“ภูมิธรรม” เผย กกต.ชงปมฮั้วเลือก สว.ให้ดีเอสไอ

ทำเนียบ 25 ก.พ.- “ภูมิธรรม” เผย กกต.ชงเรื่องฮั้วเลือก สว.ให้ดีเอสไอเอง โยน “แสวง” แจงมูลเหตุให้ตรวจสอบ ลั่น บอร์ดคดีพิเศษ พิจารณาตามข้อเท็จจริง-กฎหมาย ไม่มีประเด็นกลั่นแกล้งทางการเมือง ปัดไม่รู้ สว.เป็นคนของ “ภูมิใจไทย” หรือไม่ เชื่อ ไม่กระทบเสถียรภาพรัฐบาล


นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่วันนี้ กรมสอบสวนคดีพิเศษ จะประชุม คณะกรรมการพิเศษ (กคพ.) เพื่อพิจารณาว่าจะรับคดีเกี่ยวกับการฮั้ว เลือก สว. เป็นคดีพิเศษหรือไม่ ในฐานะประธาน กคพ. มีความหนักใจหรือไม่ ว่า ไม่หนักใจ เราทำตามหน้าที่ ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ กกต.ส่งเรื่องมาให้ดีเอสไอ และเมื่อมีการส่งเรื่องมาดีเอสไอมีหน้าที่พิสูจน์ทราบว่ามีแนวโน้มจะเป็นอย่างไร หลังจากที่รวบรวมมาแล้ว ดีเอสไอก็รายงานมายังตนว่ามีข้อมูลที่น่าจะพิสูจน์ทราบได้ว่า น่าจะเป็นปัญหา ซึ่งก่อนที่จะนำเรื่องเข้ามาตนมองว่าเป็นเรื่องใหญ่ เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับนิติบัญญัติแห่งชาติ ถ้าเป็นเรื่องจริงขึ้นมาจะเสียหายต่อสถาบันหลักของชาติ ตนถึงมองว่าอย่าใช้อารมณ์หรือมองว่าเป็นความรู้สึกในการกลั่นแกล้งทางการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง เรื่องนี้ต้องมีข้อเท็จจริงมารองรับอย่างชัดเจน และหากกฎหมายอนุญาตให้ดีเอสไอทำ จึงจะสามารถทำได้

นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า เมื่อส่งเรื่องมายังตนตนตกใจเพราะข้อหาพูดถึงเรื่องอั้งยี้ซ่องโจร ตนจึงได้ตั้งคำถามไปว่าใช้ข้อกล่าวหานี้ไม่รุนแรงไปใช่หรือไม่ เพราะเป็นคำพูดที่รุนแรง ซึ่งดีเอสไอระบุว่าเป็นคำพูดทางกฎหมายที่มีมานานแล้ว ข้อและเรื่องนี้เข้ากฎหมายข้อนั้นจึงต้องดำเนินการตามนั้น วันนี้ก็ต้องเอาข้อเท็จจริงทั้งหมดมาให้กรรมการฯดูให้ชั
ดเจน ถ้ากรรมการทั้งหมดดูแล้วเห็นว่าเป็นปัญหา ก็ต้องถามว่า ตามข้อกฎหมายเป็นอำนาจของดีเอสไอหรือไม่ ถ้าชัดเจนแล้วดีเอสไอก็จะเดินหน้าทำตามหน้าที่ โดยต้องโหวตให้ได้ 2ใน 3 หรือ 15 เสียง จาก 22 เสียง ใครไม่มา หรือหลบ หรือติดภารกิจก็ไม่นับ แต่ต้องได้ 15 เสียง


ส่วนการประชุมจะจบในวันนี้ หรือหากยังไม่ชัดเจนต้องต่อเวลาออกไป นายภูมิธรรม กล่าวว่า ยังไม่คิดขอดูข้อเท็จจริงวันนี้ หากข้อเท็จจริงชัดก็เดินหน้า แต่หากจะมีอะไรขาดตกบกพร่องก็ต้องหาข้อมูลเพิ่มเติม แต่ทั้งหมดต้องขึ้นอยู่กับที่ ประชุม เพราะข้อเท็จจริงกับข้อกฎหมายก็ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของที่ประชุมด้วย

