายน้ำ หากฝนไม่ตกลงมาซ้ำ คาดว่าบ่ายวันนี้สถานการณ์จะเข้าสู่สภาวะปกติ ทั้งนี้ มีรายงานว่าเกิดเหตุ หนุ่มวัย 17 ปี เข็นรถจักรยานยนต์ฝ่าน้ำ ถูกไฟรั่วจากแบริเออร์ก่อสร้างบนถนนแพรกษา ช็อตเสียชีวิตต่อหน้าเพื่อนบ้าน เจ้าหน้าที่เร่งสอบหาสาเหตุและป้องกันเหตุซ้ำ -สำนักข่าวไทย

ศาลสั่งจำคุก 2 ปี 8 เดือน ไม่รอลงอาญา “สส.ลูกเกด” คดี ม.112

กรุงเทพฯ 8 ก.ย. – ศาลสั่งจำคุก 4 ปี “ลูกเกด ชลธิชา” สส.ประชาชน คดี ม.112 คำให้การเป็นประโยชน์ลดโทษเหลือ 2 ปี 8 เดือน ส่าสุดศาลให้กันประกันตัวแล้ว กำหนดเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักร เว้นแต่จะได้รับอนุญาต วันนี้ ( 8 ก.ย.) ที่ห้องพิจารณา 901 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีดูหมิ่นสถาบัน หมายเลขดำ อ.595/65 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 4 เป็นโจทก์ ฟ้อง น.ส.ชลธิชา แจ้งเร็ว หรือลูกเกด สส.พรรคประชาชน จ.ปทุมธานี เป็นจำเลยในความผิด ดูหมิ่นสถาบัน ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.112 , พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ฯ ม.4 (3) จากกรณีเมื่อวันที่ 8 พ.ย.63 จำเลยได้โพสต์ข้อความ ลงในเฟซบุ๊กตัวเอง เกี่ยวกับราษฎรสาส์น […]

รื้อทั้งยวง! โผ ครม.อนุทิน 1 เหตุ “ธรรมนัส” คุมท่องเที่ยว ภท.ต้องเกลี่ยใหม่

กรุงเทพฯ 7 ก.ย. – โผ ครม. “อนุทิน 1” รื้อทั้งยวง หลัง “ธรรมนัส” คุมท่องเที่ยว ทำภูมิใจไทยต้องเกลี่ยใหม่ “ไชยชนก” ดีอี “ซาบีดา” วัฒนธรรม รอเปิดคนนอก “กลาโหม-ยุติธรรม” แว่วพลตำรวจโท อดีตรองผู้การภาค 3 ติดโผ จับตา “ศักดิ์ดา” ร่วมด้วย​ ด้าน “นิพนธ์” จ่อดันลูกสาวเป็นรัฐมนตรีป้ายแดง เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับโผ ครม.ล่าสุด พรรคภูมิใจไทยจะได้เก้าอี้รัฐมนตรีส่วนใหญ่ประมาณ 12 ที่นั่ง โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล นั่งนายกรัฐมนตรี ควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายทรงศักดิ์ ทองศรี นั่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย น.ส.ซาบีดา ไทยเศรษฐ์ นั่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม นายไชยชนก ชิดชอบ เลขาธิการพรรค จะนั่งตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ขณะที่นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล […]

ชัยภูมิน้ำท่วมหนัก หลังฝนตกตลอดคืน

ชัยภูมิ 7 ก.ย.-น้ำท่วมหนักใน 3 อำเภอของจังหวัดชัยภูมิ หลังฝนตกหนักตลอดทั้งคืน สภาพภายในวัดดอนไผ่ ริมถนนชัยภูมิ-นครสวรรค์ อำเภอบ้านเขว้า จังหวัดชัยภูมิ เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (7 ก.ย.) หลังพายุฝนกระหน่ำตลอดทั้งคืน ระดับน้ำท่วมสูง 50 เซนติเมตร พระสงฆ์ต้องอพยพหนีน้ำท่วมไปฉันอาหารอยู่บนที่สูง ขณะนี้ระดับน้ำยังไม่ลดลง นอกจากนี้ ยังเกิดน้ำท่วมใน 3 อำเภอ คือ อำเภอเมือง ย่านเศรษฐกิจในตัวอำเภอแก้งคร้อ และอำเภอบ้านเขว้า น้ำป่าสีแดงขุ่นไหลเข้าท่วมถนนสาย 225 ชัยภูมิ-นครสวรรค์ รวมถึงร้านค้า บ้านเรือนประชาชน โดยเฉพาะที่วัดกลางโนนแดง และวัดดอนไผ่ สาเหตุมาจากกรมทางหลวงก่อสร้างถนน 4 เลน ตัดผ่านบ้านโนนแดง ต.โนนแดง อ.บ้านเขว้า ทำให้น้ำป่าที่ไหลมาจากเขาภูแลนคา ไม่สามารถไหลไปลงแม่น้ำชีได้.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

กระบะส่งน้ำพุ่งชนเสาไฟล้ม 24 ต้น ทำไฟไหม้ร้านอาหาร บ้าน-ร้านค้าพัง

เชียงใหม่ 8 ก.ย.-วินาศสันตะโร กระบะส่งน้ำพุ่งชนเสาไฟฟ้าล้ม 24 ต้น บนถนนหนองฮ่อ อ.เมืองเชียงใหม่ ทำให้ไฟไหม้ร้านอาหาร บ้าน-ร้านค้ากว่า 10 หลัง พังเสียหาย ส่วนรถเสียหายนับสิบคัน ไฟฟ้าดับเป็นวงกว้าง อุบัติเหตุเกิดขึ้นช่วงบ่ายที่ผ่านมา หลังรถกระบะบรรทุกน้ำดื่มเอกชนพุ่งชนเสาไฟฟ้าบนถนนหนองฮ่อ ต.ช้างเผือก อ.เมืองเชียงใหม่ ก่อนถึง สภ.ช้างเผือก อ.เมืองเชียงใหม่ ประมาณ 300 เมตร โดยรถกระบะได้พุ่งชนเสาไฟฟ้าจนหักโค่นลงมา ก่อนที่รถจะเกี่ยวเข้ากับสายไฟลากไปอีกหลายสิบเมตร ทำให้สายไฟถูกดึงจนทำให้เสาไฟฟ้าโค่นล้มต่อๆ กันลงมาขวางถนนรวมแล้วกว่า 24 ต้น เสาไฟกิ่งเสียหาย 25 ต้น ทับบ้านเรือนประชาชนและร้านค้าพังเสียหายกว่า 10 หลัง และยังมีรถยนต์ที่จอดไว้ในบ้าน ริมถนน และที่ขับผ่านมา ถูกทับเสียหายเบื้องต้นมากกว่า 10 คัน นอกจากนี้สายไฟฟ้าที่ถูกดึงจนขาดยังทำให้เกิดเพลิงไหม้ร้านอาหารบริเวณดังกล่าวจนวอดเสียหายเกือบทั้งหมด อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นทำให้กระแสไฟฟ้าดับเป็นวงกว้างและสร้างความแตกตื่นตกใจให้กับชาวบ้านเป็นอย่างมาก ขณะที่ตำรวจและหน่วยกู้ภัยเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบรถกระบะสีขาว เป็นรถขนส่งน้ำดื่มอยู่ในสภาพด้านหน้าพังยับ ถังน้ำดื่มตกเกลื่อน พบผู้บาดเจ็บเป็นชาย 2 คน เป็นพนักงานขับรถและคนงานที่นั่งมาด้วย เจ้าหน้าที่ได้ช่วยกันนำออกมาจากรถนำส่งโรงพยาบาล โดยพนักงานที่นั่งมาด้วยบาดเจ็บสาหัสเจ้าหน้าที่ต้องปั๊มหัวใจก่อนเร่งนำส่งโรงพยาบาล […]

ราชทัณฑ์ ย้าย “ทักษิณ” เข้าเรือนจำกลางคลองเปรม

คลองเปรม 9 ก.ย.- ราชทัณฑ์ ย้าย “ทักษิณ” จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เข้าเรือนจำกลางคลองเปรม ขณะอยู่ในรถคุมขัง “ทักษิณ” ยิ้มเล็กน้อย พร้อมชูนิ้วโป้งขวาให้นักข่าวที่ตะโกนถาม ภายหลังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สั่งบังคับโทษ นายทักษิณ ชินวัตร 1 ปี และส่งตัวเข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ล่าสุด เมื่อเวลา 17.10 น. ที่ผ่านมา ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร มีขบวนรถตู้เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร สีขาว จำนวน 3 คัน คันแรก ทะเบียน 1 นฉ 1576 กรุงเทพมหานคร คันที่สอง ทะเบียน 1 นง 7412 กรุงเทพมหานคร และคันที่สาม ทะเบียน 1 นฉ 1977 โดยทั้งหมดได้เคลื่อนขบวนมุ่งหน้าไปยังเรือนจำกลางคลองเปรม โดยรถตู้คันที่สอง ทะเบียน 1 นง 7412 กรุงเทพมหานคร เป็นรถตู้คันที่นายทักษิณ […]

