“ชยพล” วอนกองทัพเลิกกั๊กงบฯ เสนอ 3 ขั้นตอนจัดการอาวุธ

รัฐสภา 29 พ.ค.- “ชยพล” วอนกองทัพเลิกกั๊กงบฯ ลดขนาดกองทัพไม่ได้ โครงการเออร์ลี่รีไทร์ งบฯ จูงใจน้อย พร้อมเสนอ 3 ขั้นตอนจัดการอาวุธอย่างมียุทธศาสตร์ หนุนผู้ประกอบการไทย


นายชยพล สท้อน สส. กทม.พรรคประชาชน อภิปรายงบประมาณกระทรวงกลาโหม ว่าทุกคนต่างต้องการเห็นการทำงานของกองทัพไทยมีประสิทธิภาพ เป็นที่ยอมรับด้านขีดความสามารถ ประสิทธิภาพ และความโปร่งใส เพื่อลบคำสบประมาทและชื่อเสียงที่เกิดขึ้น ซึ่งปัญหาภัยความมั่นคงในปัจจุบัน ปัญหาที่แก้ไขไม่ได้ด้วยรถถังหรือลูกปืน อย่างที่ไทยประสบปัญหาทางเศรษฐกิจ หากเลือกที่จะกั๊กงบ แล้วถมเงินในเรื่องการทหารอย่างมีประสิทธิภาพ ก็จะกลายเป็นค่าเสียโอกาสของประเทศ ที่ไม่สามารถใช้กรอบงบประมาณแก้ไขปัญหาด้านอื่นได้

“ผมอยากให้กองทัพเลิกกั๊กแล้วพักก่อนดีมั้ย เพราะนี่คือโอกาสสุดท้ายที่จะช่วยรัฐบาลในการหาเงิน ก่อนที่เศรษฐกิจไทยจะพังจริง ใช้เงินให้ถูกที่จ่ายเงินได้ประสิทธิภาพก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินแก้” นายชยพล กล่าว


นายชยพล ยังกล่าวว่างบฯ กว่า 4700 ล้านบาท ของกระทรวงกลาโหม ที่เพิ่มขึ้นจากงบปี 2568 ซึ่งงบประมาณครึ่งหนึ่ง ของกระทรวงกลาโหมอยู่ที่งบบุคลากร หากต้องการให้กองทัพมีประสิทธิภาพ เน้นใช้คนน้อยและนำเทคโนโลยีมาใช้ในการรบสมัยใหม่ แต่ยังไม่ได้มีภาพสะท้อนถึงเรื่องการลดกองทัพอย่างที่กล่าวถึง โดยสะท้อนว่าสิทธิประโยชน์ในโครงการเออร์ลี่รีไทร์ ไม่จูงใจ จึงไม่สามารถลดจำนวนนายพลได้ตามเป้า เสียโอกาสในการประหยัดงบประมาณ ด้วยสิทธิการเออรี่ในปี 2568 ถึง 2560 ได้เงินก้อน 10 เท่าของเงินเดือนสุดท้าย ขณะที่สิทธิประโยชน์ในช่วงปี 2557 ถึง 2561 ได้ 15 เท่า

นายชยพล ยังเสนอการจัดการกับอาวุธ 3 ขั้นตอน คือ 1. วางแผนให้ดีความจำเป็นทางภัยความมั่นคง 2. ซื้อให้พอจัดซื้อภายในประเทศนำเข้าอย่างมียุทธศาสตร์ และ 3. ซ่อมให้ถึง ซ่อมให้ทนตามวงรอบอย่างเหมาะสม เช่น ความจำเป็นในการจัดหาเรือฟรีเกต หรือ การซ่อมเรืออย่างเหมาะสม สำหรับเรือหลวงภูมิพล ใช้ยังไม่ถึง 10 ปีแต่ถูกใช้อย่างหนัก ขาดการซ่อมบำรุงตามวงรอบ จนเกิดเหตุเครื่องยนต์เสีย ระหว่างภารกิจที่ออสเตรเลีย และต้องเสียงบประมาณ 240 ล้านบาท เฉพาะค่าเครื่องยนต์ ซึ่งงบซ่อมบำรุงแต่ละเหล่าทัพ 3 ปีย้อนหลัง พบว่างบของกองทัพเรือลดลงอย่างต่อเนื่องแต่ปัญหาไม่เคยลด

นายชยพล ยังกล่าวถึงเรื่องมาตรฐานยุทโธปกรณ์กระทรวงกลาโหม ที่ทำให้ผู้ประกอบการไทย ที่ทำเรื่องเกี่ยวกับปืนยาว ปืนเล็กชุดเกาะรถถัง รถยานเกาะ UAV อุปกรณ์การแพทย์ ซึ่งทำให้ผู้ประกอบการเข้าถึงยากในการขายสินค้าให้กองทัพ และยังไม่นับเรื่องปัญหาความโปร่งใสของ TOR ซึ่งกองทัพไม่เคยชี้แจงว่าการซื้อยุทธโธปกรณ์มีการซื้ออะไรบ้าง โดยอ้างเหตุผลด้านความมั่นคง และจัดให้ข้อมูลอยู่ในชั้นความลับ


“ติดใจ คือสิ่งที่ไม่ควรเป็นความลับ อย่างเช่น ยุทโธปกรเพื่อบรรเทาสาธารณะภัย รถตักดิน รถส่องไฟ หรือเรือท้องแบน ถามว่ามีความละเอียดอ่อนที่จะสะท้อนความสามารถของกองทัพไทยได้ขนาดไหน และสิ่งเหล่านี้ที่กองทัพบกซื้อเป็นไปได้หรือไม่ที่จะอุดหนุนคนไทย อย่างยางรถยนต์ ไทยก็มียางและยี่ห้อผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติไทยก็มี เป็นไปได้หรือไม่ที่จะซื้อจากผู้ประกอบการชาวไทย แต่ปรากฏว่ากองทัพบกเลือกที่จะตั้งโรงงานผลิตเอง และใช้สินค้าจากโรงงานชื่อ “รง.ซย.กรซท.ศซส.สพ.ทบ.” ย่อมาจากโรงงานซ่อม รถยนต์กองโรงงานซ่อมสร้างยุทธโธปกรณ์ สายสรรพาวุธ ศูนย์ซ่อมสร้างสิ่งอุปกรณ์ สายสรรพาวุธ กรมสรรพาวุธกองทัพบก” นายชยพล กล่าว

นายชยพล กล่าวว่า ในวงเงิน 3,600 ล้านบาทที่จะเป็นโอกาสผู้ประกอบการไทยจะมีส่วนร่วม ซึ่งในเอกสารไม่ควรเป็นความลับ เช่น เตียง 35,000 หลัง รวมเกือบ 100 ล้านบาท อุปกรณ์สมาร์ทคลาสรูม 15 ล้านบาท รถบรรทุก 30 คัน 21 ล้าน หรือแม้แต่พ่อพันธุ์ม้า ต้องการม้าพันธุ์ดีสีดำแท้ในการเพาะพันธ์ เพื่อร่วมพระราชพิธี 4 ตัว 26 ล้านบาท ย้ำถามถึงความจำเป็น ในการใช้งบประมาณดังกล่าว

นายชยพล ยังตั้งข้อสงสัยถึงงบปริศนาต้องสงสัยไอโอ ภาค 5 ที่ไร้การชี้แจงจากกองทัพบก รู้เพียงว่าใช้ทำอะไร งบเท่าไหร่ อันสะท้อนถึงความโปร่งใสในการใช้งบประมาณของกองทัพ ว่าเป็นเพื่อความมั่นคงของชาติ หรือเพื่อความมั่นคงของใคร เพราะขณะนี้มีงบประมาณถูกใช้ไปในการคุกคามคนในประเทศ โดยมีโครงการที่น่าจับตาเป็นพิเศษ

“ค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติการตามแผนป้องกันประเทศ และเงินราชการลับ นี่แค่งบประมาณส่วนเดียวที่ไม่มีการชี้แจง แต่ถูกสงสัยว่าเป็นงบประมาณที่ปฏิบัติการคุกคามประชาชน หรือไอโอภาค 5 ที่ได้อภิปรายไม่ไว้วางใจไปก่อนหน้านี้ ที่ไร้ซึ่งคำตอบและคำชี้แจงจากรัฐบาล คือกระบวนการบั่นทอนประชาธิปไตยโดยการชักใหญ่ของ ศปก.ร่วม หน่วยงานนอกกระทรวงกลาโหม ที่เป็นผู้บงการควบคุมการทำงานของกองทัพ แค่กองทัพบกกินงบประมาณไป 3,000 ล้านบาทในปี 2569 เป็นรัฐพันลึกอย่างแท้จริงเพราะถามสำนักงบประมาณก็ตอบไม่ได้” นายชยพลกล่าว

นายชยพล ยังกล่าวถึงค่าโง่เรือดำน้ำเกือบ 16,000 ล้านบาท ที่จ่ายไปแล้วแต่ยังไม่มีวี่แววจะได้เรือดำน้ำ เสียค่าโง่ก็แล้ว เจรจาก็แล้ว รัฐมนตรีบินไปเยอรมันก็แล้ว จะเดินหน้าต่อหรือพอแค่นี้ รัฐบาลจะรับผิดชอบความเสียหายให้กับคนไทยอย่างไรที่กำลังเผชิญวิกฤติเศรษฐกิจในขณะนี้ หรือรัฐบาลสามารถขอเงินคืนได้แล้วหรือยัง แต่รัฐบาลจะเดินหน้าจ่ายค่าเรือดำน้ำทั้งที่ยังเรือดำน้ำ แทนที่รัฐบาลจะฟ้องความผิดทางละเมิดต่อศาลปกครอง โจทก์แรกกองทัพเรือ และโจทก์ที่สองรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมในขณะนั้น โจทก์ที่สามคือ ครม. ที่อนุมัติโครงการในขณะนั้น

นายชยพล ยังให้เสนอตัดงบของกระทรวงกลาโหม เหลือครึ่งเดียวให้คงเหลือ 14,000 ล้านบาทในการช่วยอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ ให้เหลือ 7,000 ล้านบาท โดยไม่ได้ต้องการตัดงบประมาณจัดซื้อเรือฟริเกต จึงเสนอ ครม. 1.ทบทวนมติใหม่ เปลี่ยนหลักการอนุมัติจัดซื้อเรือ 2 ลำ และดาว 5% ของมูลค่าโครงการ 2. ชะลอโครงการออกไปเพื่อให้โครงการใหม่มีความชัดเจนมากกว่า 3. ฝืนต่อไป

“ต้นเหตุของความเละเทะทั้งหมดมาจาก พ.ร.บ. จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม มาตรา 43 ที่นโยบายการจัดสรรงบประมาณต้องเป็นไปตามมติสภากลาโหม ที่มีนายพล 20 คนนั่งลุมตัวรัฐมนตรี และรัฐมนตรีช่วย ไม่มีทางที่จะจัดสรรงบประมาณของกระทรวงกลาโหมให้เป็นไปมีประสิทธิภาพได้ เพราะข้อเท็จจริงคือนายภูมิธรรม เวชยชัย เป็นรัฐมนตรีที่ถูกบังคับไม่ต้องอ่อนแอ กระทรวงกลาโหมและกองทัพ จึงอยู่ในจุดที่ต้องอ่อนตาม การจัดสรรงบประมาณไม่ได้เป็นไปเพื่อประสิทธิภาพ แต่การจัดจัดสรรงบประมาณด้วยระบบแบ่งเค้ก โดยกองทัพบกเอาไปสองส่วน กองทัพอากาศหนึ่งส่วน และกองทัพเรืออีกหนึ่งส่วน แบ่งเข้าแบ่งเค้กแล้วแยกกันไปประกอบเมนูตามใจตัวเอง” นายชยพล กล่าว โดยไม่เชื่อว่าการจัดสรรงบประมาณของกองทัพในปี 2569 จะเป็นไปด้วยประสิทธิภาพและเป็นประโยชน์ต่อประเทศ จึงไม่สามารถรับการร่างงบประมาณปี 2569 ได้ .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” รายชื่อตรงตามโผ

กทม. 19 ก.ย.-โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” นั่งนายกฯ ควบมหาดไทย พร้อมตั้ง รองนายกฯ 6 คน รมต.สำนักนายกฯ 4 คน ขณะรายชื่อตรงตามโผ ไม่มีเปลี่ยนแปลง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย. 68) เวลา 09.30 น. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ สำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี โดยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 7 กันยายนพุทธศักราช 2568 แล้วนั้น บัดนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เลือกผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดินสืบต่อไปแล้ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเก้าแต่งตั้งรัฐมนตรีดังต่อไปนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ […]

“เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง

กรุงเทพฯ 19 ก.ย. – “เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง เชื่อ 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต หลังจากนี้จะใช้ชีวิตของตัวเองอุทิศให้ประชาชนและประเทศชาติ ชี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์บ้านเมืองว่าจะออกมาเคลื่อนไหวอีกหรือไม่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก สื่อมวลชนอาวุโส กล่าวขอบคุณกระบวนการยุติธรรม และศาลด้วยที่ความเมตตากับตนเอง ที่ผ่านมาเราต่อสู้ด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม สำหรับการตัดสินในวันนี้ทำให้รู้สึกโล่งใจ ดีใจทำให้เรารู้ว่าหลังจากนี้เราจะใช้ชีวิตของเราอย่างไรต่อ เพราะถือว่าเป็นคดีสุดท้าย 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต ต่อจากนี้เป็นต้นไปขอทำหน้าที่สื่อมวลชนที่ดีเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดชีวิตนี้จะอุทิศให้กับพี่น้องประชาชนและประเทศชาติ พร้อมบอกว่าเป็นคดีสุดท้ายใน 20 ปี ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา เราใช้วิชาชีพของตัวเองใช้ความเชี่ยวชาญของตัวเองรับใช้พี่น้องประชาชน ถือว่าเป็น 20 ปี ที่คุ้มมาก พี่น้องประชาชนให้กำลังใจเราเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะคนที่ร่วมมือกับเราในการแสวงหาข้อมูล เรารู้สึกว่ามีคนรักเรามาก และความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น เรานำเสนอความจริง เมื่อถามว่าที่ผ่านรู้สึกอย่างไรได้มีเตรียมใจไว้หรือไม่ น.ส.อัญชะลี ระบุว่า ทุกอย่างเตรียมความพร้อม ทุกอย่างไม่ต้องแอบทำใจ หากเราสู้จนถึงที่สุดแล้วอะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องเกิด ขอบคุณทุกหน่วยงานที่เคยช่วยเหลือทั้งในเรื่องเอกสาร หรืออื่นๆ ส่วนเหตุผลที่ศาลพิจารณายกฟ้องในคดีนี้ คือ ศาลเห็นว่าพยานให้การไม่ตรงกันในหลายประเด็นทั้งพยานวัตถุ […]

ศาลฎีกานัดฟังคำพิพากษาคดีม็อบพันธมิตรบุกยึด NBT ปี51

ศาลอาญา 19 ก.ย. – วันนี้ที่ศาลอาญา รัชดา ได้นัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา หรือคดีแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหรือ พธม. นำผู้ชุมนุมบุกยึดสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย หรือ NBT เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2551 หรือเมื่อ 17 ปีก่อน ในช่วงระหว่างการชุมนุมขับไล่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ในขณะนั้น ซึ่งศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาในเวลา 10:00 น. โดยคดีดังกล่าวมีจำเลย 4 คน ได้แก่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก, นายภูวดล ทรงประเสริฐ, นายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที และนายชิติพัทธ์ ลิ้มทองกุล ซึ่งเป็นน้องชายของนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำ พธม. ทั้งหมดถูกฟ้องในความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป อั้งยี่ซ่องโจร บุกรุก และทำให้เสียทรัพย์ เนื่องจากปรากฏหลักฐานว่า จำเลยทั้งห้าเป็นระดับหัวหน้าและผู้สั่งการให้กระทำความผิด ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ได้มีจำเลยอีก 1 คน คือ นายสมเกียรติ […]

‘มาครง’ เตรียมเสนอหลักฐานยืนยัน ‘บริฌิตต์’ เป็นหญิงไม่ใช่ชาย

ปารีส 19 ก.ย. – ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส และบริฌิตต์ ภริยา เตรียมเสนอหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ต่อศาลสหรัฐเพื่อพิสูจน์ว่าบริฌิตต์เป็นผู้หญิงจริงๆ ไม่ใช่ผู้ชาย ทนายความของประธานาธิบดีมาครงและบริฌิตต์ บอกว่า ทั้งคู่จะยื่นเอกสารเหล่านี้ในคดีหมิ่นประมาทที่ทั้งสองได้ยื่นฟ้อง แคนแดซ โอเวนส์ อินฟลูเอนเซอร์ฝ่ายขวาชาวอเมริกัน ที่เผยแพร่ความเชื่อของตนผ่านทางสื่อและรายการพ็อคแคสต์ของตนเองว่าบริฌิตต์ เกิดมาเป็นผู้ชาย ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เธอเสียใจและไม่สบายใจอย่างมากกับข้อกล่าวหาดังกล่าว และเรื่องนี้รบกวนจิตใจของประธานาธิบดีฝรั่งเศส แม้จะไม่ได้ทำให้มาครงสมาธิหลุดจากภารกิจหน้าที่ของเขาในฐานะผู้นำประเทศ แต่มันก็เป็นเรื่องรบกวนจิตใจของคนที่ต้องรับผิดชอบทั้งเรื่องครอบครัวและเรื่องงาน ซึ่งตัวประธานาธิบดีก็ไม่มีข้อยกเว้น ในส่วนของการยื่นหลักฐานต่อศาลนั้น ทนายความของมาครงและภริยาบอกว่า ทั้งคู่พร้อมที่จะแสดงหลักฐานอย่างชัดเจนทั้งในภาพรวมและในรายละเอียด รวมถึงคำให้การจากผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะเป็นลักษณะทางวิทยาศาสตร์เพื่อพิสูจน์ว่าข้อกล่าวหานั้นเป็นเท็จ แม้จะเป็นกระบวนการที่บริฌิตต์จะต้องเผชิญต่อหน้าสาธารณชนอย่างเปิดเผย แต่เธอก็ยินดีที่จะทำ เธอตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อทำให้เรื่องนี้กระจ่าง สำหรับประเด็นเรื่องบริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ถูกเผยแพร่ครั้งแรกตามสื่อออนไลน์ของฝ่ายขวาและกลุ่มต่อต้านวัคซีนในฝรั่งเศสตั้งแต่ปี 2021 ต่อมา แคนแดซ โอเวนส์ อดีตนักวิจารณ์ของเดลี่ไวร์ (Daily Wire) สำนักข่าวสายอนุรักษ์นิยมของสหรัฐฯ ซึ่งมีผู้ติดตามบนโซเชียลมีเดียหลายล้านคน ได้เผยแพร่มุมมองของตนเองหลายครั้งว่า บริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ที่มีชื่อว่า ฌอง-มิเชล ทรอกโนซ์ (Jean-Michel Trogneux) ก่อนที่จะแปลงเพศในเวลาต่อมา ถึงขั้นอ้างว่าเธอพร้อมเดิมพันชื่อเสียงในอาชีพทั้งหมดของเธอกับข้อกล่าวหานี้ ส่งผลให้มาครงและภริยายื่นฟ้องต่อศาลสหรัฐฯ […]

ข่าวแนะนำ

นายกสมาคมค้าทองคำ รับทองขึ้นเร็ว-แรง สิ้นปีทองไทยอาจแตะ 59,000 บาท

กรุงเทพฯ 23 ก.ย. – ทองไทยทุบสถิตินิวไฮรอบใหม่ เปิดตลาดพุ่งพรวด 550 บาท ทองไทยแตะ 57,300 บาท ตามราคาทองโลกที่นิวไฮต่อเนื่อง นายกสมาคมค้าทองคำ รับทองขึ้นเร็ว-แรงกว่าคาด สิ้นปีทองไทยอาจแตะ 59,000 บาท สมาคมค้าทองคำรายงานราคาทองคำเปิดตลาดเช้านี้ (23 ก.ย.) เวลา 09.04 น. ปรับเพิ่มขึ้นทันที 550 บาท โดยทองแท่ง ราคารับซื้อ 56,400 บาท ขายออก 56,500 บาท ทองรูปพรรณ รับซื้อ 55,273.36 ขายออก 57,300 บาท แตะระดับสุงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ โดยล่าสุดเมื่อเวลา 09.49 น. ปรับเปลี่ยนไปแล้ว 3 ครั้ง ทองแท่ง รับซื้อ 56,300 บาท ขายออก 56,400 บาท ทองรูปพรรณ รับซื้อ […]

“แม่ทัพกุ้ง” รับเคยถูกทาบนั่งตำแหน่งระดับสูง แต่ปฏิเสธ มองไม่ยั่งยืน

กองทัพบก 23 ก.ย.- “แม่ทัพกุ้ง” เผยการเมืองทาบทามนั่งตำแหน่งระดับสูง แต่ปฏิเสธ มองไม่ยั่งยืน ขอเป็นที่ปรึกษาเพื่อนๆ ในกองทัพ ย้ำ ปะทะรอบ 2 ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ มองเหตุพื้นที่สระแก้ว-กปจ.ชต.เชื่อมต่อ ทภ.2 เส้นเขตแดนเดียวกัน พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่2 ตรวจเยี่ยมศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ภายในกองบัญชาการกองทัพบก พร้อมร่วมร้องเพลงชาติกับเด็ก โดยพลโทบุญสิน กล่าวย้ำว่า แม้จะเกษียณอายุราชการในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ ยืนยันว่าจะยังคงช่วยงานของกองทัพอย่างแน่นอน แม้ไม่ได้แต่งเครื่องแบบทหารแล้ว ยังสามารถเป็นที่ปรึกษาให้กับเพื่อน ๆ ได้ พร้อมยืนยันว่าจะไม่ทำงานด้านการเมือง และที่ผ่านมา ตนได้เข้าไปพูดคุยกับนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อเราบอกว่าไม่ได้เล่นการเมือง เขาก็เปิดใจ พูดคุยกับเรา ยืนยันตนจะรักษาสถานภาพนี้ไปเรื่อยๆ ไม่เอาเรื่องการเมืองเข้ามายุ่ง รับว่ามีคนติดต่อเข้ามา จะให้ตำแหน่งระดับสูงทางการเมือง แต่ก็ไม่เอา มองว่าไม่ยั่งยืน นอกจากนี้พลโทบุญสิน ยังกล่าวถึงการเตรียมความพร้อมการประชุม คณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค ไทย-กัมพูชา(RBC) ว่า ยังไม่ได้กำหนดวัน ส่วนการถอนอาวุธหนักออกจากพื้นที่ตามข้อตก การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา (GBC)ที่ให้รือกันภายใน3สัปดาห์ นั้น ยังไม่ได้มีการพูดคุยกัน ซึ่งยอมรับว่าเป็นสิ่งที่เขาพูดกันเอาไว้ แต่ก็ต้องรอดูสถานการณ์ […]

ราคาหมูร่วงจากกำลังซื้อหด-ศก.ซบ-แรงงานต่างชาติหาย

กรุงเทพฯ 23 ก.ย.- ราคาหมูร่วงจากกำลังซื้อหด-เศรษฐกิจซบ-แรงงานต่างชาติหาย สมาคมผู้เลี้ยงหมูผนึกกำลังร่วมแก้ปัญหา ขายหมูราคาพิเศษ นำร่องวันนี้ “2 กก. ราคา 100 บาท” ตัดวงจรลูกสุกร เก็บหมูเข้าห้องเย็น จำกัดน้ำหนักเข้าเชือด หวังดึงตลาดกลับสู่สมดุล ราคาสุกรขุนหน้าฟาร์มปรับตัวลดลงต่อเนื่องตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา ปัจจุบันเหลือเพียง 52-64 บาท/กก.กำลังกลายเป็นปัญหาที่สร้างแรงกดดันต่อเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรทั่วประเทศ นายสิทธิพันธ์ ธนาเกียรติภิญโญ นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ กล่ววว่า สมาคมฯเร่งออกมาตรการเร่งด่วนเพื่อสร้างเสถียรภาพตลาด ซึ่งราคาหมูตกต่ำเกิดจากหลานปัจจัย ทั้งภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว กำลังซื้อของประชาชนที่ลดลงต่อเนื่อง การหดตัวของภาคการท่องเที่ยวและร้านอาหาร รวมถึงการที่แรงงานกัมพูชาจำนวนมากเดินทางกลับประเทศ ส่งผลให้การบริโภคลดลง นอกจากนี้ ฝนที่ตกยาวนานยิ่งทำให้การจับจ่ายไม่คึกคัก ผลที่ตามมาคือปริมาณสุกรมีมากเกินความต้องการบริโภค ราคาขายหน้าฟาร์มตกต่ำลงจนต่ำกว่าต้นทุนการผลิต เกษตรกรจำนวนไม่น้อยเริ่มประสบภาวะขาดทุนสมาคมฯ จึงวางมาตรการสำคัญหลายด้าน ได้แก่ การจัดกิจกรรม “หมู 2 โล 100” เพื่อกระตุ้นการบริโภค ซึ่งจะจัดพร้อมกันทั่วประเทศในวันที่ 1 ตุลาคมนี้ นอกจากนี้ยังมีมาตรการเพื่อเร่งลดปริมาณสุกรในตลาด ได้แก่ โครงการตัดวงจรลูกสุกร นำมาทำหมูหันทันทีจำนวน 100,000 ตัว เพื่อลดซัพพลายในช่วง 4 […]

คาดพายุ “รากาซา” ขึ้นฝั่งเวียดนาม 25-26 ก.ย. ไทยตอนบนฝนตกต่อเนื่อง

กรุงเทพฯ 23 ก.ย. – กรมอุตุนิยมวิทยาคาดพายุ “รากาซา” จะอ่อนกำลังลงเป็นพายุโซนร้อนก่อนขึ้นฝั่งเวียดนามตอนบน 25–26 ก.ย.นี้ ส่งผลร่องมรสุมและมรสุมตะวันตกเฉียงใต้มีกำลังแรงขึ้น เตือนภาคเหนือ อีสาน และตะวันออกตอนล่าง เสี่ยงฝนตกหนัก น้ำหลาก น้ำท่วมฉับพลัน นายสมควร ต้นจาน ผู้อำนวยการกองพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา (22 ก.ย.) พายุไต้ฝุ่น “รากาซา” ได้เคลื่อนตัวลงสู่ทะเลจีนใต้ตอนบนแล้ว ขณะนี้กำลังเคลื่อนตัวทางตะวันตก มุ่งหน้าไปยังเกาะฮ่องกง จากนั้นจะเลียบชายฝั่งประเทศจีน ผ่านเกาะไหหลำ และลงสู่อ่าวตังเกี๋ย โดยคาดว่า จะอ่อนกำลังลงเป็นพายุโซนร้อนก่อนเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามตอนบนช่วงวันที่ 25–26 กันยายน 2568 แม้พายุจะมีแนวโน้มอ่อนกำลังลงเร็ว เนื่องจากปะทะกับมวลอากาศเย็นที่แผ่ลงมาจากจีนตอนใต้ แต่ยังคงส่งผลกระทบต่อสภาพอากาศในไทย โดยเฉพาะการเสริมกำลังของร่องมรสุมและมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ทำให้หลายพื้นที่ในประเทศไทยตอนบนมีแนวโน้มฝนตกหนักเพิ่มขึ้น สำหรับฝนช่วงวันที่ 23–30 กันยายน 2568 ยังคงได้รับอิทธิพลจากร่องมรสุมที่พาดผ่านภาคเหนือตอนล่างและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ร่วมกับลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางถึงค่อนข้างแรง โดยร่องมรสุมยังขยับขึ้น-ลง พื้นที่ที่ต้องเฝ้าระวังฝนตกหนักถึงหนักมาก ได้แก่ สำหรับประชาชนใน ลุ่มน้ำเจ้าพระยา […]