“ภูมิธรรม” เผย กกต.ชงปมฮั้วเลือก สว.ให้ดีเอสไอ

ทำเนียบ 25 ก.พ.- “ภูมิธรรม” เผย กกต.ชงเรื่องฮั้วเลือก สว.ให้ดีเอสไอเอง โยน “แสวง” แจงมูลเหตุให้ตรวจสอบ ลั่น บอร์ดคดีพิเศษ พิจารณาตามข้อเท็จจริง-กฎหมาย ไม่มีประเด็นกลั่นแกล้งทางการเมือง ปัดไม่รู้ สว.เป็นคนของ “ภูมิใจไทย” หรือไม่ เชื่อ ไม่กระทบเสถียรภาพรัฐบาล


นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่วันนี้ กรมสอบสวนคดีพิเศษ จะประชุม คณะกรรมการพิเศษ (กคพ.) เพื่อพิจารณาว่าจะรับคดีเกี่ยวกับการฮั้ว เลือก สว. เป็นคดีพิเศษหรือไม่ ในฐานะประธาน กคพ. มีความหนักใจหรือไม่ ว่า ไม่หนักใจ เราทำตามหน้าที่ ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ กกต.ส่งเรื่องมาให้ดีเอสไอ และเมื่อมีการส่งเรื่องมาดีเอสไอมีหน้าที่พิสูจน์ทราบว่ามีแนวโน้มจะเป็นอย่างไร หลังจากที่รวบรวมมาแล้ว ดีเอสไอก็รายงานมายังตนว่ามีข้อมูลที่น่าจะพิสูจน์ทราบได้ว่า น่าจะเป็นปัญหา ซึ่งก่อนที่จะนำเรื่องเข้ามาตนมองว่าเป็นเรื่องใหญ่ เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับนิติบัญญัติแห่งชาติ ถ้าเป็นเรื่องจริงขึ้นมาจะเสียหายต่อสถาบันหลักของชาติ ตนถึงมองว่าอย่าใช้อารมณ์หรือมองว่าเป็นความรู้สึกในการกลั่นแกล้งทางการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง เรื่องนี้ต้องมีข้อเท็จจริงมารองรับอย่างชัดเจน และหากกฎหมายอนุญาตให้ดีเอสไอทำ จึงจะสามารถทำได้

นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า เมื่อส่งเรื่องมายังตนตนตกใจเพราะข้อหาพูดถึงเรื่องอั้งยี้ซ่องโจร ตนจึงได้ตั้งคำถามไปว่าใช้ข้อกล่าวหานี้ไม่รุนแรงไปใช่หรือไม่ เพราะเป็นคำพูดที่รุนแรง ซึ่งดีเอสไอระบุว่าเป็นคำพูดทางกฎหมายที่มีมานานแล้ว ข้อและเรื่องนี้เข้ากฎหมายข้อนั้นจึงต้องดำเนินการตามนั้น วันนี้ก็ต้องเอาข้อเท็จจริงทั้งหมดมาให้กรรมการฯดูให้ชั
ดเจน ถ้ากรรมการทั้งหมดดูแล้วเห็นว่าเป็นปัญหา ก็ต้องถามว่า ตามข้อกฎหมายเป็นอำนาจของดีเอสไอหรือไม่ ถ้าชัดเจนแล้วดีเอสไอก็จะเดินหน้าทำตามหน้าที่ โดยต้องโหวตให้ได้ 2ใน 3 หรือ 15 เสียง จาก 22 เสียง ใครไม่มา หรือหลบ หรือติดภารกิจก็ไม่นับ แต่ต้องได้ 15 เสียง


