ทำเนียบฯ 12 ต.ค. – ศปช .ขอให้ อปท.อำนวยความสะดวกการยื่นเอกสารขอรับการช่วยเหลือค่าทำความสะอาดดินโคลน ซากวัสดุ บริเวณที่อยู่อาศัย หลังละ 10,000 บาท ให้ประชาชน ขณะที่เจ้าท่าสั่งเรือที่ใช้ลำน้ำเจ้าพระยาผ่านเขตน้ำท่วม ต้องลดความเร็วลงทันที
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม หรือ ศปช. เปิดเผยว่า ความคืบหน้าการฟื้นฟูอาคารบ้านเรือนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำป่าไหลหลากและดินโคลนที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย หลายหน่วยงานระดมเจ้าหน้าที่ เครื่องจักร เครื่องมือขุดและขนย้ายดินโคลนออกจากบ้านเรือนประชาชน ภาพรวมคืบหน้าอย่างมาก มีบางพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบหนัก หลังน้ำลดยังมีดินโคลนตกค้างอยู่
ล่าสุดกระทรวงแรงงาน จัดโครงการจ้างงานเร่งด่วน จำนวน 400 คน ช่วยฟื้นฟูพื้นที่น้ำท่วม ระดมเคลียร์ดินโคลน ล้างทำความสะอาดในพื้นที่ชุมชนเกาะทราย ตลาดนัดสายลมจอย ชุมชนไม้ลุงขน และชุมชนเหมืองแดง ต.แม่สาย ซึ่งดำเนินการมา 4 วัน มีความคืบหน้าไปมาก และจะเคลียร์พื้นที่ต่อเนื่องไปจนถึงวันพรุ่งนี้ (13 ต.ค.) เพื่อให้ประชาชนกลับเข้าสู่บ้านเรือนที่พักอาศัยและร้านค้าสามารถดำเนินกิจการโดยเร็ว
วันนี้ (12 ต.ค.) นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ลงพื้นที่ติดตาม นโยบายจ้างงานให้คนงานลงไปฟื้นฟูพื้นที่หลังน้ำท่วมและยังช่วยให้มีรายได้ โดยการจ้างงานด้วยการระดมเคลียร์ดินโคลนในชุมชนที่ยังมีตกค้างอยู่ตามบ้านเรือน สถานที่ทำงานและร้านค้า โดยเฉพาะชุมชนที่ติดลำน้ำสาย ที่ได้รับผลกระทบหนัก พร้อมเร่งสำรวจความเสียหายสถานประกอบการและลูกจ้างที่ประสบภัย
สำหรับการยื่นเอกสารขอรับการช่วยเหลือค่าทำความสะอาดดินโคลน ซากวัสดุ บริเวณที่อยู่อาศัย หลังละ 10,000 บาท นั้น เพื่อความสะดวก รวดเร็วในการดำเนินการ ศปช.ขอให้เจ้าหน้าที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) และ อบต. อบจ. เทศบาล ในจังหวัดที่ประสบภัย ให้คำแนะนำและอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนในทุกขั้นตอน ขณะเดียวกันขอความร่วมมือประชาชนเตรียมบัตรประจำตัวประชาชน พร้อมทั้งกรอกแบบฟอร์มขอรับการช่วยเหลือ ยื่นได้ที่ อปท.ในพื้นที่ที่อาศัยอยู่ จากนั้น อปท.จะส่งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบหน้างานและถ่ายรูปสภาพที่อยู่อาศัย หากประชาชนมีรูปถ่ายแล้วก็สามารถแนบรูปยื่นส่งพร้อมเอกสารได้ โดยผู้ยื่นเอกสารขอรับการช่วยเหลือต้องเป็นเจ้าของบ้านเท่านั้น เพื่อป้องกันการแอบอ้าง
นายจิรายุ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยาและป่าสัก เพื่อความปลอดภัยในการสัญจรทางน้ำ และป้องกันผลกระทบแก่ประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณริมน้ำ กรมเจ้าท่า โดยสำนักงานเจ้าท่า ภูมิภาคสาขาอยุธยา ได้ออกประกาศแนวทางสัญจรในแม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำป่าสัก ขอให้ผู้ควบคุมเรือเดินเครื่องเบา ระวังคลื่นกระทบบ้านเรือนประชาชน ให้การลากจูงเรือลำเลียงสินค้าได้ไม่เกินพวงละ 3 ลำ ต้องมีเรือดึงท้ายหรือโต่งท้ายที่กำลังเครื่องไม่น้อยกว่ากำลังของเครื่องจักรลากจูง จัดให้มีคนประจำเรืออย่างน้อย 1 คน ประจำหัวเรือลำเลียงทุกลำ ให้ผู้ปฏิบัติหน้าที่นอกตัวเรือต้องสวมใส่เสื้อชูชีพตลอดเวลา พร้อมขอความร่วมมือผู้ประกอบการขนส่งสินค้าทางน้ำ ใช้ช่วงเวลาสัญจรทางน้ำสำหรับเรือลากจูงและเรือลำเลียงสินค้า ขึ้น-ล่อง ในแม่น้ำป่าสัก จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ขาขึ้น เดินเรือในช่วงเวลากลางวัน ระหว่างเวลา 09.00-18.00 น. ส่วนขาล่อง เดินเรือตามน้ำนอกเหนือจากเวลาดังกล่าว ต้องพิจารณาถึงความปลอดภัยของการเดินเรือและไม่กระทบต่อผู้ที่อยู่อาศัยริมฝั่งแม่น้ำ สอบถามสายด่วนเจ้าท่า 1199 . – 314 สำนักข่าวไทย