ภารกิจซินเจียงอุยกูร์ วันที่ 2 ทำความจริงให้ปรากฏ

ทำเนียบ 20 มี.ค.- ภารกิจทำความจริงให้ปรากฏ “ซินเจียงอุยกูร์” วันที่ 2 หลังพบอิหม่ามผู้นำจิตวิญญาณชาวอุยกูร์ ย้ำไม่ต้องกังวล พวกเขาอยู่กับครอบครัวอย่างมีความสุขแล้ว ขณะที่คณะ “ทวี” เดินทางอีกกว่า 300 กม. พบครอบครัวที่แสนอบอุ่น หลังไม่พบหน้าลูกสาวมานาน 11 ปี เจ้าตัวขอบคุณประธานาธิบดีสี จิ้นผิง และรัฐบาลไทยที่ส่งตัวกลับมา ยืนยันว่าตนไม่รู้หนังสือและไม่เคยเขียนจดหมายออกมา ขณะที่คุณแม่สุดดีใจ ได้โชว์เพลงอุยกูร์ให้คณะฟัง ซึ่งแปลความหมายได้ว่า “ดวงดาวที่ส่องสว่างบนฟ้า เป็นประกายเหมือนตาของแม่”


นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า วันนี้ (พฤหัสบดีที่ 20 มีนาคม 2568) เวลา 14.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นซึ่งเร็วกว่าไทย 1 ชั่วโมง พร้อมด้วย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และพล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้เดินทางมาเยี่ยมชาวอุยกูร์ที่ถูกไทยส่งกลับเมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ เป็นวันที่ 2 ซึ่งสถานที่นั้นอยู่ห่างจากโรงแรมที่พักในตัวเมืองคาซือกว่า 300 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางกว่า 3 ชั่วโมง โดยเดินทางบนเส้นทางหลักแบบทางด่วนพิเศษที่เชื่อมโยงเมืองใหญ่ระยะทางประมาณ 230 กม. จากนั้นคณะแยกเข้าเส้นทางชนบทอีกกว่า 70 กม. จึงถึงบ้านพักของชาวอุยกูร์ที่เดินทางกลับจากประเทศไทย

คณะได้เข้าเยี่ยมในบ้านที่มีลักษณะเป็นบ้านปูนชั้นเดียว แบบชาวเกษตรกร โดยได้พบคุณพ่อ คุณแม่ ภรรยา และลูกสาววัย 14 ปี พ.ต.อ.ทวี ได้สอบถามถึงความเป็นอยู่หลังถูกส่งกลับ ซึ่งชายชาวอุยกูร์ตอบว่า “รัฐบาลท้องถิ่นได้พาตนไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจสุขภาพซึ่งไม่มีค่าใช้จ่าย และยังพาตนกับครอบครัวไปเที่ยวในเมืองอื่นเพื่อให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของซินเจียง ทำให้ตนรู้สึกสบายใจ ซึ่งสมาชิกในครอบครัวก็ปลอดภัย ตอนนี้ตนรู้สึกเหมือนได้ชีวิตใหม่เป็นปกติ ขณะนี้ตนอายุ 36 ปี ก่อนหน้านี้ตนมีลูก 3 คนและประกอบอาชีพเป็นช่างตัดผม ก่อนที่ตนจะหนีออกนอกประเทศ บ้านหลังนี้ก็ยังไม่มี ซึ่งรัฐบาลได้สนับสนุนเงิน 28,500 หยวน คิดเป็นเงินไทยประมาณ 140,000 บาท เพื่อสร้างบ้าน ตอนนี้ตนอยู่กับพ่อแม่ ภรรยา และลูกทำเกษตรกรรม”


นายจิรายุ กล่าวว่าคณะได้สอบถามถึงเหตุการณ์ว่าเหตุใดจึงหนีออกนอกประเทศ ชายชาวอุยกูร์เล่าว่ากลุ่มก่อการร้ายได้โกหกตนหลายเรื่อง ทำให้ตนหนีออกนอกประเทศและติดอยู่ที่ประเทศไทย 11 ปี แต่ตอนนี้ได้กลับบ้านแล้ว ปัจจุบันตนกลับมาทำอาชีพชาวนา และขอยืนยันว่าไม่มีการบังคับหรือถูกทำร้ายใดๆ ตนมีเสรีภาพร้อยเปอร์เซ็นต์ และโอกาสนี้ก็ขอขอบคุณประธานาธิบดีสี จิ้นผิง และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องจากประเทศไทย ตนรู้สึกประทับใจและขอบคุณรัฐบาลท้องถิ่นอีกครั้ง การกลับมาครั้งนี้ ไม่เพียงแต่ได้เห็นซินเจียงพัฒนา แต่ยังได้เห็นประเทศจีนทั้งหมดที่ทันสมัยมาก เมื่อตนกลับมาก็จะดูแลครอบครัวเป็นหลัก

