ทำเนียบ 17 ธ.ค.-“ประเสริฐ” รองนายกฯ มอบ สทนช. จัดเวทีให้ข้อมูลโครงการฯ เขื่อนสานะคาม สปป ลาว รับฟังความคิดเห็นจากภาคประชาชน 8 จังหวัดริมน้ำโขง ย้ำต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศเป็นที่ตั้ง
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการแม่น้ำโขงแห่งชาติไทย ครั้งที่ 2/2567 โดยมีนายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) และผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม
รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในวันนี้ที่ประชุมได้ติดตามความก้าวหน้าของงานที่สำคัญภายใต้การดําเนินงานของคณะกรรมการแม่น้ำโขงแห่งชาติไทย ได้แก่ การจัดเตรียมเอกสารโครงการไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนภูงอย ของ สปป ลาว เพื่อยื่นเข้าสู่กระบวนการปรึกษาหารือล่วงหน้า (PC) ตามระเบียบปฏิบัติเรื่องการแจ้ง การปรึกษาหารือล่วงหน้าและข้อตกลง (PNPCA) และข้อตกลงแม่น้ำโขง โดยที่ประชุมได้มอบหมายให้ สทนช. รวบรวมความเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่มีต่อโครงการฯ เขื่อนภูงอย ส่งให้สำนักงานเลขาธิการคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง (MRCS) เพื่อปรับปรุงและเพิ่มเติมข้อมูลให้เพียงพอในรายงานผลกระทบข้ามพรมแดนที่คาดว่าจะเกิดขึ้น พร้อมกันนี้ได้ติดตามความคืบหน้าการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการร่วม (JAP) โครงการไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนปากแบง ปากลาย และหลวงพระบาง ของ สปป ลาว ทั้ง 3 โครงการ โดยมอบหมายการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ในฐานะคู่สัญญาให้กำกับติดตามการดำเนินงานของผู้พัฒนาโครงการให้เป็นไปตาม JAP ที่ประเทศสมาชิกได้ตกลงกันและตามที่ระบุไว้ในสัญญาซื้อขายไฟอย่างเคร่งครัด และรายงาน สทนช. ในฐานะฝ่ายเลขาฯ เพื่อรายงานต่อคณะกรรมการแม่น้ำโขงแห่งชาติไทยอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งให้ดำเนินการตามความเห็นของสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน
นอกจากนี้ ที่ประชุมได้พิจารณาเกี่ยวกับการดำเนินการตามกระบวนการ PC ของโครงการไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนสานะคาม สปป ลาว ภายใต้ PNPCA และข้อตกลงแม่น้ำโขง โดยที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้ สทนช. ร่วมกับ MRCS ดำเนินการจัดเวทีให้ข้อมูลโครงการฯ แก่ภาคประชาชน 8 จังหวัดริมน้ำโขง ประกอบด้วย จังหวัดเชียงราย เลย หนองคาย บึงกาฬ นครพนม มุกดาหาร อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี ตามแผนการดำเนินงานที่วางไว้ ซึ่งเวทีแรกมีกำหนดจัดขึ้นในช่วงปลายเดือนธันวาคมนี้ เพื่อให้ประชาชนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียร่วมพิจารณาให้ความเห็นและข้อห่วงกังวลจากผลกระทบข้ามพรมแดนที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจากโครงการเขื่อนสานะคาม พร้อมทั้งได้มอบหมาย สทนช. ในฐานะสำนักเลขาธิการคณะกรรมการแม่น้ำโขงแห่งชาติไทย รวบรวม สรุป และวิเคราะห์ความเห็นต่อโครงการฯ ดังกล่าว จากทุกภาคส่วน เพื่อนำมายกร่างเป็นแบบตอบกลับความคิดเห็น (Reply Form) อย่างเป็นทางการของประเทศไทย ให้ชัดเจนและครอบคลุม และเสนอคณะกรรมการแม่น้ำโขงแห่งชาติไทยต่อไป ทั้งนี้ ในการขับเคลื่อนการดำเนินงานได้เน้นย้ำให้คำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศเป็นที่ตั้งและรักษาไว้ซึ่งความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
ด้าน เลขาธิการ สทนช. กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับเวทีให้ข้อมูลภายในประเทศของโครงการไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนสานะคาม สปป.ลาว สทนช. ได้เชิญผู้พัฒนาโครงการ ผู้แทน MRCS ที่ปรึกษา และผู้เชี่ยวชาญฝ่ายไทย ร่วมให้ข้อมูลแก่ประชาชนริมฝั่งแม่น้ำโขงและเครือข่ายภาคประชาชน รวมถึงหน่วยงานภาครัฐ โดยจะนำเสนอผลการศึกษาที่แสดงให้เห็นถึงผลกระทบข้ามพรมแดนที่อาจจะเกิดขึ้นทั้ง 3 ด้าน ได้แก่ ด้านอุทกวิทยา ชลศาสตร์ และการเปลี่ยนแปลงสภาพลำน้ำและการไหล ด้านสิ่งแวดล้อม ระบบนิเวศและการประมง ด้านเศรษฐกิจและสังคม โดย สทนช. จะเร่งดำเนินการตามที่ได้รับมอบหมาย พร้อมทั้งนำข้อเสนอแนะที่ได้รับจากที่ประชุมมาใช้ในการขับเคลื่อนงานเพื่อให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม.-314.-สำนักข่าวไทย