เมื่อถามว่า กรณีที่ สว.ระบุว่าจะฟ้องกลับมีความกังวลหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่าเราไม่ได้หวั่นไหวอะไรเราทำตามหน้าที่ หากฟ้องก็ต้องไป กกต. เพราะกกต. เป็นคนยื่นเรื่องมายังดีเอสไอ ถ้าดีเอสไอดูแล้วไม่มีมูลก็ตัดเรื่องนี้ทิ้งไป ซึ่งในข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงอยู่ที่มุมมอง เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องสำคัญที่กรรมการทั้ง 22 คนต้องใช้ดุลยพินิจ ทั้งข้อ กฎหมายและข้อเท็จจริง ไม่เอาความชอบความเกลียดประเด็นทางการเมือง เข้ามาประกอบการตัดสินใจครั้งนี้

เมื่อถามย้ำ ถึงต้นตอของการตรวจสอบเรื่องนี้ มาจาก กกต. เป็นคนยื่นเรื่องใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เรื่องคือ กกต.ยื่นมา


ส่วนไม่ได้รับเรื่องมาจาก สว. สำรองใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ต้องไปถาม กกต. เพราะกกต. ส่งเรื่องให้ดีเอสไอ

ทั้งนี้หากดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษ และจบกระบวนการของดีเอสไอแล้วจะต้องส่งเรื่องไปที่ศาลใด นายภูมิธรรม กล่าว กฎหมายให้อำนาจดีเอสไอหากพิจารณาแล้วก็ต้องยื่นศาลซึ่งเป็นไปตามกระบวนการ และอัยการสูงสุดก็อยู่ในคณะกรรมการชุดนี้อยู่แล้ว

ส่วนจะต้องยื่นไปที่ศาลอาญา หรือศาลอาญาคดีและทุจริตและประพฤติมิชอบ นายภูมิธรรม ระบุว่า แล้วแต่ประเด็นและข้อกฎหมาย

เมื่อถามต่อว่าสังคมมองว่าเรื่องนี้เป็นประเด็นทางการเมือง นายภูมิธรรมกล่าวว่า สังคมให้ความสนใจและรู้สึกว่าเป็นเรื่องสำคัญ ส่วนเรื่อง การเมืองตนไม่แน่ใจว่าสังคมรู้สึกแบบนั้นหรือไม่ แต่ที่สังคมให้ความสนใจและคิดว่าหากเป็นเรื่องจริง เป็นความเสียหายต่อประเทศชาติ

”ตนจึงได้กำชับว่าให้ดำเนินการตามข้อเท็จจริง และข้อกฎหมายที่ชัดเจน ให้ทำตามหน้าที่โดยไม่ต้องคิดว่าเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ใครทำผิดจริงก็ต้องรับผิดชอบ ไม่ต้องมานั่งปวดหัว เราพิจารณาเรื่องนี้เราไม่ได้พิจารณาว่า สว. เป็นคนของพรรคภูมิใจไทย ตนยังไม่ทราบว่าใช่หรือไม่ใช่ ต้องให้พรรคภูมิใจไทยพูดหรือแสดงท่าทีออกมาว่าเป็นคนของพรรคภูมิใจไทย ยืนยันว่าไม่มีการเมือง เรา ไม่ได้พิจารณาว่าเป็นการเมืองฝ่ายไหน“ นายภูมิธรรม ระบุ

ส่วนจะต้องใช้เวลานานแค่ไหน นายภูมิธรรม ระบุว่า ให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย

เมื่อถามว่า สว. มีความเป็นห่วงถึงการใช้กระบวนการของดีเอสไอ เข้ามาตรวจสอบอาจโดนการเมืองแทรกแซง นายภูมิธรรม กล่าวว่า ต้องไปดูที่ กกต. เป็นความรับผิดชอบของนายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. ที่ส่งเรื่องมาให้ดีเอสไอ เมื่อนายแสวง ส่งเรื่องมาก็ต้องคิดว่ามีเรื่องอะไรดีเอสไอตรวจสอบ

” นี่ตนเดานะไม่เช่นนั้นก็จะไม่ส่งเรื่องมาให้ดีเอสไอ ไม่ใช่ดีเอสไอไปหาคดีมาทำ คุณแสวงก็ต้องชี้แจง“ นายภูมิธรรม กล่าว

เมื่อถามว่าเรื่องนี้จะกระทบกับภาพรวมการทำงานของรัฐบาลหรือไม่ นายภูมิธรรม ยืนยันว่า ไม่กระทบเพราะการทำงานของรัฐบาลอยู่บนพื้นฐาน ความบริสุทธิ์และยุติธรรม และทำทุกอย่างตามกระบวนการของกฎหมาย ไม่ว่าพรรคไหน คนของพรรคใดกระทำความผิดก็ต้องรับผิดชอบ

ส่วนจะกระทบกับเสถียรภาพและความเชื่อมั่นของรัฐบาลหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ต้องคิดว่าทุกคนมีสามัญสำนึกและจิตสำนึกที่ดีที่ถูกต้อง ถ้าเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นแล้วกระทบทางการเมือง ก็แสดงว่าการเมืองมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องของ สว. ถ้าคิดว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องก็ไม่น่าจะมีอะไรเกิดขึ้น ถ้ารู้สึกว่าจะโดนพรรคนั้นพรรคนี้ ก็แสดงว่าพรรคนั้นมีส่วนเกี่ยวข้อง หรืออาจจะมีดุลยพินิจแบบนั้นก็ได้ขออย่าคิดไปไกลแบบนั้น เอาตามข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างไรและการตัดสินใจทางกฎหมายถูกต้องหรือไม่.-316 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ลิณธิภรณ์” แจงปมสะกดคำผิด ยอมรับผิดพลาดพร้อมแก้ไข

กระทรวงวัฒนธรรม 4 ก.ค.- “ลิณธิภรณ์” ยอมรับดรามาใช้ภาษาไทยสะกดคำผิด พร้อมแก้ไขปรับปรุงตัว รับปากจะไม่ให้เกิดขึ้นอีก บอก บางครั้งรีบพิมพ์ไม่ได้ตรวจทาน ทำเกิดผลเสียทุกวันนี้ แจงมีปัญหาสุขภาพ อาจทำให้ออกเสียงควบกล้ำไม่ได้ น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ให้สัมภาษณ์ถึงดรามาเรื่องการใช้ภาษาไทยในโซเชียลมีเดีย ว่า ตนขอยอมรับอย่างซื่อตรง ว่าบางครั้งในการสะกดคำของตนเองก็มีความผิดพลาด ซึ่งบางครั้งใช้การพิมพ์ด้วยเสียงผ่านโทรศัพท์มือถือ และได้โพสต์ข้อความไปแล้ว ก่อนจะมารู้ตัวอีกทีก็ผ่านไป 2-3 ชั่วโมง มันเป็นความผิดพลาด อันนี้ตนยอมรับด้วยความจริงใจ และวันนี้ตนก็เข้าใจดีว่าเมื่อมานั่งตำแหน่งตรงนี้ สิ่งที่จำเป็นต้องทำ คือต้องปรับปรุง และคิดว่าหลังจากนี้ความผิดพลาดเหล่านี้ก็จะไม่เกิดขึ้น เพราะตนก็อยากเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับเด็กและเยาวชน ของประเทศเหมือนกัน รวมถึงอีกสิ่งที่ตนอยากจะบอกคือการออกเสียงควบกล้ำ ซึ่งเป็นผลกระทบ จากปัญหาสุขภาพ แต่ส่วนหนึ่งตนก็จะพยายามทำให้ดีที่สุด น.ส.ลิณธิภรณ์ กล่าวว่า วันนี้ตนเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในภาพนโยบายใหญ่ คงต้องขึ้นอยู่กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาฯ ซึ่งตอนนี้ยังไม่ได้มีการพูดคุยใน รายละเอียดที่ชัดเจน และจะเข้ากระทรวงพร้อมกันในวันที่ 8 กรกฎาคม สำหรับตนหากใครที่เคยติดตาม ก็เคยเป็นคนหนึ่งที่ พูดเรื่องการศึกษาในส่วนของพรรคเพื่อไทยมาโดยตลอด ตั้งแต่เป็นโฆษกพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะเรื่องการลดค่าสอบทีแคส (TCAS) รวมถึงเรื่องการทำโครงการ ด้านสุขภาพภาวะจิต และอาจจะเป็นโครงการหนึ่งที่ตนจะสานต่อ […]

มอบ “จิราพร” เข้าร่วมประชุมผู้นำ BRICS ที่บราซิล

ทำเนียบ 3 ก.ค.-มอบ “จิราพร” เข้าร่วมประชุมผู้นำ BRICS ครั้งที่ 17 ที่บราซิล 6-7 ก.ค.นี้ นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จะเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมผู้นำกลุ่ม BRICS ครั้งที่ 17 ระหว่างวันที่ 6 – 7 กรกฎาคม 2568 ร่วมกับผู้นำจาก 10 ประเทศสมาชิกกลุ่ม BRICS และประเทศหุ้นส่วนจากหลากหลายประเทศ ที่นครรีโอเดจาเนโร สหพันธ์สาธารณรัฐบราซิล โดยไทยเข้าร่วมในฐานะประเทศหุ้นส่วนของกลุ่ม BRICS (Partner Country) สำหรับการประชุมผู้นำกลุ่ม BRICS จะจัดขึ้นภายใต้หัวข้อ “เสริมสร้างความร่วมมือโลกใต้เพื่อการสร้างธรรมาภิบาลที่ครอบคลุมและยั่งยืนยิ่งขึ้น โดยบราซิลในฐานะประธานกลุ่ม BRICS ปีนี้ ให้ความสำคัญกับประเด็นหลัก 6 ด้าน ได้แก่ (1) สาธารณสุข (2) การค้า การลงทุน และการเงิน (3) การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (4) ธรรมาภิบาลของปัญญาประดิษฐ์ […]

Hun Sen, at event marking ruling party's 74th founding anniversary

ฮุน เซน เรียกร้องปั๊ม ปตท. งดนำเข้าน้ำมันจากไทย

พนมเปญ 3 ก.ค.- นายฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ยังคงเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเรียกร้องให้เจ้าของปั๊ม ปตท.เลิกนำเข้าน้ำมันจากไทย และหันไปนำเข้าจากประเทศอื่นแทน สื่อของกัมพูชารายงานว่า นายฮุน เซน พูดถึงเรื่องนี้ในระหว่างการประชุมกับครูและนักเรียนที่ศูนย์การศึกษาและฝึกอบรมในจังหวัดไพรแวงในวันนี้ เรียกร้องให้เจ้าของปั๊มน้ำมัน ปตท.ทุกแห่งในกัมพูชาเลิกนำเข้าน้ำมันจากไทย และหันไปนำเข้าน้ำมันจากประเทศอื่น ๆ แทน ไม่ว่าจะเป็นจากเวียดนาม  มาเลเซีย หรือสิงคโปร์ โดยไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนชื่อปั๊ม แม้ว่า ปตท.จะเป็นรัฐวิสาหกิจของไทยก็ตาม นอกจากนี้นายฮุน เซนยังพูดถึงเรื่องที่ไทยเคยขู่ว่าจะตัดไฟฟ้า ตัดอินเทอร์เน็ต ห้ามขายเชื้อเพลิง และอื่นๆ ให้กัมพูชาด้วยว่า เมื่อไทยขู่มากัมพูชาก็ตอบโต้ทันที กัมพูชาต้องพึ่งพาตนเองให้ได้เพื่อรับมือกับภัยคุกคามในอนาคตเหมือนกับที่กำลังเผชิญจากไทยในเวลานี้ แม้ว่าจะมีแรงกดดันจากไทย แต่กัมพูชาก็ได้ดำเนินการไปแล้ว ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นถึงความแข็งแกร่งและความสามารถในการพึ่งพาตนเองได้ของกัมพูชา ประธานวุฒิสภากัมพูชาเน้นย้ำว่า มาตรการทั้งหมดที่กัมพูชาได้ดำเนินไปนั้นเป็นการตอบโต้โดยตรงกับภัยคุกคามจากฝ่ายไทย รวมทั้งการที่ไทยปิดด่านพรมแดนแต่เพียงฝ่ายเดียว เขาแสดงท่าทีอย่างชัดเจนว่า การเจรจากับไทยจะเริ่มขึ้นได้ ต่อเมื่อฝ่ายไทยจะต้องยอมเปิดด่านทุกจุดอย่างเต็มรูปแบบเหมือนที่เคยทำก่อนวันที่ 7 มิถุนายนแล้วเท่านั้น.-816(814).-สำนักข่าวไทย

เปิด 7 จุดยืน “ปชน.” ทางออกประเทศหาก “แพทองธาร” พ้นเก้าอี้

กรุงเทพฯ 4 ก.ค. – พรรคประชาชนโพสต์เฟซบุ๊กแสดง 7 จุดยืน หาก “แพทองธาร” พ้นตำแหน่ง เปิดเงื่อนไขโหวตนายกฯ คนใหม่ พรรคประชาชนโพสต์เฟซบุ๊กแสดง 7 จุดยืน หาก “นายกฯ แพทองธาร” พ้นจากตำแหน่ง เพื่อนำพาประเทศไปสู่ทางออกที่จะเป็นประโยชน์ที่สุดสำหรับประชาชนทุกคน ดังนี้ 1.สิ่งที่ประเทศต้องการมากที่สุด คือรัฐบาลที่มีเสถียรภาพ มีความชอบธรรม และสามารถตั้งทีมบริหารจากความรู้ความสามารถ ไม่ใช่จากการต่อรองผลประโยชน์ทางการเมือง2.รัฐบาลที่จะมีคุณสมบัติดังกล่าวจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้จากสภาชุดปัจจุบัน ทางออกสำหรับประเทศจึงเป็นการจัดให้มี “การเลือกตั้งใหม่” โดยเร็ว3.รักษาการนายกฯ ควรประกาศให้ชัดเจนว่าจะใช้อำนาจที่ตนเองมี ในการเดินหน้าสู่การยุบสภา เพื่อคืนอำนาจให้กับประชาชนผ่านคูหาเลือกตั้ง4.หากรักษาการนายกฯ ไม่ทำ และมีเหตุใดที่ทำให้นายกรัฐมนตรีแพทองธาร พ้นจากตำแหน่ง กระบวนการในการเลือกนายกฯ คนใหม่ จะต้องนำไปสู่การได้มาซึ่งนายกฯ ที่พร้อมเดินหน้าสู่การยุบสภา5.เพื่อให้ประเทศไม่ถูกบีบไปสู่ทางตันหรือการใช้อำนาจนอกครรลองประชาธิปไตย เราพร้อมจะพิจารณาลงมติให้กับผู้เสนอตัวเป็นนายกฯ คนใหม่คนใดก็ตาม ที่ยอมรับ “เงื่อนไข” ในการเป็นรัฐบาลชั่วคราว โดยทางพรรคประชาชนจะไม่เข้าร่วมรัฐบาลและจะไม่มีใครจากพรรคประชาชนไปเป็นรัฐมนตรี 6.“เงื่อนไข” ในการเดินหน้าสู่การยุบสภา สำหรับนายกฯ คนใหม่ จะต้องประกอบไปด้วยอย่างน้อย6.1 การประกาศเส้นตายว่าจะยุบสภาภายในสิ้นปี6.2 การยืนยันภารกิจเฉพาะหน้าที่จะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาดังกล่าว (เช่น การดำเนินการให้มีการจัดประชามติพร้อมกับการเลือกตั้ง เพื่อถามประชาชนเรื่องการมี […]

ข่าวแนะนำ

ทลายบ่อนกลางกรุง พบเจ้ามือเป็นชาวกัมพูชา

กทม. 4 ก.ค.-“ภูมิธรรม” เอาจริง สั่งจัดระเบียบสังคมทันที หลังรับตำแหน่ง มท.1 ประเดิมงานแรก สั่งการชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง บุกทลายบ่อนพนันกลางกรุง หลังมีประชาชนร้องเรียน พบเจ้ามือเป็นชาวกัมพูชา วันที่ 4 กรกฎาคม 2568 เวลา 15.30 น. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี มอบหมายให้นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย สั่งการให้นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมการปกครอง เปิดปฏิบัติการ “ปิดบ่อนสะพานใหม่” จับกุมบ่อนการพนันกลางกรุง โดยชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมการปกครอง พร้อมด้วย นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ รองอธิบดีกรมการปกครอง นายเรืองลักษณ์ เรืองยังมี ผู้อำนวยการสำนักการสอบสวนและนิติการ นายอิสรา เจริญศรี ผู้อำนวยการสำนักอำนวยการกองอาสารักษาดินแดน และนายศักดิ์ชัย โรจนรัตน์ ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายพนักงานฝ่ายปกครอง สนธิกำลังพนักงานฝ่ายปกครอง พร้อมด้วยสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน ทลายบ่อนการพนันขนาดใหญ่ ซึ่งตั้งอยู่ในชุมชนสะพานใหม่ เขตสายไหม กรุงเทพมหานคร […]

ทบ.ยันไม่รุนแรง เหตุทหารไทยเจอทหารเขมร

กองทัพบก 4 ก.ค.-ทบ.ยันไม่รุนแรง เหตุทหารไทยเจอทหารเขมร หลังลาดตระเวนพื้นที่อ้างสิทธิ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา บ่อยขึ้น จากกรณีเฟซบุ๊กเพจ “Army Military Force” โพสต์คลิปทหารพรานของไทยปะทะคารมกับทหารกัมพูชา ที่กำลังพยายามรุกลํ้าเข้ามาในดินแดนไทย ซึ่งทั้งสองฝ่ายมีอาวุธปืนครบมือนั้น พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวว่า ได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารีว่า ชุดลาดตระเวนของกองร้อยทหารพรานที่ 2304 ที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ได้ทำการลาดตระเวนพื้นที่ ตรวจพบความเคลื่อนไหวของกำลังทหารกัมพูชา ในบริเวณจุดชมวิวภูผี ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่อ้างสิทธิ์ตามแนวชายแดน ใกล้บริเวณปราสาทโดนตวล และเขาพระวิหาร และบริเวณเส้นทางลาดตระเวนใกล้เคียง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ฝ่ายไทยมีการลาดตระเวนตรวจตราอย่างต่อเนื่อง จึงได้เข้าทักทายเจรจากัน และแยกย้ายกันไป ไม่มีเหตุความรุนแรงใด พล.ต.วินธัย กล่าวต่อว่า ในช่วงที่ผ่านมา หลายจุดพบกำลังทหารกัมพูชามาลาดตระเวนในพื้นที่อ้างสิทธิ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา บ่อยขึ้น และบางครั้งมีเจ้าหน้าที่ระดับผู้บังคับหน่วยของกัมพูชาร่วมลงพื้นที่ด้วยตนเอง เมื่อมาพบเจอกับฝ่ายทหารไทยก็จะมีพูดทักทายกัน และบางครั้งก็อาจจะมีแสดงออกทางอารมณ์ในลักษณะเหมือนถกเถียงกันบ้าง แต่ทั้งหมดไม่ถึงขั้นตั้งใจจะใช้ความรุนแรงต่อกัน เพราะต่างฝ่ายต่างระมัดระวังไม่ให้มีการละเมิดข้อตกลง และต้องยึดมั่นในแนวทางสันติวิธี ตามแนวทางผู้บังคับบัญชา.-313.-สำนักข่าวไทย

นักธรณีวิทยา​ย้ำไม่มีสัญญาณ​สึนามิ​เข้าไทย​ ไม่ต้องตระหนก

กรุงเทพฯ​ 4 ก.ค. – ผู้เชี่ยวชาญทางธรณีวิทยา ย้ำขณะนี้ยังไม่มีสัญญาณทางวิทยาศาสตร์​บ่งชี้ว่า​จะเกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ที่อาจทำให้เกิดคลื่นสึนามิซัดเข้าสู่ประเทศไทย​ จากกรณีเกิดแผ่นดินไหวต่อเนื่องบริเวณหมู่เกาะนิโคบาร์และสุมาตรา ขอประชาชนอย่าตื่นตระหนก แนะติดตามข่าวสารจากทางราชการอย่างต่อเนื่อง ศ.ดร.สันติ ภัยหลบลี้ อาจารย์ภาควิชาธรณีวิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ชี้แจงว่า แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นในช่วง​ 1-2​ สัปดาห์ที่ผ่านมา บริเวณใกล้หมู่เกาะนิโคบาร์และสุมาตรา เป็นการเลื่อนตัวในแนวราบ ไม่ใช่แนวดิ่ง จึงไม่เข้าลักษณะที่จะทำให้เกิดคลื่นสึนามิได้ ขณะเดียวกัน จากการติดตามข้อมูลยังไม่พบสัญญาณทางวิทยาศาสตร์ใด ๆ ที่บ่งชี้ว่า​ จะมีการเคลื่อนตัวของเปลือกโลกในแนวดิ่ง ซึ่งเป็นเงื่อนไขสำคัญในการเกิดคลื่นสึนามิ ศ.ดร.สันติ กล่าว​ว่า​ ก่อนหน้านี้​เรารู้​จักแนวมุดตัวของเปลือก​โลก​บริเวณ​หมู่เกาะ​นิโคบาร์​-สุมาตรา ที่หากมีการเคลื่อนตัวจะมีโอกาส​เกิดสึนามิ​ แต่ล่าสุด​พบ​ว่า​ มีแนวภูเขาไฟ​ใต้น้ำ​บริเวณ​หมู่เกาะ​สุมาตรา​ที่​ไม่เคยปะทุมาก่อนและบอกไม่ได้​ว่าจะปะทุ​เมื่อ​ใด ซึ่งนักธรณีวิทยา​และหน่วยงาน​ด้านภัยพิบัติ​จะต้องติดตาม​อย่างต่อเนื่อง​ต่อไป​ ทั้งนี้ แม้ในอดีตจะเคยเกิดสึนามิจากรอยเลื่อนสุมาตราที่เกิดการมุดตัวของเปลือกโลก​ แต่ย้ำว่า​ เหตุการณ์ปัจจุบันไม่มีตัวชี้วัดในลักษณะเดียวกัน จึงขอให้ประชาชนอย่ากังวลเกินควร อย่างไรก็ตาม การตื่นรู้ต่อภัยพิบัติเป็นสิ่งที่ดี โดยเฉพาะการใช้เครื่องมือสื่อสาร เช่น แอปพลิเคชันกรมอุตุนิยมวิทยา การติดตามข้อมูลจากภาครัฐ และระบบแจ้งเตือนภัยในท้องถิ่นเช่น Cell Broadcast​ ที่​ภาครัฐ​เร่งดำเนินการ​สำหรับ​แจ้ง​เตือน​ภัยพิบัติ​ต่าง​ ๆ ให้​ครอบคลุม​ทั่วประเทศ​ ทั้งนี้ ​การเตรียมความพร้อมคือเรื่องสำคัญ รัฐเองก็พยายามส่งสัญญาณให้ถึงประชาชนโดยเร็ว […]

“แพทองธาร” หารือผู้บริหาร ก.วัฒนธรรม

ก.วัฒนธรรม 4 ก.ค.-“แพทองธาร” หารือผู้บริหาร ก.วัฒนธรรม แจงข่าวปลอมไทยคืนวัตถุโบราณ 20 รายการ ให้กัมพูชาไม่จริง ชี้ทำตั้งแต่ “รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์” พร้อมสั่งเบรกจัดสรรงบฯ คืนวัตถุโบราณกัมพูชา จ่อแจ้งความคนปล่อยเฟกนิวส์ ปลุกปั่น “กลุ่มปราสาทตาเมือน” ยันอยู่ใต้อำนาจอธิปไตยไทย ช่วงบ่ายวันนี้ (4 ก.ค.) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานการประชุมหารือร่วมกับผู้บริหารกระทรวงวัฒนธรรม โดย น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า วันนี้ถือเป็นการประชุมครั้งแรก มีข้อที่อยากจะฝากเอาไว้ และอยากจะให้ช่วยกันผลักดัน รวมถึงอยากจะอัปเดตข้อมูลให้ฟัง ซึ่งวันนี้ตนได้ทำการบ้านมาเล็กน้อย และรู้สึกดีใจที่จะได้ฟังจากทุกคนว่า แต่ละหน่วยงานแต่ละฝ่ายทำอะไรกันอยู่บ้าง และในกระทรวงฯ มีอะไรที่อยากให้ดำเนินการเพิ่มเติมบ้าง ประเด็นแรก อยากจะขอชี้แจงเรื่องข่าวปลอม เรื่องการส่งคืนวัตถุโบราณ จำนวน 20 รายการ ให้กับประเทศกัมพูชา ตนขอยืนยันว่า ไม่เป็นความจริง เพราะการคืนวัตถุโบราณให้กับประเทศกัมพูชา มีมาตั้งแต่สมัย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี ในปี พ.ศ. 2558 ซึ่งประเทศไทยได้คืนไปแล้ว […]