ป.ป.ช. ชี้แจงคดีสำคัญ 4 เรื่อง ที่อยู่ในความสนใจประชาชน

ป.ป.ช.

17 ธ.ค.- เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. – นายสาโรจน์ พึงรำพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. แถลงว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้พิจารณาคดีสำคัญที่อยู่ในความสนใจของประชาชน จำนวน 4 เรื่องดังนี้


เรื่องที่ 1 กรณีกล่าวหานายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ และพลตำรวจโท ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง กรณีส่งตัวผู้ต้องขังรายนายทักษิณ ชินวัตร จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจโดยมิชอบ และให้นายทักษิณ ชินวัตร อยู่รักษา ที่โรงพยาบาลตำรวจจนกระทั่งครบ 180 วัน ทั้งที่ไม่เจ็บป่วยจริง เพื่อเอื้อประโยชน์ให้นายทักษิณ ชินวัตร ไม่ต้องถูกคุมขังในเรือนจำ

คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณารายงานการตรวจสอบเบื้องต้น แล้วเห็นว่า จากการตรวจสอบพบว่า มีข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเพียงพอ จึงมีมติรับเรื่องไว้พิจารณาและดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริง โดยให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ทั้งคณะเป็นองค์คณะไต่สวน ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 51 โดยให้ดำเนินการไต่สวนกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ สังกัดกรมราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลตำรวจ สังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวม 12 คน ทั้งนี้ หากในชั้นไต่สวนพบว่ามีบุคคลอื่นมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด ให้ดำเนินการไต่สวนกับบุคคลดังกล่าวต่อไป


เรื่องที่ 2 กรณีกล่าวหานายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กับพวก ในฐานะคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ว่าดำเนินการคัดเลือกรายชื่อเสนอแต่งตั้งข้าราชการตำรวจให้ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ไม่เป็นไปตามกฎหมาย โดยไม่คำนึงถึงอาวุโสและความรู้ความสามารถประกอบกัน โดยเฉพาะประสบการณ์ในงานสืบสวน หรืองานป้องกันปราบปราม

คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณารายงานการตรวจสอบเบื้องต้นแล้วเห็นว่า การดำเนินการคัดเลือกรายชื่อเสนอแต่งตั้งข้าราชการตำรวจให้ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กฎหมายไม่ได้กำหนดให้มีการพิจารณาเรียงตามลำดับอาวุโส แต่กฎหมายกำหนดไว้แต่เพียงว่าให้คำนึงถึงอาวุโส และความรู้ความสามารถประกอบกัน โดยเฉพาะประสบการณ์ในงานสืบสวนสอบสวนหรืองานป้องกันปราบปราม เมื่อผู้ถูกร้องที่ 1 กับพวก ได้พิจารณาข้อเท็จจริงและเหตุผลที่ใช้ประกอบในขณะพิจารณาคัดเลือก พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ซึ่งเป็นบุคคลมีคุณสมบัติครบถ้วน และอยู่ในเกณฑ์ที่สมควรได้รับการเลื่อนตำแหน่งให้สูงขึ้นตามนัยมาตรา 77 (1) ให้ดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร. และได้รับฟังความคิดเห็นจาก ก.ตร. ทุกคน และไม่มีพฤติการณ์หรือข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานใดบ่งชี้ได้ว่ามีการสั่งการให้มีการคัดเลือก พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ให้ดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร. การใช้ดุลพินิจของผู้ถูกร้องที่ 1 กับพวก จึงไม่พอที่จะรับฟังได้ว่ามีเจตนาทุจริตเพื่อประโยชน์ของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล จึงมีมติไม่รับเรื่องกล่าวหาไว้พิจารณา ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 49 ประกอบระเบียบคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ว่าด้วยการตรวจสอบและไต่สวน พ.ศ. 2561 ข้อ 45 (1)

เรื่องที่ 3 กรณีกล่าวหา พลตำรวจเอก ต่อศักดิ์ สุขวิมล เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กับพวก เรียกรับเงินหรือทรัพย์สินที่เชื่อว่าได้มาจากการกระทำความผิดเกี่ยวกับเว็บพนันออนไลน์ และธุรกิจผิดกฎหมายอื่น จำนวน 18 ประเภท


คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณารายงานการตรวจสอบเบื้องต้นแล้วเห็นว่า จากการตรวจสอบพบว่ามีข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเพียงพอ จึงมีมติรับเรื่องไว้พิจารณาและดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริง โดยให้ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ทั้งคณะเป็นองค์คณะไต่สวน ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกัน และปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 51 โดยให้ดำเนินการไต่สวนกับ พลตำรวจเอก ต่อศักดิ์ สุขวิมล เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กับพวก รวม 8 คน ทั้งนี้ หากในชั้นไต่สวนพบว่ามีบุคคลอื่น มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดให้ดำเนินการไต่สวนกับบุคคลดังกล่าวต่อไป

เรื่องที่ 4 กรณีกล่าวหา พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กับพวก เรียกรับผลประโยชน์จากเว็บพนันออนไลน์ สมคบกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และร่วมกันฟอกเงิน และความผิดอื่นที่เกี่ยวข้องกัน และรับทรัพย์สินเกินกว่า 3,000 บาท

คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณารายงานการตรวจสอบเบื้องต้นแล้ว มีมติให้คณะพนักงานเจ้าหน้าที่ไปดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงเพิ่มเติม แล้วนำเสนอที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง. -116 สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

น้ำท่วมสุราษฎร์ธานี

สุราษฎร์ฯ ประกาศพื้นที่ภัยพิบัติเพิ่มเป็น 8 อำเภอ-ชาวบ้านเดือดร้อนหนัก

จ.สุราษฎร์ธานี ประกาศพื้นที่ภัยพิบัติเพิ่มเป็น 8 อำเภอ ชาวบ้านเดือดร้อนหนัก รักษาการผู้ว่าฯ สุราษฎร์ธานี นำเจ้าหน้าที่ ปภ. และฝ่ายปกครอง นำถุงยังชีพเยี่ยมชาวบ้าน

น้ำท่วมนครศรีฯ

นครศรีฯ ฝนถล่ม อ.ท่าศาลา น้ำล้นสะพาน-เสาไฟหักโค่น

สถานการณ์น้ำท่วม จ.นครศรีธรรมราช ฝนยังตกหนักต่อเนื่อง โดยเฉพาะ อ.ท่าศาลา น้ำทะลักท่วมสะพาน-เสาไฟหักโค่น ขณะที่ย่านเศรษฐกิจ อ.เมือง อ่วม มีคนจมน้ำเสียชีวิตเพิ่มอีกเป็นศพที่ 4

น้ำท่วมชุมพรสถานการณ์ดีขึ้นยกเว้น อ.สวี ยังอ่วม

สถานการณ์น้ำท่วมชุมพร หลายพื้นที่ระดับน้ำทยอยลดหมดแล้ว ยกเว้นอำเภอสวี ยังมีชาวบ้านเดือดร้อนหลายพันคน ขณะที่การจราจรฝั่งขาขึ้นกรุงเทพฯ และขาล่องใต้ ถนนเอเชีย สาย 41 กลับคืนสู่สภาวะปกติแล้ว

ข่าวแนะนำ

นายกฯ นั่งเรือลุยน้ำแจกถุงยังชีพชุมชนท่าโพธิ์ แหลงใต้ให้กำลังใจสู้ๆ

“แพทองธาร” นายกฯ นั่งเรือท้องแบนลุยน้ำแจกถุงยังชีพชุมชนท่าโพธิ์ คนแห่ถ่ายรูปต้อนรับอบอุ่น พร้อมพูดสำเนียงใต้ บอก “ให้กำลังใจนะ สู้ๆ” ย้ำอย่าลืมลงทะเบียนรับเงินเยียวยา ระบุปีนี้น้ำท่วมเยอะ แต่เงินมาเร็วแน่นอน

น้ำท่วมนครศรีฯ

น้ำท่วมนครศรีธรรมราช เริ่มคลี่คลาย

สถานการณ์น้ำท่วม จ.นครศรีธรรมราช เริ่มคลี่คลาย ไม่มีฝนตกลงมาเติม ทำให้ระดับน้ำลดลงในหลายจุด ถนนสายหลักกลับมาเปิดให้รถสัญจรได้แล้ว

พิสูจน์หลักฐานกลางตรวจแนววิถีกระสุนบ้าน “โกทร” เพิ่ม

พิสูจน์หลักฐานกลางรับคำสั่ง ผบ.ตร. ลงตรวจแนววิถีกระสุนเพิ่มเติม พิสูจน์ข้อสงสัยเด็ก 2 คน เป็นมือยิง “สจ.โต้ง” จริงหรือไม่