เมื่อถามว่าตอนกลับมาใหม่ๆ กลัวหรือไม่ ชายชาวอุยกูร์ตอบว่าตอนกลับมาแรกๆ ก็ค่อนข้างเครียด แต่รู้สึกว่ารัฐบาลท้องถิ่นมีน้ำใจกับตนและครอบครัว ตอนนี้อยู่มาเดือนกว่าแล้วก็รู้สึกสบายใจมากขึ้น

จากนั้น พ.ต.อ.ทวี ได้สอบถามเรื่องการศึกษา ซึ่งชายชาวอุยกูร์ตอบว่าไม่ได้เรียนหนังสือ แม้แม่จะเป็นครูที่อยากให้ตนเรียนตั้งแต่เด็กๆ แต่ตนก็ไม่เชื่อฟัง พร้อมยืนยันว่าไม่เคยเขียนจดหมายใดๆ ออกมาระหว่างที่อยู่ในประเทศไทย พ.ต.อ.ทวี กล่าวปิดท้ายว่าวันนี้มาเยี่ยมเพื่อดูความปลอดภัยและดูว่าชีวิตดีขึ้นหรือไม่ เมื่อได้ยินเช่นนี้ก็รู้สึกสบายใจ และขออวยพรให้ครอบครัวมีความสุขสมหวัง


นายจิรายุ กล่าวอีกว่า สำหรับบรรยากาศการพูดคุยกับครอบครัวชาวอุยกูร์ครั้งนี้ มารดาดูมีความสุขมากหลังได้พบกับลูกชาย และกอดหอมแก้มแสดงความคิดถึง ในขณะที่ลูกสาววัย 14 ปีก็ได้สวมกอดพ่อตัวเอง เพราะตอนที่พ่อติดอยู่ในประเทศไทย ลูกสาวอายุเพียง 3-4 ขวบเท่านั้น จากนั้นครอบครัวนี้ได้ร้องเพลงพื้นบ้านโชว์ให้คณะฟัง ซึ่งมีความหมายว่า “ดวงดาวที่ส่องสว่างบนฟ้า เป็นประกายเหมือนตาของแม่” ก่อนที่มารดาจะร้องอีก 1 บทเพลง ซึ่งเป็นเพลงที่ชื่นชมและขอบคุณคุณแม่ที่ดูแลลูกจนเติบโต

ในโอกาสนี้ ครอบครัวยังได้เชิญคณะของ พ.ต.อ.ทวีร่วมทานขนมว่างที่จัดเตรียมไว้ ซึ่งพ.ต.อ.ทวี ได้สอบถามถึงวิธีการปฏิบัติว่าครอบครัวสามารถทานได้หรือไม่ คุณแม่ตอบว่า “อาหารแบบนี้มีทุกบ้าน เป็นประเพณีท้องถิ่น จัดเตรียมไว้แบบนี้ทุกวัน ไม่ว่าจะมีแขกมาหรือไม่ ส่วนเดือนรอมฎอนก็สามารถทานได้” คุณแม่จึงเชิญคณะทานอาหาร ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลไม้ท้องถิ่น อินทผลัม และขนมปัง

ต่อมาในเวลาประมาณ 15.00 น. คณะที่ 2 ได้เดินทางกลับไปยังเมืองคาซือ โดยมีกำหนดพบกับคณะที่ 1 ของนายภูมิธรรมเพื่อวิดีโอสนทนากับชาวอุยกูร์ที่อยู่ห่างออกไปมากกว่า 500 กิโลเมตร ในช่วงเวลา 18.00 น. อีกครั้ง .314.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ทหารกัมพูชาขุด “คูเลต” ลากยาว 650 เมตร

อุบลราชธานี 28 พ.ค.- เปิดภาพ! “คูเลต” ทหารกัมพูชาขุดลากยาว 650 เมตร จากต้นสัตบรรณถึงสามแยกลาว จุดปะทะทหารไทย เมื่อวันที่ 28 พ.ค.68 ผู้สื่อข่าวรายงาน ภายหลังเกิดเหตุปะทะระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชา บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี หลังพบขุดคูเลต จากจุดต้นสัตบรรณถึงสามแยกลาว ระยะทาง 650 เมตร ซึ่งเป็นพื้นที่อ้างสิทธิ์ โดยก่อนจะเกิดเหตุปะทะกัน ทหารไทยได้เข้าไปเจรจา เพราะเป็นการละเมิด MOU 2543 เป็นครั้งที่ 2 แต่ทางทหารกัมพูชากับยิงสวนออกมา จึงเกิดการปะทะกัน โดยช่วงนี้อยู่ระหว่างการเจรจาของผู้นำในพื้นที่ทั้งสองฝ่าย โดยฝ่ายทหารไทยยืนยันว่าให้ทหารกัมพูชา ออกจากพื้นที่อ้างสิทธิพร้อมกัน-313 .-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 ย้ำกัมพูชาต้องยึด MOU 43 หลังละเมิดขุดคูเลต 2 รอบ

อุบลราชธานี 28 พ.ค.- มทภ.2 ย้ำกัมพูชาต้องยึด MOU 43 หลังละเมิดขุดคูเลต 2 รอบ ทหารไทยเข้าเจรจากลับยิงสวน ลั่นปกป้องอธิปไตยตามแผนที่ 1:50,000 เต็มที่ พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึง เหตุปะทะระหว่างทหารไทยและทหารกัมพูชา บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี ว่า ในช่วงเช้าที่ผ่านมา กำลังพลของกองกำลังสุรนารีได้ลาดตระเวนและพบว่า ทหารกัมพูชาขุดคูเลต เช่นเดียวกับเนิน 745 ช่องบก ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่อ้างสิทธิ์ โดยก่อนจะเกิดเหตุปะทะกัน ทหารไทยได้เข้าไปเจรจา แต่ทางกัมพูชา ยิงสวนออกมา จึงเกิดการปะทะกัน อย่างที่เป็นข่าว สำหรับแนวทางการแก้ไขปัญหาต่อจากนี้ ผู้บังคับบัญชาในระดับพื้นที่กำลังพูดคุยเจรจา “ยืนยันว่าทหารไทยทำหน้าที่รักษาอธิปไตยตามแผนที่ 1:50,000 ซึ่งในพื้นที่ทับซ้อนของทั้ง 2 ประเทศ จะมีการออกลาดตระเวนอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายล้ำเข้ามา ซึ่งทุกฝ่ายต้องยึดตาม MOU 2543”.-313.-สำนักข่าวไทย

ปะทะทหารกัมพูชา

ทบ.แจงเหตุปะทะทหารกัมพูชาบริเวณช่องบก คลี่คลายแล้ว

กองทัพบก 28 พ.ค.-ทบ.แจงเหตุปะทะทหารกัมพูชาบริเวณชายแดนช่องบก จ.อุบลราชธานี ปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายแล้ว อยู่ระหว่างรอการเจรจา พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เผยถึงสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทยกัมพูชา โดยระบุว่าได้รับรายงานจาก กองกำลังสุรนารีเกี่ยวกับเหตุการณ์ปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 เวลา 05.30 น. โดย หน่วยเฉพาะกิจที่ 1 กองกำลังสุรนารี ได้รับการรายงานว่ามีทหารกัมพูชาเข้ามาวางกำลังในพื้นที่อ้างสิทธิ์ ซึ่งไม่เป็นไปตามข้อตกลง ฝ่ายไทยจึงจัดชุดประสานงานเพื่อเข้าพูดคุยเจรจาตามแนวทางการปฏิบัติที่เคยกระทำมา เมื่อถึงบริเวณดังกล่าว กำลังส่วนระวังเหตุของทหารกัมพูชา ได้เข้าใจผิด และเริ่มใช้อาวุธ ฝ่ายไทยจึงใช้อาวุธตอบโต้กลับไป โดยใช้เวลาประมาณ 10 นาที ต่อมาเวลา 05.55 น. พลตรี ทล โซะวัน รองผู้บัญชาการกองพลสนับสนุนที่ 3 ฝ่ายกัมพูชา ได้โทรศัพท์ประสานงานกับ พันเอก บุญเสริม บุญบำรุง รองผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายยุติ โดยทั้งสองฝ่ายได้ตกลงหยุดยิงและตรึงกำลังบริเวณจุดปะทะ ปัจจุบันทั้งสองฝ่ายอยู่ระหว่างการเจรจาผ่านกลไกทวิภาคี เพื่อจัดการกรณีอ้างสิทธิในพื้นที่ และกำหนดแนวทางร่วมกันในการปฏิบัติอย่างสันติ ตามข้อตกลงที่มีอยู่ […]

มติเอกฉันท์ สภาอนุมัติ “พ.ร.ก.ไซเบอร์-สินทรัพย์ดิจิทัล”

รัฐสภา 28 พ.ค.- สภาเอกฉันท์อนุมัติ “พ.ร.ก.ไซเบอร์-สินทรัพย์ดิจิทัล” ให้ธนาคารร่วมชดใช้ค่าเสียหายจาก “แก๊งคอลเซ็นเตอร์” เร่งคืนเงินผู้เสียหาย ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร สมัยวิสามัญ วาระการพิจารณาพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568 และ พ.ร.ก.การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2568 ที่คณะรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอ ซึ่งแบ่งเวลาในการอภิปรายฝ่ายละ 2 ชั่วโมง รวม 4 ชั่วโมง และจะเป็นการรวมพิจารณา และแยกลงมติทีละฉบับ โดยนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เสนอหลักการว่า เนื่องจากปัจจุบัน มี พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญกรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 ยังมีมาตรการบังคับทางกฎหมายที่ยังไม่เพียงพอ กับรูปแบบอาชญากรรม กลุ่มมิจฉาชีพ จึงต้องแก้ไขปรับปรุงให้ทันสมัย เช่น การเร่งคืนเงินให้ผู้เสียหาย, การอาญัติบัญชีม้า, การกำหนดหน้าที่และความรับผิดชอบของสถาบันการเงิน ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ และมาตรการการโอนเงินผิดกฎหมาย ผ่านสินทรัพย์ดิจิทัล จากนั้น ได้เปิดโอกาสให้ สส.อภิปรายอย่างกว้างขวาง โดยนายจุติ […]

ข่าวแนะนำ

จับแล้ว “เกม” มือยิงยัดถังถ่วงอ่างเก็บน้ำห้วยใหญ่ตะคร้อ

นครสวรรค์ 29 พ.ค. – เมื่อสัปดาห์ก่อน เกิดเหตุสะเทือนขวัญ พบศพถูกยัดใส่ถังพลาสติกขนาด 200 ลิตร โยนทิ้งในอ่างเก็บน้ำห้วยใหญ่ตะคร้อ จ.นครสวรรค์ วันนี้จับผู้ต้องหาได้แล้ว จากเหตุสยองอ่างเก็บน้ำห้วยใหญ่ตะคร้อ อ.ไพศาลี จ.นครสวรรค์ เมื่อมีผู้พบศพชายปริศนา ถูกยัดอยู่ภายในถังพลาสติกขนาด 200 ลิตร ลอยอยู่ใกล้กับตลิ่ง เมื่อวันที่ 18 พ.ค.ที่ผ่านมา ทำให้ตำรวจ สภ.ตะคร้อ ต้องทำงานกันอย่างหนัก เพื่อหาคำตอบให้กับเหตุการณ์อันโหดเหี้ยมนี้ เบื้องต้นสามารถยืนยันได้ว่าชายดังกล่าวเสียชีวิตมาแล้ว 3-5 วัน และมีร่องรอยถูกยิงด้วยปืนลูกซอง จากการตรวจสอบในถังพลาสติกยังพบก้อนหินขนาดใหญ่ ถุงปุ๋ย และกระเป๋าสะพายข้าง ไปจนถึงโทรศัพท์มือถือ ทำให้สามารถค้นหาและทราบชื่อผู้เสียชีวิตคือ นายจุฑาเพชร หรืออ้วน อายุ 44 ปี ที่รับจ้างทำไร่ในพื้นที่ อ.โคกเจริญ จ.ลพบุรี จากการสืบสวนและแกะรอยจากกล้องวงจรปิดมานานกว่า 1 สัปดาห์ ทำให้พบว่านายปารวี หรือเกม อายุ 35 ปี เป็นผู้ก่อเหตุ เมื่อตรวจสอบรถกระบะและห้างนาของนายเกม ยิ่งพบหลักฐานสำคัญที่ยืนยันได้ว่านายเกมคือคนร้าย […]

ตั้ง 2 ประเด็น เหตุบุกยิง ครู-อส. งานแข่งตะกร้อ

นราธิวาส 29 พ.ค. – เจ้าหน้าที่เก็บหลักฐานเหตุคนร้ายยิงถล่ม สภ.จะแนะ จ.นราธิวาส คาดผู้ก่อเหตุมีไม่ต่ำกว่า 10 คน ด้านภรรยาตำรวจที่เสียชีวิต ร่ำไห้ทำใจไม่ได้ ส่วนเหตุบุกยิง ครู-อส. กลางงานแข่งตะกร้อ จนท.ตั้ง 2 ปมก่อเหตุ “ปัญหาส่วนตัว-ความมั่นคง” จากเหตุคนร้ายลอบยิงตำรวจขณะเข้าแถวเคารพธงชาติ ที่สถานีตำรวจภูธรจะแนะ ต.จะแนะ อ.จะแนะ จ.นราธิวาส และยิงใส่ป้อมรักษาการประตู กระทั่งเกิดการยิงตอบโต้กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงประมาณ 15 นาที จนกลุ่มผู้ก่อเหตุหลบหนีไป หลังเกิดเหตุ ส.ต.อ.อับดุลเลาะ มะกาเซ็ง อายุ 30 ปี เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ และสิบตำรวจเอก เจษฎา พรหมรัตน์ อายุ 33 ปี บาดเจ็บสาหัส เมื่อวานนี้ (28 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านตำรวจที่เสียชีวิต เป็นสถานที่จัดงานให้ชาวบ้านมาร่วมทำบุญและแสดงความเสียใจกับครอบครัว หลังนำร่าง ส.ต.อ.อับดุลเลาะ ประกอบพิธีฝังศพที่กูโบร์บ้านบาเร๊ะบาโร๊ะ เมื่อคืนที่ผ่านมา (28 พ.ค.) นางสาวนุชฮูดา […]

ทางออก 3 ข้อ ไทย-กัมพูชา ตกลงร่วมคลี่คลายสถานการณ์ช่องบก

อุบลราชธานี 29 พ.ค. – สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา หลังเกิดเหตุปะทะระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชา เช้าวานนี้ (28 พ.ค.) บริเวณช่องบก อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ขณะนี้เข้าสู่วันที่ 2 แม้ไม่มีการปะทะเพิ่มเติม แต่เจ้าหน้าที่ยังตรึงกำลังแน่นหนา ส่วนชาวบ้านในพื้นที่เริ่มเตรียมความพร้อมสำหรับการอพยพ หากเกิดเหตุฉุกเฉิน แต่การแก้ปัญหาที่สำคัญคือ ผู้บัญชาการทหารบกของทั้งสองประเทศได้คุยกันแล้ว เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เบื้องต้นได้ข้อสรุป 3 ข้อ.-สำนักข่าวไทย

จับแล้ว! “สามีภรรยา” คนสนิทอดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง

29 พ.ค.- จับแล้ว! สองสามีภรรยา คนสนิทอดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง มือคุมบัญชีประมูลร้านค้างานประจำปี – ร้านค้าสวัสดิการ หลังศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ออกหมายจับ วันนี้ ( 29 พ.ค.68) เวลา 16.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ปปป. สนธิกำลังร่วมเจ้าหน้าที่ กก.5 บก.ป. นำกำลังเข้าจับกุม สองสามีภรรยา คนสนิทนายแย้ม อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง หลังศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง อนุมัติออกหมายจับ ในความผิดฐาน ข้อหาฟอกเงิน และ เป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานที่มีหน้าที่ซื้อหรือการรักษาทรัพย์ แต่กลับเบียดบังหรือทุจริตทรัพย์นั้นมาเป็นของตน, เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบและเป็นเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต” โดยสามารถจับกุมตัวทั้งสองได้ภายในค่ายลูกเสือพระพุทธศาสนา มูลนิธิหลวงพ่อวัดไร่ขิง อ.สามพราน จ.นครปฐม ก่อนควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย มาสอบปากคำยัง กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ขณะเดียวมีรายงานว่า นอกเหนือจากผู้ต้องหาทั้งสองรายนี้ พนักงานสอบสวนยังได้ขออำนาจศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง อนุมัติออกหมายจับอดีตพระลูกวัดคนสนิท ทิดแย้ม ซึ่งถูกจับกุมก่อนหน้านี้ และถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ โดย พนักงานสอบสวน เตรียมประสานไปยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพ […]