“รอมฎอน” อภิปรายคดีตากใบ เปิดภาพ “ทักษิณ” บอกอยากให้เป็นบทเรียน

รัฐสภา 12 ก.ย.-“รอมฎอน” อภิปรายคดีตากใบ เปิดภาพ “ทักษิณ” บอกอยากให้เป็นบทเรียน “นายกฯ อิ๊งค์” ด้าน สส.เพื่อไทย ลุกประท้วงทันที ขณะที่ “วันนอร์” ปรามไม่ให้เอ่ยบุคคลอื่น กำชับอย่าพูดถึงอดีต ก่อน “จิรัฏฐ์” ลุกถามกวนเมื่อวานนี้นับเป็นอดีตหรือไม่ ด้าน “นุชนาถ” สส.ศรีสะเกษ ทนไม่ไหว ถามประธานปล่อยให้คนอภิปรายทุบโต๊ะได้ไง นึกว่าตีกลอง เตรียมลุกเต้นแล้ว

ในการประชุมร่วมรัฐสภา ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม วาระการแถลงนโยบายรัฐบาลของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นายรอมฎอน ปันจอร์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ลุกขึ้นอภิปรายเรื่องปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยใช้หัวข้อว่า “โอกาสของลูกสาว อากาศของประชาชน” ความขัดแย้งในจังหวัดชายแดนใต้เป็นมรดกที่ตกทอดมาสู่รุ่นเราผ่านมารัฐมนตรีมา 9 คน และนางสาวแพทองธารจะเป็นคนที่ 10 ซึ่งในคำแถลงนโยบายรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน ไม่มีการระบุถึงการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนใต้ แต่ในคำแถลงของรัฐบาลนี้ ได้ระบุไว้ประโยคเดียวที่วางอยู่ในส่วนหนึ่งของนโยบายพัฒนาการเมืองในระบอบประชาธิปไตย ที่เกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทำให้เห็นว่ารับบาลมองปัญหาของจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นปัญหาการเมือง ระหว่างรัฐกับประชาชน ที่ต้องออกแบบในเชิงสถาบันว่าจะอยู่ร่วมกันได้อย่างไร นี่คือจุดที่แตกต่างจากรัฐบาลก่อนหน้านี้


นายรอมฎอน ยังกล่าวถึงการทำงานของนายเศรษฐาว่าดูเหมือนจะสูญเปล่า ขยายเวลาประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน 5 ครั้ง และไม่ได้รับรองร่างกฎหมาย กอ.รมน.ให้กลับมายังสภาเพื่อพิจารณา และไม่ได้ปรับกำลัง กอ.รมน. ตามที่ได้แถลงไว้ อีกทั้งงานชายแดนใต้ก็ยังถูกครอบงำโดยหน่วยงานรัฐและกองทัพ ไม่มีแรงผลักดันใดๆจากฝ่ายการเมืองอย่างที่ควรจะเป็น ที่สำคัญคือไม่แตะกฎอัยการศึก

ระหว่างนี้ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ใช้สิทธิ์ สส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นประท้วงว่า อภิปรายซ้ำซาก มีการอภิปรายลักษณะนี้มาแล้วหลายครั้ง แต่ตอนนี้เรากำลังอภิปรายนโยบายรัฐบาลปัจจุบัน กลับมีการอ้างเรื่องเก่าใน 1 ปีที่ผ่านมา แล้วมาใช้ชื่ออดีตนายกรัฐมนตรีที่ไม่ได้อยู่ในห้องประชุมนี้ จึงมองว่าเป็นการเสียดสีอย่างชัดเจน เราสามารถอภิปรายคัดค้านหรือสนับสนุนได้ตามข้อบังคับ แต่ไม่ใช่กล่าวหา ส่วนนี้รออภิปรายตามมาตรา 151 ไม่ใช่เวทีนี้ ถือว่าเกินขอบเขตการอภิปราย นายวันมูหะมัดนอร์ จึงกล่าวกับนายรอมฎอนว่าไม่ควรพาดพิงบุคคลภายนอก


