“เอกนัฏ” บอกอย่าคิดกันไปไกล รทสช. จะเป็นฝ่ายค้าน

ทำเนียบ 4 มิ.ย.- “เอกนัฏ” ย้ำ ภาพ “สุชาติ” กินข้าวกับ สส.รทสช. เป็นเรื่องปกติของการเมือง เชื่อทุกคนมีวิจารณญาณประเมินได้ บอก เดี๋ยวอีก 2-3 วัน ก็มีภาพอีก เป็นแฟชั่น ยอมรับงานหนัก อาจขาดการสื่อสารกับคนในพรรค แต่พร้อมปรับตัว บอกอย่าคิดกันไปไกล รทสช. จะไปเป็นฝ่ายค้าน


นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวถึงกรณี นายสุชาติ ชมกลิ่นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ นั่งรับประทานอาหารกับบรรดา สส. ของพรรค จำนวนหลายคน ซึ่งมีกระแสข่าวว่าจะนำทีมย้ายไปอยู่กับพรรคโอกาสใหม่ ว่า การรับประทานอาหารเป็นเรื่องปกติ และเคยพูดในพรรคว่างานการเมืองมีความตึงเครียด การไปรับประทานอาหารและสังสรรค์ถือเป็นเรื่องปกติ พร้อมพูดติดตลกว่า ไปรับประทานอาหารแล้วนินทาตนเอง ก็ยังไม่ว่าเลย และที่ผ่านมาก็มีภาพและถูกปั่น และถูกไปเติมแต่งให้มีนัยทางการเมือง ซึ่งหลายคนที่อยู่ในภาพก็มาปฏิเสธ ทั้งนายธนกร วังบุญคงชนะ รองหัวหน้าพรรครวมไทยต่างชาติ นายศาสตรา ศรีปาน สส.สงขลา นายจิรวุฒิ สิงโตทอง สส.ชลบุรี ว่าในการไปรับประทานอาหารไม่มีอะไร เป็นเพียงการพูดคุยกันเฉยๆ

เมื่อถามว่า มองว่าการปล่อยภาพออกมาเช่นนี้เป็นอย่างไรบ้าง นายเอกนัฏ กล่าวว่า รู้สึกเฉยๆ เพราะการเมืองสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องปกติ อย่าไปหมกมุ่นกับเรื่องนี้ มองว่าก็ต้องทำงานต่อ เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นไม่มีประโยชน์กับสาธารณชน แต่งานของกระทรวง ที่ได้ไปจับลักลอบนำเข้าฝุ่นพิษ ตัวการใหญ่สามบริษัท และเมื่อวานนี้ ชุดสุดซอยก็ยังทำงานอยู่ ไม่ได้เอามาหมกมุ่นหรือกระทบกับการทำงาน เชื่อว่าทุกคนที่ได้รับข้อมูลไป คนที่ดูภาพหรือคนที่รับข้อมูล ทุกคนก็คงมีวิจารณญาณในการประเมิน ว่าแปลว่าอะไร บางทีตนก็ชวนคิด ว่า


“ในภาพ 15 คน พอไปถึงสื่อ จาก 15 บวกมาเป็น 23 คน เฉยเลย ผีอีก 8 ตัวมาจากไหนไม่รู้ ส่งภาพเสร็จ ใส่ไปพร้อมข้อมูลอีก ชงให้พร้อมเสิร์ฟเลยแบบนี้มันก็ต้องมีสติในการเสพว่าอะไรเป็นอะไร และใน 15 คนนั้นก็ออกมากันหลายคน นี่ถ้าอีกนิดนึง สงสัยคงต้องออกมารวมตัวแถลงข่าว ปฏิเสธกันหมดแล้วมั้ง ว่าเป็นแค่การทานข้าวกันเฉยๆ อย่าไปวิตกอะไร วันสองวันนี้ สามวันนี้ สี่วันนี้ เดี๋ยวก็มีภาพทานข้าวอีก มีภาพจิบกาแฟอีกตอนนี้เป็นแฟชั่นไปแล้ว กับตนเดี๋ยวก็คงมีบ้าง มันก็เป็นเรื่องปกติ” นายเอกนัฏ กล่าว

เมื่อถามว่า พอมีภาพออกมาแบบนี้ความรู้สึกของคนภายในพรรคเป็นอย่างไร นายเอกนัฎ ยอมรับว่าในการทำพรรคการเมือง เรื่อง ประเด็นปัญหา สส. หลายครั้ง เช่นนำปัญหาในพื้นที่มาพูดคุย เป็นเรื่องสำคัญ และตนเองในฐานะเลขาธิการพรรค ก็เป็นสส.เขตมาก่อน รู้ว่าการที่ต้องแบกรับภาระและปัญหาของประชาชน ก็เป็นเรื่องที่หนัก ที่ผ่านมาตนก็รับฟังอยู่ตลอดเวลา และได้ประชุมกับ สส. ทุกสัปดาห์ แต่ก็ยอมรับว่าบางทีเราเป็นรัฐมนตรีด้วย และช่วงนี้งานหนัก ตั้งแต่ก่อนตึกถล่มและหลังตึกถล่มก็ดูเรื่องเหล็กมา บางทีอาจจะขาดการสื่อสารไปบ้าง หลังจากเกิดเหตุก็โทรคุยกับหลายคน และหลายคนก็โทรมาหาว่าไม่อยากให้เข้าใจผิด มาบอกว่า ไม่มีอะไรนัดสังสรรค์ทานข้าวกันเฉยๆ ซึ่งตนบอกว่า ถ้านินทาหรือบ่นตน ตนก็ไม่ว่า เพราะเครียดกันอยู่แล้วแต่มีอะไรมาบอกกัน ซึ่งก็โทรคุยกับทุกคน อะไรที่ทางพรรคหรือตน ในฐานะผู้บริหารขาดตกบกพร่องไป ก็จะปรับตัว

เมื่อถามว่าได้เคยพูดคุยกับ นาบพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค รวมไทยสร้างชาติ ในฐานะที่ต้องรับผิดชอบประชาชน จะออกมาชี้แจงเรื่องนี้หรือไม่ นายเอกนัฏ กล่าวว่าได้พูดคุยกันอยู่ตลอด และมีตนเองพูดอยู่แล้ว


เมื่อถามย้ำว่า แต่ทางหัวหน้าพรรคไม่เคยสื่อสารอะไรออกมา นายเอกนัฎ มองว่าบุคลิกของแต่ละคน และสไตล์การทำงานไม่เหมือนกัน ซึ่งตนเองได้พูดแซวหัวหน้า และลูกพรรคว่า บางทีอาจไม่ใช่สุภาพบุรุษ หลายคนเห็น เวลาพวกทุนเทา กากพิษ เหล็ก มาตั้งค่าหัว มาเล่นกับตนเองอย่างนั้น ตนก็มีส่วนออกไป
และสื่อหลายคนก็รู้ดีว่า ตนเองเป็นคนตรงไปตรงมา ไม่ปฏิเสธที่จะรับสาย และเวลาโทรมาสัมภาษณ์ก็พูดตรงๆ

เมื่อถามว่าตอนนี้มีกระแสข่าวว่า จะให้พรรครวมไทยสร้างชาติไปเป็นฝ่ายค้าน นายเอกนัฏ กล่าวว่าคิดกันไปไกล เอาประเด็นที่เกี่ยวกับตัวพรรครวมไทยสร้างชาติดีกว่า พรรคใครพรรคมัน

ส่วนจำเป็นต้องพูดคุยกับนายสุชาติหรือไม่ นายเอกนัฎ กล่าวว่า ไม่มีอะไรติดใจ เพราะเข้าใจ การเมืองมีกติกา การเมืองมีมารยาทอยู่แล้ว ตนเองอายุยังน้อย ยังอยู่ในวงการนี้อีกนาน จะทำอะไรพยายามรักษากติกา และรักษามารยาททางการเมือง เพราะการสู้กันก็เหมือนกันขึ้นเวที ใส่นวมเสร็จชกกันเสร็จ จบ อย่ามาโกรธกัน ถ้าอยู่ในกติกาก็ไม่ว่ากัน

ส่วนที่มีการบีบให้ไปเป็นฝ่ายค้าน นายเอกนัฏ กล่าวว่ายังไม่ได้มีการบีบอะไร แล้วเมื่อวานนี้ได้เจอกับนายกรัฐมนตรี ยังพูดคุยกันตามปกติ และทำงานตามปกติ ยังไม่มีสัญญาณมาบีบอะไร ในประเทศไทยคนมีอำนาจตั้งคณะรัฐมนตรี มีเพียงคนเดียวคือนายกรัฐมนตรี

เมื่อถามว่า ยังเชื่อว่า พรรครวมไทยสร้างชาติยังมีเอกภาพ ที่จะไปในทางเดียวกันหรือไม่ นายเอกนัฏ กล่าวว่า เรามีเอกภาพพอที่จะทำงาน แต่ต้องยอมรับสภาพความเป็นจริง ทุกพรรคมีปัญหาหมด เวลาทำงานกับมนุษย์มีทั้งเรื่องส่วนตัวและ เรื่องส่วนรวม ถือเป็นปกติ แต่สำคัญคือเราต้องรักษาภาพรวม ไม่ว่าสถานะเป็นอย่างไร เราต้องเดินหน้าทำงานได้

เมื่อถามว่า ท่าทีของนายสุชาติอยากจะขึ้นเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงหรือไม่ นายเอกนัฎ กล่าวว่า ขอให้ไปถามนายสุชาติเอง ตนไม่ขอตอบแทน

นายเอกนัฏ ยังชี้แจงถึงเรื่องการปรับข้อบังคับพรรค ว่า มีการปรับทุกปี เวลามีประชุมใหญ่ ซึ่งก็มีวิวัฒนาการ และให้ยึดโยง กับตัวรัฐธรรมนูญและกฎหมายลูกมากที่สุด เมื่อใช้ไปแล้วพบว่ามีปัญหาบ้าง หรือบางส่วนเขียนยังไม่ชัดก็ต้องไปแก้ไขให้ชัด แค่นั้นเอง โดยได้มีการปรับแก้ตั้งแต่ในช่วงเดือนมีนาคม ไม่ใช่ว่าเกิดเหตุแล้วพึ่งมาแก้ เราแก้ก่อนที่เหตุจะเกิด ไม่ได้แก้ระเบียบเพื่อจะไปทำอะไรกับใครเฉพาะเจาะจง ซึ่งทุกคนต้องปฏิบัติตามข้อบังคับพรรค .-315 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 4 แสน

18 ก.ค. – เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 400,000 บาท อ้างป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัด และแลกหลักฐานกรณีอดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร มีความสัมพันธ์กับสีกากอล์ฟ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จ.พิจิตร หลงกลเล่ห์เหลี่ยมของสีกากอล์ฟ โดยเมื่อปี 2559 อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร ส่งข้อความไปหาสีกากอล์ฟ ว่ามีเรื่องสำคัญของบ้านเมืองจะปรึกษา และหว่านล้อมว่าสีกากอล์ฟเป็นบุคคลสำคัญยิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงการปกครองส่วนหนึ่งใน จ.พิจิตร ไปในทิศทางที่ดีขึ้น หากให้ความร่วมมือจะมีผู้ใหญ่ใจดีที่พร้อมจะดูแลสีกากอล์ฟและลูก แล้วทิ้งเบอร์โทรศัพท์ไว้ให้ติดต่อกลับ จากนั้นสีกากอล์ฟตอบกลับข้อความ ทำให้อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร เปิดเผยเป้าหมายทันทีว่าต้องการดำเนินการกับพระราชสิทธิเวที ในขณะนั้น (อดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร และอดีตเจ้าอาวาสวัดท่าหลวง จ.พิจิตร ที่เพิ่งสึกไป) ซึ่งมีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริต เสพเมถุน และประพฤติตนไม่เหมาะสม อาจเชื่อมโยงมาถึงสีกากอล์ฟ พร้อมเสนอเงิน 1 ล้านบาท แต่สีกากอล์ฟชวนอดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร คุยเรื่องทั่วไป โดยเฉพาะอ้างว่ามีอาการป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัดประมาณ 400,000 บาท […]

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด

อุบลราชธานี 17 ก.ค.-แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารได้รับบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด ซึ่งอาการโดยรวมดีขึ้น ที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ มณฑลทหารบกที่ 22 อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้เข้าเยี่ยมให้กำลังใจกับทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 6 ที่ได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบกับระเบิดทั้ง 3 นาย ซึ่งมีอาการโดยรวมดีขึ้น สำหรับทหารที่ได้รับบาดเจ็บทั้ง 3 นายประกอบด้วย ส.อ.ปฏิพัทธ์ ศรีลาศักดิ์ มีบาดแผลฟกซ้ำบริเวณหน้าอกจากการถูกแรงอัดระเบิด ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้า แต่ปัจจุบันดีขึ้น พลทหารณัฐวุฒิ ศรีเข้ม มีบาดแผลฟกซ้ำที่หน้าอกจากการอัดของระเบิด แน่นหน้าอก แต่ช่วยเหลือตัวเองได้ พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน ต้องตัดขาซ้ายใต้เข่าจากแรงระเบิด มีอาการปวดแผล แต่กินอาหารได้ตามปกติ หลังเยี่ยมพูดคุยให้กำลังใจ แม่ทัพก็เดินทางกลับไป เพื่อไปติดตามสถานการณ์ชายแดนด้านจังหวัดสุรินทร์ต่อไป.-711.-สำนักข่าวไทย

จนท. เข้าพบพระพรหมบัณฑิต ขอตรวจสอบบัญชีเงินวัดประยูรฯ

กทม. 17 ก.ค. – ตำรวจ ปปป. ป.ป.ท. และเจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯ บุกวัดประยุรวงศาวาส เข้าตรวจสอบบัญชีเงินวัด เบื้องต้น  ยืนยันไม่ใช่การบุกค้นกุฏิ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาส พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รักษาราชการแทนรองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.), พ.ต.อ.สถาปนา จุณณวัตต์ ผู้กำกับการกองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธแห่งชาติแห่งชาติ เดินทางเข้าพบพระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร เพื่อพูดคุยและขอข้อมูลเกี่ยวกับเอกสารการเงินภายในวัด หลังอดีตเจ้าคุณประสิทธิ์ อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาส เข้าไปพัวพันกับสีกากอล์ฟ และตรวจสอบข้อเท็จจริงจากคำให้การของพยาน ที่พบเงินถูกพับในลักษณะถูกนำออกมาจากตู้บริจาคในบ้านของสีกากอล์ฟ ซึ่งการตรวจสอบในวันนี้จะเน้นเรื่องเส้นทางการเงินของวัดทั้งหมด ที่ต้องสงสัยว่าอาจมีบางส่วนถูกยักยอก หลังการตรวจสอบ ผู้กำกับการ 6 บก.ปปป. กล่าวว่า ไม่สามารถที่จะเปิดเผยข้อมูลได้ ผู้บังคับบัญชาจะเป็นผู้ชี้แจง หลังจากนี้จะนำข้อมูลต่างๆ กลับไปเรียนให้ผู้บังคับบัญชาได้ทราบ แต่ยืนยันว่า วันนี้เป็นเพียงแค่การเข้ามาขอข้อมูลเท่านั้น ด้านเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติระบุว่า เป็นเพียงการบูรณาการของหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง และในการตรวจสอบเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหารแต่อย่างใด มีรายงานเพิ่มเติมว่าเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 หน่วยงาน ได้นำกำลังส่วนหนึ่งเข้าไปตรวจสอบที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย หรือ […]

ข่าวแนะนำ

กต.ประณามกัมพูชาใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ขัด กม.ระหว่างประเทศร้ายแรง

ก.ต่างประเทศ 20 ก.ค. – กต.ประณามกัมพูชาอย่างรุนแรงที่สุดต่อการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซัดขัด กม.ระหว่างประเทศร้ายแรง ละเมิดอธิปไตยไทย จี้ให้ความร่วมมือเก็บกู้ นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ อ่านแถลงการณ์เรื่องการประท้วงการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลของกัมพูชา ซึ่งเป็นทุ่นระเบิดที่วางใหม่ บริเวณช่องบก ชายแดนไทย-กัมพูชา จังหวัดศรีสะเกษ จนเป็นเหตุให้กำลังพลของไทยได้รับบาดเจ็บ ว่า ตามที่เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2568 กำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 6021 รวม 3 นาย ซึ่งทำการลาดตระเวนตามปกติ ในดินแดนของไทย บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี ประสบเหตุเหยียบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลนั้น รัฐบาลไทยได้รับรายงานจากหน่วยงานความมั่นคงว่า ภายหลังการตรวจสอบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ปรากฏหลักฐานเชิงประจักษ์ว่า ทุ่นระเบิดที่พบ ไม่มีการใช้ หรือมีอยู่ในคลังอาวุธของไทย และเป็นทุ่นระเบิดที่วางใหม่ เมื่อประกอบกับการประมวลข้อมูล และหลักฐานสภาพแวดล้อมอื่น ๆ ที่หน่วยงานความมั่นคงตรวจพบ นำไปสู่การสรุปได้ว่า เป็นการวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ที่ถือเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง รัฐบาลไทยขอประณามอย่างรุนแรงที่สุดต่อการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซึ่งเป็นเรื่องการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย และเป็นการกระทำที่ขัดต่อหลักการพื้นฐานที่สำคัญของกฎหมายระหว่างประเทศ ที่ระบุไว้ในกฎบัตรสหประชาชาติ อีกทั้งยังเป็นการกระทำที่ละเมิดพันธกรณีภายใต้อนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคลอย่างชัดเจน ไทยในฐานะรัฐภาคีอนุสัญญาฯ จะดำเนินการตามกระบวนการภายใต้อนุสัญญาฯ โดยจะยังคงหาทางแก้ปัญหากับกัมพูชาผ่านกลไกทวิภาคีต่าง […]

มทภ.2 ยินดีเขมรขนคนเที่ยวโบราณสถานไทย เตือนเคารพกฎ

20 ก.ค.- แม่ทัพภาค 2 ฮึ่มป่วน “ปราสาทตาเมือนธม-ปราสาทตาควาย” เจอมาตรการเบาไปหนัก ยินดีเขมรขนคนมาชมสองโบราณสถานของไทย ส่วนโซเชียลรณรงค์คนไทยเจ้าบ้านใส่เสื้อไทยร่วมต้อนรับ เมื่อวันที่ 20 ก.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึงกรณีกัมพูชาขนประชาชนกัมพูชาหลายรถบัสขึ้นมาเที่ยวปราสาทตาเมือนธมและปราสาทตาควายของไทย ว่า รู้สึกยินดีและขอต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวกัมพูชาและประเทศอื่น ๆ ที่มาท่องเที่ยว เยี่ยมชมปราสาทตาเมือนธมและปราสาทตาควายของไทย ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวทุกคนจะต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบที่กองทัพภาคที่ 2 กำหนดไว้ โดยได้จัดเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกและดูแลนักท่องเที่ยวให้ปฏิบัติตามกฎระเบียบ ไม่ก่อความวุ่นวาย เพื่อให้นักท่องเที่ยวทุกคนเข้าเยี่ยมชมได้ตามปกติ ทั้งนี้ ปราสาทตาเมือนธมและปราสาทตาควาย เป็นโบราณสถานที่มีความสำคัญของไทยและมีประวัติศาสตร์มายาวนาน “หากนักท่องเที่ยวคนใดก่อเหตุวุ่นวาย เจ้าหน้าที่มีมาตรการจากเบาไปหาหนักดำเนินการ ดังนั้นขออย่าให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว เพราะนักท่องเที่ยวทุกคนเข้ามาเยี่ยมชมโบราณสถานของไทย ต้องเคารพกฎระเบียบของไทย” แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โซเชียลมีเดียมีการเผยแพร่ภาพคนไทย พร้อมข้อความภาษาไทยและภาษากัมพูชา ระบุว่า “รวมใจคนไทย ใส่เสื้อไทย ต้อนรับนักท่องเที่ยวกัมพูชา ด้วยรอยยิ้มและมิตรภาพจากเจ้าของบ้านตัวจริง” -สำนักข่าวไทย

ทบ.ส่งทหารช่างเก็บกู้ทุ่นระเบิดชายแดนไทย-กัมพูชา

20 ก.ค.- ทหารช่างปฏิบัติภารกิจเก็บกู้ทุ่นระเบิดพื้นที่ช่องบก ชายแดนไทย-กัมพูชา ขณะที่กองทัพบกเตรียมมาตรการตอบโต้ทางทหารอย่างเหมาะสม จากกรณีทหารไทยประสบเหตุเหยียบกับระเบิด บาดเจ็บ 3 นาย ขณะปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนรักษาความสงบในพื้นที่ช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี ล่าสุดเช้านี้ (20 ก.ค. 68) กองทัพภาคที่ 2 เสริมกำลังทหารช่างลงพื้นที่ทันที เพื่อตรวจพื้นที่และเก็บกู้ทุ่นระเบิดตลอดแนวชายแดน โดยใช้ยุทโธปกรณ์หนัก รถแทรกเตอร์หุ้มเกราะ ชุดตรวจค้นทุ่นระเบิดชำนาญการ กำลังชุดทหารช่างตรวจค้นกวาดล้างทุ่นระเบิด (Mine Clearing) เขตทางพื้นที่สงสัยให้ปลอดภัย พร้อมใช้รถโกยตัก ถางขุดตอ และรถถากถางติดตั้งเกราะเหล็กป้องกันพลขับในการทำงานในพื้นที่เสี่ยงภัย ปฏิบัติการดังกล่าว นอกจากดูแลความปลอดภัยของกำลังพลที่จะออกลาดตระเวนในพื้นที่เขตแดนไทยแล้ว ยังเป็นการเก็บหลักฐานเพื่อแสดงให้เห็นว่ากัมพูชามีพฤติการณ์ที่ขัดต่ออนุสัญญาออตตาวา ว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล แม้ทางฝ่ายกัมพูชาจะไม่ยอมรับ แต่กระทรวงการต่างประเทศ จะทำหนังสือเพื่อประท้วงอย่างเป็นทางการผ่านสหประชาชาติ (UN) และทางกองทัพบก จะมีมาตรการตอบโต้ทางทหารอย่างเหมาะสม.-สำนักข่าวไทย

พฐ.เตรียมตรวจสอบเหตุเพลิงไหม้โรงงานแปรรูปยางพารา

20 ก.ค.- เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเตรียมตรวจสอบเหตุเพลิงไหม้โรงงานแปรรูปยางพารา จ.บุรีรัมย์ เบื้องต้นไม่มีผู้บาดเจ็บ คาดเสียหายหลายสิบล้านบาท เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา เกิดเหตุเพลิงไหม้โรงงานรับซื้อและแปรรูปยางพาราขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ริมถนนสาย 24 โชคชัย-เดชอุดม ตำบลโคกม้า อ.ประโคกชัย จ.บุรีรัมย์ โดยต้นเพลิงเป็นโกดังเก็บยางพาราอัดแท่ง จัดว่าเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี ทำให้เพลิงลุกไหม้รวดเร็วและรุนแรง ผู้สื่อข่าวรายงานว่าตอนเกิดเหตุช่วงแรก พนักงานช่วยกันดับแต่เอาไม่อยู่ จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ให้เข้าช่วยเหลือ ตำรวจ สภ.ประโคนชัย พร้อมเจ้าหน้าที่ดับเพลิง ลงพื้นที่ตรวจสอบและประสานรถดับเพลิงกว่า 20 คัน เข้าฉีดสกัดนานกว่า 2 ชั่วโมง จึงคุมเพลิงให้อยู่ในวงจำกัดได้ แต่ยังต้องฉีดน้ำหล่อเลี้ยงไว้ตลอดป้องกันไม่ให้ไฟปะทุลามไปจุดอื่นในโรงงาน พร้อมเคลื่อนย้ายถังแก๊ส ถังน้ำมัน จากอาคารใกล้เคียงไปไว้ยังจุดปลอดภัย เบื้องต้นไม่มีพนักงานได้รับบาดเจ็บ ด้านนายจำเริญ แหวนเพ็ชร รองผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่าแม้จะควบคุมเพลิงไว้ได้แล้ว แต่รถดับเพลิงก็ยังต้องฉีดน้ำเพื่อหล่อความเย็นจนกว่าไฟจะดับสนิท ส่วนสาเหตุเพลิงไหม้ยังไม่ทราบ ต้องรอเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้ามาตรวจสอบ สำหรับมูลค่าความเสียหายอยู่ระหว่างการประเมิน คาดหลายสิบล้านบาท ทั้งนี้ โรงงานดังกล่าวเคยเกิดเหตุไฟไหม้มาแล้ว เมื่อปี 63 -สำนักข่าวไทย