ป.ป.ช.ตรวจทุจริตพื้นที่ตรัง พบปัญหาทิ้งร้างการก่อสร้าง

ตรัง 5 ก.พ.- “สาโรจน์” นำทีมลงตรวจทุจริตพื้นที่ตรัง พบปัญหาทิ้งร้างการก่อสร้างวงเงินกว่า 2 พันล้านบาท พร้อมเปิดข้อมูลร้องทุจริตภาค 9 สูง รับออกเลข 388 เรื่อง ถูกร้องละเว้นการปฏิบัติหน้าที่มากสุด ตามด้วยปัญหาจัดซื้อจัดจ้าง ขณะที่ อปท. เป็นหน่วยงานถูกร้องมากที่สุด ในระดับภาคอันดับ 1 “ตรัง” แชมป์จังหวัดถูกร้อง 61 เรื่อง


นายสาโรจน์ พึงรำพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นำคณะสื่อมวลชนลงพื้นที่จังหวัดตรัง เพื่อติดตามภารกิจป้องกันและปราบปรามการทุจริตในพื้นที่จังหวัดตรัง ระหว่างวันที่ 5-7 ก.พ.2568 พร้อมจัดเสวนาในประเด็น สถิติเรื่องร้องเรียนของสำนักงานป.ป.ช.ภาค 9 การบุกรุกที่ดินในเขตอุทยานแห่งชาติ หาดเจ้าไหม พื้นที่เกาะกระดาน ความเสี่ยงในการจัดจ้างต่อเติมงานก่อสร้างหอศิลป์พระยารัษฎานุประดิษฐ์ฯ

นายสาโรจน์ กล่าวเปิดงานว่า การลงพื้นที่จังหวัดตรังเป็นโอกาสครั้งแรกหลังเข้ารับตำแหน่งเลขาธิการ ป.ป.ช. ทั้งนี้ป.ป.ช.ทำงานหลายมิติทั้งป้องกัน ปราบปราม การตรวจสอบทรัพย์สิน เพื่อรักษาสมบัติชาติ อย่างที่ทราบไม่ว่าจะมีการป้องกันและปราบปรามการทุจริตมากน้อยแค่ไหน แต่ปัญหาการทุจริตในบ้านเรายังเป็นปัญหาสำคัญ ส่งผลต่อการพัฒนาประเทศชาติ ดังนั้น การทำงานปราบปรามการทุจริต จึงต้องอาศัยความร่วมมือของทุกภาคส่วน ถ้า ป.ป.ช. มัวแต่ปราบอยู่ฝ่ายเดียวก็ไม่มีทางหมด เพราะจะมีการทุจริตที่ยุ่งยากซับซ้อนมากขึ้นเรื่อยๆ ส่วนที่มาในวันนี้คือการป้องกันการทุจริต และหาบทเรียน ทั้งมุมที่ประสบความสำเร็จและมุมที่เป็นปัญหาเพื่อหาทางป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาการทุจริต


“ป.ป.ช. มีศูนย์ป้องกันและปรับทำการทุจริตแห่งชาติมีการเปิดรับข้อมูลชี้ช่องแจ้งเบาะแส หากประชาชนเห็นพฤติกรรมที่คิดว่าน่าจะมีพิรุธ หรือมีเหตุสงสัยก็ขอให้แจ้งเข้ามาแล้วเจ้าหน้าที่จะลงพื้นที่ จะหาข้อมูลในลักษณะของการเฝ้าระวัง ป้อมปราบก่อนการกระทำความผิด” นายสาโรจน์

นายสาโรจน์ ยังกล่าวว่า การลงพื้นที่ดูแลสภาพปัญหาต่างๆ ซึ่งมีทั้งมุมบวกและมุมลบ กรณีที่เป็นมุมบวกก็จะนำไปเป็นโมเดลเผยแพร่ให้กับหน่วยงานอื่นๆ รับให้ดำเนินการต่อไป ถ้าเป็นมุมลบก็ถือโอกาสในการป้องปรามและให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับวิธีการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