“พล.อ.ณัฐพล” เข้าพรรคภูมิใจไทย “อนุทิน” พาโชว์ตัวนั่ง รมว.กลาโหม

พรรคภูมิใจไทย 9 ก.ย.- “พล.อ.ณัฐพล” มาตามนัด เข้าพรรคภูมิใจไทย “อนุทิน” พาโชว์ตัวนั่ง รมว.กลาโหม ประกาศให้อำนาจเต็ม ก่อนบินประชุม GBC พรุ่งนี้ ให้กัมพูชารู้ว่าเป็น “เจ้ากระทรวงปืนใหญ่” ด้าน “บิ๊กเล็ก” มั่นใจแก้ปัญหาชายแดนเร็วที่สุด ปัดตอบอึดอัด ทำหน้าที่ด้านการทหารกับรัฐบาลที่แล้ว พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม เดินทางเข้าพรรคภูมิใจไทย ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม เพื่อพบกับ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เพื่อหารือถึงกรอบแนวทางการทำงาน โดยเฉพาะประเด็นการแก้ไขปัญหาข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา ภายหลังที่ก่อนหน้านี้ มีกระแสข่าวปรากฎชื่อในโผอนุทิน 1 นั่ง “รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม” ในสัดส่วนคนนอก ไม่ได้เกี่ยวข้องกับพรรครวมไทยสร้างชาติ โดยหลังจากการหารือร่วมกัน นายอนุทิน ได้พา พล.อ.ณัฐพล มาโชว์ตัว และให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวอย่างเป็นทาง ถึงการรับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายอนุทิน กล่าวว่า นี่เป็นสิ่งที่ตนปฏิบัติมาโดยตลอดช่วง 2-3 วันนี้ เมื่อตนได้เชิญผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีที่เป็นบุคคลภายนอก จะนำมาแนะนำให้กับประชาชนได้รับทราบ ตนได้ใช้เวลาในการหารือ ในที่สุดขอเชิญรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมในรัฐบาลชุด นส.แพทองธาร […]

“อนุทิน” ส่งรายชื่อ ครม. ตรวจประวัติครบแล้ว

พรรคภูมิใจไทย 9 ก.ย.-“อนุทิน” ส่งรายชื่อ ครม. ตรวจประวัติครบแล้ว ลั่นส่งเกินด้วย ย้ำใครไม่ผ่านก็แต่งตั้งไม่ได้ พร้อมแจงเหตุผลเลือก “บวรศักดิ์” นั่งรองนายกฯ ฝ่ายกฎหมาย เตรียมยกร่าง รธน. ไม่กดดัน มีเวลาทำงาน 4 เดือน บอกถนัดอยู่แล้ว แสวงจุดร่วมสงวนจุดต่าง เผยคุย “บิ๊กเล็ก” วันนี้ เตรียมข้อมูลประชุมจีบีซี พรุ่งนี้ พร้อมทลายหลายข้อจำกัด ย้ำจุดยืนแก้ปัญหาชายแดนทุกมิติ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าได้ส่งรายชื่อ บุคคลที่จะเสนอเป็นรัฐมนตรีให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบคุณสมบัติทุกครบทุกคนแล้ว โดยยังไม่ได้ระบุตำแหน่ง ส่วนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมก็ส่งไปแล้ว พร้อมหัวเราะ และบอกว่า “ส่งเกินด้วย” ซึ่งคุณสมบัติ ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ก็ต้อง เป็นคนยุติธรรม พร้อมยอมรับว่าได้ทาบทามพลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ และได้เชิญมาพูดคุยที่พรรคภูมิใจไทย ว่าท่านมีแนวทางดำเนินการอย่างไร เพราะวันพรุ่งนี้จะต้องเดินทางไปประชุม จีบีซี ที่กาะกง ส่วนเหตุผลที่เลือกพลเอกณัฐพล นายอนุทินกล่าวว่าเพราะต้องการให้งานของกระทรวงกลาโหม สืบเนื่องต่อไป ผู้สื่อข่าวจึงถามว่าไม่เปลี่ยนม้ากลางศึกใช่หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่ามีคำพังเพยอยู่ เรามองเรื่องประเทศชาติเป็นสำคัญ แต่เราอาจจะมีแนวทางใหม่ให้ท่าน […]