“ชัยธวัช” ยันอดีตเคยมีการนิรโทษกรรม ไม่ขัด ม.6

รัฐสภา 17 ต. ค. – “ชัยธวัช” ยันอดีตเคยมีการนิรโทษกรรมมาแล้ว ไม่ขัดมาตรา 6 ชี้คำสั่งศาล รธน. สั่ง “ก้าวไกล” ห้ามไม่ให้รณรงค์ยกเลิก-ใช้นิติบัญญัติในทางมิชอบแก้ ม.112 ไม่เกี่ยวนิรโทษกรรม ด้าน​ “โรม” ย้ำรายงานไม่ใช่เพื่อแก้ไขหรือยกเลิก ม.112


นายชัยธวัช ตุลาธน อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาแนวทางการตราพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) นิรโทษกรรม ชี้แจงว่า มีสมาชิกอภิปรายว่าที่ผ่านมาไม่เคยมีการนิรโทษกรรมในคดีประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 แต่ในเหตุการณ์ 6 ต.ค. 2519 มีการใช้พระราชบัญญัตินิรโทษกรรม นิรโทษกรรมให้กับการกระทำทั้งในและนอกมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมระหว่างวันที่ 4-6 ต.ค. 2519 ซึ่งจำเลยถูกฟ้องในหลายคดี รวมถึงมาตรา 112 ด้วย ซึ่งไม่เกี่ยวกับรัฐธรรมนูญมาตรา 6 ใดๆ ทั้งสิ้น ออกไปแล้วก็ไม่เห็นว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญ

นายชัยธวัช กล่าวต่อว่า มาตรา 6 เป็นการพูดถึงหลักการที่พระมหากษัตริย์ในระบอบประชาธิปไตยทรงมีความเป็นกลางทางการเมือง อยู่ในสถานะที่เคารพสักการะ และในส่วนของการละเมิดมิได้นั้น เป็นการบัญญัติไว้เพื่อให้ชัดเจนว่าไม่สามารถมีใครไปฟ้องร้อง ดำเนินในชั้นศาลกับพระมหากษัตริย์ได้


ส่วนข้อกังวลที่หากออก พ.ร.บ. นิรโทษกรรม รวมมาตรา 112 จะไปขัดหรือแย้งกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญนั้น แน่นอนคงไม่พ้นคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่สั่งให้พรรคก้าวไกลเลิกการกระทำ ที่ต่อมานำไปสู่การยุบพรรคก้าวไกล ตนยืนยันว่าไม่เกี่ยวกับการนิรโทษกรรม ที่รวมมาตรา 112 ด้วย ในข้อเท็จจริงไม่เกี่ยวกัน คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ เกี่ยวข้องกับการกระทำแค่ 2 เรื่องเท่านั้น คือ ห้ามไม่ให้แสดงความคิดเห็น หรือรณรงค์ให้ยกเลิกมาตรา 112 และห้ามไม่ให้แก้ไขกฎหมายมาตรา 112 ด้วยกระบวนการนิติบัญญัติที่ไม่ใช่กระบวนการนิติบัญญัติโดยชอบ

นายรังสิมนต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะ กมธ. ชี้แจงว่า กมธ.ชุดนี้ไม่ใช่ กมธ. ที่พิจารณาศึกษาเพื่อแก้ไขหรือยกเลิกมาตรา 112 แต่เป็น กมธ. ที่จะศึกษาในเรื่องการทำเกี่ยวกับแนวทางของการนิโทษกรรม ซึ่งเป็นสิ่งที่เราพยายามทำ รายงานฉบับนี้จะเป็นสารตั้งต้น จะเป็นหัวเชื้อหรือไม่ขึ้นอยู่กับรัฐบาล ที่ผ่านมาเราพิจารณาหลากหลายฉบับ แต่เราแทบไม่ทราบว่ารัฐบาลมีการปฏิบัติมากน้อยเพียงใดกับรายงานของสภาฯ ส่วนตัวอยากให้ผูกพัน แต่ถึงเวลารัฐบาลจะทำตามข้อแนะนำของสภาฯ มากน้อยแค่ไหน เป็นสิ่งที่อยู่ภายใต้เครื่องหมายคำถาม

นายรังสิมันต์ ชี้แจง ถึงกรณีที่มีการพยายามเชื่อมโยงมาตรา 112 กับมาตรา 6 ของรัฐธรรมนูญ ซึ่งตนคิดว่า มาตรา 6 ของรัฐธรรมนูญ มีสาระสำคัญที่สะท้อนถึงหลักความเป็นกลางของสถาบันพระมหากษัตริย์ต่อระบอบการเมืองการปกครองที่เป็นประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์อยู่ใต้รัฐธรรมนูญ หลักการนี้เป็นหลักการพื้นฐานและเป็นหลักการสำคัญของระบอบการเมืองการปกครองที่เป็นประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์อยู่ใต้รัฐธรรมนูญของหลายๆ ประเทศ และในประเทศอื่นๆ เหล่านั้นก็ไม่มีกฎหมายลักษณะนี้แล้ว ดังนั้น ข้อกล่าวอ้างว่าประเทศต่างๆ มีกฎหมายลักษณะเดียวกันนี้ เป็นข้อกล่าวอ้างที่ไม่ถูกต้อง และควรถูกพูดในวาระอื่น ไม่ใช่เรื่องการนิรโทษกรรม มากไปกว่านั้นการปล่อยให้มีการใช้กฎหมายลักษณะแบบนี้ ซึ่งทำให้เกิดบรรยากาศทางการเมืองแบบนี้ จุดที่เราอยากพิจารณาใน กมธ. คือเป็นแนวทางในการนิรโทษกรรม เพื่อนำไปสู่การแก้ปัญหาทางการเมือง ซึ่งจะพบว่า คำแนะนำแสดงถึงความกังวลต่อการบังคับใช้กฎหมาย เพราะผลลัพธ์ทางการเมืองหลายอย่างตามมา


นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า รายงานฉบับนี้เป็นส่วนหนึ่งของการพยายามหาทางออกทางการเมือง ซึ่งมีข้อเสนอหลายอย่าง และหลายส่วน กมธ. ก็ได้ตัดสินใจกำหนดลงไป ขณะที่มาตรา 112 ในความเห็นของ กมธ. ยังมีความเห็นที่แตกต่างกัน ตนจึงอยากให้สภาฯ รับไว้พิจารณา ส่งต่อไปที่ ครม. เพื่อหาทางออกให้กับบ้านเมืองที่มีความขัดแย้งเป็นเวลานาน ส่วนกรณีที่สมาชิกมองว่าอาจทำเพื่อตนเอง และกรณีการนิรโทษกรรมสุดซอยนั้น ตนไม่เห็นด้วยกับการนิรโทษกรรมสุดซอย เนื่องจากในการพิจารณาขณะนั้น รวมไปถึงเจ้าหน้าที่ และผู้เกี่ยวข้องที่สั่งฆ่าประชาชน ให้ได้รับการนิรโทษกรรมด้วย ดังนั้น การเทียบระหว่างนิรโทษกรรมสุดซอยกับรายงานฉบับนี้ เป็นกรณีที่แตกต่างกัน เพราะในขณะนั้นมีความขัดแย้งทางการเมืองสูงมาก แต่ในวันนี้บรรยากาศทางการเมืองแตกต่างกัน ความขัดแย้งของสองพรรคการเมืองใหญ่ในวันนั้น วันนี้มาอยู่ข้างเดียวกันแล้ว

“เราต้องตั้งต้นว่าอยากจะแก้ปัญหาบ้านเมืองโดยใช้กลไกสภาฯ หรือไม่ เนื่องจากต้องยอมรับความเป็นจริงว่า ทุกครั้งที่มีการดำเนินคดีโดยข้อหาในลักษณะแบบนี้ ประเด็นมาตรา 112 ไม่ได้กลายเป็นปัญหาทางสังคมที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อีกต่อไป และไม่ได้เป็นการวิพากษ์วิจารณ์ในประเทศ คนที่ถูกดำเนินคดีอาจมีเพื่อน มีครอบครัว มีคนที่เขารัก แล้วเขาจะรู้สึกอย่างไรต่อมาตรา 112 และการบังคับใช้กฎหมายในกระบวนการยุติธรรม เพราะความรู้สึกเหล่านี้ไม่ได้จำกัดอยู่ในประเทศ แต่ความรู้สึกแบบนี้ สะท้อนไปสู่ประชาคมของประเทศอื่นๆ ด้วยเช่นกัน และเมื่อเกิดปัญหาคิดว่าคนที่ถูกวิพากษ์จารณ์มากที่สุดคือใคร หากบอกว่าต้องการแสดงถึงเจตจำนงในการปกป้องพระมหากษัตริย์ แต่ถ้าท่านต้องการปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ให้เป็นที่เคารพสักการะ วิธีการแบบนี้เป็นวิธีการที่ไม่มีทางได้ผล และวิธีการนี้จะทำให้ประเทศที่เรารักถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรง และปัญหาทางการเมืองที่ยังมีอยู่ก็จะดำเนินอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ทำไมไม่เปิดประตูบานนี้ เพื่อหาทางออกทางการเมือง” นายรังสิมันต์ กล่าว.-319-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รวบแล้ว! โจรบุกเดี่ยวชิงทอง 163 บาท กลางห้างย่านบางบ่อ

สมุทรปราการ 20 ส.ค. – หนีไม่รอด รวบโจรสวมชุดไรเดอร์ บุกเดี่ยวชิงทองกลางห้างดัง จ.สมุทรปราการ กวาดทอง 163 บาท พบของกลางบางส่วนซุกตู้ลำโพงในบ้าน จากกรณีคนร้ายแต่งตัวคล้ายไรเดอร์ สวมหมวกกันน็อกเต็มใบ สะพายกระเป๋าข้าง บุกเข้าไปในร้านทอง พร้อมใช้อาวุธปืนข่มขู่พนักงาน ก่อนกระโดดข้ามตู้หน้าร้าน กวาดสร้อยคอและสร้อยข้อมือทองคำ น้ำหนักรวม 163 บาท เป็นทองคำรูปพรรณประเภทสร้อยข้อมือ หนัก 5 บาท ประมาณ 5 เส้น น้ำหนัก 25 บาท, น้ำหนัก 3 บาท ประมาณ 30 เส้น น้ำหนักรวม 90 บาท, หนัก 2 บาท ประมาณ 24 เส้น น้ำหนักรวม 48 บาท (รวมสร้อยข้อมือ 79 เส้น) ก่อนวิ่งขึ้นรถ จยย.ที่จอดอยู่ด้านหน้า […]

หลักฐานชัด! ทหารกัมพูชาลอบวางทุ่น PMN-2 ภูมะเขือ

19 ส.ค.- กองทัพเรือพบหลักฐานสำคัญ ยืนยันทหารกัมพูชาลักลอบใช้ทุ่นระเบิด PMN-2 บริเวณภูมะเขือ เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2568 ชุดเก็บกู้กวาดล้างที่ 1 หน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมกองทัพเรือ (นปท.ทร.) ซึ่งสนับสนุนการปฏิบัติงานเก็บกู้และกวาดล้างทุ่นระเบิดในพื้นที่ภูมะเขือ จังหวัดศรีสะเกษ ร้อย ร.132 พัน.13 (ฐานเหนือเมฆ) ตรวจพบโทรศัพท์มือถือของทหารกัมพูชาที่ทิ้งไว้ในพื้นที่ดังกล่าว เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจสอบภายในเครื่อง พบคลิปวิดีโอและภาพถ่ายที่แสดงให้เห็นชัดเจนว่า ทหารกัมพูชากำลังถือทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 พร้อมทั้งมีการบันทึกเสียงเป็นภาษาเขมร คาดว่าเป็นการสาธิตวิธีการใช้งาน ก่อนนำไปลักลอบฝังในพื้นที่ชายแดนไทย หลักฐานจากโทรศัพท์ยังระบุวันเวลาที่ถ่ายภาพและวิดีโอไว้อย่างชัดเจน จึงนับเป็นพยานหลักฐานสำคัญที่ยืนยันพฤติกรรมการละเมิดข้อตกลง และการใช้ทุ่นระเบิด ซึ่งขัดต่ออนุสัญญาระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ นปท.ทร. ได้แสดงถึงความรอบคอบและไหวพริบในการตรวจสอบหลักฐานทันที ก่อนส่งมอบให้หน่วยกองทัพบกในพื้นที่ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป. – สำนักข่าวไทย

“ทศพล” รุดมอบมาลัย “ภูมิธรรม” หลัง ครม.ชงนั่งผู้ว่าฯ เชียงใหม่

กองบินตำรวจ 20 ส.ค.-“ภูมิธรรม” เตรียมแถลงจับยาเสพติดลอตใหญ่ “ทศพล” รุดมอบมาลัย หลัง ครม.ชงนั่งผู้ว่าฯ เชียงใหม่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเวลา 8.00 น. ที่กองบินตำรวจ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เดินทางมาขึ้นเครื่อง เพื่อไปแถลงข่าวจับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติดล็อตใหญ่ ที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีนายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย พลตํารวจโท ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร อธิบดีกรมการปกครอง นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ เลขานุการ รมว.มหาดไทย ร่วมเดินทางด้วย ทั้งนี้เมื่อนายภูมิธรรมเดินทางมาถึง นายทศพล เผื่อนอุดม ผู้ตรวจราชการ กระทรวงมหาดไทย ที่ ครม. มีมติเมื่อ 19 ส.ค. แต่งตั้งให้ไปดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้นำพวงมาลัยมามอบให้นายภูมิธรรมและปลัดกระทรวงมหาดไทย และร่วมเดินทางกับคณะด้วย โดยมีสีหน้ายิ้มแย้ม อย่างไรก็ตามก่อนเดินทางเลขาธิการ ป.ป.ส. ได้รายงานสถานการณ์ยาเสพติดให้นายภูมิธรรมรับทราบ.-319.-สำนักข่าวไทย

มท.ชง ครม.แต่งตั้งโยกย้ายบิ๊กลอต 25 ตำแหน่ง

กทม.19ส.ค.-มท.ชง ครม.แต่งตั้งโยกย้ายบิ๊กลอต 25 ตำแหน่ง ผู้ว่าฯ หนองบัวลำพู ผงาดขึ้นอธิบดี พช. โยก “สยาม” นั่งพ่อเมืองปากน้ำ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำแหน่งบริหารระดับสูงให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 25 ตำแหน่ง อาทิ นายสยาม ศิริมงคล อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน เป็นผู้ว่าฯ สมุทรปราการ นายจุมพฎ วรรณฉัตรสิริ ผู้ว่าฯ บึงกาฬ เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายชูชีพ พงษ์ไชย ผู้ว่าฯ ตาก เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายสุรศักดิ์ อักษรกุล ผู้ว่าฯ หนองบัวลำภู เป็นอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน นายนริศ นิรามัยวงศ์ ผู้ว่าฯ สมุทรสาคร เป็นผู้ว่าฯ ชลบุรี นายทศพล เผื่อนอุดม ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้ว่าฯ เชียงใหม่ ว่าที่พันตรี อดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ ผู้ว่าฯ […]

ข่าวแนะนำ

บอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจ ดึงงบฯ 2.6 หมื่นล้าน กลับงบกลางฉุกเฉิน

ทำเนียบฯ 20 ส.ค.-บอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจ ดึงงบค้างท่อ 2.6 หมื่นล้าน กลับงบกลางฉุกเฉิน เน้นเศรษฐกิจชายแดน รองรับผลกระทบภาษี “ทรัมป์” และเหตุจำเป็น นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ (บอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจ) หลังจากรัฐบาลจัดสรรงบกระตุ้นเศรษฐกิจรอบแรก 1.15 แสนล้านบาท รอบสอง 1.8 หมื่นล้านบาท เพื่อจัดสรรเงินให้กับกองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย 10,000 ล้านบาท และกองทุนเงินให้กู้ยืมเงินเพื่อการศึกษา (กยศ.) 8,488 ล้านบาท นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า การจัดสรรให้กับหน่วยงานต่างๆ ในรอบแรกพบว่า มีหน่วยงานจัดซื้อจัดจ้างไม่ทัน จึงดึงงบกระตุ้นเศรษฐกิจที่เหลือค้างท่อ 2.6 หมื่นล้านบาท กลับเข้ามาอยู่ในงบกลางสำรองฉุกเฉิน เพื่อนำมาพิจารณาใช้ในเรื่องจำเป็น เช่น การฟื้นเศรษฐกิจแดนไทย-กัมพูชา การใช้งบรองรับผลกระทบจากภาษีนำเข้าสหรัฐร้อยละ 19 ในบางรายการ หากส่วนราชการใดต้องการใช้งบดังกล่าว ต้องจัดซื้อจัดจ้างให้แล้วเสร็จภายใน 30 ก.ย.นี้ โดยสำนักงบประมาณจะพิจารณาในการจัดสรรงบให้ สำหรับผลกระทบจากภาษีศุลกากรสหรัฐ ยอมรับว่า รายย่อยที่ได้รับผลกระทบ […]

ศบ.ทก.​ ยืนยันคลิปทหารกัมพูชาของจริง​ ชี้​ชัดละเมิดข้อตกลงใช้ทุ่นระเบิด

ทำเนียบ 20 ส.ค.-ศบ.ทก.​ ยืนยันคลิปทหารกัมพูชาเป็นของจริง​ ชี้​ชัดละเมิดข้อตกลงใช้ทุ่นระเบิด ขัดอนุสัญญาออตตาวา เตรียมยื่นหลักฐานศุกร์นี้ ย้ำพื้นที่บ้านหนองจาน​ จ.สระแก้ว​ เป็นอธิปไตยไทย​ 100% หลังปี​ 2518 ช่วยเหลือผู้ลี้ภัยสงครามฆ่าล้าง​เผ่าพันธุ์​ แต่ไม่ยอมกลับ​ พลเรือตรีสุรสันต์ คงสิริ โฆษกกระทรวงกลาโหม​ และนางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศและรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงผลการประชุมศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ​ ศบ.ทก.​ ประจำวันพุธที่ 20 สิงหาคม​ 2568 พลเรือตรี​สุร​สันต์​ กล่าวว่า​ สถานการณ์ชายแดนทั่วไปอยู่ในสภาวะปกติ ขณะที่การตรวจพบโทรศัพท์มือถือของฝ่ายกัมพูชา โดยกองทัพเรือ ได้พบหลักฐานสำคัญ​ ยืนยันว่าทหารกัมพูชา​ใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล PMN 2 บริเวณภูมะเขือ สืบเนื่องมาจากวันที่ 19 สิงหาคม 2568 ชุดเก็บกู้กวาดล้างที่ 1 หน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรม​ กองทัพเรือ ซึ่งสนับสนุนการปฏิบัติการกู้ระเบิดและกวาดล้างในพื้นที่ภูมะเขือ​ จังหวัดศรีสะเกษ ของกองร้อยทหารราบที่ 132 กองพันที่ 13 ฐานเหนือเมฆ​ ได้ตรวจพบโทรศัพท์มือถือของทหารกัมพูชาที่ทิ้งไว้ในพื้นที่ดังกล่าว […]

ก.พาณิชย์ ปรับร้าน “เจ๊ไฝ” 2 พันบาท ไม่ติดป้ายแสดงราคาชัดเจน

กรุงเทพฯ 20 ส.ค. – ภาครัฐร่วมมือลงพื้นที่ตรวจสอบร้าน “เจ๊ไฝ” หลังถูกร้องเรียน ขายไข่เจียวปูราคาสูงกว่าป้ายกำกับ โดยถูกกรมการค้าภายในสั่งปรับ 2,000 บาท เพราะไม่มีป้ายแสดงราคาที่ชัดเจน พร้อมตรวจสอบต้นทุนวัตถุดิบเพื่อวิเคราะห์ราคาขาย วันนี้ (20 ส.ค.) สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ร่วมกับกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ และกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค ตรวจสอบร้านไข่เจียวปูชื้อดัง “เจ๊ไฝ” ย่านประตูผี เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร หลังจากได้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้บริโภคว่า เมนูไข่เจียวปูที่ระบุราคาไว้ 1,500 บาท แต่ลูกค้าถูกเรียกเก็บเงินสูงถึง 4,000 บาท นายพิสิฐ อภิชนาพงศ์ นักวิชาการพาณิชย์ชำนาญการ กรมการค้าภายใน กล่าวว่า จากการร่วมตรวจสอบร้านเจ๊ไฝ พบว่าไม่มีป้ายแสดงราคาไข่เจียวปู 4,000 บาท เพื่อให้ลูกค้าได้รับทราบ จึงถือว่ามีความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 ในมาตรา 28 ที่ระบุเอาไว้ว่า ทางร้านต้องติดป้ายราคาสินค้า และบริการ ให้ชัดเจนหากมีการฝ่าฝืน จะมีโทษปรับสูงสุด 10,000 บาท […]

ในหลวง-พระราชินี เตรียมพระราชทานเหรียญกล้าหาญให้ทหาร-ตชด.-ทหารพราน

ทำเนียบ 20 ส.ค.-ในหลวง-พระราชินี เตรียมพระราชทานเหรียญกล้าหาญให้ทหาร-ตชด.-ทหารพราน ที่ปฏิบัติงานชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้งรายบุคคลและหน่วย เพื่อเป็นขวัญกำลังใจ คาดต้นเดือนกันยายนเรียบร้อย พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า ก่อนอื่นขอพูดถึงเรื่องที่เป็นขวัญกำลังใจให้กับกำลังพลทหาร ตำรวจ ตำรวจตระเวนชายแดน และทหารพราน ที่ปฎิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งในห้วงเวลาที่ผ่านมาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ได้ทรงติดตามสถานการณ์มาตลอด โดยในกรณีที่เกิดความสูญเสีย ได้ทรงพระราชทานความช่วยเหลือ ล่าสุด รองราชเลขานุการในพระองค์ ได้ติดต่อมายังกระทรวงกลาโหมและมาถึงตนว่า พระองค์ท่านทรงห่วงใยเรื่องการพระราชทานเหรียญกล้าหาญ ว่าได้ดำเนินการอย่างไร เรื่องนี้กระทรวงกลาโหมได้เร่งรัดที่จะขอพระราชทานเหรียญให้กับทหาร ตำรวจตระเวนชายแดน และทหารพราน ที่ร่วมปฏิบัติการในครั้งนี้ โดยหลักเกณฑ์จะคล้ายกันกับกำลังพลที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งการขอเหรียญกล้าหาญในครั้งนี้ กำลังพลเข้าปฎิบัติการเป็นจำนวนมาก กระทรวงกลาโหมจะรวบรวมเสนอไปในคราวเดียวกันเพื่อขอพระราชทาน ซึ่งเป็นพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น ที่พระองค์ท่านทรงห่วงใยกำลังพลที่ปฏิบัติงานอยู่ เมื่อถามว่าการขอพระราชทานเหรียญกล้าหาญ จะเป็นเหรียญในลักษณะใดบ้าง พลเอก ณัฐพล กล่าวว่า เหรียญจะไปถึงขั้นรามาธิบดี และเหรียญทุกระดับที่สามารถให้ได้ตามความเหมาะสม มีพฤติการณ์ที่สอดคล้อง แต่เนื่องจากมีกำลังพลจำนวนมาก ตนได้ให้แนวทางไปว่า ให้ขอไป 2 ลักษณะ […]