ส่วนการประชุมจะจบในวันนี้ หรือหากยังไม่ชัดเจนต้องต่อเวลาออกไป นายภูมิธรรม กล่าวว่า ยังไม่คิดขอดูข้อเท็จจริงวันนี้ หากข้อเท็จจริงชัดก็เดินหน้า แต่หากจะมีอะไรขาดตกบกพร่องก็ต้องหาข้อมูลเพิ่มเติม แต่ทั้งหมดต้องขึ้นอยู่กับที่ ประชุม เพราะข้อเท็จจริงกับข้อกฎหมายก็ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของที่ประชุมด้วย

เมื่อถามว่า กรณีที่ สว.ระบุว่าจะฟ้องกลับมีความกังวลหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่าเราไม่ได้หวั่นไหวอะไรเราทำตามหน้าที่ หากฟ้องก็ต้องไป กกต. เพราะกกต. เป็นคนยื่นเรื่องมายังดีเอสไอ ถ้าดีเอสไอดูแล้วไม่มีมูลก็ตัดเรื่องนี้ทิ้งไป ซึ่งในข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงอยู่ที่มุมมอง เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องสำคัญที่กรรมการทั้ง 22 คนต้องใช้ดุลยพินิจ ทั้งข้อ กฎหมายและข้อเท็จจริง ไม่เอาความชอบความเกลียดประเด็นทางการเมือง เข้ามาประกอบการตัดสินใจครั้งนี้

เมื่อถามย้ำ ถึงต้นตอของการตรวจสอบเรื่องนี้ มาจาก กกต. เป็นคนยื่นเรื่องใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เรื่องคือ กกต.ยื่นมา


ส่วนไม่ได้รับเรื่องมาจาก สว. สำรองใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ต้องไปถาม กกต. เพราะกกต. ส่งเรื่องให้ดีเอสไอ

ทั้งนี้หากดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษ และจบกระบวนการของดีเอสไอแล้วจะต้องส่งเรื่องไปที่ศาลใด นายภูมิธรรม กล่าว กฎหมายให้อำนาจดีเอสไอหากพิจารณาแล้วก็ต้องยื่นศาลซึ่งเป็นไปตามกระบวนการ และอัยการสูงสุดก็อยู่ในคณะกรรมการชุดนี้อยู่แล้ว

ส่วนจะต้องยื่นไปที่ศาลอาญา หรือศาลอาญาคดีและทุจริตและประพฤติมิชอบ นายภูมิธรรม ระบุว่า แล้วแต่ประเด็นและข้อกฎหมาย

เมื่อถามต่อว่าสังคมมองว่าเรื่องนี้เป็นประเด็นทางการเมือง นายภูมิธรรมกล่าวว่า สังคมให้ความสนใจและรู้สึกว่าเป็นเรื่องสำคัญ ส่วนเรื่อง การเมืองตนไม่แน่ใจว่าสังคมรู้สึกแบบนั้นหรือไม่ แต่ที่สังคมให้ความสนใจและคิดว่าหากเป็นเรื่องจริง เป็นความเสียหายต่อประเทศชาติ

”ตนจึงได้กำชับว่าให้ดำเนินการตามข้อเท็จจริง และข้อกฎหมายที่ชัดเจน ให้ทำตามหน้าที่โดยไม่ต้องคิดว่าเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ใครทำผิดจริงก็ต้องรับผิดชอบ ไม่ต้องมานั่งปวดหัว เราพิจารณาเรื่องนี้เราไม่ได้พิจารณาว่า สว. เป็นคนของพรรคภูมิใจไทย ตนยังไม่ทราบว่าใช่หรือไม่ใช่ ต้องให้พรรคภูมิใจไทยพูดหรือแสดงท่าทีออกมาว่าเป็นคนของพรรคภูมิใจไทย ยืนยันว่าไม่มีการเมือง เรา ไม่ได้พิจารณาว่าเป็นการเมืองฝ่ายไหน“ นายภูมิธรรม ระบุ

ส่วนจะต้องใช้เวลานานแค่ไหน นายภูมิธรรม ระบุว่า ให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย

เมื่อถามว่า สว. มีความเป็นห่วงถึงการใช้กระบวนการของดีเอสไอ เข้ามาตรวจสอบอาจโดนการเมืองแทรกแซง นายภูมิธรรม กล่าวว่า ต้องไปดูที่ กกต. เป็นความรับผิดชอบของนายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. ที่ส่งเรื่องมาให้ดีเอสไอ เมื่อนายแสวง ส่งเรื่องมาก็ต้องคิดว่ามีเรื่องอะไรดีเอสไอตรวจสอบ

” นี่ตนเดานะไม่เช่นนั้นก็จะไม่ส่งเรื่องมาให้ดีเอสไอ ไม่ใช่ดีเอสไอไปหาคดีมาทำ คุณแสวงก็ต้องชี้แจง“ นายภูมิธรรม กล่าว

เมื่อถามว่าเรื่องนี้จะกระทบกับภาพรวมการทำงานของรัฐบาลหรือไม่ นายภูมิธรรม ยืนยันว่า ไม่กระทบเพราะการทำงานของรัฐบาลอยู่บนพื้นฐาน ความบริสุทธิ์และยุติธรรม และทำทุกอย่างตามกระบวนการของกฎหมาย ไม่ว่าพรรคไหน คนของพรรคใดกระทำความผิดก็ต้องรับผิดชอบ

ส่วนจะกระทบกับเสถียรภาพและความเชื่อมั่นของรัฐบาลหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ต้องคิดว่าทุกคนมีสามัญสำนึกและจิตสำนึกที่ดีที่ถูกต้อง ถ้าเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นแล้วกระทบทางการเมือง ก็แสดงว่าการเมืองมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องของ สว. ถ้าคิดว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องก็ไม่น่าจะมีอะไรเกิดขึ้น ถ้ารู้สึกว่าจะโดนพรรคนั้นพรรคนี้ ก็แสดงว่าพรรคนั้นมีส่วนเกี่ยวข้อง หรืออาจจะมีดุลยพินิจแบบนั้นก็ได้ขออย่าคิดไปไกลแบบนั้น เอาตามข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างไรและการตัดสินใจทางกฎหมายถูกต้องหรือไม่.-316 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ทบ.ชี้เหตุกำลังพล ร้อย.ร.111 เหยียบกับระเบิด สะท้อนกัมพูชาเริ่มใช้อาวุธก่อน

กรุงเทพฯ 9 ส.ค. – โฆษก ทบ. ชี้เหตุกำลังพล ร้อย.ร.111 เหยียบกับระเบิดขณะลาดตระเวนเส้นทาง พื้นที่รอยต่อบ้านโดนเอาว์-บ้านกฤษณา จ.ศรีสะเกษ บาดเจ็บ 3 นาย สะท้อนกัมพูชาเริ่มใช้อาวุธก่อน พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า วันที่ 9 สิงหาคม 2568 เวลา 10.00 น. กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 กรณีกำลังพลของหน่วยกองร้อยทหารราบที่ 111 เหยียบกับระเบิด ขณะทำการลาดตระเวนเส้นทาง เพื่อเสริมความมั่นคงในพื้นที่รอยต่อบ้านโดนเอาว์-บ้านกฤษณา จังหวัดศรีสะเกษ ส่งผลให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ได้แก่ 1. จ่าสิบเอก ธานี พาหา ตำแหน่งผู้บังคับหมู่ป้องกัน บาดเจ็บรุนแรง ข้อเท้าซ้ายท่อนล่างขาด2. พลทหาร ภาคภูมิ ไชยสุระ ตำแหน่งพลปืนเล็ก บาดเจ็บบริเวณแขนและด้านหลัง3. พลทหาร ธนันชัย ไกรวงค์ […]

