ทำเนียบ 28 พ.ค.- ผบ.ตร. รับแนวคิดปราบยาเสพติดตำรวจ ตรงกับ “ทักษิณ” ปาฐกถา มองต้องทำงานกับฝ่ายปกครองเป็นปาท่องโก๋
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวภายหลังเข้าพบ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ถึงนโยบายการปราบปรามแก้ไขปัญหายาเสพติด ภายหลังจากที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด หรือ ป.ป.ส. ว่า ประเด็นที่สำคัญคือ มุ่งเน้นไปในการปราบปรามยาเสพติด โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ และกระทรวงมหาดไทยต้องจับคู่ทำงานกันอย่างเหนียวแน่น เน้นปราบปรามไปที่ชุมชน ซึ่งในสมัยตอนที่ตนดำรงตำแหน่งรักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เมื่อเดือนเมษายน- พฤษภาคม ปี 2567 กำหนดแนวคิดให้กับผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ และกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ว่า ในพื้นที่ตำบล หรือหมู่บ้าน ต้องไม่มีผู้ค้ายาเสพติด แม้แต่รายเดียว ดังนั้นจะต้องมีการตรวจสอบอย่างละเอียด จึงนำมาสู่การทำข้อมูล และระดมเป้าหมายกวาดล้าง ตั้งแต่พฤษภาคม 2567 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งมีการปราบปรามไปแล้ว 5-6 ครั้ง และจับกุมผู้ต้องหาได้เป็นจำนวนมาก ซึ่งก็ได้มีการทำงานมาอย่างต่อเนื่อง และแนวคิดที่เจ้าหน้าที่ตำรวจทำอยู่ ก็ตรงกับที่นายทักษิณ ปาฐกถา
นอกจากนี้การปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำงานร่วมกับ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด หรือ ป.ป.ส. และฝ่ายปกครอง ที่ถือแนวคิดที่ว่า ยาเสพติด ตามชุมชน และหมู่บ้านทุกอย่างต้องสะอาด เพราะฉะนั้นจะทุ่มเททุกสรรพกำลังไปที่ชุมชน
ขณะที่นโยบายการปราบยาเสพติด คือการต้องปราบปรามการลักลอบขนยาตามแนวชายแดน ซึ่งจะไปสอดคล้องกับนโยบายของนายกรัฐมนตรีที่ ให้ Seal Stop Safe (ซีลชายแดน) ที่จะต้องสกัดทั้งทางบก, น้ำ, อากาศ และพัสดุ รวมไปถึงจะต้องมีการจัดตั้งด่านตรวจโดยมีอุปกรณ์ ตรวจสอบที่มีประสิทธิภาพ แตกหักยาเสพติดมายังบริเวณที่พักยา เราต้องรู้ว่า ที่พักยาอยู่บริเวณใดบ้าง ซึ่งปัจจุบันมีข้อมูลแล้ว ที่มีการเฝ้าระวัง และจับตาดูและสืบสวนเพิ่มเติม เพื่อขยายผลการจับกุม และหากหลุดจากที่พักยา ก็กระจายไปสู่ชุมชน ที่มีผู้เสพคือ ดีมาน ผู้ค้าคือ ซัพพลายรายย่อย โดยหากตัดเส้นเรื่องนี้ได้ จะเกิดอัมพาตกับการขนส่งยาเสพติด โดยนายกรัฐมนตรีได้กำหนดเรื่องนี้เป็นวาระแห่งชาติ
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวอีกว่า ตำรวจ และฝ่ายปกครองควรเป็นปาท่องโก๋ และต้องเป็น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใด ต้องจับมือกันเช่น ผู้ว่าราชการจังหวัดกับผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด นายอำเภอ กับผู้กำกับการสถานีตำรวจ ต้องทำงานร่วมกัน แล้วต้องลงพื้นที่ดูแลประชาชนในทุกเรื่อง ไม่ใช่เฉพาะยาเสพติด .-316 -สำนักข่าวไทย