นายสาโรจน์ กล่าวอีกว่า กรณีมีเรื่องร้องเรียนเข้ามานั้น แม้จะมีจำนวนมาก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทุกอย่างจะมีความผิด ทั้งนี้ต้องพิจารณาว่าการกระทำที่ถูกกล่าวหาเป็นไปในลักษณะใด ซึ่งไม่ใช่เฉพาะในพื้นที่ภาค 9 ทุกภาคก็มีข้อมูลเรื่องการทุจริตและเรื่องร้องเรียนครบถ้วน ดังนั้น ป.ป.ช. จึงมีการวางแนวทาง การทำงานว่า ต้องเร่งรัดการทำงานในคดีสำคัญที่เกี่ยวข้องกับผู้มีอิทธิพล โดยสำนักงานป.ป.ช. ส่วนกลางจะเป็นผู้รับดำเนินการดำเนินการให้เร็ว ซึ่งจะเร่งดำเนินการให้เร็วตามกรอบของกฎหมายกำหนด ว่าจะต้องดำเนินการไต่สวนให้แล้วเสร็จภายใน 2 ปี แต่สามารถขยายเพิ่มเติมได้อีก 1-3 ปี จะช้าหรือเร็วอยู่ที่ปริมาณงานและความยุ่งยากของคดีที่ไม่เท่ากัน ซับซ้อนและการหาข้อมูลถึงการได้รับความร่วมมือจากหน่วยงาน อย่างไรก็ตามการดำเนินการไม่จำเป็นต้องต้องใช้เวลาครบตามกรอบที่กฎหมายกำหนดขึ้นอยู่กับความสมบูรณ์และครบถ้วนของคดี


ด้านนายทวิชาติ นิลกาญจน์ ผู้ช่วยเลขาธิการ ป.ป.ช.ภาค 9 กล่าวว่า ในพื้นที่ภาค 9 ประกอบด้วย 7 จังหวัดกับ 1 ภาค มีเจ้าหน้าที่ทำหน้าที่ตำแหน่งพนักงานไต่สวนทั้งของภาคและจังหวัดรวม 41 คน มีการรับเรื่องออกเลขดำตรวจสอบเบื้องต้น 388 เรื่อง ดำเนินการแล้วเสร็จเข้าสู่ที่ประชุมจนได้เลขแดง 43 เรื่อง อยู่ในชั้นรอการพิจารณาอีก 25 เรื่อง ทั้งนี้ มีเรื่องไต่สวนเหลือในมือมี 345 เรื่อง เข้าที่ประชุม ป.ป.ช. พิจารณาแล้วเสร็จ 34 เรื่อง รอการพิจารณา 52 เรื่อง เหลือค้างในชั้นพนักงานไต่สวนอีก 193 เรื่อง เฉลี่ยเจ้าหน้าที่ 1 คนต้องดูแลคดี 7-8 เรื่อง ต้องขอบอกว่า เรื่องที่เข้าสู่ชั้นไต่สวนนั้น 70% จะถูกชี้มูล ซึ่งช่องทางในการร้องเรียนมายัง ป.ป.ช.คือ ประชาชนเดินเข้ามายื่นเรื่องร้องเรียนมากที่สุด รองลงมาคือเป็นบัตรสนเทศ ส่งทางเว็บไซต์ แสดงให้เห็นว่าประชาชนมีความตื่นตัว

สำหรับเรื่องที่ถูกร้องเรียนมากที่สุด คือการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 157 รองลงมาคือการจัดซื้อจัดจ้าง ส่วนหน่วยงานที่ถูกร้องเรียนเยอะที่สุด แต่ยังไม่ได้หมายความว่ากระทำความผิด คือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพราะเป็นหน่วยงานที่มีจำนวนมาก 7,850 แห่ง เป็นหน่วยงานที่ดูแลประชาชนตั้งแต่เกิดจนตาย มีฝ่ายค้านฝ่ายรัฐบาล จึงมีโอกาสถูกร้องเรียนเยอะเป็นเรื่องธรรมดา

