“เอกนัฏ” บอกอย่าคิดกันไปไกล รทสช. จะเป็นฝ่ายค้าน

ทำเนียบ 4 มิ.ย.- “เอกนัฏ” ย้ำ ภาพ “สุชาติ” กินข้าวกับ สส.รทสช. เป็นเรื่องปกติของการเมือง เชื่อทุกคนมีวิจารณญาณประเมินได้ บอก เดี๋ยวอีก 2-3 วัน ก็มีภาพอีก เป็นแฟชั่น ยอมรับงานหนัก อาจขาดการสื่อสารกับคนในพรรค แต่พร้อมปรับตัว บอกอย่าคิดกันไปไกล รทสช. จะไปเป็นฝ่ายค้าน


นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวถึงกรณี นายสุชาติ ชมกลิ่นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ นั่งรับประทานอาหารกับบรรดา สส. ของพรรค จำนวนหลายคน ซึ่งมีกระแสข่าวว่าจะนำทีมย้ายไปอยู่กับพรรคโอกาสใหม่ ว่า การรับประทานอาหารเป็นเรื่องปกติ และเคยพูดในพรรคว่างานการเมืองมีความตึงเครียด การไปรับประทานอาหารและสังสรรค์ถือเป็นเรื่องปกติ พร้อมพูดติดตลกว่า ไปรับประทานอาหารแล้วนินทาตนเอง ก็ยังไม่ว่าเลย และที่ผ่านมาก็มีภาพและถูกปั่น และถูกไปเติมแต่งให้มีนัยทางการเมือง ซึ่งหลายคนที่อยู่ในภาพก็มาปฏิเสธ ทั้งนายธนกร วังบุญคงชนะ รองหัวหน้าพรรครวมไทยต่างชาติ นายศาสตรา ศรีปาน สส.สงขลา นายจิรวุฒิ สิงโตทอง สส.ชลบุรี ว่าในการไปรับประทานอาหารไม่มีอะไร เป็นเพียงการพูดคุยกันเฉยๆ

เมื่อถามว่า มองว่าการปล่อยภาพออกมาเช่นนี้เป็นอย่างไรบ้าง นายเอกนัฏ กล่าวว่า รู้สึกเฉยๆ เพราะการเมืองสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องปกติ อย่าไปหมกมุ่นกับเรื่องนี้ มองว่าก็ต้องทำงานต่อ เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นไม่มีประโยชน์กับสาธารณชน แต่งานของกระทรวง ที่ได้ไปจับลักลอบนำเข้าฝุ่นพิษ ตัวการใหญ่สามบริษัท และเมื่อวานนี้ ชุดสุดซอยก็ยังทำงานอยู่ ไม่ได้เอามาหมกมุ่นหรือกระทบกับการทำงาน เชื่อว่าทุกคนที่ได้รับข้อมูลไป คนที่ดูภาพหรือคนที่รับข้อมูล ทุกคนก็คงมีวิจารณญาณในการประเมิน ว่าแปลว่าอะไร บางทีตนก็ชวนคิด ว่า


“ในภาพ 15 คน พอไปถึงสื่อ จาก 15 บวกมาเป็น 23 คน เฉยเลย ผีอีก 8 ตัวมาจากไหนไม่รู้ ส่งภาพเสร็จ ใส่ไปพร้อมข้อมูลอีก ชงให้พร้อมเสิร์ฟเลยแบบนี้มันก็ต้องมีสติในการเสพว่าอะไรเป็นอะไร และใน 15 คนนั้นก็ออกมากันหลายคน นี่ถ้าอีกนิดนึง สงสัยคงต้องออกมารวมตัวแถลงข่าว ปฏิเสธกันหมดแล้วมั้ง ว่าเป็นแค่การทานข้าวกันเฉยๆ อย่าไปวิตกอะไร วันสองวันนี้ สามวันนี้ สี่วันนี้ เดี๋ยวก็มีภาพทานข้าวอีก มีภาพจิบกาแฟอีกตอนนี้เป็นแฟชั่นไปแล้ว กับตนเดี๋ยวก็คงมีบ้าง มันก็เป็นเรื่องปกติ” นายเอกนัฏ กล่าว

เมื่อถามว่า พอมีภาพออกมาแบบนี้ความรู้สึกของคนภายในพรรคเป็นอย่างไร นายเอกนัฎ ยอมรับว่าในการทำพรรคการเมือง เรื่อง ประเด็นปัญหา สส. หลายครั้ง เช่นนำปัญหาในพื้นที่มาพูดคุย เป็นเรื่องสำคัญ และตนเองในฐานะเลขาธิการพรรค ก็เป็นสส.เขตมาก่อน รู้ว่าการที่ต้องแบกรับภาระและปัญหาของประชาชน ก็เป็นเรื่องที่หนัก ที่ผ่านมาตนก็รับฟังอยู่ตลอดเวลา และได้ประชุมกับ สส. ทุกสัปดาห์ แต่ก็ยอมรับว่าบางทีเราเป็นรัฐมนตรีด้วย และช่วงนี้งานหนัก ตั้งแต่ก่อนตึกถล่มและหลังตึกถล่มก็ดูเรื่องเหล็กมา บางทีอาจจะขาดการสื่อสารไปบ้าง หลังจากเกิดเหตุก็โทรคุยกับหลายคน และหลายคนก็โทรมาหาว่าไม่อยากให้เข้าใจผิด มาบอกว่า ไม่มีอะไรนัดสังสรรค์ทานข้าวกันเฉยๆ ซึ่งตนบอกว่า ถ้านินทาหรือบ่นตน ตนก็ไม่ว่า เพราะเครียดกันอยู่แล้วแต่มีอะไรมาบอกกัน ซึ่งก็โทรคุยกับทุกคน อะไรที่ทางพรรคหรือตน ในฐานะผู้บริหารขาดตกบกพร่องไป ก็จะปรับตัว

เมื่อถามว่าได้เคยพูดคุยกับ นาบพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค รวมไทยสร้างชาติ ในฐานะที่ต้องรับผิดชอบประชาชน จะออกมาชี้แจงเรื่องนี้หรือไม่ นายเอกนัฏ กล่าวว่าได้พูดคุยกันอยู่ตลอด และมีตนเองพูดอยู่แล้ว


เมื่อถามย้ำว่า แต่ทางหัวหน้าพรรคไม่เคยสื่อสารอะไรออกมา นายเอกนัฎ มองว่าบุคลิกของแต่ละคน และสไตล์การทำงานไม่เหมือนกัน ซึ่งตนเองได้พูดแซวหัวหน้า และลูกพรรคว่า บางทีอาจไม่ใช่สุภาพบุรุษ หลายคนเห็น เวลาพวกทุนเทา กากพิษ เหล็ก มาตั้งค่าหัว มาเล่นกับตนเองอย่างนั้น ตนก็มีส่วนออกไป
และสื่อหลายคนก็รู้ดีว่า ตนเองเป็นคนตรงไปตรงมา ไม่ปฏิเสธที่จะรับสาย และเวลาโทรมาสัมภาษณ์ก็พูดตรงๆ

เมื่อถามว่าตอนนี้มีกระแสข่าวว่า จะให้พรรครวมไทยสร้างชาติไปเป็นฝ่ายค้าน นายเอกนัฏ กล่าวว่าคิดกันไปไกล เอาประเด็นที่เกี่ยวกับตัวพรรครวมไทยสร้างชาติดีกว่า พรรคใครพรรคมัน

ส่วนจำเป็นต้องพูดคุยกับนายสุชาติหรือไม่ นายเอกนัฎ กล่าวว่า ไม่มีอะไรติดใจ เพราะเข้าใจ การเมืองมีกติกา การเมืองมีมารยาทอยู่แล้ว ตนเองอายุยังน้อย ยังอยู่ในวงการนี้อีกนาน จะทำอะไรพยายามรักษากติกา และรักษามารยาททางการเมือง เพราะการสู้กันก็เหมือนกันขึ้นเวที ใส่นวมเสร็จชกกันเสร็จ จบ อย่ามาโกรธกัน ถ้าอยู่ในกติกาก็ไม่ว่ากัน

ส่วนที่มีการบีบให้ไปเป็นฝ่ายค้าน นายเอกนัฏ กล่าวว่ายังไม่ได้มีการบีบอะไร แล้วเมื่อวานนี้ได้เจอกับนายกรัฐมนตรี ยังพูดคุยกันตามปกติ และทำงานตามปกติ ยังไม่มีสัญญาณมาบีบอะไร ในประเทศไทยคนมีอำนาจตั้งคณะรัฐมนตรี มีเพียงคนเดียวคือนายกรัฐมนตรี

เมื่อถามว่า ยังเชื่อว่า พรรครวมไทยสร้างชาติยังมีเอกภาพ ที่จะไปในทางเดียวกันหรือไม่ นายเอกนัฏ กล่าวว่า เรามีเอกภาพพอที่จะทำงาน แต่ต้องยอมรับสภาพความเป็นจริง ทุกพรรคมีปัญหาหมด เวลาทำงานกับมนุษย์มีทั้งเรื่องส่วนตัวและ เรื่องส่วนรวม ถือเป็นปกติ แต่สำคัญคือเราต้องรักษาภาพรวม ไม่ว่าสถานะเป็นอย่างไร เราต้องเดินหน้าทำงานได้

เมื่อถามว่า ท่าทีของนายสุชาติอยากจะขึ้นเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงหรือไม่ นายเอกนัฎ กล่าวว่า ขอให้ไปถามนายสุชาติเอง ตนไม่ขอตอบแทน

นายเอกนัฏ ยังชี้แจงถึงเรื่องการปรับข้อบังคับพรรค ว่า มีการปรับทุกปี เวลามีประชุมใหญ่ ซึ่งก็มีวิวัฒนาการ และให้ยึดโยง กับตัวรัฐธรรมนูญและกฎหมายลูกมากที่สุด เมื่อใช้ไปแล้วพบว่ามีปัญหาบ้าง หรือบางส่วนเขียนยังไม่ชัดก็ต้องไปแก้ไขให้ชัด แค่นั้นเอง โดยได้มีการปรับแก้ตั้งแต่ในช่วงเดือนมีนาคม ไม่ใช่ว่าเกิดเหตุแล้วพึ่งมาแก้ เราแก้ก่อนที่เหตุจะเกิด ไม่ได้แก้ระเบียบเพื่อจะไปทำอะไรกับใครเฉพาะเจาะจง ซึ่งทุกคนต้องปฏิบัติตามข้อบังคับพรรค .-315 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” รายชื่อตรงตามโผ

กทม. 19 ก.ย.-โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” นั่งนายกฯ ควบมหาดไทย พร้อมตั้ง รองนายกฯ 6 คน รมต.สำนักนายกฯ 4 คน ขณะรายชื่อตรงตามโผ ไม่มีเปลี่ยนแปลง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย. 68) เวลา 09.30 น. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ สำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี โดยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 7 กันยายนพุทธศักราช 2568 แล้วนั้น บัดนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เลือกผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดินสืบต่อไปแล้ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเก้าแต่งตั้งรัฐมนตรีดังต่อไปนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ […]

“เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง

กรุงเทพฯ 19 ก.ย. – “เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง เชื่อ 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต หลังจากนี้จะใช้ชีวิตของตัวเองอุทิศให้ประชาชนและประเทศชาติ ชี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์บ้านเมืองว่าจะออกมาเคลื่อนไหวอีกหรือไม่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก สื่อมวลชนอาวุโส กล่าวขอบคุณกระบวนการยุติธรรม และศาลด้วยที่ความเมตตากับตนเอง ที่ผ่านมาเราต่อสู้ด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม สำหรับการตัดสินในวันนี้ทำให้รู้สึกโล่งใจ ดีใจทำให้เรารู้ว่าหลังจากนี้เราจะใช้ชีวิตของเราอย่างไรต่อ เพราะถือว่าเป็นคดีสุดท้าย 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต ต่อจากนี้เป็นต้นไปขอทำหน้าที่สื่อมวลชนที่ดีเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดชีวิตนี้จะอุทิศให้กับพี่น้องประชาชนและประเทศชาติ พร้อมบอกว่าเป็นคดีสุดท้ายใน 20 ปี ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา เราใช้วิชาชีพของตัวเองใช้ความเชี่ยวชาญของตัวเองรับใช้พี่น้องประชาชน ถือว่าเป็น 20 ปี ที่คุ้มมาก พี่น้องประชาชนให้กำลังใจเราเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะคนที่ร่วมมือกับเราในการแสวงหาข้อมูล เรารู้สึกว่ามีคนรักเรามาก และความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น เรานำเสนอความจริง เมื่อถามว่าที่ผ่านรู้สึกอย่างไรได้มีเตรียมใจไว้หรือไม่ น.ส.อัญชะลี ระบุว่า ทุกอย่างเตรียมความพร้อม ทุกอย่างไม่ต้องแอบทำใจ หากเราสู้จนถึงที่สุดแล้วอะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องเกิด ขอบคุณทุกหน่วยงานที่เคยช่วยเหลือทั้งในเรื่องเอกสาร หรืออื่นๆ ส่วนเหตุผลที่ศาลพิจารณายกฟ้องในคดีนี้ คือ ศาลเห็นว่าพยานให้การไม่ตรงกันในหลายประเด็นทั้งพยานวัตถุ […]

