“ทักษิณ” หวังสร้างไทยเป็นศูนย์กลางไฟฟ้าสีเขียว

ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ 17 ก.ค.-“ทักษิณ” หวังสร้างไทยเป็นศูนย์กลาง ไฟฟ้าสีเขียว ลั่นรัฐกู้อีกไม่ได้ คาดถมทะเล ดึงเงินเอกชน-ตปท. ลงทุนในไทย


นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวปฐกถาเกี่ยวกับการขุดคลอง ถมทะเล ว่า เรื่องที่ตนอยากสร้างรายได้ให้กับประชาชนและประเทศในหลายๆ มุม โดยตนพยายามพูดหลายรอบว่าเราอยากสร้างนิเวศน์ทำมาหากินใหม่ๆ ให้กับกลุ่มนั้นบ้าง กลุ่มนี้บ้าง ซึ่งตนเคยพูดว่าวันนี้เราตั้งงบประมาณขุดคลอง ลอกคลอง ขุดร่องน้ำ และแม่น้ำ เมื่อขุดแล้ววางไว้บนตลิ่งพอฝนตกก็ชะลงไปใหม่ หากเราอนุญาตให้แก้กฎหมาย กฎระเบียบ ให้ประชาชนขุดดิน ขุดทรายในคลองเอาไปขายหรือถมดินได้เลย แต่มีกติกาว่าต้องรักษาตลิ่งไม่ให้พังจะทำให้เกิดนิเวศน์ใหม่ รถขนดินเยอะขึ้น มีเรือท้องแบนสำหรับใส่ทรายใส่ดิน และจะทำให้ร่องน้ำกว้างขวางขึ้น ลึกขึ้น น้ำไม่ท่วม ขณะเดียวกันประชาชนได้เงินใช้ เรื่องนี้ทำยากมาก เพราะระบบราชการและกฎหมายไม่เอื้ออำนวย

ส่วนอีกเรื่อง ที่วันนี้กำลังก้าวหน้าไปเยอะ คือเรื่องถมทะเล โดยเราอยากป้องกันน้ำท่วมกรุงเทพฯ ฉะนั้นทุกประเทศมีการถมทะเล (land reclaim) ของเรายังไม่ค่อยทำ แต่มีทำแถวมาบตาพุด แต่หากเราทำตรงนี้จะได้ที่ดินขึ้นมาอีกหลายแสนไร่ เพราะเราจะมีเรื่องทรัพย์อิงสิทธิ์ 99 ปีอยู่แล้ว ก็จะทำให้คนกล้าลงทุนเอาดินไปถมทะเล แต่เราจะต้องมีผังให้ชัดว่า แต่ละเกาะให้ทำอะไร วันนี้เราต้องหาการเงินใหม่ๆ โดยเฉพาะเงินภาคเอกชนและเงินต่างประเทศ เข้ามาช่วยลงทุนให้ไทย เพราะวันนี้รัฐกู้อีกไม่ไหว เนื่องจากเต็มยันเพดานแล้ว ก็เลยต้องให้จีดีพีโตขึ้น เพื่อให้มันลดลงมา ถึงจะเอาเงินไปใช้จ่ายได้ แต่จีดีพีจะลด ก็ต้องมีรายได้ มีเงินใหม่ๆ เข้ามา โดยเรื่องถมทะเลนี้ตนเชื่อว่าหลายประเทศสนใจ แต่หากสมมติว่าถมทะเลกับการลอกคลองไปด้วยกันได้ แม่น้ำเจ้าพระยาจะหายตื้นเขินแล้วไปถมทะเลอยู่ใกล้ๆ ตรงนั้น ก็จะทำให้ราคาถูกลง


