“กมธ.ทหาร สว.” กระตุกนายกฯ​ รักษาผลประโยชน์ประเทศเป็นหลัก

รัฐสภา 6 มิ.ย. – “กมธ.ทหาร สว.” เตรียมลงพื้นที่แจกพระเป็นขวัญกำลังใจให้ทหาร ชี้ รัฐบาลไทย ตามหลัง “กัมพูชา” ก่อนอ่านแถลงการณ์ประณาม “เขมร” ไม่จริงใจ เอารัดเอาเปรียบ กระตุกนายกฯ​ รักษาผลประโยชน์ประเทศเป็นหลัก


พลเอกสวัสดิ์ ทัศนา ประธานคณะกรรมาธิการการทหารและความมั่นคงของรัฐ วุฒิสภา นำคณะ กมธ. ร่วมกันแถลงข่าวถึงกรณีเหตุกระทบกระทั่งหรือความตึงเครียดจากการปะทะกันระหว่างกำลังทหารไทยและทหารกัมพูชา บริเวณอำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี ว่า จากการติดตามความเคลื่อนไหวพบว่าเหมือนการดำเนินการของเราจะตามหลังฝ่ายกัมพูชา

พลเอกสวัสดิ์ ได้อ่านแถลงการณ์ ว่า จากกรณีดังกล่าวคณะกรรมาธิการทหารรู้สึกไม่สบายใจและรับรู้ถึงความไม่พอใจของประชาชนทั่วไป จึงขอประกาศจุดยืนของคณะกรรมาธิการต่อสถานการณ์แนวชายแดนไทย -กัมพูชา ซึ่งจากเหตุการณ์ดังกล่าว ได้ส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่และสภาพจิตใจของพี่น้องประชาชน คนไทยผู้รักชาติและฝ่ายกัมพูชาได้ดำเนินการทุกวิถีทาง เพื่อให้ได้เปรียบประเทศไทย ขอประณามการกระทำอันไร้ความจริงใจและความพยายามเอารัดเอาเปรียบของฝ่ายกัมพูชา ซึ่งจากการติดตามแนวชายแดนไทยกัมพูชาด้วยความห่วงใยและต่อเนื่อง จึงมีความคิดเห็นดังนี้ รัฐบาลต้องดำเนินการทุกหนทางเพื่อปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทยอย่างเต็มขีดความสามารถ โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของชาติเป็นหลักและควรแสดงความไม่พอใจใน เหตุการณ์ต่างๆที่ฝ่ายกัมพูชากระทำแทนพี่น้องประชาชนคนไทยให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น เพื่อหาทาง โดยคณะกรรมการสนับสนุนให้มีการเจรจาเพื่อหาทางออกและแก้ไขปัญหาความขัดแย้งด้วยสันติวิธีและใช้กลไกทวิภาคี และให้ความสำคัญต่อการปกป้องผลประโยชน์ของชาติใน ทุกมิติอีกครั้งติดตามและตรวจสอบความคืบหน้าสถานการณ์ชายแดนไทยกัมพูชาอย่างใกล้ชิด


พร้อมขอยกย่องและให้กำลังใจทหารทุกนายเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกระดับ ในความเสียสละ อดทนอดกลั้นต่อการยั่วยุ ยึดมั่นในหลักสันติวิธี เพื่อปกป้องอธิปไตยและความสงบเรียบร้อยของประเทศชาติ และขอแสดงความห่วงใยต่อความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนที่อาศัยอยู่ตามพื้นที่บริเวณแนวชายแดนไทย กัมพูชา ที่ต้องเตรียมความพร้อมรับมือภัยคุกคามจากฝ่ายกัมพูชาตลอดเวลา

พลเอกสวัสดิ์ ย้ำว่าความร่วมมือในการแก้ไขข้อพิพาทชายแดนไทยกัมพูชาจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อคนไทยทุกฝ่ายต้องพูดจาเป็นสิ่งเดียวกัน เป็นความร่วมมือในทิศทางเดียวกันในทุกภาคส่วนคือรัฐบาล รัฐสภา ประชาชน กองทัพ สื่อมวลชน

ทั้งนี้ ในวันที่ 9 – 10 มิถุนายนนี้ วุฒิสภา นำโดยนายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา ได้รวบรวมเงินช่วยเหลือทหารในพื้นที่ โดยได้มอบหมายให้พลเอกเกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 เดินทางไปที่บริเวณชายแดน พร้อมกับคณะกรรมาธิการทหารและความมั่นคงของรัฐวุฒิสภา และสมาชิกวุฒิสภาในโครงการ “วุฒิสภาพบประชาชน” จะเดินทางไปที่กองกำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 แล้วไปดูสถานการณ์ในพื้นที่จริงตามแนวแดน ตั้งแต่ปราสาทตาเมือนธม ผามออีแดงและช่องบก ซึ่งการเดินทางไปครั้งนี้ กรรมาธิการทหารฯ นอกจากจะรับทราบสถานการณ์ปัจจุบันในพื้นที่แล้ว ยังตั้งใจที่จะไปเยี่ยมบำรุงขวัญให้กับทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ ซึ่งที่ผ่านมา ประชาชนคนไทยทั้งประเทศได้รับทราบและเห็นถึงการปฏิบัติแล้ว ว่าพี่น้องทหารก็ได้รักษาอธิปไตยปกป้องดินแดนไทยด้วยความเสียสละ โดยเฉพาะในเรื่องความอดกลั้น ต่อการยั่วยุต่างๆ


จากนั้นเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนสอบถาม เมื่อถามว่าที่บอกว่าไทยตามหลังกัมพูชาอยู่ รายละเอียดเป็นอย่างไร พลเอกสวัสดิ์ กล่าวว่า ในเรื่องของความมั่นคงต้องร่วมกันทุกฝ่าย ทางฝ่ายทหารมีหน้าที่ไปตามบทบาทแต่ในทุกภาคส่วน โดยเฉพาะการต่างประเทศจะต้องเข้ามาช่วยดูแลในระดับรัฐบาล

ส่วนจะเชิญหน่วยงานความมั่นคงมาหารือในชั้นกรรมาธิการหรือไม่ พลเอกสวัสดิ์ กล่าวว่า อาจจะมีเชิญมาพูดคุยหารือว่าจะทำอย่างไรที่จะรักษาผืนแผ่นดินไทยหรืออธิปไตยของเราให้ดีที่สุด

เมื่อถามว่ากัมพูชาไม่ได้นำข้อพิพาทเกี่ยวกับ 4 ปราสาท มาพูดคุยบนโต๊ะเจรจาคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย – กัมพูชา (Joint Boundary Commission – JBC) ด้วยนั้น ฝั่งไทยต้องทำอย่างไร พลเอกสวัสดิ์กล่าวว่า การเจรจาบนโต๊ะ JBC เรื่องนี้ เรายังยึดมั่นในจุดยืนที่เราขอแก้ปัญหาด้วยสันติวิธีส่วนเขาจะนำไปขึ้นสู่ศาลโลก ก็เป็นข่าวที่ได้รับทราบ

เมื่อถามว่าเรื่องนี้อาจมีความเกี่ยวข้องดีลของ ตระกูลชินวัตรกับกัมพูชา พลเอกสวัสดิ์ กล่าวว่า ด้วยความเป็นคนไทยทุกคน สุดท้ายแล้วเราต้องรักษาผลประโยชน์ รักษาอธิปไตยรักษาแผ่นดินไทยเป็นหลัก ตนไม่คิดว่าไทยจะไปคิดอะไรมากมายกว่านี้สำหรับความเป็นคนไทย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการเดินทางไปครั้งนี้ ได้นำวัตถุมงคลไปแจกจ่ายให้กับทหารด้วย ทั้งภาพพระเครื่อง , ผ้ายันของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ , เหรียญหลวงพ่อรวย , และเตรียมมอบพระกริ่งไพรีพินาศ ให้แม่ทัพพล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 และพลเอกพนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบกด้วย.-319​ -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ศาลอาญาฯ อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท”

กรุงเทพฯ 7 ส.ค. – ศาลอาญาพระโขนง อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท” ตีราคาประกัน 100,000 บาท หลังตำรวจนำตัวฝากขัง คดียาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พนักงานสอบสวน สน.คลองตัน ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาพระโขนง ฝากขังครั้งที่ 1 นายธนัตถ์ หรือ ไฮโซลูกนัท อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาคดีกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ โดยศาลอนุญาตฝากขังตามคำร้อง ซึ่งวันนี้ผู้ต้องหาได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว ตีราคาประกัน 100,000 บาท โดยผู้ต้องหานำเงินสดเป็นหลักประกันตนเอง.-สำนักข่าวไทย

รมว.ต่างประเทศ ย้ำทูตไทยทั่วโลกแจงผลประชุม GBC

7 ส.ค. – รมว.ต่างประเทศ ถกทูตไทยทั่วโลก ชื่นชมผลประชุม GBC กำชับทูตไทยทั่วโลกทำงานเชิงรุก เดินหน้าชี้แจงข้อเท็จจริง บนพื้นฐานของหลักฐานเชิงประจักษ์ ชี้ “ความจริงจะชนะทุกสิ่ง” นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานการประชุมแบบออนไลน์ ร่วมกับ เอกอัครราชทูตไทย ผู้แทนสถานเอกอัครราชทูต และคณะผู้แทนถาวรไทยในต่างประเทศจาก 70 ประเทศทั่วโลก และกรมต่างๆ เพื่อชี้แจงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้งผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป General Border Committee หรือ GBC ที่ประเทศมาเลเซีย พร้อมมอบนโยบายและแนวทางในการดำเนินการของกระทรวงฯ และสำนักงานในต่างประเทศ เพื่อแก้ไขปัญหาสถานการณ์ชายแดนดังกล่าวอย่างบูรณาการร่วมกัน นายมาริษ กล่าวถึงผลของการประชุม GBC และข้อตกลงที่เห็นพ้องร่วมกันทั้ง 13 ข้อ ว่าเป็นพัฒนาการและก้าวสำคัญสำหรับการเจรจาการหยุดยิง บรรลุเป้าหมายที่ต้องการในเบื้องต้น ซึ่งต้องขอบคุณมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ณ ที่นี้ด้วย โดยกระทรวงพร้อมให้การสนับสนุนกระทรวงกลาโหมในการดำเนินการเจรจาต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาได้สนับสนุนการดำเนินงานของกระทรวงกลาโหม และทำงานร่วมกันอย่างใกล้ ตั้งแต่การเป็นฝ่ายเลขาฯ การร่างเพื่อเสนอกรอบข้อตกลง โดยหลังจากนี้ไทยพร้อมเปิดรับการเจรจาทวิภาคีผ่านช่องทางทางการทูต เพื่อสนับสนุนภารกิจของกระทรวงกลาโหม ภายใต้เงื่อนไขว่าฝ่ายกัมพูชาเคารพและดำเนินการตามข้อตกลงของการเจรจาหยุดยิงต่อไป […]

ชาวบ้านยังไม่วางใจ แม้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง

อุบลราชธานี 7 ส.ค. – ชาวบ้านในพื้นที่ชายแดน จ.อุบลราชธานี ยังไม่วางใจสถานการณ์ แม้ผลประชุม GBC ไทย-กัมพูชา ทั้ง 2 ชาติเห็นพ้องข้อตกลงหยุดยิงแล้ว ค่ำคืนนี้หลายหมู่บ้านยังคงมีคำเตือนให้ออกนอกพื้นที่ หลังบางส่วนทยอยกลับเข้ามา .-สำนักข่าวไทย

กต.อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก

กระทรวงการต่างประเทศ 7 ส.ค. – กต. นำผลประชุม GBC อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก เพื่อชี้แจงรัฐบาล-องค์การระหว่างประเทศ พร้อมประเมินระดับความเข้าใจของนานาชาติถึงสถานการณ์ ป้องกันการบิดเบือนข้อมูล นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวเกาะติดพัฒนาการสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้สรุปผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee : GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ ซึ่งนำโดย พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม หัวหน้าคณะผู้แทนไทย โดยมีผู้แทนจากมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ร่วมสังเกตการณ์ ซึ่งการประชุมเป็นกลไกหารือทวิภาคีระหว่างไทย-กัมพูชา ทั้งนี้ ก่อนการประชุม GBC ประธาน GBC ของทั้ง 2 ฝ่าย ได้เข้าเยี่ยมคารวะ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย โดยได้ยืนยันว่ามาเลเซีย รวมถึงประเทศสมาชิกอาเซียนต่างๆ เห็นตรงกันว่าสนับสนุนให้ใช้กลไกทวิภาคีแก้ไขปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชา สอดคล้องกับท่าทีของไทย ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด โดยไม่เสริมกำลังเพิ่ม หลีกเลี่ยงการกระทำที่ยั่วยุทั้งทางการทหาร […]