ทำเนียบ 11 พ.ย.- รัฐบาลเชิญชวนประชาชนร่วมงานประเพณีลอยกระทง 15 พฤศจิกายน 2567 ภายใต้แนวคิด “ลอยกระทงวิถีไทย ปลอดภัย ใส่ใจสิ่งแวดล้อม” สืบสานคุณค่าสาระวัฒนธรรมไทย ผลักดันซอฟต์พาวเวอร์ สู่ World Event ชู 5 เมืองอัตลักษณ์ 8 เมืองน่าเที่ยว
นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาล เชิญชวนประชาชนร่วมงานประเพณีลอยกระทง ร่วมกันสืบสาน รักษา ประเพณีลอยกระทงให้คงคุณค่าความเป็นไทย ส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาประเพณีลอยกระทงอันเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมให้เป็น Soft Power เพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจของประเทศ ผลักดันประเพณีลอยกระทงให้เป็น World Event เป็นหมุดหมายของนักท่องเที่ยวจากทุกมุมโลก และขอให้พี่น้องชาวไทย ร่วมงานประเพณีลอยกระทงอย่างมีความสุข สนุกสนานรื่นเริง เป็นเจ้าบ้านที่ดีในการต้อนรับชาวต่างชาติ ที่มาร่วมงานลอยกระทง ให้เกิดความประทับใจในประเพณีไทย และเห็นคุณค่าที่แท้จริงของประเพณีไทยที่มีการสืบสานมาอย่างยาวนาน
สำหรับกิจกรรมรณรงค์แนวทางและมาตรการการจัดงานประเพณีลอยกระทงปีนี้ รัฐบาล โดยกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรมบูรณาการความร่วมมือกับภาคีเครือข่ายต่าง ๆ ภายใต้แนวคิด “ ลอยกระทง วิถีไทย ปลอดภัย ใส่ใจสิ่งแวดล้อมใน 3 ด้าน ได้แก่ 1.ด้านลอยกระทง วิถีไทย 2.ด้านความปลอดภัย และ 3.ด้านใส่ใจสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ ยังมีการจัดงานประเพณีลอยกระทง ในวันศุกร์ที่ 15 พฤศจิกายน 2567 ณ วัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร กรุงเทพมหานคร ในส่วนภูมิภาค กระทรวงวัฒนธรรม จัดงานในพื้นที่ 5 เมืองอัตลักษณ์ ได้แก่ เชียงใหม่, สุโขทัย, ตาก, สมุทรสงคราม, ร้อยเอ็ด และพื้นที่ 8 เมืองน่าเที่ยว ได้แก่ กาญจนบุรี, พระนครศรีอยุธยา, ลำปาง, นครราชสีมา, ขอนแก่น, บุรีรัมย์, สุรินทร์, ภูเก็ต และทุกจังหวัดทั่วประเทศ
“รัฐบาลตระหนักถึงความสำคัญ และเร่งขับเคลื่อนนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยว ผ่านการยกระดับภูมิปัญญาไทยสู่วัฒนธรรมสร้างสรรค์ (Creative Culture) พร้อมส่งเสริม Soft Power และภูมิปัญญาพื้นบ้าน (Local Wisdom) พร้อมผลักดันการส่งเสริมคุณค่าเทศกาลประเพณีของชาติ และเทศกาลอื่น ๆ ด้านวัฒนธรรม โดยเฉพาะประเพณีลอยกระทงให้ยกระดับสู่งานเฟสติวัลระดับโลก หรือ World Event เพื่อเป็นหนึ่งในหมุดหมายด้านการท่องเที่ยวที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และต่างชาติ รวมทั้งเม็ดเงินจากการท่องเที่ยวเข้าสู่ประเทศพร้อมกระจายรายได้สู่ชุมชน การจัดงานประเพณีลอยกระทงให้เป็นที่รู้จักในระดับสากลมากยิ่งขึ้น ทั้งเพื่อสืบสานวัฒนธรรมอันดีงามของไทย ควบคู่ไปกับการสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน เพื่อให้ทั่วโลกได้ประจักษ์ และสัมผัสกับมนต์เสน่ห์อันน่าประทับใจของวิถีชุมชนริมสายน้ำ ที่เป็นบ่อเกิดแห่งวัฒนธรรมอันหลากหลาย สะท้อนถึงอัตลักษณ์ความเป็นไทยอย่างแท้จริง” นายคารม กล่าว.-316 -สำนักข่าวไทย