นายทักษิณยัง กล่าวอีกว่า ในเรื่อง Ecosystem ซึ่งวันนี้เน้นย้ำไปหลายรอบว่าเราจะต้องตั้งภาษีสรรพสามิต สำหรับรถที่นำเข้าโดยไม่มี local content ซึ่งบางทีเราตกอยู่ในสัญญาการค้าเสรี (FTA) ที่เอาเข้ามาโดยภาษีศุลกากรเป็นศูนย์ แต่เราสามารถเก็บภาษีสรรพสามิตได้ โดยเราจะเก็บตามอัตรา ตามสัดส่วน local content หรือสัดส่วนของผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในประเทศไทย เอาไปใช้ประกอบ เช่น เบาะรถยนต์ ยางรถยนต์​ ซึ่งเรามีเองเยอะแยะ ถ้าเราไม่รักษาตรงนี้ไว้ อีกหน่อยนิเวศน์ที่เราสร้างมาหลายสิบปีพัง ฉะนั้นวันนี้ต้องจริงจัง และเราจะสร้างอุตสาหกรรมรถไฟฟ้าของเราให้ได้ เพราะเทคโนโลยีพวกนี้ไม่ยากอะไรเลย แต่จะไปยากตอนที่ทำรถไม่มีคนขับ ซึ่งพวกนั้นต้องใช้ชิพ แต่ตอนนี้หากเราดีไซน์รถตุ๊กๆ ใหม่เป็นดีไซน์ของไทยเลย และทำเป็นไฟฟ้าให้หมดแล้วนำมาแทนตุ๊กๆ ปัจจุบัน ทำให้ปลอดภับและประหยัด เรื่องเหล่านี้สามารถทำได้หมด ตนจึงอยากให้ช่วยกันรักษานิเวศน์ที่ดีอยู่แล้วของอุตสาหกรรมรถยนต์ให้เข้มแข็งต่อไป เพราะต่อไปข้างหน้านอกจากจีนแล้ว ไทยเรายังต้องเป็นศูนย์ผลิตรถยนต์​ได้ รถยต์ไฟฟ้าก็ไม่ได้เป็นเรื่องเทคโนโลยีที่ยาก สามารถดึงนักลงทุนต่างประเทศมาร่วมลงทุนกับไทยได้

อย่างไรก็ตาม วันนี้เรานำเข้าน้ำมันดีเซล 60 ล้านลิตรต่อวัน น้ำมันเบนซิน 25 ล้านลิตรต่อวัน และน้ำมันอื่นๆ อีกประมาณ 10 ล้านลิตรต่อวัน เท่ากับโรงงานผลิตไฟฟ้า 40,000 เมกะวัตน์ สมมติว่าเราผลิตไฟฟ้าเพิ่ม 40,000 เมกะวัตน์และรถใช้ไฟฟ้าหมด เราก็ไม่ต้องนำเข้าน้ำมัน ฉะนั้นสมมติว่าเราอยากทำตัวเป็นศูนย์กลางไฟฟ้าสีเขียว เราจะทำโซล่าฟาร์ม ซึ่งผลิตได้ 40,000 เมกะวัตน์ แทนที่น้ำมันนำเข้า เราจะใช้ที่ดินประมาณ 1.4 ล้านไร่ เพื่อเป็นระบบโซล่าเซลล์ 24 ชั่วโมง ซึ่งเราสามารถหาได้เยอะแยะ เพราะเรามีที่ดิน สปก. 40 ล้านไร่และมีแต่เพิ่มขึ้นทุกวัน เนื่องจากมีการส่งมอบเพิ่มขึ้น โดยเราจะเป็นคนที่ขายไฟฟ้าสีเขียวแล้ว data center ทั้งหลายจะมาที่ประเทศไทย วันนี้ data center ที่จะมาไทยปรากฏว่าติดไฟฟ้าสีเขียวไม่พอ หากวันนี้เราไปตั้งฟาร์มในพื้นที่อีสาน แล้วลากสายตรงมากรุงเทพฯ ไม่ต้องไปผ่านของเก่า ตนคิดว่าราคา 3 บาทต่อยูนิตยังเอาอยู่ ส่วนนี้จะทำให้ประเทศเรามีศักยภาพในการแข่งขันด้านไฟฟ้าสีเขียว data center วันนี้เหมือนอสังหาริมทรัพย์ (real eastate) สมัยที่กำลังบูมๆ โดยเขาไปซื้อที่ดินที่มีไฟฟ้าสีเขียวส่วนหนึ่ง มีน้ำและอยู่ใกล้เมืองใหญ่ โดยวันนี้เริ่มทำเป็นธุรกิจ สมมติว่าหากตนมาทำในประเทศไทย 10 แห่ง ไปทำในลาว 5 แห่ง ในมาเลเซีย 20 แห่ง แล้วนำทั้งหมดเข้าตลาดหลักทรัพย์ เหมือนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ (real eastate) สร้างเสร็จขาย หรือไม่ก็ปล่อยเช่า วันนี้เริ่มเกิดขึ้นในยุโรป ตนมองว่าประเทศไทยควรถือโอกาสวันนี้รีบผลิตไฟฟ้าสีเขียวให้ได้ และเอา data center มาไว้ที่ประเทศไทย เรียกว่าเป็นเอมบาสซีของโลก.-312-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ธปท.ย้ำเร่งปลดล็อกบัญชีผู้บริสุทธิ์ ทำให้ร้านค้ามั่นใจ

กรุงเทพฯ 15 ก.ย. – ธปท. ย้ำทุกหน่วยงานร่วมกำหนดเงื่อนไขปลดล็อกบัญชีไม่มีเอี่ยวบัญชีม้า สิ้นเดือน ก.ย.นี้ เพื่อให้ร้านค้ามั่นใจรับโอนเงินซื้อสินค้า นางสาวดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบชำระเงินฯ ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากปัญหาชาวบ้านถูกระงับธุรกรรมและระงับวงเงิน แต่ไม่ได้ระงับเงินในบัญชีในช่วงเดือนกันยายน 68 ตรวจพบบัญชีต้องสงสัยเฉลี่ย 10,000 บัญชี/สัปดาห์ ยอมรับว่าการคุมเข้มในช่วงที่ผ่านมา เพื่อต้องการกวาดเอาเส้นทางบัญชีที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ ทั้งโอนเงินผ่าน e-money และคริบโตฯ ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับผลกระทบในบางส่วน ในการทำธุรกรรมทางการเงิน ธปท. จึงเร่งหารือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกำหนดเงื่อนไขร่วมกันให้เสร็จภายในสิ้นเดือน ก.ย.นี้ “ธปท., ธนาคาร, ตำรวจ ศปอท. พร้อมปลดล็อกให้กับผู้บริสุทธิ์ มุ่งเน้นบัญชีจำนวนไม่มาก เช่นวงเงิน 100-500 บาท หรือร้านค้า ที่มีการซื้อของมาประกอบอาหารหรือสินค้าในร้านเป็นประจำในยอดที่ไม่สูงมากนัก กลุ่มเหล่านี้จะเร่งตรวจสอบ เพื่อแจ้งข้อมูลให้ลูกค้าบัญชีรับทราบ พร้อมทำอย่างรวดเร็ว และมุ่งทำความเข้าใจกับร้านค้า ให้เกิดความเชื่อมั่น และรับเงินโอนจากลูกค้า เพราะที่ผ่านมายอดปฏิเสธรับโอนเงินไม่สูงมากนัก หากตรวจสอบเสร็จแล้วคาดว่าใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง ถึง 1 […]

ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ”

กทม. 15 ก.ย.-ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ” หลังครบ 5 วันกักโรค และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำเรื่องขอเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ที่เรือนจำกลางคลองเปรม หลังครบ 5 วัน การกักตัวเฝ้าระวังโรคโควิด-19 และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติตามรายชื่อ 10 คน และทนายความ เข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก โดยก่อนหน้านี้ พันตำรวจโท เชน กาญจนาปัจจ์ โฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่าอาการของนายทักษิณ โดยรวมดีขึ้น ความดันสูงก่อนหน้านี้ลงมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ ซึ่งการเข้าเยี่ยมจะเป็นการพูดคุยผ่านกระจกใส เพื่อความปลอดภัย ล่าสุด ครอบครัวชินวัตรเดินทางมาถึงเรือนจำคลองเปรมแล้ว นำโดยคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์, น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ลูกสาวคนโต และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี.-สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุม เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน

บช.ก. 15 ก.ย. – “บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุมธานี เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน ฝากให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหาย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกระแสข่าวพระวัดดังจังหวัดปทุมธานี ที่มีความเกี่ยวข้องกับเงินวัดจำนวน 12.2 ล้านบาท ที่โอนเข้าบัญชีสีการายหนึ่ง ว่า เรื่องนี้ทราบว่ามีคนแจ้งความและเป็นคดีความอยู่ที่กองบังคับการปราบปรามแล้ว ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบ และได้ข้อมูลที่น่าสนใจมากพอสมควร ซึ่งสีกาคนดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับสีกาที่ทางตำรวจเพ่งเล็งอยู่หรือไม่จะต้องตรวจสอบในประเด็นนี้ด้วย แต่คดีนี้หลักๆ จะดูที่เส้นทางการเงินของบัญชีวัด หากพบใครเกี่ยวข้องก็จะต้องดำเนินการ ส่วนกรณีที่ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม นำหลักฐานออกมาโพสต์ผ่านโซเชียลนั้น ก็ถือว่ามีประโยชน์ต่อรูปคดี ส่วนจะเรียกเข้าสอบหรือไม่นั้นอยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานสอบสวน ซึ่งคาดว่าอีกไม่นานเรื่องนี้จะชัดเจน มีรายงานว่าผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้พบว่ามี 8 คน รวมพระด้วยเป็น 9 คน จึงอยากฝากถึงพระว่า ให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหายเนื่องจากมีหลักฐานจำนวนมาก.-419-สำนักข่าวไทย

บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินแก๊งคอลเซ็นเตอร์

กทม. 16 ก.ย.-บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์เกือบ 5 ล้าน แต่ยายไม่ฟัง ไม่เชื่อว่าโดนหลอก ไล่ตำรวจกลับไป แถมโทรฟ้องมิจฉาชีพว่าตำรวจมากวน สุดท้ายเข้าแจ้งความแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พระโขนง ตะโกนคุยกับคุณยายวัย 83 ปี ข้ามรั้วประตูบ้าน ว่า อย่าโอนเงินให้มิจฉาชีพอีก หลังธนาคารพบความผิดปกติ เนื่องจากคุณยายถอนเงินออกมาหลายล้านบาท จึงประสานงานไปที่ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ AOC 1441 ให้แจ้งมายังตำรวจนครบาล เพื่อตรวจสอบการโอนเงินของคุณยายโดยด่วน ปรากฏว่า เมื่อตำรวจมาถึงบ้าน คุณยายไม่เชื่อ แถมยังคุยโทรศัพท์กับตำรวจปลอมในมือถือตลอดเวลา แล้วไม่เชื่อว่า ตำรวจที่มาหน้าบ้านเป็นตำรวจจริง จนตำรวจตัวจริงอ่อนใจ ทำได้เพียงแค่ประสานงานผู้นำในชุมชนให้ช่วยดูแลคุณยาย และเตือนเรื่องนี้ ล่าสุดคุณยายมาแจ้งความแล้ว เมื่อวันที่ 13 กันยายน แต่ยังไม่ได้เงินคืน ข้อมูลของตำรวจพบว่า คุณยายโอนเงินไปทั้งหมด 5 ครั้งครั้งแรกวันที่ 3 กันยายน ฝากเงินสดเข้าบัญชีธนาคารแห่งหนึ่ง 3.5 ล้านบาทวันที่ 4 กันยายน โอนเงินสดไป 400,000 บาทวันที่ […]

ข่าวแนะนำ

ปิดล้อมกว่า 8 ชม. จับหนุ่มคลั่งควงปืนสงครามขู่ยิง ตร.

ศรีสะเกษ 17 ก.ย. – พ่อค้ายาเสพติดคลุ้มคลั่ง ควงปืนสงคราม AK-47 ขู่ยิงเจ้าหน้าที่ หลังถูกชุดปฏิบัติการ 238 พิทักษ์นครลำดวน สนธิกำลังตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง ปิดล้อมบ้านเป้าหมายพื้นที่ อ.โนนคูณ จ.ศรีสะเกษ เกลี้ยกล่อมนานกว่า 8 ชั่วโมง สุดท้ายทนแรงกดดันไม่ไหว ยอมวางอาวุธมอบตัวแต่โดยดี เจ้าหน้าที่พยายามใช้ยุทธวิธีเจรจาเกลี้ยกล่อมนายวีระศักดิ์ อายุ 35 ปี มีประวัติพัวพันการค้ายาเสพติด ครอบครองอาวุธสงคราม และยังเป็นบุคคลตามหมายจับของศาลจังหวัดสุรินทร์ ซึ่งวิ่งเข้าไปหลบภายในบ้าน ต.หนองกุง อ.โนนคูณ จ.ศรีสะเกษ หลังตำรวจแสดงตัวเข้าตรวจค้น เพราะได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านว่าเป็นเครือข่ายค้ายาเสพติดรายสำคัญในพื้นที่ มีพฤติกรรมอุกอาจ แต่นายวีระศักดิ์กลับวิ่งไปหยิบอาวุธปืนสงคราม AK-47 ออกมาขู่เจ้าหน้าที่ พร้อมตะโกนด้วยเสียงดุดันว่าถ้าเข้ามาจะยิง จากนั้นรีบหลบกลับเข้าไปในบ้าน เจ้าหน้าที่ต้องระดมกำลังทั้งตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง ปิดล้อมบริเวณโดยรอบอย่างแน่นหนา เพื่อป้องกันเหตุร้าย บรรยากาศตึงเครียด เจ้าหน้าที่พยายามใช้ยุทธวิธีเจรจาเกลี้ยกล่อม ทั้งให้พ่อแม่และญาติสื่อสารทางโทรศัพท์ หวังให้ผู้ต้องหายอมมอบตัวแต่ไม่เป็นผล เนื่องจากนายวีระศักดิ์ยังอยู่ในอาการคลุ้มคลั่งจากการเสพยาบ้า ถือปืนพร้อมยิงตลอดเวลา นานกว่า 8 ชั่วโมง […]

ช่องโดนเอาว์เจอ PMN-2 อีก 8 ทุ่น ทบ.ชี้เขมรยังละเมิดข้อตกลง

17 ก.ย.- ทบ. แจงตรวจพบ PMN-2 เพิ่มเติมอีก 8 ทุ่นบริเวณช่องโดนเอาว์ จ.ศรีสะเกษ ชี้กัมพูชายังคงละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ย้ำควรรับผิดชอบและร่วมแก้ไขปัญหาอย่างจริงใจ วันนี้ (17 ก.ย.68) ที่กองบัญชาการกองทัพบก พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่ากองทัพบกได้รับรายงานจากกองทัพภาคที่ 2 ภายหลังจากที่กำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 132 ฐานปฏิบัติการชนะศึก ได้ร่วมกับศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ (TMAC) ปฏิบัติการเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อเสริมภารกิจด้านความมั่นคงในพื้นที่ช่องโดนเอาว์ ฐานปฏิบัติการชนะศึก อ.กันทรลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ วานนี้ (16 ก.ย.68) โดยได้ตรวจพบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลแบบ PMN-2 จำนวน 8 ลูก มีสภาพใหม่ ติดตั้งในลักษณะพร้อมทำงาน ซึ่งทางหน่วยได้ทำการเก็บกู้รื้อถอนและนำเก็บเพื่อรอการทำลายเป็นที่เรียบร้อย สำหรับการตรวจพบระเบิดดังกล่าว เป็นเครื่องยืนยันว่าฝ่ายกัมพูชายังคงมีความพยายามอย่างไม่ลดละในการใช้อาวุธต่อกำลังของฝ่ายไทย ซึ่งถือเป็นการละเมิดต่อข้อตกลงหยุดยิงอย่างชัดเจน และเป็นพฤติกรรมที่สวนทางกับข้อตกลงที่กัมพูชาได้ให้ไว้ในที่ประชุม GBC เมื่อวันที่ 10 ส.ค.68 ที่ผ่านมา ในเรื่องความร่วมมือที่จะดำเนินการเก็บกู้ทุ่นระเบิด ซึ่งจากนี้กองทัพบกจะนำหลักฐานที่ได้ตรวจพบทั้งหมดในพื้นที่ รวบรวมนำส่งให้ส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อร้องเรียนตามกระบวนการในเวทีสากลต่างๆ ต่อไป รวมทั้งขอความร่วมมือกัมพูชา […]

ไทม์ไลน์เหตุเผชิญหน้า “บ้านหนองหญ้าแก้ว” เขมรป่วนไม่เลิก

17 ก.ย.- เปิดไทม์ไลน์เหตุเผชิญหน้า “บ้านหนองหญ้าแก้ว” เจ้าหน้าที่ใช้แก๊สน้ำตา-กระสุนยาง หลังชาวเขมรชุมนุมประท้วง ก่อความวุ่นวาย ล่าสุดสถานการณ์ทั่วไปอยู่ในความควบคุม แต่กลุ่มชาวกัมพูชายังคงปักหลักใกล้แนวชายแดน.-สำนักข่าวไทย

ทำเนียบฯ เตรียมพร้อมสถานที่รับนายกฯ-ครม.ใหม่

ทำเนียบ 17 ก.ย.- ทำเนียบรัฐบาล เตรียมพร้อมสถานที่รับนายกฯ-ครม.ใหม่ ถ่ายรูปติดบัตร ก่อนถวายสัตย์ปฏิญาณ ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่ทำเนียบรัฐบาลได้จัดเตรียมสถานที่สำหรับถ่ายรูปติดบัตรประจำตัวของคณะรัฐมนตรี ก่อนเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณ ซึ่งเป็นไปตามขั้นตอน และยังมีการตัดแต่งต้นไม้ บริเวณโดยรอบทำเนียบรัฐบาล และตัดหญ้าด้านหน้าตึกไทยคู่ฟ้า เพื่อเตรียมพื้นที่สำหรับการถ่ายรูปหมู่คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ตั้งแต่เมื่อวานนี้ (16 ก.ย.) นอกจากนี้ ยังมีความเคลื่อนไหวที่ตึกบัญชาการ 1 ซึ่งเป็นห้องทำงานของรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่ช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมา และวันนี้มีการส่งทีมงานเข้ามาดูห้องทำงานภายในตึกบัญชาการ 1 ด้วย สำหรับตำแหน่งว่าที่รองนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาลอนุทิน มีชื่อทั้งหมด 7 คน ได้แก่ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม, นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง, ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์, นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข, นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรี และนายโสภณ​ ​ซา​รัมย์​ รอง​นายก​รัฐมนตรี​ ขณะที่ตำแหน่งว่าที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี […]