สภาไม่รับข้อสังเกตรายงาน กมธ.ศึกษาแนวทางนิรโทษกรรม

รัฐสภา 24 ต.ค.-สภาไม่รับข้อสังเกตรายงาน กมธ.ศึกษาแนวทางการตรา พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ส่งแต่ตัวรายงานให้ ครม. ด้านประธาน กมธ. ย้ำไม่มีเรื่องแก้ ม.112 เป็นเพียงเปิดทางรับทราบข้อเท็จจริง และสมัยประชุมหน้ามีร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมทางการเมืองรอ 4 ฉบับ

การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ช่วงบ่ายวันนี้ (24 ต.ค.) มีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่หนึ่ง เป็นประธานการประชุม ได้พิจารณารายงานของคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม


น.ส.ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ กรรมาธิการฯ อภิปรายว่า การนิรโทษกรรมทางการเมืองเป็นเรื่องจำเป็นเร่งด่วนในยุคนี้ ในเมื่อนักการเมือง จับมือกันได้ ทำไมถึงมีปัญหากับการนิรโทษกรรมให้กับประชาชน ซึ่งการนิรโทษกรรมคือความหวังของพี่น้องประชาชน และเมื่อถามแกนนำผู้ชุมนุมทุกคน ที่มาชี้แจงต่อกรรมาธิการฯทุกคนเห็นด้วยกับการนิรโทษกรรมโดยรวมคดีมาตรา112 ซึ่งการนิรโทษกรรม ไม่ใช่การแก้ไขกฎหมาย หรือยกเลิกกฎหมาย แต่ทำให้ประชาชนได้กลับไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ และถ้าไม่รวม มาตรา112 ก็ไม่เห็นประโยชน์อะไร ที่จะมานิรโทษกรรม เพราะคดีส่วนใหญ่ที่ตนว่าความเกือบร้อยละ 90มาจากมาตรการตรา 112

นายชัยธวัช ตุลาธน กรรมาธิการฯ กล่าวว่า ในอดีตเราเคยมีการนิรโทษกรรมคดีมาตรา 112 มาแล้ว กรณี 6 ตุลา ฯ แลัในข้อเท็จจริงปฏิเสธไม่ได้ว่า แม้จำนวนคดี112 อาจจะดูน้อย แต่คดีทางการเมืองที่เป็นความขัดแย้ง มีการโต้เถียงกัน มีข้อวิพากษ์วิจารณ์ว่ามีกระบวนการยุติธรรมมีปัญหา ไม่ได้รับการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ ในกระบวนการยุติธรรมอย่างที่ควรจะเป็นนั้น ล้วนแล้วแต่อยู่ที่คดีตามมาตรา 112 ทั้งสิ้น ปรากฏการณ์ที่เราถกเถียงกันในสภาในหลายครั้งก็สะท้อนชัดเจนว่า เรื่องคดีตามมาตรา 112 เป็นความขัดแย้งที่มีนัยสำคัญอย่างแหลมคมในการเมืองไทยในปัจจุบัน ดังนั้นหากเราไม่พิจารณานิรโทษกรรมตามคดี 112 ด้วย จะคลี่คลายความขัดแย้งได้จริงหรือไม่ จึงเป็นที่มาข้อเสนอทางเลือกอีกทางเลือกหนึ่งในรายงานนิรโทษกรรม ซึ่งเข้าใจฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับการนิรโทษกรรมคดี 112 ทั้งหมดทีเดียวเลย กับฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยด้วยเหตุผลต่างๆ จึงเป็นที่มาว่าเรามีพื้นที่ตรงกลางที่พอจะยอมรับร่วมกันได้หรือไม่ คือการพิจารณานิรโทษกรรมคดีมาตรา 112 อย่างมีเงื่อนไข โดยมีคณะกรรมาธิการขึ้นมาพิจารณา


นายชัยธวัช กล่าวว่า เราให้อำนาจกับคณะกรรมการที่ตั้งขึ้นมาตามกฎหมาย ในการตั้งกระบวนการกำหนดเงื่อนไข กำหนดมาตรการในการพิจารณาเป็นรายคดีว่าคดีตามมาตรา 112 แต่ละคดีมีรายละเอียดอย่างไร และควรจะให้สิทธิ์ในการพิจารณานิรโทษกรรมหรือไม่ เช่น รูปธรรม อาจจะเป็นกระบวนการที่ต้้งคณะกรรมการขึ้นมา เพื่อให้ผู้ที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดได้มีโอกาสที่จะแถลงข้อเท็จจริง ว่าเหตุอะไรที่ทำให้พวกเขามีพฤติกรรมแบบนั้นจนถูกดำเนินคดี เพื่อเป็นโอกาสที่เรารับฟังผู้ที่ถูกกล่าวหาแล้วปรับความเข้าใจ ลดช่องว่างของความเข้าใจซึ่งกันและกันให้ได้มากที่สุด ให้ผู้ที่ถูกกล่าวหามีโอกาสสานเสวนากับผู้เห็นต่าง รวมถึงฝ่ายความมั่นคงและรัฐบาลในการรับฟัง ให้ข้อเท็จจริงอีกด้าน แลกเปลี่ยนความเห็นที่แตกต่างกัน เราอาจจะได้ข้อมูลและความเห็นที่เป็นประโยชน์ในการนำไปสู่ความปรองดอง สุดท้ายกระบวนการนี้ เราสามารถนำไปสู่การกำหนดเงื่อนไขได้ว่า ถ้ายอมที่จะเข้าสู่กระบวนการ พิจารณานิรโทษกรรม จะต้องกระทำการแบบไหนบ้าง ในช่วงเวลาที่กำหนด ระหว่างนั้นก็พัก การดำเนินคดี พักการรับโทษไปก่อน และเมื่อถึงเวลาก็สามารถเข้าสู่การนิรโทษกรรมได้อย่างสมบูรณ์ และเราอาจจะใช้โอกาสนี้ในการพลิกวิกฤตเป็นโอกาส ที่จะปกป้องส่งเสริมความมั่นคงของสถาบันพระมหากษัตริย์ในสังคมไทย

นายจาตุรนต์ ฉายแสง กรรมาธิการฯ กล่าวว่า ต้องกล่าวถึงความเป็นมาก่อนที่จะมาเกิดรายงานนี้ พบว่ามีความขัดแย้งเกิดขึ้นหรือต่อเนื่องกันมา 20 ปี มีบางพรรค มีประชาชน เสนอร่างกฎหมายนิรโทษกรรมเข้ามาที่สภาแห่งนี้ มีการหารือกันพิจารณากันแล้ว เพื่อไทยได้ตัดสินใจว่าต้องการให้สส ทั้งหลายมีความคิดเห็น มีการศึกษากันอย่างให้จริงจังถ่องแท้เสียก่อน ที่จะไปพิจารณาร่างพระราชบัญญัติหล่านั้น พรรคเพื่อไทยจึงได้เสนอ ญัตติตั้งกรรมาธิการคณะนี้ มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคเพื่อไทยเป็นประธาน สมาชิกจากทุกพรรคเข้ามาเป็นกรรมาธิการฯ โดยไม่มีกรรมาธิการฯคนใดมีความเห็นหรือแสดงความเห็นแตกต่างว่าไม่เห็นชอบกับรายงาน จะมีความแตกต่างกันที่บันทึกไว้ ก็คือมีความเห็นต่อการนิรโทษกรรมคดีที่มีความอ่อนไหว ซึ่งเขาก็เปิดโอกาสให้กรรมาธิการแต่ละคนให้ความเห็นส่วนตัวเป็นบันทึกเอาไว้

นายจาตุรนต์ กล่าวว่า รายงานนี้ได้ตอบคำถามสิ่งที่ประชาชนต้องการ คือการคลี่คลายปัญหาความขัดแย้งของสังคมไทยใน 20 ปีมานี้ เขาถึงได้บอกว่ามีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องแก้ไขความขัดแย้งที่มีมานาน การนิรโทษกรรมเป็นความจำเป็นเร่งด่วน อันจะนำมาซึ่งความปรองดองสมานฉันท์ และทำให้สังคมคืนสู่สภาพปกติ ถ้าเราไม่เห็นชอบข้อสังเกตเท่ากับเราไม่เห็นชอบกับข้อความนี้ แต่ข้อความนี้มันจะช่วยตอบคำถามแก้ปัญหาคลี่คลายความขัดแย้งทางสังคมได้ แม้แก้ไม่ได้หมด และการนิรโทษได้นำมาใช้หลายครั้ง เฉพาะปี 48 มาถึงปัจจุบัน มีการนิรโทษกรรม งคณะรัฐประหาร โดยนิรโทษกรรมให้ตนเองไปอย่างสบายสบาย และต้นเหตุทำให้มีผู้มาสนับสนุนการรัฐประหารก็เกิดเป็นคดีการเมือง มีผู้ต่อต้านการรัฐประหาร ก็เกิดเป็นคดีการเมือง มีผู้ไม่เห็นด้วยกับการปกครองของคณะรัฐประหารก็เป็นคดีที่เกิดจากแรงจูงใจทางการเมืองคณะรัฐประหาร นิรโทษตัวเองไปแล้ว แต่ผู้เกี่ยวข้องทั้งหลายทุกฝ่ายยังต้องอยู่กับการถูกดำเนินคดีถูกลงโทษ ทั้งๆที่เป็นเรื่องคดีทางการเมือง กรรมาธิการบางคนอภิปรายว่า จะนิรโทษกรรมต้องยอมรับสารภาพว่าผิดเสียก่อน อันนั้นท่านเข้าใจผิด การนิรโทษกรรมในอดีตไม่ใช่อย่างนั้น การนิรโทษกรรมในอดีตในกรณีของ6ตุลา เขานิรโทษไม่ใช่ว่านักศึกษายอมรับกระทำผิด เพราะนักศึกษาไม่ได้ทำผิดอะไรเลย แต่เขาตั้งข้อหากล่าวหาร้ายแรงขึ้นศาลทหาร สุดท้ายพิจารณากันไปทั่วโลกประณามการรัฐไทยที่ไปทำอย่างนั้นกับนักศึกษาประชาชน ในที่สุดรัฐบาลในขณะนั้นจึงต้องนิรโทษกรรมทุกคนในเหตุการณ์ ซึ่งความจริงแล้วเป็นการนิรโทษผู้ที่สั่งให้ฆ่านักศึกษาประชาชนด้วยซ้ำ แต่ประชาชนได้ ด้วย


นายจาตุรนต์ กล่าวว่า ส่วนกรณีที่จะใช้คำว่าคดีที่มีความอ่อนไหวทางการเมือง กรณีนี้ ฟังดูแล้วมีผู้ห่วงว่า รายงานนี้จะทำให้เกิดการแก้ไขการนิรโทษ เรื่องที่เกี่ยวกับมาตรา112 ขอย้ำว่าไม่มีข้อสรุปเกี่ยวกับการนิรโทษคดี 112 วันนี้ไม่ใช่การเสนอพ.ร .บ. แก้ไขมาตรา 112 แต่ควรจะตั้งคำถามว่า คดีเกี่ยวกับมาตรา 112 เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับความขัดแย้งทางการเมือง หรือความขัดแย้งในสังคมไทยหรือไม่ ถ้ามีเรื่องความขัดแย้งทางการเมืองและความขัดแย้งทางสังคมที่ไปโยงกับมาตรา112 เราจะแก้ปัญหาความขัดแย้งทางสังคมกันอย่างไร แล้วจะทำยังไงกับการบังคับใช้กฎหมายนี้ เป็นเรื่องที่ต้องศึกษากันต่อ และไม่ใช่ว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เป็นวาระโอกาสที่พรรคการเมืองจะมาแข่งกัน แสดงความจงรักภักดี ว่าจะเห็นด้วยกับการนิรโทษก็แสดงว่าไม่จงรักภักดี

ด้านนายชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานคณะกรรมาธิการฯ กล่าวว่า รายงานนี้มิใช่การเสนอกฎหมาย ว่าจะนิรโทษกรรมการกระทำอะไรมาตราอะไร เข้าใจว่า หลายท่านที่อภิปรายไป คงเข้าใจตรงกันแล้วว่า รายงานนี้เป็นเพียงการศึกษาหาแนวทางในการตรากฎหมายหรือตราพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมว่ามาควรจะเป็นอย่างไร จะนิรโทษกรรมการกระทำอะไรบ้าง แต่โดยนัย มีความหมายเรื่องแรกก็คือ ให้มีการนิรโทษกรรมการกระทำทางการเมือง ที่มีมูลเหตุจูงใจทางการเมือง ตั้งแต่ปี 2548 เป็นต้นมา ซึ่งทุกคนเห็นด้วย คือวไม่ได้ฟันธงเรื่องว่าจะมีนิรโทษกรรม มาตรา 112 หรือไม่ เป็นเพียงความเห็นกว้างๆ 3 ทาง และเราสรุปไว้ในข้อสรุปท้ายว่า เรื่องนี้ยังเป็นประเด็นอ่อนไหว ยังมีความเห็นขัดแย้ง ตนคิดว่าโดยส่วนตัวของกรรมาธิการฯมีความรู้สึกว่าประเด็นใดที่ยังไม่มีข้อยุติ ทางออกของประเทศที่ดีที่สุดก็คือการรับรู้รับทราบ ข้อเท็จจริงทุกฝ่ายว่าเขามีความเห็นอย่างไร ท้ายสุดแล้วถ้าเราไม่ทราบข้อเท็จจริง ไม่รับทราบเหตุการณ์การกระทำที่เกิดขึ้นทั้งหลาย ผลสุดท้ายจะกลายเป็นว่า ว่าเราจะตรากฎหมายโดยไม่รอบคอบ ไม่ระมัดระวัง และจะกลายเป็นปัญหาของสังคมในอนาคต ความจริงตนเชื่อว่ารายงานเนี้เป็นประโยชน์สำหรับสมาชิกที่จะนำไปศึกษา ที่ประกอบการพิจารณา ว่าถ้าเราจะตรากฎหมายนิรโทษกรรม แล้วควรจะคำนึงถึงอะไรบ้าง ควรจะมีสาระสำคัญอย่างไร

นายชูศักดิ์ กล่าวด้วยว่า อย่างน้อยที่สุด เปิดประชุมสมัยหน้ามา จะมี ร่างกฎหมาย 4 ร่างกฎหมาย ที่พวกเราคงจะต้องมาพิจารณาร่วมากันอีกครั้งหนึ่ง โดยมีร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมแก่บุคคลลซึ่งได้กระทำความผิดอันเนื่องมาจากเหตุการณ์ขัดแย้งทางการเมือง พ ศ เสนอโดยนายชัยธวัช ตุลาธน มีร่างพ.ร.บ.สร้างเสริมสันติสุข ของนายปรีดา บุญเพลิง ร่างพ.ร.บ. สร้างเสริมสันติสุข พ.ศ. ของนายพิชัย สุขสวาสดิ์ และร่างพระราชบัญญ.การนิรโทษกรรมประชาชน เสนอโดยนายพูนสุข พูนสุขเจริญ กับประชาชน 36,400 กว่าคน ซึ่งร่างกฎหมายเหล่านี้อยู่ในระเบียบวาระ

ภายหลังเปิดให้กรรมาธิการและสมาชิกชี้แจง สุดท้ายที่ประชุมฯ ได้ลงมติเกี่ยวกับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการฯ ปรากฎว่า ที่ประชุมเสียงข้างมาก มีมติ 268 ต่อ 149 เสียง ไม่เห็นด้วยกับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการฯ โดยมีผู้งดออกเสียง 5 คน ทำให้ข้อสังเกตตกไป โดยสภาจะส่งเฉพาะรายงานให้ ครม.เท่านั้น

ทั้งนี้ ในช่วงท้ายก่อนการลงมติ บรรยากาศภายในห้องประชุมเป็นไปอย่างเข้มข้น เมื่อนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งทำหน้าที่ประธานการประชุมได้ให้สมาชิกแจ้งว่ามีใครไม่เห็นด้วยกับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการหรือไม่ พร้อมกับผู้รับรอง

ทำให้ นพ.ชลน่าน สส.น่าน พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นประท้วง และแย้งว่า ประธานฯ ทำผิดข้อบังคับ เพราะเมื่อสภาฯ มีข้อสังเกตต้องให้ลงมติ ไม่ใช่เสนอญัตติ โดยจะต้องถามว่าใครเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบ ปรากฏว่า นายพิเชษฐ์ได้โต้แย้งอย่างมีอารมณ์ว่า ก็ลงมติไงครับ จนนายแพทย์ชลน่าน ชี้หน้าว่า “หากท่านทำไม่ได้ก็เปลี่ยนให้รองประธานสภาฯ คนที่ 2 เถอะครับ” ซึ่งนายพิเชษฐ์ ได้กล่าวอย่างมีอารมณ์ว่าไม่ต้องชี้หน้า.-312.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทย เจ้าตัวคุม “โยธาฯ-ปค.”

กระทรวงมหาดไทย 14 ก.ค. –“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทยแล้ว เจ้าตัวคุม “โยธาฯ – ปค.” ฟาก “เดชอิศม์” คุม “ที่ดิน – สถ.” สางปัญหาที่ดิน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย รักษาราชการนายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้แบ่งงานกับทั้ง 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการทำงานของทั้ง 3 คนเราทำงานเป็นทีมเดียวกัน ส่วนหลักเกณฑ์การแบ่งก็กระจายให้ทั่วถึงเพื่อช่วยกันดูแล โดยตนกำกับดูแลกรมโยธาธิการและผังเมือง กรมการปกครอง สำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย สำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย การประสานงานส่วนราชการในสังกัด กระทรวงมหาดไทยตาม พ.ร.บ.การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2553 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปาส่วนภูมิภาค และดูหน่วยงานส่วนที่เหลือทั้งหมด โดยทั้งหมดสงวนไว้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ และบุคคลซึ่งตนเป็นผู้ดูแล นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ได้มอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย กำกับดูแล กรมการพัฒนาชุมชน เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสตรีและการดำเนินการเรื่องผ้าไทย รวมถึงกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย […]

รถพ่วงเบรกแตกลงเขา ชนแหลก 10 คัน เจ็บ 3

นครราชสีมา 13 ก.ค. – รถพ่วงเบรกแตกลงเขามอกลางดง ชนแหลกรวมสิบคัน บาดเจ็บ 3 คน ทำถนนมิตรภาพรถติดยาวหลายกิโลเมตร คนขับรถพ่วงบาดเจ็บ แต่ยังให้การได้ รถพ่วงบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ชนแหลกนับ 10 คัน บนถนนมิตรภาพ ขาเข้ากรุงเทพมหานคร ช่วงลงเขามอกลางดง กิโลเมตรที่ 37-38 อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตำรวจ สภ.กลางดง พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายหน่วยระดม เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์คันต้นเหตุ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน กรุงเทพมหานคร ด้านหน้าหัวลากพังยับ นายวิทยา อายุ 34 ปี คนขับ ได้รับบาดเจ็บที่ขาซ้าย ยังนั่งอยู่บริเวณที่นั่งข้างคนขับ โดยเล่าว่า บรรทุกของมาเต็มตู้คอนเทนเนอร์ ช่วงลงเขาเกิดเบรกไม่อยู่ เนื่องจากลมหมด จึงทำให้พุ่งชนท้ายรถพ่วงบรรทุกไม้อีกคันที่อยู่ด้านหน้า จนกระเด็นไปคนละทิศละทาง ไม้กระจายเกลื่อนถนน ด้วยความแรงยังวิ่งไปเฉี่ยวชนกับรถที่วิ่งอยู่ด้านหน้าเสียหายอีก 8 คัน เป็นรถกระบะ 5 คัน, รถเก๋ง […]

มส.มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เรียกพระ 5 รูปแจงด่วน

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.-มหาเถรสมาคม ประชุมนัดพิเศษ มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เผยสึกแล้ว 6 คน ยังติดต่อไม่ได้ 2 คน เตรียมแก้กฎมหาเถรสมาคม อ้างสุดล้าหลังกว่า 50 ปี ขณะที่พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ชิงลาออกแล้ว นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคมนัดพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ว่า สมเด็จพระสังฆราชห่วงใยต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้น จึงมีพระบัญชาให้มหาเถรสมาคม นิมนต์กรรมการฯประชุมเร่งด่วน ซึ่งทางกรรมการฯ มีข้อห่วงใย และมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยมีมติ ดังนี้ -พระที่ถูกกล่าวหา ต้องอาบัติปราชิก ถือว่าสิ้นสุดความเป็นพระภิกษุทางวินัย และต้องสึกโดยทันที ส่วนพระที่ยังไม่ถึงขั้นปราชิก ก็ให้ปลดออกจากตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการทุกรูป และจะมีมติขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดสมณศักดิ์-ในระยะเร่งด่วน ให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ทุกระดับ ตรวจสอบดูแลและกำกับพฤติกรรมองพระในปกครองอย่างใกล้ชิด หากพบพฤติกรรมละเมิดพระธรรมวินัยให้ดำเนินการสอบสวน และรายงานมหาเถรสมาคมโดยเร็ว-กรณีพระภิกษุถูกกล่าวหาผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ ให้ออกคำสั่พักการปฏิบัติหน้าที่ และให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฏหมาย พร้อมขอให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนและสาธารณชน เนื่องจากยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา-และทบทวนปรับปรุงกฎระเบียบคณะสงฆ์ว่าด้วยการประทำผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ โดยมหาเถรสมาคม เห็นควรขอประทานพระวินิจฉัยสมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาโปรดให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อคุ้มครองพระพุทธศาสนาคณะหนึ่ง […]

ส่งตัวดำเนินคดี นักท่องเที่ยวไทยทำร้ายทหารกัมพูชา

สุรินทร์ 13 ก.ค.-ทบ. เผยนักท่องเที่ยวไทยต่อยทหารกัมพูชา ที่ปราสาทตาเมือนธม เป็นอดีตทหารพราน ส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 13 ก.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกกล่าวถึงกรณีที่งนักท่องเที่ยวชาวไทย ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ว่า กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี ว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.20 น. ได้เกิดเหตุการณ์นักท่องเที่ยวชาวไทยทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ณ บริเวณปราสาทตาเมือนธม โดยผู้ก่อเหตุได้ชกเจ้าหน้าที่กัมพูชา ทั้งทางด้านหลังและด้านหน้า ก่อนจะหลบหนีออกจากพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยสามารถติดตามและควบคุมตัวได้ในเวลาต่อมา จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายสมหมาย ศรีศุกรานันทน์ อดีตอาสาสมัครทหารพราน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานชมรมทหารพรานจิตอาสาค่ายปักธงชัย และประธานเครือข่ายทหารผ่านศึกจังหวัดสมุทรสาคร ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณพื้นที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทางเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทย ได้ทำความเข้าใจกับผู้เสียหายไปแล้วในเบื้องต้น เพื่อพยายามไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ในระดับเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย สำหรับผู้ก่อเหตุ ได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

เสวนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก”

17 ก.ค. – หลายหน่วยงานรวมพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ในงานเสวนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก” โดย บมจ.อสมท นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเปิดงานสัมมนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย…สู้วิกฤติโลก” ยอมรับว่า นับว่าปัญหาเศรษฐกิจโลกกระทบมายังไทย จากภาษีศุลกากรของสหรัฐกระทบมายังประชาชน ผู้ผลิต เอสเอ็มอีรายย่อย ความร่วมมือของภาครัฐ เอกชน ประชาชน จึงต้องร่วมมือกันปลดล็อกอนาคตประเทศไทย…สู้วิกฤติโลก” โดยได้จัดเวทีใหญ่ให้ผู้กำหนดนโยบายและทิศทางของประเทศ และภาคเอกชน มาร่วมแสดงความเห็น ด้านเศรษฐกิจ นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในหัวข้อ เกาะติดมาตรการกระทรวงการเงินการคลัง พลิกฟื้นกำลังซื้อในประเทศ และแนวโน้มเศรษฐกิจ และสงครามการค้า ภาษีนำเข้าของสหรัฐ ว่าทีมไทยแลนด์ นำโดยนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และ รมว.คลัง กำหนดเจรจากับผู้แทนการค้าสหรัฐช่วงค่ำวันนี้ ต้องชั่งน้ำหนัก ทั้ง 2 มิติ คือ ผลกระทบที่ผู้ส่งออก และผู้ผลิตในประเทศทั้งภาคอุตสาหกรรม และเกษตรกร รัฐบาลไม่มอง เพียงจะเจรจาภาษีได้เท่าไหร่ ยอมรับไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ แต่จะสานประโยชน์ให้ตกกับทุกฝ่าย […]

ทบ. เร่งตรวจสอบวิเคราะห์ “ทุ่นระเบิด” คาดผลชัด 2-3 วัน

17 ก.ค.- โฆษก ทบ. แจงเร่งตรวจสอบเหตุกำลังพลเหยียบกับระเบิดชายแดนช่องบก คาดใช้เวลา 2-3 วัน ชัดเจนเรื่องชนิดและห้วงเวลาที่มีการนำทุ่นระเบิดมาติดตั้ง ยังไม่ยืนยันว่าเป็นทุ่นระเบิดใหม่ พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยภายหลังได้รับทราบรายงานจากกองทัพภาคที่ 2 กรณีเมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (16 ก.ค.68) เกิดเหตุกำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 6021 เหยียบกับระเบิดระหว่างการลาดตระเวนในพื้นที่ช่องบก จ.อุบลราชธานี ทำให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ปัจจุบันทุกนายอาการปลอดภัยอยู่ในระหว่างการพักสังเกตอาการที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี อย่างใกล้ชิด สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับทุ่นระเบิดดังกล่าวนั้น ปัจจุบันอยู่ในระหว่างการเข้าพื้นที่เกิดเหตุและเก็บหลักฐาน มาดำเนินการวิเคราะห์โดยผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิดอย่างละเอียด ซึ่งขั้นตอนนี้ คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 – 3 วัน เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ชัดเจน ในเรื่องของชนิดและห้วงเวลาที่มีการนำทุ่นระเบิดมาติดตั้ง ตามที่สังคมได้ให้ข้อสังเกตว่าอาจเป็นทุ่นระเบิดที่ถูกวางขึ้นใหม่ ไม่ใช่ทุ่นระเบิดที่ตกค้างอยู่ในพื้นที่การสู้รบเดิม ทั้งนี้ โฆษกกองทัพบก ยังได้กล่าวว่า หลังจากนี้หน่วยในพื้นที่ชายแดน จะได้มีการตรวจสอบพิสูจน์ทราบเพิ่มเติมว่า ทางกัมพูชาได้มีการนำทุ่นระเบิดมาใช้ในพื้นที่หรือไม่ เพราะในปัจจุบันทั้งไทยและกัมพูชา ได้ให้สัตยาบันในการเข้าร่วมเป็นประเทศภาคีในอนุสัญญาออตตาวา ว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล อย่างเป็นทางการ ตั้งแต่เมื่อปี พ.ศ. 2542.-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 สั่งดูแลสิทธิสวัสดิการ-ปูนบำเหน็จ ทหารเหยียบกับระเบิด

17 ก.ค.- แม่ทัพภาค 2 สั่งดูแลสิทธิสวัสดิการ-ปูนบำเหน็จ ทหารเหยียบกับระเบิดขาขาด เลื่อนยศ “สิบเอก” รับบำนาญเกือบ 30,000 บาท/เดือน เงินช่วยเหลือกว่า 1 ล้านบาท บรรจุทายาทรับราชการ เมื่อวันที่ 17 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้สั่งการให้ฝ่ายกำลังพลกองทัพภาคที่ 2 ได้ตรวจสอบสิทธิของข้าราชการทหารในการปฏิบัติราชการสนาม และให้ดำเนินการปูนบำเหน็จแก่พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน สูงสุด เพราะ เป็นการปฏิบัติภารกิจเพื่อปกป้องอธิปไตยในการ ออกลาดตระเวนและเหยียบกับระเบิดที่เนิน 481 วานนี้ โดย ได้รับการปูนบำเหน็จ เลื่อนชั้นเป็นสิบเอก (ส.อ.) หลังจากรักษาตัวแล้วเสร็จ ปลดเหตุสูญเสียฯจากการรบ ได้รับบำนาญเดือนละ 15,600 บาท ซึ่งเมื่อรวม เงินรายเดือน จากหน่วยงาน/องค์กรต่าง ๆ แล้ว คาดว่าจะได้รับเงิน รวม 29,800 บาท/เดือน (โดยประมาณ) […]