“กัณวีร์” ยก 4 เหตุผล ไม่เห็นด้วยงบ 69

รัฐสภา 28 พ.ค.- “กัณวีร์” ชี้ 4 เหตุผล ไม่เห็นด้วยงบ 69 รัฐบาลขาดความเป็นมืออาชีพ – ขาดความเป็นผู้นำ – ไม่ทราบความจำเป็นเร่งด่วน – มองไม่ออกถึงความมั่นคงในประเทศและนอกประเทศ ยกตัวอย่างใช้งบชายแดนใต้ละลายแม่น้ำ ไม่สนใจปัญหาเหมืองแร่ โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในชายแดน


การประชุมเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณพ.ศ. 2569 นายกัณวีร์ สืบแสง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม อภิปรายว่า ตนเองขอยกเหตุผลที่ไม่เห็นด้วยกับร่าง พ.ร.บ. ฉบับดังกล่าว ทั้งสิ้น 4 ประการ ได้แก่

1.รัฐบาลชุดนี้ ขาดความเป็นมืออาชีพในการทำร่าง พ.ร.บ. ฉบับดังกล่าว ซึ่ง ปี 67 ไม่เป็นไร ในสมัยนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ส่วนเมื่อ ปี 68 นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพิ่งเข้ามาเป็นระยะเวลาสั้น ๆ แต่เมื่อปี 69 ที่รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นำเหตุผลทางเศรษฐศาสตร์มารองรับงบประมาณดังกล่าวแล้วนั้น ตนเองอยากบอกว่าหน้าที่ของพวกท่านที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ และเป็นคณะรัฐมนตรีที่กุมบังเหียนของกระทรวงต่าง ๆ เป็นผู้ชี้ต้องบอกว่าปัญหาของประเทศนี้คืออะไร ปัญหาในแต่ละกระทรวงที่รับผิดชอบอยู่คืออะไร ไม่ใช่เป็นการจัดทำงบประมาณแบบเดิม ๆ ตนเองเคยเป็นข้าราชการตั้งแต่ปี 2545 โดย 20 กว่าปีที่ผ่านมายังทำเหมือนเดิม ข้าราชการประจำทำงบประมาณขึ้นมา โดยใช้กรอบตัวเงินในการเป็นตัวตั้ง ทำโครงการขึ้นมาสอดรับกับแผนงาน แผนแม่บท แผนยุทธศาสตร์ต่าง ๆ โดยที่ไม่ยอมนำปัญหาจริง ๆ ที่มองเห็น การเป็นนักการเมือง และเป็นผู้นำฝ่ายบริหาร กลุ่มกระทรวงต่าง ๆ จัดทำเป็นโครงการแผนงาน แต่กลับทำเป็นเป็นพีระมิดที่กลับหัว ซึ่งผิดกรอบ การจัดทำงบประมาณทำให้ประเทศของเราไม่ก้าวหน้า ไม่สามารถที่จะมองเห็น ต้องมีวิสัยทัศน์ที่ทำให้เห็นว่าปัญหาของประเทศคืออะไรจึงเป็นเหตุผลที่ไม่สามารถยอมรับร่าง พ.ร.บ. งบ 69 ได้


2.ขาดความเป็นผู้นำของส่วนราชการ ก็ไม่สามารถบอกได้จริงว่าปัญหาคืออะไร เมื่อข้าราชการคิดกรอบงบประมาณมา ก็ส่งต่อมาให้สภา และฝ่ายค้านก็เสียงน้อยกว่าอยู่แล้ว ก็เป็นซะอย่างนี้ แล้วพวกท่านจะอยู่ทำไมตรงนั้น เอาข้าราชการประจำหรือปลัดกระทรวง มาอยู่ดีกว่าหรือไม่

3.ไม่ทราบความจำเป็นเร่งด่วนในประเทศของเรา ว่ากำลังเผชิญกับปัญหาอะไรอยู่ จึงไม่สามารถบอกได้ว่าปัญหาต่าง ๆ ควรจะนำการจัดทำงบประมาณ ปัญหาที่ต้นทางในการสร้างโครงการแผนงาน และงบประมาณทีหลัง สำหรับตนเอง งบประมาณมาทีหลัง หากมองแบบก้าวหน้า ต้องเอาปัญหามาเป็นตัวตั้ง ไม่ว่างบประมาณจะมากขนาดไหนก็ตาม ใส่เข้าไปก่อน หากเยอะเกินไปก็ตัดออกไปได้ แต่ครั้งนี้คือการเอางบประมาณเป็นตัวตั้งครั้งนี้ 3.78 ล้านล้านบาท

4.ความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน และความมั่นคงกับภายใน และภายนอกประเทศที่กระทบกับเราก็มองไม่ออก


ทั้ง 4 เหตุผลนี้ เป็นสิ่งที่ทำให้ตนเองไม่สามารถให้ความไว้วางใจในเรื่องเกี่ยวกับการจัดทำงบงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณปี 2569

นายกัณวีร์ ยังยกตัวอย่างปัญหาที่ควรเป็นตัวตั้งในการจัดทำงบประมาณ ว่า ปัญหาเจาะเหมืองมลพิษชายแดนต้นแม่น้ำกก แม่น้ำสาย แม่น้ำรวก แม่น้ำโขง ปัญหาในประเทศเพื่อนบ้านของเราที่มีการจัดทำเหมืองทอง เหมืองแร่แรเอิร์ธ และมีผลกระทบต่อจังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดเชียงราย ไล่ลงมาสู่แม่น้ำโขง จึงตั้งคำถามว่ามองไม่ออกว่านี่คือปัญหาจริง ๆ หากมองออกจะรู้ว่าจะจัดทำงบประมาณอย่างไร และจะรู้ว่าแผนการแก้ไขปัญหาส่วนนี้ควรทำอย่างไร

นายกัณวีร์ ยังเปิดเผยภาพการทำเมืองแร่แรเอิร์ธในประเทศเพื่อนบ้าน ที่ห่างจากชายแดนไทยเพียง 25 กิโลเมตร ซึ่งพี่น้องภาคประชาชนในจังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดเชียงรายออกมาต่อสู้ว่าท่านทำอะไรกันอยู่ ทำไมถึงไม่แก้ปัญหา

นายกัณวีร์ ระบุว่า เรื่องเหล่านี้อยู่ภายใต้งบประมาณภายใต้ยุทธศาสตร์การสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ภายใต้แผนย่อย แม่บทการจัดการมลพิษที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และสารเคมี ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับปี 68 มีงบประมาณเพิ่มขึ้นกว่า 200 ล้านบาท แต่เมื่อไปดูในรายละเอียด ก็ไปลงที่กระทรวงอุตสาหกรรม และองค์การจัดการน้ำเสีย

นายกัณวีร์ ยังยกตัวอย่างเรื่องโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ทวาย และพะโค ในประเทศเมียนมา ซึ่งติดกับประเทศไทยเพียงแค่ 132 กิโลเมตร ติดจังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งหากมีการสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในพื้นที่ดังกล่าว โดยการทำธุรกิจ และสิทธิมนุษยชนในเพื่อนบ้านของเรา จะทำอย่างไร เราก็ไม่สนใจเป็นเรื่องของประเทศเพื่อนบ้าน แต่ในเมื่อกระทบต่อประเทศไทย การไม่มีความรับผิดชอบของประเทศเพื่อนบ้านในการจัดทำธุรกิจต่าง ๆ ส่งผลกระทบต่อประเทศไทย จึงขอให้เราคิดดูว่าหากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เกิดขึ้น แล้วไม่สามารถควบคุมสิ่งต่าง ๆ สารกัมมันตภาพรังสีแผ่ขยายมาในประเทศไทยแล้วจะทำอย่างไร

นายกัณวีร์ ยกตัวอย่างงบประมาณที่เพิ่มขึ้นของสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติกว่า 56 ล้านบาท แต่เมื่อไปดูในรายละเอียดแล้ว จะเห็นว่าเป็นการป้องกันแค่ภายในประเทศแต่ไม่มองออกไปว่าหากมีผลกระทบจริง ๆ จากประเทศเพื่อนบ้าน และมาสู่ประเทศไทย จะป้องกันอย่างไร ได้ดำเนินการในการพูดคุยหรือไม่ ส่วนกระทรวงการต่างประเทศก็ไม่มีการพูดคุยในการแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ อีกทั้งกระทรวงกลาโหมก็ไม่มีการพูดคุยในเรื่องนี้ ดังนั้น งบประมาณตรงไหนที่จะไปป้องกันว่าไม่ควรทำหรือจะมีการดีลเพื่อพูดคุยว่าไม่ควรเกิดขึ้น

นายกัณวีร์ ชี้ว่า ท่านมองไม่ออกว่านี่คือปัญหาที่จะมีผลกระทบส่งต่อความมั่นคงของประเทศ สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ ไม่ใช่สิ่งใหม่ เกิดขึ้นมาประมาณ 2 ปีแล้ว มีความพยายามของประเทศเพื่อนบ้านในการสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่จะอยู่ใกล้ประเทศไทย แต่เราก็ไม่ทำอะไร แล้วพี่น้องในจังหวัดกาญจนบุรี จังหวัดแม่ฮ่องสอน จังหวัดตาก ที่จะมีผลกระทบหากเกิดสารกัมมันตภาพรังสีทะลุออกมาจะทำอย่างไร ขณะนี้พี่น้องประชาชนในชายแดนรู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ เรียบร้อย หากไม่มีแผนงานโครงการต่าง ๆ เกิดขึ้น

ส่วนโครงการ EEC และฟูนันเตโซในประเทศกัมพูชา ที่ประเทศจีนมาลงทุน รู้หรือไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นนัยของเรื่องนี้ต้องวิเคราะห์ให้ออก หากการทำคลองในฟูนันเตโซสำเร็จ มีการติดต่อจังหวัดแกบ ไปสีหนุวิล เมื่อลงทุนไปตรงนั้นแล้ว หากมีนิคมอุตสาหกรรมเกิดขึ้นเหมือนที่เราทำ EEC เราจะทำอย่างไร เพราะเรามีการลงทุนเรื่องนี้ใน 2 ปีกว่า 15,671 ล้านบาท รู้หรือไม่ว่าหากกัมพูชาสามารถทำท่าเรือน้ำลึกเกิดขึ้น พื้นที่ส่วนนั้นจะเป็นตาข่ายรองรับการเดินเรือเข้ามา แล้ว EEC ของเราจะมีผลกระทบได้สร้างโครงการแผนงานอะไรบ้างแล้วหรือไม่ กระทรวงพาณิชย์ได้พูดคุยแล้วหรือไม่ ว่าจะทำอย่างไร ในการประสานงานกัมพูชา โดยรัฐบาลที่มีความสัมพันธ์อันดีกับประเทศกัมพูชา มีการพูดคุยอะไรกันบ้างหรือไม่ ว่าเรามีโครงการตรงนี้เกิดขึ้นไม่ควรจะมีโครงการต่าง ๆ มารองรับที่เป็นตาข่ายทางด้านเศรษฐกิจที่จะส่งผลต่อ EEC ที่เคยลงทุนเป็นหมื่นล้านมาหลายปีแล้วไม่ได้รับผลกระทบ มีแต่การนำงบประมาณไปลงทุน ไม่ได้ดูความจำเป็นเร่งด่วนว่าคืออะไร หากลงทุนไปแสนล้านบาท แล้วไม่ได้ผลกำไรกลับมาเราจะลงทุนไปเพื่ออะไร

นายกัณวีร์ ยังกล่าวถึงผลกระทบสถานการณ์ในเมียนมาต่อประเทศไทย ว่า ประเทศไทยทราบนานแล้วว่าผลกระทบเกิดขึ้นแน่ ๆ หากเกิดสถานการณ์ความไม่สงบในเมียนมา ทั้งกระบวนการค้ามนุษย์ คอลเซ็นเตอร์ สแกมเมอร์ ในสมัยรัฐบาลเศรษฐามีการทำเรื่องสิทธิมนุษยชน 5 ล้านบาท ส่วนในรัฐบาลแพทองธาร มีการใช้งบประมาณของเราผ่านศูนย์ประสานงานด้านการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมผ่านอาเซียนใช้เงินเท่าไหร่ เราไม่รู้ เพราะเอาเงินทุกอย่างไปสู่งบกลาง ทั้งที่เรารู้ว่าส่วนนี้เป็นการป้องกันผลกระทบที่เกิดขึ้นในไทย พี่น้องชายแดนไทยได้รับผลกระทบทั้งนั้น ได้เพียงแค่พูดว่าเราเป็นผู้นำในการสร้างสันติภาพ เราทำทุกอย่าง แต่เราไม่มีงบงบประมาณไม่มีโครงการ จึงตั้งคำถามว่า เอาเงินไปทำอะไรกันหมด ตนเองก็ไม่เข้าใจ ซึ่งเป็นวิสัยทัศน์ที่ต้องมีในการสร้างงบประมาณ ตนเองเชื่อว่าทั้งหมดนี้ส่งผลต่อภาพลักษณ์ของประเทศ และส่งผลต่อเรื่องการเข้ามาลงทุนเพราะเขาไม่เชื่อว่าเราสามารถแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ได้

นายกัณวีร์ กล่าวถึงปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ในพื้นที่ปาตานี ซึ่งในวันนี้ก็มีสถานการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้น และยังมีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์มากมาย รวมถึงงบประมาณที่ใช้ในพื้นที่ ตลอด 23 ปีที่ผ่านมาใช้เงินเกือบ 600,000 ล้านบาท ปีที่ผ่านมางบบูรณาการ 5,872 ล้านบาท ซึ่งปีนี้งบลดลงเหลือ 1,425 ล้านบาท โดยงบประมาณที่เหลือไปใส่ในงบฟังก์ชันให้กับกระทรวง และหน่วยงานด้านความมั่นคงมากมาย ซึ่งไม่ได้แก้ไข แต่พลิกเอางบประมาณไปใส่อีกส่วนหนึ่ง และจะสะท้อนว่างบบูรณาการลดลง เพราะสถานการณ์ดีขึ้น ตนเองจึงตั้งคำถามว่า สถานการณ์ดีขึ้นอย่างไรบ้าง สันติภาพอยู่ตรงไหน

นายกัณวีร์ ตั้งคำถามว่า เรื่องชายแดนใต้ เป็นนโยบายของรัฐบาลหรือไม่ ที่จะบอกว่า Iron fist คือกำปั้นเหล็ก หรือจะเป็น Velvet Glove ที่จะสามารถใช้ไม้เรียวแก้ไขปัญหา แต่เมื่อมาดูงบประมาณแล้วมันย้อนแย้งกัน

นายกัณวีร์ ยังยกตัวอย่างงบประมาณในจังหวัดชายแดนใต้ตลอด 23 ปีที่ผ่านมาตั้งแต่ปี 2547 ถึง 2569 รวมกว่า 600,000 ล้านบาท ดูเหมือนว่า ปี 69 จะงบประมาณลดลง แต่กลับกลายเป็นว่าส่วนต่าง 20,000 ล้านบาท ไปอยู่ในงบฟังก์ชันนโยบายก็ไม่มีการสร้างสันติภาพก็ไม่เกิดปัญหาก็เกิดทุกเมื่อนโยบายไม่ทำจะทำอะไรต่อไปจะเอาเงินไปละลายแม่น้ำตลอดเวลาไม่ได้เงินภาษีพี่น้องประชาชนณปัจจุบันจะทำอย่างไรเราไม่เห็นจริง ๆ

นายกัณวีร์ ระบุว่า อยากให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขหาความจริงว่าโรงพยาบาลหนึ่งแห่งในจังหวัดเชียงราย ได้รับการประสานงานจากส่วนกลางต้องการโครงการที่เรียกว่า Digital Imagine and Communication in Medicine (DICOM) หรือ เครื่องมือเก็บมาตรฐานกลางในการจัดเก็บเรียกดูประมวลผลจัดพิมพ์ และแสดงผลภาพถ่ายทางการแพทย์ ในราคาเครื่องละ 50 ล้านบาท ซึ่งต้องให้ท่านตอบว่าจริงหรือไม่ งบประมาณส่วนนี้มีส่วนต่างหรือไม่การจัดทำงบประมาณปี 2569 ที่ทำอย่างขาดประสิทธิภาพ มีงบประมาณแล้วบอกว่าไปหาจัดทำแผนงานโครงการมารองรับใช่หรือไม่

“เหตุผลที่ผมไม่สามารถรองรับร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ที่นำเสนอโดยคณะรัฐมนตรี ที่มีการนำโดยนางสาวแพทองธาร ชินวัตร และคณะ ต่อสภาผู้แทนราษฎรอันทรงเกียรติแห่งนี้ เนื่องจากเหตุผลขาดความเป็นมืออาชีพ ขาดความเป็นผู้นำให้กับส่วนราชการ ไม่สามารถบอกความจำเป็นเร่งด่วนที่เกิดผลประโยชน์ต่อประเทศชาติ ทำให้ความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน และภัยความมั่นคงทั้งภายใน และภายนอกประเทศง่อนแง่น อยู่จุดเสี่ยงที่สุดของประเทศ” นายกัณวีร์ กล่าว.-312 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ภราดร” ประกาศลาออก “รองปธ.สภาฯ”

รัฐสภา 19 มิ.ย.- “ภราดร” ประกาศลาออกจาก “รองประธานสภาฯ” รักษาหลักการเสียงข้างมาก คืนอำนาจให้สภาฯ เลือกใหม่ นายภราดร ปริศนานันทกุล รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่สอง และ สส.จังหวัดอ่างทอง พรรคภูมิใจไทย ประกาศยื่นหนังสือขอลาออกจากตำแหน่งรองประธานฯ โดยมีผลทันทีในวันนี้ หลังจากพรรคภูมิใจไทยออกแถลงการณ์เมื่อค่ำวานนี้ว่ากรรมการบริหารพรรคมีมติให้พรรคภูมิใจไทยถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล และรัฐมนตรีของพรรคทุกคนได้ส่งใบลาออกต่อนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีผลวันที่ 19 มิถุนายนนี้เช่นกัน นายภราดรให้เหตุผลว่า ตนได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งนี้ด้วยเสียงส่วนใหญ่ของสภาผู้แทนราษฎร ดังนั้น ในวันนี้เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองและพรรคภูมิใจไทยไม่ได้ร่วมอยู่ในรัฐบาลแล้ว จึงเห็นว่าควรคืนอำนาจให้สภาผู้แทนราษฎรได้มีโอกาสตัดสินใจเลือกรองประธานฯคนใหม่ด้วยมติเสียงข้างมาก ตามธรรมเนียมที่เคยถือปฏิบัติมา “ผมขอขอบคุณเพื่อนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ได้ให้เกียรติเลือกผมมาปฏิบัติหน้าที่ แม้จะเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ แต่ก็เป็นประสบการณ์ในการทำงานที่มีคุณค่า และขอถือโอกาสนี้ขอบคุณทีมงานของรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่สองทุกคนที่ได้ทุ่มเททำงานจนบรรลุภารกิจไปหลายประการ ซึ่งล้วนสร้างความก้าวหน้าให้กับสภาของประชาชน กราบขอบพระคุณท่านประธานและรองประธานสภาฯคนที่หนึ่ง ที่ได้ให้ความเมตตาผมอย่างยิ่งในการทำงาน” นายภราดรกล่าว พร้อมย้ำว่าจะฝากงานหลายอย่างที่ได้ดำเนินการไว้ โดยเฉพาะโครงการเปิดพื้นที่รัฐสภาให้เป็นแหล่งเรียนรู้ เป็นพื้นที่ของประชาชนอย่างแท้จริง โครงการวันรัฐธรรมนูญ กิจกรรมสภาวาที การพัฒนาสถานีวิทยุโทรทัศน์รัฐสภาให้เป็นสถานีของประชาชน โดยเปิดโอกาสให้สถานศึกษาเข้ามามีส่วนร่วม และการต่อยอดโครงการยุวชนประชาธิปไตยที่สร้างเสริมศักยภาพเยาวชน ให้ผู้รับตำแหน่งคนต่อไปได้มาสานต่อ นอกจากนี้ นายภราดรยังยืนยันจะทำหน้าที่เป็นผู้แทนราษฎรฝ่ายค้านอย่างเข้มแข็ง เคียงบ่าเคียงไหล่กับ ส.ส. ของพรรคภูมิใจไทยต่อไป.312 -สำนักข่าวไทย

นายกฯ โพสต์สำนวนก่อนลบทิ้ง เตรียมเข้าทำเนียบฯ

ทำเนียบ 19 มิ.ย.- นายกฯ โพสต์สำนวน “ผู้คน ไม่ได้แกล้งเศร้า แต่แกล้งโอเค” ก่อนลบทิ้ง ยกเลิกประชุมทีมคณะที่ปรึกษาบ้านพิษณุโลก เข้าทำเนียบ เมื่อเวลา 08.15 น. ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวของ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ช่วงเช้าวันนี้ (19 มิ.ย.) พบว่า มีการแชร์สตอรี่อินสตาแกรม เป็นสำนวนภาษาอังกฤษ ระบุว่า “People don’t fake depression.They fake being okay. Remember that. Be kind.” ซึ่งมีความหมายว่า “คนเราไม่ได้แกล้งเศร้า แต่แกล้งว่าตัวเองโอเคต่างหาก, จำไว้นะ จงมีเมตตา” พร้อมซาวด์ดนตรี Another love อย่างไรก็ตามในเวลา 08.54 น. นายกรัฐมนตรี ได้ลบโพสต์ดังกล่าว ออกจากสตอรี่อินสตราแกรม ทำให้ไม่มีข้อความปรากฏแล้ว ขณะเดียวกัน ยังรายงานอีกว่า วันนี้ นายกรัฐมนตรีได้ยกเลิกภารกิจ […]

“กัญจนา” เชื่อ “วราวุธ’” ไม่หนุนการกระทำที่ไม่ดีต่อบ้านเมือง

กรุงเทพฯ 19 มิ.ย.- “หนูนา กัญจนา” ชี้พรรคชาติไทยพัฒนาแม้เป็นพรรคเล็ก แต่ศักดิ์ศรีรักบ้านเกิดเมืองนอนยิ่งใหญ่เสมอ เชื่อ “วราวุธ” ไม่หนุนการกระทำที่ไม่ดีต่อบ้านเมือง น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา ประธานคณะกรรมการที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กกรณีคลิปเสียงสนทนาสองผู้นำไทย-กัมพูชา ว่า “ณ วันนี้ ดิฉันไม่ได้นิยามตัวเองเป็นนักการเมืองแล้ว ถอยออกมามานานแล้ว แต่ที่ดิฉันเป็นเสมอคือ เป็นคนไทยที่รักแผ่นดินเกิด “จุดยืนของดิฉันมั่นคงมาตลอดเหมือนพ่อ คือยึดมั่นต่อ ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และเชื่อว่าน้องชายดิฉัน (นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์) ก็เช่นกัน” น.ส.กัญจนา ยังระบุอีกว่า “แม้ที่ผ่านมา เขาอาจจะพูดอะไรพลาดบ้าง นั่นก็เป็นบทเรียนในชีวิตให้เขาต้องจดจำ วันนี้ดิฉันแม้ไม่ได้เป็นหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนาแล้ว แต่ดิฉันยังเป็นสมาชิกพรรคอยู่ แม้พรรคชาติไทยพัฒนาในวันนี้ จะเป็นพรรคขนาดเล็ก แต่ศักดิ์ศรี และความรักบ้านเกิดเมืองนอนต้องยิ่งใหญ่เสมอ” “ดิฉันเชื่อว่า พรรค และหัวหน้าพรรคจะมีการตัดสินใจที่ชัดเจนในการไม่สนับสนุนการกระทำใดที่ไม่ดีต่อชาติบ้านเมือง ทำในสิ่งที่ควรทำ” -สำนักข่าวไทย

นายกฯ รีโพสต์สตอรี่ไอจี หลัง “ภูมิใจไทย” ถอนตัว

19 มิ.ย.- นายกฯ รีโพสต์สตอรี่ไอจี กลางดึก หลัง “ภูมิใจไทย” ประกาศถอนตัวพรรคร่วมรัฐบาล ความเคลื่อนไหวช่วงกลางดึกในเวลา 21.08 น. ของ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ภายหลังพรรคภูมิใจไทยออกแถลงการณ์ถอนตัวจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล โดยจะยื่นใบลาออกมีผลวันนี้ (19 มิ.ย.) พร้อมเรียกร้องให้นายกฯ รับผิดชอบทำประเทศเสียเกียรติภูมิ นั้น พบว่าสตอรี่อินสตราแกรมของ นายกรัฐมนตรี ยังคงมีการเคลื่อนไหวผ่านการรีโพสต์สตอรี่ ที่มีคนโพสต์และแท็ก โดยเป็นภาพระหว่างสื่อมวลชนตามสัมภาษณ์นายกรัฐมนตรี เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา และเป็นโพสต์รูปภาพของนายกรัฐมนตรี พร้อมใส่เพลง “ทำด้วยหัวใจ” โดยไม่มีการใส่แคปชั่น หรือระบุข้อความใดใดในภาพ รวมถึงคลิปที่นายกรัฐมนตรีได้มีการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนถึงเสียงสนทนากับสมเด็จฮุนเซน ด้วย -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

รัฐบาลออกแถลงการณ์โต้คลิปเสียง “ฮุนเซน“ ยันมีเจตนาบริสุทธิ์ จริงใจ

ทำเนียบ 19 มิ.ย.-รัฐบาลออกแถลงการณ์กรณีสถานการณ์ความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา โต้คลิปเสียง “ฮุนเซน” ยันมีเจตนาบริสุทธิ์ จริงใจ แต่ได้รับผลตรงข้าม ชี้ 26 ปี JBC ไร้ผล เป็นเหตุตัดสินใจใช้การทูตโทรหาผู้นำกัมพูชา ย้ำแก้ปัญหายึดสันติวิธี รักษาอธิปไตยไทย นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลได้ออกแถลงการณ์เมื่อเวลา 13.30 น. วันนี้ (19 มิ.ย.) “กรณีสถานการณ์ความสัมพันธ์ ไทย-กัมพูชา” โดยมีเนื้อหาว่า “พี่น้องประชาชนชาวไทยที่เคารพ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ขออภัยต่อพี่น้องประชาชนด้วยความจริงใจ จากกรณีคลิปเสียงสนทนาทางโทรศัพท์กับผู้นำกัมพูชาที่เกิดขึ้น ทุกการดำเนินการเป็นไปภายใต้เจตจำนงที่จะปกป้องอธิปไตยของชาติ รักษาผลประโยชน์และความปลอดภัยของประชาชนไทย ทั้งที่อยู่ในประเทศไทยและพักอาศัยอยู่ในกัมพูชา ด้วยเจตนาบริสุทธิ์ดังกล่าว ไม่นึกว่าจะเกิดเหตุไม่พึงประสงค์ น่าเสียใจอย่างยิ่งที่ความจริงใจของเรา กลับมีผลตอบรับตรงกันข้าม รัฐบาลไทยยึดหลักสันติวิธี ใช้กลไกทวิภาคีเรื่องเขตแดนที่มีอยู่ โดยเฉพาะการทำงานของ JBC ที่รัฐบาลไทยและกัมพูชาร่วมมือกันมาตลอด 26 ปี เพื่อคลี่คลายปัญหา แต่ในระหว่างนั้นได้ปรากฏเหตุการณ์สื่อสารโต้ตอบที่ทำให้สถานการณ์ตึงเครียดยิ่งขึ้น หากรัฐบาลนิ่งเฉย และไม่แก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้า ย่อมเกิดความเสี่ยงที่จะบานปลายไปสู่ความรุนแรงและความสูญเสียต่อชีวิตและความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนชาวไทยได้ นายกรัฐมนตรีจึงตัดสินใจใช้วิธีทางการทูต ผ่านการโทรศัพท์พูดคุยโดยตรงกับผู้นำกัมพูชา […]

กต. ทำหนังสือประท้วงกัมพูชากรณีปล่อยคลิปเสียงหลุด

กรุงเทพฯ 19 มิ.ย. – กระทรวงการต่างประเทศ ส่งหนังสือประท้วงกรณีคลิปเสียงบทสนทนาระหว่างนายกรัฐมนตรีไทย-ฮุน เซน ย้ำผิดมารยาทและผิดหลักปฏิบัติสากล และทำลายความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกัน นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยถึงพัฒนาการความสัมพันธ์ระหว่างไทย-กัมพูชา หลังจากที่ได้มีการเปิดเผยบทสนทนาส่วนตัวระหว่าง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับสมเด็จฯ ฮุนเซน ประธานวุฒิสภา ของกัมพูชา ต่อสาธารณชนวานนี้ (18 มิ.ย.68) ว่า การกระทำดังกล่าวขัดต่อจรรยาบรรณ และมารยาทพื้นฐานของการปฏิสัมพันธ์ระหว่างรัฐที่ไม่อาจยอมรับได้ ถือเป็นการทำลายความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกัน ซึ่งส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ และความพยายามที่จะใช้กลไกทวิภาคีในการแก้ไขปัญหาของทั้งสองฝ่ายตามแนวปฏิบัติสากล และการเป็นเพื่อนบ้านที่ดี พร้อมเน้นย้ำว่า ไม่ว่าผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจะเป็นใคร ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคือหัวหน้ารัฐบาลของประเทศ ที่ควรได้รับการเคารพ และให้เกียรติ ตามแนวปฏิบัติสากลในการเจริญสัมพันธ์ระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศจึงได้ออกหนังสือประท้วงกรณีดังกล่าว ผ่านช่องทางทางการทูต โดยได้เชิญให้เอกอัครราชทูตกัมพูชา ประจำประเทศไทย มารับหนังสือดังกล่าว เพื่อแจ้งว่าการกระทำข้างต้นของทางกัมพูชาเป็นการกระทำที่ไม่สามารถยอมรับได้ ถือว่าผิดมารยาทพื้นฐานของความสัมพันธ์ระหว่างรัฐ เป็นการทำลายความไว้ใจระหว่างประเทศเพื่อนบ้านอย่างร้ายแรง ซึ่งการออกหนังสือดังกล่าวเป็นไปตามแนวปฏิบัติทางการทูต มีความรอบคอบ โปร่งใส มีวุฒิภาวะ ใช้สันติวิธี และดำเนินการอย่างเป็นทางการ ทั้งนี้ รัฐบาลโดยกระทรวงการต่างประเทศได้ดำเนินการประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและการดูแลคนไทยที่อยู่ในกัมพูชาแล้ว พร้อมยืนยันว่าการกระทำดังกล่าว เป็นการดำเนินการทางการทูต […]

นายกฯ แถลงขอโทษคนไทยปมคลิปเสียงหลุดคุย “ฮุน เซน”

กรุงเทพฯ 19 มิ.ย. – นายกฯ แถลงขอโทษคนไทยทุกคน กรณีคลิปเสียงหลุดคุย “ฮุน เซน” เป็นเรื่องไม่น่าเกิดขึ้น ได้คุย มทภ.2 และทำความเข้าใจกับกองทัพ โดยได้อธิบายถึงเจตนาที่แท้จริง ยอมรับไม่ทราบจริงๆ ว่ามีการอัดคลิปเผยแพร่ ย้ำวันนี้ไทยต้องร่วมมือผนึกกำลัง ปกป้องอธิปไตย ทุกภาคส่วนสรุปว่า “เป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติ” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังเรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าพบ เพื่อรายงานผลการประชุมของศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) รวมถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ภายหลังเกิดกรณีคลิปเสียงการโทรศัพท์เจรจาระหว่าง น.ส.แพทองธาร กับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ว่าได้เชิญหน่วยงานด้านความมั่นคงมาพูดคุยถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ก่อนอื่นต้องขออภัยพี่น้องประชาชนและคนไทยทุกคนในเรื่องกรณีที่มีคลิปเสียงหลุดออกมาระหว่างที่ตนคุยกับผู้นำกัมพูชา ความจริงเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะเกิดขึ้น ต้องขออภัยพี่น้องประชาชนที่ทำให้เกิดความไม่สบายใจ ได้มีโอกาสคุยกับเจ้าหน้าที่และกองทัพ อธิบายถึงเหตุผลว่าเป็นเพียงแท็กติกของการสื่อสารที่จะเจรจาต่อไปว่าเราจะต้องแสดงความเข้าใจก่อน เพื่อจะคุยถึงต่อไป เป็นการต่อรองเพื่อให้การปะทะนั้นหยุดลง ด้วยความตั้งใจที่แท้จริงว่าต้องการจะให้สถานการณ์สงบสุขเท่านั้นเอง และไม่ทราบจริงๆ ว่าจะมีการอัดคลิปและเผยแพร่เช่นนี้ ก็ได้ทำความเข้าใจกับทางกองทัพเรียบร้อยแล้ว และรับฟังว่าวันนี้เราต้องร่วมมือกันผนึกกำลังเอาไว้ คนไทยทุกคนต้องผนึกกำลังเอาไว้ วันนี้ทุกภาคส่วนได้สรุปว่ากรณีดังกล่าวเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติ ไม่ใช่ภัยคุกคามเล็กๆ ของประชาชนหรือของอะไร ที่จะพูดถึงว่ารัฐบาลหรือกองทัพต้องมาสู้กัน วันนี้เราไม่มีเวลาที่จะมาทะเลาะกันเองแบบนี้ เราต้องปกปกอธิปไตย ยินดีสนับสนุนกองทัพทุกรูปแบบ และวันนี้การที่เราจะทำอะไรหรือตัดสินใจในเรื่องต่างๆ เราต้องคำนึงถึงประชาชนคนไทยที่อยู่ในกัมพูชาด้วย รวมทั้งประชาชนตรงชายแดน […]

ผบ.ทบ. แสดงจุดยืนยึดมั่น ปชต. ย้ำเวลานี้ “คนไทยต้องสามัคคี”

กองทัพบก 19 มิ.ย. – ผบ.ทบ. แสดงจุดยืนยึดมั่นระบอบประชาธิปไตย พร้อมทำหน้าที่ปกป้องอธิปไตยของชาติ ย้ำสถานการณ์บ้านเมืองในเวลานี้ “คนไทยต้องสามัคคี” พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า ด้วยสถานการณ์ในปัจจุบันที่ปรากฏข้อมูลหรือการแสดงความคิดเห็นต่างๆ ที่หลากหลายและส่งผลกระทบต่อสังคมเป็นบริเวณกว้าง พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก ได้แสดงความห่วงใยต่อสถานการณ์ในประเทศที่เกิดขึ้นโดยขอให้คนไทยได้เชื่อมั่นในกองทัพบก ที่มีจุดยืนในการยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และพร้อมทำหน้าที่ปกป้องอธิปไตยของชาติอย่างสุดความสามารถ ภายใต้กลไกที่มีอยู่ ทั้งนี้ ผู้บัญชาการทหารบกได้เน้นย้ำว่า หากพิจารณาอย่างรอบด้านแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดในห้วงเวลานี้คือ “คนไทยต้องสามัคคี” ร่วมกันปกป้องอธิปไตยจากผู้ไม่หวังดี โดยยึดถือผลประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ-313 .-สำนักข่าวไทย