ขณะที่หน่วยงานราชการ ที่ถูกร้องเรียนมากที่สุด คือหน่วยงานในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ จำนวน 64 เรื่อง รองลงมาคือหน่วยงานในสังกัดกระทรวงมหาดไทย โดยกรมการปกครอง มากที่สุด กรมที่ดิน และ สำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย (สปมท. ) มีผู้ว่าและอดีตผู้ว่าที่ถูกกล่าวหาเข้ามาจำนวน 10 เรื่อง

ตามมาด้วยหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 40 เรื่อง ในจำนวนนี้เป็น การร้องเรียนกรมชลประทาน 27 เรื่องกระทรวงสาธารณสุข ถูกร้องเรียน 20 เรื่อง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ถูกร้องเรียน 31 เรื่อง ในจำนวนนี้เป็นของกรมอุทยานแห่งชาติ 20 เรื่อง สำนักงานตำรวจแห่งชาติจำนวน 27 เรื่องสถาบันอุดมศึกษา 20 เรื่อง และหน่วยงานทหารอีก 10 เรื่อง

สำหรับจังหวัดที่มีการร้องเรียนมากที่สุดในพื้นที่ภาค 9 ได้แก่ ตรัง 61 เรื่อง นราธิวาส 46 เรื่อง สงขลา 45 เรื่องปัตตานี 44 เรื่อง พัทลุง 40 เรื่อง และสตูล 22 เรื่อง สำหรับ จ.ตรังที่มีการร้องเรียนมากที่สุด อาจจะถือได้ว่าประชาชนในจังหวัดมีความตื่นตัว เวลาพบเห็นสิ่งผิดปกติจะร้องเรียน ซึ่งเรารับไว้ตรวจสอบเบื้องอยู่

นายบัณฑิต คณะสุวรรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดตรัง เปิดเผยว่า ป.ป.ช.ตรัง ไม่ได้ละเลยโครงการใดที่มีความสุ่มเสี่ยง คาดว่าจะเกิดปัญหาหรือมีแนวโน้มว่าการดำเนินการเป็นไปไม่ได้ ก็จะลงพื้นที่เข้าไปตรวจสอบ เช่น โครงการก่อสร้างอาคารสนามบินจังหวัดตรัง โครงการจัดจ้างต่อเติมงานก่อสร้างหอศิลป์พระยารัษฎานุประดิษฐ์ฯ รวมทั้งโครงการอื่นๆ ในจังหวัดตรัง กว่า 23 โครงการ งบประมาณกว่า 2,000 ล้านบาท ที่ทิ้งร้างเกิดปัญหา

นายสาโรจน์ กล่าวเสริมตอนท้ายว่า กรณีการเกิดทุจริตในพื้นที่จังหวัดตรังว่า ดูจากจังหวัดตรังจังหวัดเดียวมีมูลค่าความเสียหายถึง 2,000 ล้านบาท หากมองไปในระดับประเทศก็พบว่าหลายจังหวัดก็มีลักษณะการทุจริตสร้างเสียหายหลายพันล้าน ซึ่งงบประมาณที่เสียไปไม่สามารถที่จะเรียกร้องกลับมาได้ ดังนั้นเราต้องหยุดโครงการทิ้งร้าง ซึ่งสำนักงาน ป.ป.ช. มีมาตรการป้องกัน ปราบปรามและเฝ้าระวังไม่ให้เกิดการทุจริต รวมทั้งเห็นว่าหากมีโครงการทิ้งร้างแม้ไม่มีผู้ร้องเรียนเข้ามา ป.ป.ช. ชุดสืบสวนออกไปหาข้อมูลและสามารถที่จะหยิบยกขึ้นมาตรวจสอบได้เพราะอยู่ในอำนาจหน้าที่ ทางการรวบรวมข้อมูลเสนอแนะเสนอแนะแนวทางและมาตรการต่อคณะรัฐมนตรีหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้สื่อมวลชนก็ยังมีส่วนสำคัญที่จะช่วยจุดสร้างประเด็น ให้แต่ละหน่วยงานได้เข้ามาแก้ปัญหา รับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้น ไปต่อหรือพอแค่นี้ .314.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

มือมีดทำร้าย “เป๊ก ผลิตโชค” ขอโทษ อ้างป้องกันตัว

กรุงเทพฯ 3 ส.ค. – มือมีดทำร้าย “เป๊ก ผลิตโชค” ยืนยันไม่ได้ตั้งใจเอามีดฟัน อ้างไม่ใช่คู่กรณี แต่เห็นคนทะเลาะกัน เลยเข้าไปห้าม แต่ “เป๊ก” ปรี่เข้าหา จึงชักมีดพกขึ้นมาป้องกันตัว อยากขอโทษ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นช่วง 01.30 น. พนักงานสอบสวน สน.หัวหมาก รับแจ้งเหตุมีคนถูกมีดฟันบาดเจ็บในปั๊มน้ำมันซอยรามคำแหง 76 เขตบางกะปิ เมื่อเข้าไปตรวจสอบพร้อมกับสายตรวจและอาสากู้ภัย พบคนเจ็บคือ เป๊ก-ผลิตโชค อายนบุตร อายุ 40 ปี ดารานักร้องชื่อดัง ถูกมีดฟันใต้คางเป็นแผลฉกรรจ์ ทำให้ต้องเร่งปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนพาตัวส่งโรงพยาบาล ขณะที่ผู้ก่อเหตุคือ นายชุติเทพ อายุ 21 ปี ไม่ได้หนีไปไหน ยืนรอมอบตัวกับตำรวจ พร้อมอาวุธมีดยาว 20 เซนติเมตร ที่ใช้ฟันเป๊ก ผลิตโชค ตำรวจจึงคุมตัวไปสอบปากคำที่โรงพัก เบื้องต้นนายชุติเทพ ให้การอ้างขับรถไปรับแฟนออกจากที่ทำงานเพื่อกลับบ้าน แต่ขณะแวะปั๊มน้ำมันจุดเกิดเหตุ เห็นมีคนกำลังทะเลาะกัน คล้ายมีอาการมึนเมา อยู่ท้ายรถกระบะ ตนเองจึงเข้าไปช่วยเคลียร์ […]

ทบ.แจงไม่มีคำสั่งอพยพชาวสุรินทร์ ปัดข่าวลือเตรียมโจมตีกัมพูชา

กองทัพบก 3 ส.ค. – โฆษกกองทัพบก แจงไม่มีคำสั่งอพยพชาวสุรินทร์ ปัดข่าวลือเตรียมโจมตีกัมพูชา กองทัพบก ออกมาปฏิเสธข่าวลือที่แพร่สะพัดบนโซเชียลมีเดีย หลังมีการอ้างว่า “สมเด็จฮุนเซน” อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา แชร์โพสต์ของโฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ระบุว่า กองทัพบกไทยสั่งอพยพชาวจังหวัดสุรินทร์ภายในคืนนี้ เพื่อเตรียมเปิดฉากโจมตีกัมพูชา ก่อนการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ยืนยันว่า ข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริง ปัจจุบันในพื้นที่ไม่ได้มีการสั่งอพยพด่วนชาวสุรินทร์อย่างที่ระบุไว้ตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด ที่ผ่านมา การนำเสนอข้อมูลของโฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ไม่มีความน่าเชื่อถือเพียงพอ ขอให้ประชาชนติดตามข้อมูลข่าวสารจากแหล่งข่าวทางการ และไม่หลงเชื่อหรือแชร์ข้อมูลเท็จที่อาจสร้างความตื่นตระหนกในสังคม ทั้งนี้ กองทัพบกยังคงเคารพข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด แต่ก็ได้เตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ไม่คาดคิดจากการกระทำของฝ่ายกัมพูชาที่มีแนวโน้มละเมิดข้อตกลงหยุดยิงบ่อยครั้ง รวมถึงพบว่ามีการเพิ่มเติมกำลังพลและยุทโธปกรณ์เข้ามาในพื้นที่. – สำนักข่าวไทย

พระราชทานเพลิงศพ 7 ผู้วายชนม์ เหตุปะทะไทย-กัมพูชา

3 ส.ค. – พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุเคราะห์ ในการพระราชทานเพลิงศพผู้วายชนม์ 7 ราย จากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา วันนี้ ครอบครัวและญาติทำพิธีฌาปนกิจผู้เสียชีวิต 7 ราย จากเหตุกัมพูชายิงใส่พื้นที่พลเรือนของไทยใน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ท่ามกลางบรรยากาศโศกเศร้า เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานพิธี เชิญกล่องเพลิงพระราชทาน ผ้าไตรพระราชทาน และช่อดอกไม้จันทน์พระราชทาน มายังศาลาพุทธคุณ วัดมหาพุทธาราม พระอารามหลวง ต.เมืองเหนือ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ เพื่อประกอบพิธีพระราชทานเพลิงศพผู้เสียชีวิตจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา จากนั้นมีการอ่านหมายรับสั่ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานพระบรมราชานุเคราะห์ ในการพระราชทานเพลิงศพผู้วายชนม์ 7 ราย ได้แก่ นางสาวรุ่งรัศ, เด็กหญิงทักษพร, เด็กชายพงศภัค, เด็กชายกิตติศักดิ์, นางสาวสาวิตรี, นางอรุณรัตน์ และนายสมศรี โดยมี 5 ราย เสียชีวิตจากเหตุกัมพูชายิงจรวด BM-21 ใส่ร้านสะดวกซื้อ ภายในปั๊มน้ำมัน อ.กันทรลักษ์ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคมที่ผ่านมา ส่วนอีก […]

คนร้ายยิง M16 ถล่มกำนัน ต.นาวง ดับคากระบะ

ตรัง 3 ส.ค. – ตำรวจ สภ.ห้วยยอด พร้อมชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด ตรวจสอบรถกระบะกำนัน ต.นาวง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง หลังถูกคนร้ายใช้อาวุธปืน M16 ยิงถล่ม เสียชีวิตหน้าบ้านพัก เบื้องต้นตำรวจตั้งปมขัดแย้งส่วนตัว มุ่งเอาชีวิตเป็นหลัก คืบหน้าเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืน M16 ยิงถล่มรถกระบะนายบัณฑิต กำนันตำบลนาวง และประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้าน อ.ห้วยยอด จ.ตรัง เสียชีวิตหน้าบ้านพักเมื่อกลางดึกที่ผ่านมา ล่าสุด ตำรวจ สภ.ห้วยยอด ประสานพิสูจน์หลักฐาน พร้อมชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดศรีตรัง เข้าตรวจสอบรถกระบะของผู้เสียชีวิต พบถูกกระสุนปืน M16 ยิงใส่รถรวม 15 นัด เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตั้งประเด็นขัดแย้งส่วนตัว มุ่งเอาชีวิตเป็นหลัก เนื่องจากสภาพศพกระสุนปืนเข้าที่อวัยวะสำคัญ ทั้งศีรษะและลำตัวฝั่งขวาหลายนัด แต่ยังไม่ตัดประเด็นอื่นๆ ที่อาจเกี่ยวข้องทิ้ง ทั้ง รื่องพิพาทผลประโยชน์สวนปาล์มน้ำมันในพื้นที่วังวิเศษ หรือความเชื่อมโยงกับคดีลอบสังหาร “ทนายเหว่า” ซึ่งอยู่ระหว่างสืบสวนเชิงลึก และอยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐาน เพื่อออกหมายจับ ผู้เกี่ยวข้องต่อไป.-สำนักข่าวไทย