จากนั้น นายรอมฎอน อภิปรายต่อว่าในยุทธศาสตร์ชาติได้ระบุว่าปี 2570 ความรุนแรงชายแดนภาคใต้จะเป็นศูนย์ ซึ่งนี่จะเป็นโจทย์ใหญ่ของนายกรัฐมนตรี ที่จะต้องเป็นประธานสภาความมั่นคงแห่งชาติ เป็น ผอ.รมน. เป็นประธาน กพต. ที่จะกำหนดทิศทาง ชี้ชะตาจังหวัดชายแดนใต้ว่าจะไปในทิศทางไหน ดังนั้น นายกฯแพทองธารต้องแสดงเจตจำนงที่ชัดเจนว่าจะแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้เสียที พลิกกระบวนการแก้ปัญหาให้กระบวนการสันติภาพเป็นแนวทางการเมืองหลัก ถ้าปล่อยปะละเลยไว้ แนวทางและมุมมองแบบความมั่นคงก็ยังเป็นการครอบงำหน่วยงานราชการ การแก้ปัญหาของภาครัฐต่อ จนทำให้ปัญหามันค้างอยู่จนถึงปัจจุบัน และเรื่องที่นายกรัฐมนตรีต้องตัดสินใจคือวันที่ 19 ต.ค. นี้ เป็นวันสุดท้ายของการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่มีการประกาศมาอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นครั้งที่จะถึงนี้ต้องตัดสินใจว่าจะเอาอย่างไร ขยายเวลาต่ออีกหรือไม่ และอาจจะต้องทบทวนกฎหมายด้านความมั่นคงอื่นๆ ทั้งกฎอัยการศึก พ.ร.ก.ฉุกเฉินที่ยังใช้อยู่ และ พ.ร.บ.ความมั่นคงภายใน

จากนั้น นายรอมมฎอน ได้อภิปรายถึงการพิจารณาคดีตากใบในวันนี้พร้อมขึ้นสไลด์เป็นภาพนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีคู่กับเหตุการณืดังกล่าว และเขียนข้อความว่าความรับผิดชอบทางการเมืองจากประวัติศาสตร์บาดแผล #เหตุการณ์ตากใบ ทำให้นายธีระชัย แสนแก้ว สส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย ลุกประท้วงทันทีว่า อภิปรายถึงบุคคลภายนอก ขอให้เลิกพูดถึงบุคคลอื่นที่ไม่มีโอกาสมาพูดในนี้ เขาเป็นพ่อลูกกัน แต่ให้เขาขาดพ่อขาดลูกกันเถอะ

นายวันมูหะมัดนอร์ จึงได้เตือนนายรอมฎอนซ้ำอีกรอบว่า ให้พูดถึงวันนี้เท่านั้น ไม่ให้พูดถึงบุคคลภายนอก แต่นายรอมฎอน ชี้แจงว่า ที่ต้องพูดถึงเพราะจะชื่นชม และไว้เป็นบทเรียนให้นางสาวแพทองธารที่ต้องเป็นภาระในการตัดสินใจ


จากนั้น นายรอมฎอนได้เปิดสไลด์เดิมและอภิปรายต่อ ทำให้นายธีระชัยลุกประท้วงอีกรอบ พร้อมถามว่าภาพที่ขึ้น ถามประธานแล้วหรือยัง ถ้ายังเอาขึ้น ตนก็จะประท้วงอยู่แบบนี้ นายวันมูหะมัดนอร์ จึงได้เตือนว่าไม่ให้ใช้ภาพนี้อีก นายรอมฎอนจึงอภิปรายต่อโดยไม่ใช้ภาพถึงคดีตากใบว่าจะขาดอายุความอีก 43 วัน ซึ่งเมื่อ 2 ปีแล้วมีการขอโทษจากอดีตผู้นำของประเทศผ่านทางรายการหนึ่ง โดยเมื่อก่อนหน้านี้อดีตผู้นำคนหนึ่งก็เคยขอโทษมาแล้วคือ พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ อดีตนายกรัฐมนตรี ทำให้นายวันมูหะมัดนอร์ได้กดปิดไมค์และแจ้งว่าไม่ควรพูดถึงบุคคลอื่น

ต่อมานายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ สส.ฉะเชิงเทรา พรรคประชาชน ลุกขึ้นกล่าวว่า บุคคลที่นายรอมฎอนพูดถึงก็เป็นบุคคลที่มีอำนาจในการบริหารราชการแผ่นดินในอดีตจริง ทำให้นายวันหะมัดนอร์ กล่าวว่า ให้พูดถึงแค่รัฐบาลปัจจุบัน ไม่อนุญาตให้กล่าวถึงรัฐบาลในอดีต เพราะเป็นการพาดพิงถึงบุคลที่ไม่สามารถมาชี้แจงได้ นายจิรัฏฐ์ เลยสวนประธานว่าอดีตนี่แค่ไหน เมื่อวานนี้อดีตหรือไม่ เรื่องที่นายรอมฎอนพูดไม่ได้มีใครเสียหาย คนที่รับผิดชอบก็คือนายรอมฎอน ทำให้นายวันมูหะมัดนอร์ สวนกลับว่า ประธานก็ต้องร่วมรับผิดชอบด้วย เพราะปล่อยให้สมาชิกทำผิดข้อบังคับ

จากนั้น นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธานวิปรัฐบาล ลุกขึ้นประท้วงบ้าง ว่า ในเมื่อประธานมีข้อวินิจฉัยแล้ว ก็ถือว่าเป็นที่สิ้นสุด จะอ้างอย่างนั้นอย่างนี้ไม่ได้ ไม่เช่นนั้น การประชุมจะเดินต่อไม่ได้ ทำให้นายณัฐวุฒิ บัวประทุม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ประท้วงประธานว่า สไลด์ที่ขึ้นอภิปรายก็ได้ส่งให้ตรวจสอบแล้ว จึงอยากให้เป็นบรรทัดฐานเดียวกัน ที่จะไม่ให้ขึ้นภาพบุคคลภายนอกอื่นเลยใช่หรือไม่ ไม่ว่าภาพนั้นจะมาจากฝั่งไหน นายวันมูหะมัดนอร์ จึงวินิจฉัยว่าถ้าเป็นบุคคลภายนอกที่ไม่ทำให้เกิดความเสียหายและไม่มีการประท้วงก็สามารถอนุญาตให้เปิดได้ และขอให้เดินหน้าอภิปรายต่อ

จากนั้น นายรอมฎอนได้อภิปรายต่อว่าอดีตเป็นเรื่องที่เราต้องเรียนรู้ จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่มีปัญหายืดเยื้อมายาวนาน เพราะเราเพิกเฉยต่อสิ่งที่เราต้องเรียนรู้และบาดเจ็บ ประวัติศาสตร์ บาดแผลที่ผ่านมา บางเรื่องกลืนยาก เป็นยาขม แต่สังคมที่มีวุฒิภาวะ เราต้องก้าวผ่านไปด้วยกัน เรียนรู้และเก็บรับบทเรียน ก่อนจะเล่าถึงคดีตากใบด้วยอารมณ์ดุเดือดและเอามือทุบโต๊ะ

ซึ่งหลังจากนายรอมฎอนอภิปรายจบ จู่ๆ นายณัฐวุฒิ ใช้สิทธิ์หารือประธานต่อ ให้ประธานวินิจฉัยเรื่องการเอ่ยชื่อถึงบุคคลภายนอกที่ สส.เห็นว่ามีเหตุจำเป็นต้องเอ่ยชื่อ หรือจะบอกว่าจะเอ่ยถึงบุคคลภายนอกไม่ได้เลย เพราะขัดต่อระเบียบข้อบังคับ ทำให้นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม สส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย ประท้วงว่าวันนี้เป็นการแถลงนโยบายของรัฐบาลที่เปิดให้สมาชิกรัฐสภาได้อภิปรายช่องว่างของนโยบายที่จะบริหาร แต่เท่าที่ฟังการอภิปรายของหลายคน เหมือนอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายวันมูหะมัดนอร์ จึงกล่าวว่า ตนขอวินิจฉัยข้อหารือของนายณัฐวุฒิก่อนว่าประธานมีหน้าที่ทำให้การประชุมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ไม่ได้ห้ามเสียทั้งหมด ถ้าสะดวกเรียบร้อยก็ไม่มีปัญหาและไม่เกิดความเสียหาย นายครูมานิตย์ จึงพยายามกล่าวต่อว่าไม่อยากเห็นว่ามีบรรยากาศประท้วง จึงอยากให้ประธานทั้ง 2 คนควบคุมการประชุม แต่นายวันมูหะมัดนอร์สงสัยว่านายครูมานิตย์ประท้วงอะไร เพราะยังไม่มีใครทำผิด

จนกระทั่ง นางนุชนาถ จารุวงษ์เสถียร สส.ศรีสะเกษ พรรคเพื่อไทย ประท้วงประธานว่า ไม่มีความเป็นกลาง ปล่อยให้ผู้อภิปรายทำพฤติกรรมแบบนั้นได้อย่างไร

“ดิฉันคิดว่าท่านประธานปล่อยให้ทุบได้อย่างไร ทำพฤติกรรมแบบนั้น ดิฉันคิดว่าเป็นการตีกลอง ดิฉันเกือบเต้นใส่แล้วค่ะ”

ก่อนที่นายวันมูหะมัดนอร์ จะตัดบทและเข้าสู่การอภิปรายต่อ.-312.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

นายกฯ รับคลิปเสียงจริง ซัด “ฮุนเซน” ปล่อยหวังรัฐบาล-กองทัพแตกแยก

ทำเนียบ 18 มิ.ย.- นายกฯ รับคลิปเสียงคุย “ฮุนเซน” เป็นของจริง แจงปมบอกแม่ทัพภาคที่ 2 เป็นฝ่ายตรงข้าม เป็นเทคนิคการเจรจาต่อรองสร้างสันติภาพ หลัง “ฮุนเซน” โกรธ ชี้จุดประสงค์หวังสร้างคะแนนนิยมรัฐบาลกัมพูชาที่ไม่สนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ รับไม่ไว้ใจ จากนี้ไม่ขอคุยส่วนตัว ปัดตอบสัมพันธ์ 2 ตระกูล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงด่วนกรณีมีคลิปเสียงสนทนาระหว่างที่พูดคุยกับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา เผยแพร่ออกมาผ่านโซเชียลมีเดีย โดยยอมรับว่าเป็นคลิปจริง เป็นการคุยกันเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ซึ่งตนได้ทราบข้อมูลจากล่ามที่แปลว่า ทางสมเด็จฮุน เซน โกรธแม่ทัพภาคที่ 2 ที่มีการพูดกันก่อนหน้านั้น เมื่อได้คุยกัน ตนจึงบอกว่า แม่ทัพภาคที่ 2 พูดกันแบบนี้ ในเมื่อเราทั้งไทยและกัมพูชาเป็นฝั่งตรงข้ามกันอยู่แล้ว ในตอนนั้นก็ต้องพูดแบบนี้ อย่าไปคิดเลย ซึ่งเป็นสิ่งที่พยายามจะทำความเข้าใจ เพราะทางฝั่งสมเด็จฮุน เซน โกรธเรื่องนี้ และเป็นเทคนิคในการพูดหลังไมค์หลังบ้านแบบส่วนตัว ซึ่งการคุยโทรศัพท์ก็ไม่ควรเอามาเปิดเผย เพราะเป็นเทคนิคในการเจรจาพูดคุยต่อรอง ส่วนตัวคิดว่า ตนทำเพราะมีจุดมุ่งหมายและมีประเด็นที่จะรักษาไว้ซึ่งความสงบสุขของบ้านเมืองและรักษาอธิปไตยของไทยไว้ ให้ผลประโยชน์อยู่กับประเทศชาติและประชาชน ตนก็คุยด้วยความซอฟต์และความนุ่มนวล เพราะบางทีเวลาคุยกันส่วนตัวก็เรียกกันลุงหลาน […]

ทบ.ติดแฮชแท็กเซฟ มทภ.2

กทม. 18 มิ.ย.- ทบ.ติดแฮชแท็กเซฟ มทภ.2 ส่วนหน้าสโมสรกองทัพบก ถ.วิภาวดีรังสิต ขึ้นข้อความให้กำลังใจผ่านจอแอลอีดี ขณะที่เพจโซเชียลกองทัพ แห่โพสต์ข้อความ #ศักดิ์ศรีของทหาร 18 มิ.ย.68 ภายหลังจากที่มีคลิปเสียงการพูดคุยระหว่าง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภาและอดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา หลุดออกมา และมีการพูดถึง พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ว่าอยู่ฝั่งตรงข้าม ล่าสุดเพจเฟซบุ๊กของหน่วยทหารต่างๆ อาทิ กรมกิจการพลเรือนทหารบก ได้โพสต์ข้อความว่า พระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เรื่อง #ศักดิ์ศรีของทหาร 1. ทหาร คือ ผู้ที่ได้รับเกียรติอย่างสูงจากประชาชนทั้งชาติ ให้เป็นสุภาพบุรุษ ถืออาวุธเพื่อป้องกันประเทศ 2. ทหาร เป็นผู้เสียสละประโยชน์สุขส่วนตัว เพื่อความผาสุกของประชาชนและความอยู่รอดของชาติ 3. ทหาร คือ ผู้ที่รักและบูชาเกียรติยศมากกว่าเงิน นอกจากนี้ เพจ Smart Soldiers Strong […]

“อนุทิน” บอก “จบแล้วครับนาย” ขออย่าปรามาส จะเป็นฝ่ายค้านให้ดู

กทม. 18 มิ.ย.-“อนุทิน” สั่ง จนท.ขนของออกจากกระทรวง บอก “จบแล้วครับนาย” ไม่ต้องคุยนายกฯ หลัง “หมอมิ้ง” ยื่นไพ่ใบสุดท้าย ขออย่าปรามาส จะเป็นฝ่ายค้านให้ดู เตรียมซ้อมกับ “ไอซ์ รักชนก” เวลา 13.35 น. วันที่ 18 มิ.ย.68 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์หลังนายกฯ ระบุว่ายังไม่แจ้งเงื่อนไขการปรับ ครม. ว่า ตนยังไม่ได้ยิน ซึ่งเมื่อวานนี้ได้คุยกับ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกฯ ซึ่งเราก็บอกท่าทีเราไปแล้ว เมื่อถามว่า การขนของออกจากห้องทำงาน ถือเป็นการปิดประตูเจรจาหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ได้คุยกับ นพ.พรหมินทร์ ชัดเจนแล้วว่า เราคงไม่ได้เปลี่ยนอะไร และ นพ.พรหมินทร์ ได้ย้ำเงื่อนไขของพรรคเพื่อไทยว่าเป็นแบบนี้ เมื่อถามต่อว่า ต้องคุยกับนายกฯ อีกครั้งหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ตนยังไม่ได้คุยกับนายกฯ และเมื่อวาน […]

“ฮุน เซน” ปล่อยแล้ว คลิปเสียงฉบับเต็ม 17 นาที

กัมพูชา 18 มิ.ย. – “ฮุน เซน” ปล่อยแล้ว คลิปเสียงคุย “แพทองธาร” ฉบับเต็ม 17 นาที เผยบันทึกเสียงสนทนาเพื่อความโปร่งใส ส่งต่อให้บุคคลอื่นราว 80 คน เว็บไซต์ขแมร์ ไทม์ส รายงานว่า “นายฮุน เซน” ประธานวุฒิสภากัมพูชาเปิดเผยผ่านสื่อโซเชียล มีเนื้อหาระบุว่า “เมื่อเย็นวันที่ 15 มิถุนายน ผมได้สนทนาทางโทรศัพท์กับนายกรัฐมนตรีของไทยเป็นเวลา 17 นาที 6 วินาที โดยมีนายเคลียง ฮวต รองผู้ว่าราชการกรุงพนมเปญ ทำหน้าที่ล่ามแปลภาษา ซึ่งตามปกติแล้วเพื่อหลีกเลี่ยงการเข้าใจที่คลาดเคลื่อนหรือตีความหมายผิดในเรื่องที่เป็นทางการ จึงจำเป็นต้องทำการบันทึกเสียงสนทนาเพื่อความโปร่งใส รวมถึงเพื่อวัตถุประสงค์ภายในของกัมพูชาด้วย และจากนั้นเป็นต้นมา ตนเอง ก็ได้แชร์เทปเสียงสนทนานี้ให้กับบุคคลอื่นๆ ราว 80 คน ที่รวมถึงสมาชิกคณะกรรมการถาวรของพรรค คณะทำงานวุฒิสภา หน่วยงานเฉพาะกิจด้านการต่างประเทศ หน่วยงานด้านการศึกษาและการเข้าถึงกลุ่มกิจการชายแดน และสมาชิกกองกำลังติดอาวุธ ซึ่งในจำนวนคนเหล่านี้อาจมีความเป็นไปได้ที่จะมีบางคนที่ไม่พอใจนายกรัฐมนตรีของไทย ฮุน เซนโพสต์ต่อว่า “แต่หลังจากการสนทนาผ่านไปเพียงไม่กี่ชั่วโมง ผู้นำไทยกลับออกมากล่าวหาผู้นำกัมพูชาอย่างเปิดเผยว่าทำงานการเมืองอย่างไม่เป็นมืออาชีพ และขับเคลื่อนประเด็นทางการเมืองผ่านทางเฟซบุ๊ก […]

ข่าวแนะนำ

มทภ.4 กำชับเร่งสืบจับมือวางระเบิดงานกาชาดปัตตานี

ปัตตานี 20 มิ.ย. – แม่ทัพภาค 4 ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าเหตุลอบวางระเบิดงานกาชาดปัตตานี กำชับเร่งสืบจับผู้ก่อเหตุ เพิ่มความเข้มงวดรักษาความปลอดภัย ป้องกันเกิดเหตุซ้ำ ขณะที่บรรยากาศภายในงานกาชาดฯ หลายร้านตัดสินใจไม่ขายต่อ พล.ท.ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4 พร้อมคณะ เข้าตรวจสอบความเสียหาย รวมถึงติดตามความคืบหน้าเหตุลอบวางระเบิดงานกาชาดปัตตานี พร้อมกำชับตำรวจและฝ่ายปกครอง เพิ่มความเข้มงวดในการรักษาความปลอดภัย ป้องกันเกิดเหตุซ้ำ และปรับแผนให้รัดกุมยิ่งขึ้น ขณะที่บรรยากาศภายในงานกาชาดปัตตานี หลังเกิดเหตุระเบิด 3 ลูก เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (20 มิ.ย.68) พบว่า เจ้าของร้านต่างเร่งซ่อมแซมส่วนที่เสียหายให้กลับมาเปิดขายได้อีกครั้ง และพบว่าหลายร้านตัดสินใจไม่ขายต่อ หนึ่งในนั้นคือ ร้านขายไก่ทอด ไก่ย่าง ซึ่งได้รับบาดเจ็บจากเหตุดังกล่าว ตัดสินใจเดินทางกลับ จ.ตรัง โดยบอกว่า ไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ ตั้งแต่ขายมา ไม่ว่าจะที่ จ.ยะลา หรือนราธิวาส จึงรู้สึกกลัว แม้อยากทำมาหาเลี้ยงชีพ แต่รักชีวิตมากกว่า. – สำนักข่าวไทย

เขมรป่วน! นำมวลชน-พระสงฆ์ บุกปราสาทตาเมือนธม

สุรินทร์ 20 มิ.ย. – กัมพูชาป่วนไม่เลิก ล่าสุดนำมวลชน-พระสงฆ์ บุกปราสาทตาเมือนธม จ.สุรินทร์ ไล่นักท่องเที่ยวชาวไทยกลับ ทหารและฝ่ายปกครองต้องเตือนให้หยุด และให้กลับลงไปทันที นี่เป็นภาพขณะเจ้าหน้าที่ทหารและฝ่ายปกครองของไทย เข้าชี้แจงชาวกัมพูชาและพระสงฆ์กัมพูชา ประมาณ 15 รูป ซึ่งตอนแรกทำทีเป็นนักท่องเที่ยวมาเที่ยวชมปราสาทตาเมือนธม อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ในเวลาประมาณ 10.00 น. วานนี้ (19 มิ.ย.68) แต่ต่อมากลับพากันมายืนที่จุดจีพีเอส ขวางประตูทางเข้าตัวปราสาทตาเมือนธม และพูดกับคนไทยที่มาเที่ยวชมปราสาท ในลักษณะจะไม่ให้เข้า และข้ามหลักจีพีเอสไป ทั้งที่บริเวณดังกล่าวเป็นพื้นที่ของไทยทั้งหมด ขณะนั้นเจ้าหน้าที่ทหารและฝ่ายปกครอง อ.พนมดงรัก ที่ปฏิบัติการที่ปราสาทตาเมือนธม เห็นเข้า จึงรีบเข้าไปแจ้งเตือนและให้หยุดการกระทำดังกล่าวทันที โดยมีทหารฝ่ายกัมพูชาเข้ามาร่วมชี้แจงด้วย ก่อนจะพาชายคนดังกล่าวพร้อมคณะกลับลงไปฝั่งกัมพูชาทันที ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางกัมพูชาใช้ฐานปฏิบัติการทหารที่อยู่ตรงข้ามกับปราสาทตาเมือนธม เป็นจุดรวมผู้คนและพระสงฆ์ที่เกณฑ์มา ให้มารวมตัวกัน โดยทหารกัมพูชาที่มาอำนวยความสะดวกบริเวณปราสาทตาเมือนธม จะเป็นผู้รายงานว่า ฝั่งไทยมีความเคลื่อนไหวอย่างไร นักท่องเที่ยวชาวไทยขึ้นมาเยอะหรือไม่ จากนั้นก็จะแจ้งให้ทางกัมพูชาทราบและจัดคนขึ้นมาที่ตัวปราสาท แล้วก็มาป่วน พยายามสร้างกระแสยั่วยุฝั่งไทยอย่างต่อเนื่อง ทบ.แจงเหตุมวลชนเขมรบุกร้องเพลงบนปราสาทตาควาย จ.สุรินทร์ การยั่วยุลักษณะนี้เกิดขึ้นต่อเนื่อง โดยก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 18 มิถุนายนที่ผ่านมา […]

ไมค์โขกหัวนายกฯ

นายกฯ โพสต์แจง “ไมค์โขกศีรษะ” นักข่าวไม่ได้ตั้งใจ

กรุงเทพฯ 20 มิ.ย.- นายกฯ อิ๊งค์ แจงไมค์โขกศีรษะ นักข่าวไม่ได้ตั้งใจ บอกหน้างานเบียดกันมาก โดนไม่แรง พร้อมขอบคุณทุกกำลังใจ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีโพสต์ข้อความผ่านสตอรี่ไอจี กรณีมีไมค์ของสถานีโทรทัศน์ช่องหนึ่งโดนศรีษะของนายกรัฐมนตรี ระหว่างลงพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี และนายกรัฐมนตรีได้อุทาน ซึ่งนายกรัฐมนตรีชี้แจงว่า วันนี้ที่มีข่าวเรื่องไมโครโฟนโขกศีรษะ

รองเลขาธิการนายกฯ แจ้งความดำเนินคดี “ฮุนเซน”

กทม. 20 มิ.ย.-“สมคิด” รองเลขาธิการนายกฯ เข้าแจ้งความตำรวจไซเบอร์ ดำเนินคดี “ฮุนเซน” กรณีคลิปเสียงหลุด ยันไม่ได้แก้เกี้ยวให้ “แพทองธาร” ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือตำรวจไซเบอร์ นายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับสมเด็จฮุนเซน กรณีคลิปเสียงพูดคุยกับนายกรัฐมนตรี ความยาว 17.6 วินาที ที่หลุดออกมาจากฝั่งเขา จนสร้างความแตกแยก จึงได้แจ้งดำเนินคดีในข้อหาเกี่ยวกับภัยความมั่นคง ยืนยันไม่ได้เป็นการแก้เกี้ยวให้กับนายกฯ และไม่ได้เรียนให้นายกฯ ทราบว่าจะมาแจ้งความ พลตำรวจโทไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการตำรวจไซเบอร์ ยืนยันไม่ว่าการกระทำดังกล่าวจะเกิดขึ้นในหรือนอกราชอาณาจักร เป็นคนไทยหรือต่างชาติ หากทำลายความมั่นคง ก็สามารถดำเนินคดีตามกฎหมายไทยได้ โดยตำรวจจะรวบรวมพยานหลักฐาน สืบค้นแหล่งที่มาของต้นโพสต์ หารือกับอัยการสูงสุดและประสานสถานทูตประเทศนั้น เพื่อให้ส่งเอกสารไปยังประเทศปลายทางของผู้ที่ถูกออกหมายจับ ส่วนจะได้ตัวหรือไม่ ไม่อยากให้คาดการณ์.-สำนักข่าวไทย