จับผับรังสิต

สั่งเด้งผู้การปทุมธานี ขาดจากตำแหน่งเดิม เซ่นจับผับดังรังสิต

8 ส.ค. – โดนด้วย! สั่งเด้งผู้การปทุมธานี โดยให้ขาดจากตำแหน่งเดิม พร้อมพวกอีก 5 นาย เซ่นจับผับดังรังสิต พบฉี่ม่วงเพียบเฉียด 200 คน พล.ต.ต.ศิลปคมณ์ เอี่ยมวงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ลงนามในคำสั่งตำรวจภูธรภาค 1 ที่ 209/2568 เรื่อง ข้าราชการตำรวจช่วยราชการ ใจความว่า ด้วย ตำรวจภูธรภาค 1 มีคำสั่งที่ 208/2568 ลงวันที่ 8 สิงหาคม 2568 แต่งตั้ง คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ในกรณีเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2568 เวลา 01.00 น. ชุดปฏิบัติการ พิเศษกรมการปกครอง ได้มีการจัดระเบียบสังคม โดยเปิดปฏิบัติการ (Zero Drug) โดยนำกำลังเข้าทำการ ตรวจสอบและจับกุมสถานบริการ ชื่อ ร้าน “Skin […]

ข่าวแนะนำ

วิเคราะห์แนวทางดำเนินคดีกัมพูชา

10 ส.ค. – ฟังการวิเคราะห์ปมดำเนินคดีกัมพูชา กับ รศ.ดร. ดุลยภาค ปรีชารัชช อาจารย์ประจำสาขาวิชาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จากหลักฐานที่มีชัดเจน กระสุนกัมพูชายิงตกฝั่งไทย เกิดความเสียหายทั้งชีวิตและทรัพย์สินพลเรือน และมีกระสุนที่ต้องเก็บกู้มากกว่า 800 นัด ขณะที่หลังการเจรจา GBC ผ่านไป พบกัมพูชายังเสริมกำลังทหารต่อเนื่อง .-สำนักข่าวไทย

ชาวบ้านศรีสะเกษสุดช้ำ บ้านเรือนถูกกัมพูชายิงถล่มเหลือแต่ซาก

ศรีสะเกษ 10 ส.ค. – ชาวบ้าน ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ กลับจากศูนย์อพยพเจอสภาพบ้านเหลือแต่ซาก หลังถูกลูกปืนใหญ่กัมพูชายิงถล่ม ขณะที่พบหัวจรวด BM-21 กลางทุ่งนา อีก 2 จุด ใน อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี เจ้าหน้าที่ EOD ทำลายเรียบร้อย ปลัดอำเภอน้ำยืน เน้นย้ำหากชาวบ้านพบหลุมลึก-ปากหลุมแคบ ให้รีบแจ้งทันที ภาพจากกล้องวงจรปิดเผยให้เห็นนาทีกระสุนโจมตีของกัมพูชายิงตกใส่บ้านเรือนประชาชนอย่างรุนแรงจนฝุ่นฟุ้งกระจาย จากภาพจะเห็นว่ามีรถอีแต๋นคันหนึ่งวิ่งผ่านจุดที่กระสุนพุ่งตกลงมาเพียงเสี้ยววินาที เมื่อเวลา 10.00 น. ของวันที่ 24 ก.ค.ที่ผ่านมา ในพื้นที่บ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ วันนี้ นายกุลนที อายุ 45 ปี เดินทางกลับมาบ้าน หลังอพยพออกจากพื้นที่ไปกว่า 2 สัปดาห์ ในช่วงเหตุปะทะแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ทันทีที่เห็นบ้าน นายกุลนทีถึงกับน้ำตาคลอ เพราะบ้านเสียหายอย่างหนัก ทั้งโครงสร้างไม้และปูนได้รับความเสียหายเกือบทั้งหมด ประตู หน้าต่าง กระจก และหลังคาถูกกระสุนถล่มจนแทบไม่เหลือสภาพเดิม […]

มทภ.2 กำชับกำลังพลเพิ่มความระมัดระวัง หลังทหาร 3 นาย เหยียบกับระเบิด

10 ส.ค. – แม่ทัพภาคที่ 2 กำชับกำลังพลเพิ่มความระมัดระวัง หลังทหาร 3 นาย เหยียบกับระเบิด ขณะลาดตระเวนแนวชายแดน จ.ศรีสะเกษ จากการตรวจสอบพบเป็นทุ่นใหม่ ถูกวางไว้ช่วงทหารกัมพูชาเข้ามาตั้งฐานป้องกันการเข้าโจมตีของไทย ไม่ใช่การลอบนำมาวางใหม่หลังถอนกำลัง พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยภายหลังการรับมอบสิ่งของช่วยเหลือทหารและเจ้าหน้าที่ตามแนวชายแดน จากภาครัฐและเอกชน ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา หลังเจ้าหน้าที่ทหาร 3 นาย เหยียบกับระเบิด ขณะลาดตระเวนแนวชายแดน จ.ศรีสะเกษ เมื่อวานว่า จากการตรวจสอบพบว่าเป็นทุ่นใหม่ที่ถูกวางไว้ช่วงทหารกัมพูชาเข้ามาตั้งฐานเพื่อป้องกันการเข้าโจมตีของไทย ก่อนที่จะถอนกำลังออกไป ไม่ใช่การลอบนำมาวางใหม่หลังถอนกำลัง จึงสั่งการให้ทุกหน่วยเพิ่มความระมัดระวัง พร้อมใช้เทคโนโลยีและเครื่องจักร เช่น รถไถ รถตักในการเคลียร์เส้นทางและค้นหาทุ่นระเบิดบุคคล เพื่อป้องกันไม่ให้กำลังพลได้รับอันตรายซ้ำ สำหรับพื้นที่แนวปะทะที่มีการวางกำลังของทหารกัมพูชายังถือว่าไม่ปลอดภัยสำหรับทหาร เนื่องจากมีการวางระเบิดไว้มาก ส่วนพื้นที่ชาวบ้านซึ่งอยู่นอกแนวชายแดนลึกเข้ามา ไม่น่าเป็นห่วงจากทุ่นระเบิดบุคคล แต่ยังมีความเสี่ยงจากจรวดที่ยิงเข้ามาแล้วไม่ระเบิด หากประชาชนพบเห็นให้แจ้งเจ้าหน้าที่ทันที ห้ามเข้าไปจับ ดึง หรือเก็บเอง อย่างไรก็ตาม พื้นที่ส่วนใหญ่ เช่น ภูมะเขือ อานม้า ซำแปร และตาเมือนธม ไทยสามารถครอบครองได้ […]

นิด้าโพล เผยประชาชนไว้วางใจกองทัพ ปกป้องชาติมากถึง 75%

กทม. 10 ส.ค.-นิด้าโพล เผยประชาชนไว้วางใจกองทัพ ปกป้องผลประโยชน์ชาติ จากสถานการณ์ไทย-กัมพูชา มากถึง 75% แนะเปิดเจรจาทางการทูตสองฝ่ายจริงจัง รวมทั้งเห็นว่าไม่ควรรับผู้ป่วยชาวกัมพูชาทุกคน ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจ เรื่อง “สถานการณ์ไทย-กัมพูชา ไปต่อแบบไหนดี” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 4-5 สิงหาคม 2568 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป เกี่ยวกับความไว้วางใจและความพอใจต่อบทบาทของภาคส่วนต่างๆ ในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา พบว่า -กองทัพ ตัวอย่าง ร้อยละ 75.73 ระบุว่า ไว้วางใจมาก รองลงมา ร้อยละ 19.31 ระบุว่า ค่อนข้างไว้วางใจ ร้อยละ 3.66 ระบุว่า ไม่ค่อยไว้วางใจ ร้อยละ 1.07 ระบุว่า ไม่ไว้วางใจเลย และร้อยละ 0.23 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ -กระทรวงการต่างประเทศ ตัวอย่าง ร้อยละ 41.76 […]