ศาลฎีกานัดฟังคำพิพากษาคดีม็อบพันธมิตรบุกยึด NBT ปี51

ศาลอาญา 19 ก.ย. – วันนี้ที่ศาลอาญา รัชดา ได้นัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา หรือคดีแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหรือ พธม. นำผู้ชุมนุมบุกยึดสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย หรือ NBT เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2551 หรือเมื่อ 17 ปีก่อน ในช่วงระหว่างการชุมนุมขับไล่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ในขณะนั้น ซึ่งศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาในเวลา 10:00 น. โดยคดีดังกล่าวมีจำเลย 4 คน ได้แก่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก, นายภูวดล ทรงประเสริฐ, นายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที และนายชิติพัทธ์ ลิ้มทองกุล ซึ่งเป็นน้องชายของนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำ พธม. ทั้งหมดถูกฟ้องในความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป อั้งยี่ซ่องโจร บุกรุก และทำให้เสียทรัพย์ เนื่องจากปรากฏหลักฐานว่า จำเลยทั้งห้าเป็นระดับหัวหน้าและผู้สั่งการให้กระทำความผิด ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ได้มีจำเลยอีก 1 คน คือ นายสมเกียรติ […]

‘มาครง’ เตรียมเสนอหลักฐานยืนยัน ‘บริฌิตต์’ เป็นหญิงไม่ใช่ชาย

ปารีส 19 ก.ย. – ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส และบริฌิตต์ ภริยา เตรียมเสนอหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ต่อศาลสหรัฐเพื่อพิสูจน์ว่าบริฌิตต์เป็นผู้หญิงจริงๆ ไม่ใช่ผู้ชาย ทนายความของประธานาธิบดีมาครงและบริฌิตต์ บอกว่า ทั้งคู่จะยื่นเอกสารเหล่านี้ในคดีหมิ่นประมาทที่ทั้งสองได้ยื่นฟ้อง แคนแดซ โอเวนส์ อินฟลูเอนเซอร์ฝ่ายขวาชาวอเมริกัน ที่เผยแพร่ความเชื่อของตนผ่านทางสื่อและรายการพ็อคแคสต์ของตนเองว่าบริฌิตต์ เกิดมาเป็นผู้ชาย ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เธอเสียใจและไม่สบายใจอย่างมากกับข้อกล่าวหาดังกล่าว และเรื่องนี้รบกวนจิตใจของประธานาธิบดีฝรั่งเศส แม้จะไม่ได้ทำให้มาครงสมาธิหลุดจากภารกิจหน้าที่ของเขาในฐานะผู้นำประเทศ แต่มันก็เป็นเรื่องรบกวนจิตใจของคนที่ต้องรับผิดชอบทั้งเรื่องครอบครัวและเรื่องงาน ซึ่งตัวประธานาธิบดีก็ไม่มีข้อยกเว้น ในส่วนของการยื่นหลักฐานต่อศาลนั้น ทนายความของมาครงและภริยาบอกว่า ทั้งคู่พร้อมที่จะแสดงหลักฐานอย่างชัดเจนทั้งในภาพรวมและในรายละเอียด รวมถึงคำให้การจากผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะเป็นลักษณะทางวิทยาศาสตร์เพื่อพิสูจน์ว่าข้อกล่าวหานั้นเป็นเท็จ แม้จะเป็นกระบวนการที่บริฌิตต์จะต้องเผชิญต่อหน้าสาธารณชนอย่างเปิดเผย แต่เธอก็ยินดีที่จะทำ เธอตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อทำให้เรื่องนี้กระจ่าง สำหรับประเด็นเรื่องบริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ถูกเผยแพร่ครั้งแรกตามสื่อออนไลน์ของฝ่ายขวาและกลุ่มต่อต้านวัคซีนในฝรั่งเศสตั้งแต่ปี 2021 ต่อมา แคนแดซ โอเวนส์ อดีตนักวิจารณ์ของเดลี่ไวร์ (Daily Wire) สำนักข่าวสายอนุรักษ์นิยมของสหรัฐฯ ซึ่งมีผู้ติดตามบนโซเชียลมีเดียหลายล้านคน ได้เผยแพร่มุมมองของตนเองหลายครั้งว่า บริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ที่มีชื่อว่า ฌอง-มิเชล ทรอกโนซ์ (Jean-Michel Trogneux) ก่อนที่จะแปลงเพศในเวลาต่อมา ถึงขั้นอ้างว่าเธอพร้อมเดิมพันชื่อเสียงในอาชีพทั้งหมดของเธอกับข้อกล่าวหานี้ ส่งผลให้มาครงและภริยายื่นฟ้องต่อศาลสหรัฐฯ […]

ข่าวแนะนำ

เปิดแนวต้านน้ำหล่มสัก ผลักดันแผนแก้น้ำท่วมซ้ำซาก

เพชรบูรณ์ 22 ก.ย. – แม้ว่าน้ำที่ท่วมชุมชนและย่านการค้าในเขตเทศบาลเมืองหล่มสัก ที่เพชรบูรณ์ จะลดลงแล้ว แต่ทิ้งความเสียหายเป็นวงกว้าง โดยเฉพาะย่านการค้าเก่าแก่ที่เจอน้ำท่วม 2 รอบในช่วง 3 สัปดาห์ เรียกว่ายังไม่ทันได้ฟื้นฟูความเสียหายจากน้ำท่วมรอบแรกเสร็จ ต้องมาเจอน้ำท่วมซ้ำอีก ขณะที่หลายคนกังวลและต้องเตรียมรับมือกับพายุที่คาดว่าจะเข้ามาในช่วงปลายสัปดาห์นี้ พร้อมเรียกร้องให้เร่งป้องกันและหาแนวทาง แก้ปัญหาระยะยาว ไม่ให้หล่มสักกลายเป็นพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซาก .-สำนักข่าวไทย

ฝนถล่มเชียงใหม่ ประกาศปิดน้ำตกแม่สา ส่วนวัดผาลาด เตือนน้ำป่าหลาก

เชียงใหม่ 22 ก.ย.-ฝนถล่มเชียงใหม่ อุทยานฯ ดอยสุเทพ-ปุย ประกาศปิดน้ำตกแม่สา อ.แม่ริม ชั่วคราว หลังน้ำป่าไหลหลาก ส่วนวัดผาลาด แจ้งเตือนชาวบ้านรับมือน้ำป่าหลากลงน้ำตกผาลาด ช่วงบ่ายวันนี้ ( 22 กันยายน) เกิดฝนตกหนักในหลายพื้นที่ของจังหวัดเชียงใหม่ เพจเฟซบุ๊ก อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ได้โพสต์ข้อความประกาศปิดน้ำตกแม่สา ในอำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ชั่วคราว เพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว เนื่องจากเกิดเหตุน้ำป่าไหลหลากลงมาจนน้ำมีสีน้ำตาลขุ่น กระแสน้ำไหลแรงและเชี่ยวกราก โดยจะปิดน้ำตกแม่สาตั้งแต่วันนี้จนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่สภาวะปกติ ขณะที่พระมหาสง่า ไชยวงค์ เจ้าอาวาสวัดผาลาด ก็ได้โพสต์คลิปภาพวิดีโอ พร้อมข้อความ “มวลน้ำจากยอดดอยกำลังผ่านวัดผาลาด ญาติโยมด้านล่างช่วงนี้ก็เฝ้าไว้เน้อ” ซึ่งทางวัดผาลาดจะมีการแจ้งเตือนชาวบ้านที่อยู่ใกล้ทางน้ำไหลน้ำตกผาลาด และบริเวณเชิงดอยสุเทพในตัวเมืองเชียงใหม่ ให้เฝ้าระวังน้ำป่าที่ไหลผ่านวัดลงสู่ด้านล่างทุกครั้ง สำหรับวัดผาลาดตั้งอยู่บริเวณทางขึ้นดอยสุเทพ และมีน้ำตกผาลาดไหลผ่านพื้นที่วัดช่วงที่เกิดฝนตกหนัก จะมีน้ำป่าไหลหลากจากบนดอยสุเทพผ่านน้ำตกผาลาด ก่อนจะไหลลงสู่พื้นที่ตัวเมืองเชียงใหม่.-สำนักข่าวไทย

กองทัพไทย ย้ำบ้านหนองหญ้าแก้วอยู่เขตแดนไทย ชี้ JBC รับรองแล้ว

กทม. 22 ก.ย.- กองทัพไทย ย้ำบ้านหนองหญ้าแก้วอยู่เขตแดนไทย ไม่ใช่พื้นที่ทับซ้อน ชี้ JBC รับรองแล้ว สอดคล้อง MOU 2543 พล.ต.วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยถึงประเด็นหลักเขตแดนที่ 42 และ 43 ในพื้นที่ อ.โคกสูง จ.สระแก้วว่า หลักเขตแดนที่ 42 ตั้งอยู่ที่บ้านหนองหญ้าแก้ว (บ้านไปรจัน) ต.โคกสูง อ.โคกสูง จ.สระแก้ว และหลักเขตแดนที่ 43 ตั้งอยู่ที่บ้านโนนหมากมุ่น ต.โคกสูง อ.โคกสูง จ.สระแก้ว โดยการกำหนดแนวเขตแดนในพื้นที่ดังกล่าวเป็นเส้นตรงจากหลักเขตแดนที่ 41 มายังหลักเขตแดนที่ 42 และต่อเนื่องไปยังหลักเขตแดนที่ 43 จากนั้นแนวเขตแดนจะไปตามคลองระลมระสือจนถึงหลักเขตแดนที่ 44 สำหรับกระบวนการสำรวจ ชุดสำรวจร่วมไทย–กัมพูชาได้ดำเนินการตามขั้นตอนที่ 1 ของ TOR คือ การสำรวจสภาพ และที่ตั้งของหลักเขตแดนทั้งหมด 74 หลัก ตั้งแต่ปี พ.ศ. […]

ทีมทนายวัดนาป่าพง หอบเอกสารเข้าพบกองปราบ

22 ก.ย.- ทีมทนายวัดนาป่าพง หอบเอกสารเข้าพบพนักงานสอบสวนกองปราบ ขณะที่สีกาเยอรมนีเตรียมนั่งเครื่องเข้าพบตำรวจ 2 ต.ค.นี้ หลังจากที่นายนันทน อินทนนท์ ทนายความวัดนาป่าพง จ.ปทุมธานี พร้อมทีมทนายความ ได้มีการตั้งโต๊ะแถลงชี้แจงประเด็นที่ น.ส.ทองใหม่ ขวัญหมื่น หรือ ทนายอุ้ม ทนายความผู้รับมอบอำนาจจากสีกาจากประเทศเยอรมนี เข้ามาร้องเรียนที่กองบังคับการปราบปราม กล่าวหาว่า พระคึกฤทธิ์ ยักยอกเงินวัด ก่อนนำมาฟอกกับมูลนิธิพุทธวจนที่ประเทศเยอรมนีนั้น ความเคลื่อนไหวล่าสุดวันนี้ (22 ก.ย.68) เวลา 10.00 น. ที่กองบังคับการปราบปราม กองกำกับการ 2 นายนันทน อินทนนท์ ทนายความวัดนาป่าพง จ.ปทุมธานี และทีมทนายความ ได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน โดยนำเอกสารเป็นพยานหลักฐานเกี่ยวกับเส้นเงิน เงินบริจาคภายในวัด มามอบให้กับพนักงานสอบสวน เพื่อชี้แจงในประเด็นต่างๆ โดยใช้เวลาในการชี้แจงกับพนักงานสอบสวนไม่ถึง 1 ชั่วโมง ก่อนจะเดินทางกลับทันที และไม่ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนแต่อย่างใด หลังจากนั้นทีมข่าวได้ติดต่อไปที่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างการตรวจสอบเส้นทางการเงินของวัดนาป่าพง โดยเฉพาะเงินที่เปิดรับบริจาคทั่วประเทศ หากตรวจสอบแล้วพบว่ามีความผิดจริง […]