“ชัยธวัช” เปิดเวทีผู้นำฝ่ายค้านพบประชาชน

รัฐสภา 3 ส.ค.-“ชัยธวัช” เปิดเวทีผู้นำฝ่ายค้านพบประชาชน ชี้ “ปลดล็อกวิกฤตงบประมาณ” 5 มติ ต้องคุ้มค่า-ตอบโจทย์ความท้าทายใหม่-เสริมพลังประชาชน-สร้างเสถียรภาพ-สร้างประชาธิปไตย ซัดต้องไม่ตอบโจทย์ระบบอุปถัมภ์ทางการเมือง “บ้านใหญ่”

นายชัยธวัช ตุลาธน ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวปาฐกถาพิเศษ โครงการผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรพบประชาชนประจำปีงบประมาณ 2567 ในหัวข้อปลดล็อกวิกฤตงบประมาณ ว่า การปลดล็อกวิกฤตงบประมาณ ไม่อยากให้หมายถึงแค่เรื่องการจัดสรรงบประมาณของรัฐบาลเท่านั้นแต่อยากเชิญชวนประชาชนให้คิดถึงการปลดล็อกระบบงบประมาณของประเทศที่จะยกเครื่องและปฏิรูปกันอย่างครั้งใหญ่ ซึ่งการดำเนินนโยบายสาธารณะและการผลักดันนโยบายต่างๆ ต้องคำนึงอย่างน้อย 3 เรื่องเพื่อให้ตอบโจทย์ คือ คน กฎ และ งบ


โดย คน หมายถึงหน่วยงานผู้ที่จะเข้ามาดำเนินนโยบาย ส่วนกฎ คือ กฎหมาย กฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง และงบฯ ก็คืองบประมาณที่ต้องนำมาใช้

นายชัยธวัช กล่าวว่า ฝ่ายนิติบัญญัติเกี่ยวข้องกับ 2 เรื่องคือเรื่องกฎ และงบประมาณ และถึงแม้งบประมาณจะเสนอมาจากฝ่ายบริหาร แต่ผู้ที่จะพิจารณาอนุมัติงบประมาณคือสภาผู้แทนราษฎรและรัฐสภาในฐานะที่เป็นสถาบันทางการเมืองที่ประชาชนเลือกเข้ามา ด้วยความสำคัญของงบประมาณซึ่งเกี่ยวข้องกับบทบาทของสภาผู้แทนราษฎรโดยตรงและสถานการณ์ปัจจุบันยังอยู่ในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2568 ซึ่งเป็นที่มาของการจัดเวทีในวันนี้


นายชัยธวัช ยังกล่าวว่า เวลาเราพูดถึงงบประมาณของรัฐบาลโดยเฉพาะในสภาวะที่เศรษฐกิจทดถอยหลายคนอาจนึกถึง ตัวG ใหญ่ นั่นคือค่าใช้จ่ายในภาครัฐ ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายในการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศแต่สำหรับเวทีในวันนี้อยากจะชวนคุย ชวนคิดถึงงบประมาณของรัฐที่ไม่ใช่ตัว G ใหญ่ในสมการทางเศรษฐศาสตร์อย่างเดียวเท่านั้น แต่อยากให้คิดถึงเรื่องของงบประมาณใน 5 มิติ คือ เรื่องของความคุ้มค่า เพราะงบประมาณมาจากภาษีของประชาชน แต่การจัดสรรงบประมาณของภาครัฐที่ผ่านมา เราจะเห็นได้ว่าไม่คุ้มค่าโดยมีสาเหตุมาจากอย่างน้อย 4 เรื่องประกอบด้วยการตั้งประมาณการของโครงการที่เกินจริง และการประเมินการต้นทุนโครงการที่ต่ำกว่าความเป็นจริง โดยเฉพาะโครงการที่เกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานไม่มีการใช้อย่างคุ้มค่าแบบที่มีการคาดการณ์เอาไว้ก่อนดำเนินโครงการ , ภาครัฐมักจัดทำตัวชี้วัดโดยเน้นแต่ผลผลิต เช่น ตั้งโครงการอบรมสัมมนาและตั้งตัวชี้วัดว่าจะสามารถจัดได้กี่ครั้งมีคนเข้ามาร่วมกี่คนแต่ไม่สนใจตัวชี้วัดที่เป็นผลลัพธ์ ว่า คนที่เข้าอบรมจะมีศักยภาพเท่าไหร่และได้อะไรจากการผ่านการอบรม ,ความซ้ำซ้อนการดำเนินงานทั้งของรัฐบาลและหน่วยงานในกระทรวงต่างๆ

ส่วนมติที่ 2 งบประมาณจะต้องตอบโจทย์ความท้าทายใหม่ๆของประเทศและต้องใช้งบประมาณอย่างคุ้มค่า สิ่งที่เราอยากเห็นคือ การจัดสรรงบประมาณ ระบบงบประมาณ ที่ต้องพร้อมจะรับมือกับความท้าทายใหม่ๆและสร้างโอกาสกับประเทศ ไม่ใช่การตั้งงบประมาณซ้ำแบบเดิม ตามความเคยชินแบบไม่มียุทธศาสตร์

สำหรับมิติที่ 3 คือ คือการเสริมพลังประชาชนให้กลุ่มที่ขาด ต้องใช้งบประมาณเข้าไปเสริมระบบ แต่การจัดสรร งบประมาณปี67และปี68 ไม่มีงบที่จะเข้ามาเสริมพลังประชาชนมากเท่าที่ควร ยังขาดการยกระดับเศรษฐกิจ เราจำเป็นต้องใช้งบประมาณในการเสริมพลังอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง ซึ่งการจัดสรรงบประมาณต้องไม่คิดแทนประชาชนเองหมดทุกเรื่อง เช่น โจทก์เรื่องสวัสดิการสำหรับเด็กเล็ก สวัสดิการการเลี้ยงดูบุตร พอไปดูไส้ในแล้วกลับไม่มีงบประมาณให้บรรลุเป้าหมายเหล่านี้โดยเฉพาะการส่งเสริมให้คนมีบุตร รวมถึงกลุ่มแรงงานที่จะต้องมีการพัฒนาอัพสกิล-รีสกิล พบว่ามีน้อยมากเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน ที่มีอัตราการเก็บภาษีใกล้เคียงกัน


การยกระดับรายได้ของเกษตรกร พบว่ามีปัญหาจำนวนมากทั้งภัยแล้ง หนี้เยอะ ไม่มีเทคโนโลยี แต่กลับไม่เห็นงบประมาณหรือแผนการในการดำเนินการเกี่ยวกับภาคการเกษตร แม้รัฐบาลจะมีโครงการชดเชยความเสียหายไร่ละ 1,000 บาทและโครงการปุ๋ยคนละครึ่งที่ตั้งงบประมาณเอาไว้ 3 หมื่นล้านบาทเป็นโครงการที่ไม่เข้าใจปัญหาของเกษตรกรอย่างแท้จริง เป็นการตั้งโครงการภายหลังจากที่เกษตรกรไม่ต้องการในการใช้ปุ๋ยไปแล้ว ซึ่งเราเคยชินกับการใช้งบประมาณและเสพติดกับการใช้งบประมาณในการอุดหนุนโดยไม่มีการสร้างแรงจูงใจเกี่ยวกับผลผลิตทางการเกษตร ดังนั้นงบประมาณที่เราอยากเห็นต้องตอบโจทย์ประเทศจะเผชิญกับความท้าทายใหม่ๆ

มิติที่ 4 คือ ระบบงบประมาณที่ดีต้องสร้างเสถียรภาพในระบบเศรษฐกิจด้วยการบริหารให้ มีพื้นที่ทางการคลังที่เพียงพอเพราะโลกในปัจจุบัน มีความไม่แน่นอนสูง เช่น โรคอุบัติใหม่ สถานการณ์ในตะวันออกกลาง เป็นต้น ซึ่งเราไม่รู้ว่าเราจะเจออะไรใหม่ๆแบบฉับพลัน ตนไม่ได้บอกว่าเราจะต้องบริหารงบประมาณแบบอนุรักษ์นิยมคือ
ไม่ใช้จ่ายเพียงแต่ ต้องมีสมดุลย์และพร้อมเสมอในการเผชิญกับสถานการณ์ความไม่แน่นอนของโลกยุคใหม่ที่จะเกิดขึ้น และต้องเชื่อมโยงกับโลกด้วย

“งบประมาณในการสร้างประชาธิปไตยต้องไม่เป็นแบบระบบอุปถัมภ์เหมือนเดิม ปฏิเสธไม่ได้ว่างบประมาณถูกนำไปใช้ในการสร้างระบบอุปถัมภ์ค้ำชูทางการเมือง ไม่ว่าจะเป็นการอุปถัมภ์การระหว่างรัฐมนตรีกับ สส. หรือการอุปถัมภ์การระหว่างฝ่ายการเมืองกับข้าราชการประจำ รวมถึงการใช้งบประมาณสร้างฐานการเมืองในพื้นที่ เสริมสร้างระบบการเมืองอุปถัมภ์ที่เรามักจะพูดกันว่า ”บ้านใหญ่“ ซึ่ง สส. ฝ่ายค้านได้ทดลองนำงบประมาณของกรมโยธาธิการและผังเมืองในการพัฒนาเมืองจัดสรรว่า งบประมาณถูกไปกระจุกตัวอยู่จุดใดบ้าง ในแง่การพัฒนาตอบโจทย์ชัดเจนการอุปถัมภ์ทางการเมืองหรือไม่ ” นายชัยธวัช ระบุ

นายชัยธวัช ยังระบุว่า ไม่อยากชวนมาวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลแต่จะให้มาร่วมกันคิดว่าเราจะจัดสรรงบประมาณอย่างไรด้วยความเชื่อว่าการมีส่วนร่วมของประชาชนในทางการเมืองและการทำหน้าที่อย่างเต็มที่ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร รวมถึงการกระจายอำนาจ การกระจายงบประมาณไปสู่ประชาชน ไปสู่ท้องถิ่น ในอนาคตเหล่านี้จะทำให้ประชาธิปไตยในระบบรัฐสภาตอบโจทย์ของสังคมและประชาชนมากขึ้น

จากนั้น ช่วงเช้าเป็นเวทีเสวนาความคืบหน้าและความผิดปกติของร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ 2568 โดยมีนายวรภาพ วิริยะโรจน์ สส. พรรคก้าวไกล, นายวุฒิพงศ์นามบุตร สส. พรรคประชาธิปัตย์, นายฐากร ตัณฑสิทธิ สส.พรรคไทยสร้างไทย แลั ผศ.ดร.อาทิตย์ ทองอินทร์ อาจารย์ประจำสาขาวิชารัฐศาสตร์มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช

ขณะที่ช่วงบ่ายจะเป็นการแบ่งกลุ่มย่อย เพื่อให้ประชาชนที่เข้าร่วมกิจกรรมได้มีส่วนร่วมและมีวิทยากรซึ่งเป็น สส. จากพรรคร่วมฝ่ายค้าน โดยกลุ่มที่หนึ่งเป็นหัวข้อการปรับกระบวนการและวิธีการงบประมาณปี 2569, กลุ่มที่สอง เป็นตัวอย่างกระบวนการงบประมาณเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและสร้างสรรค์เศรษฐกิจอุตสาหกรรมใหม่, กลุ่มที่สามตัวอย่างกระบวนการงบประมาณเพื่อการพัฒนาทักษะฝีมือของแรงงาน, กลุ่มที่สี่ตัวอย่างกระบวนการงบประมาณในการพัฒนารัฐบาลดิจิทัลและการควบคุมอาชญากรรมออนไลน์.-316.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” รายชื่อตรงตามโผ

กทม. 19 ก.ย.-โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” นั่งนายกฯ ควบมหาดไทย พร้อมตั้ง รองนายกฯ 6 คน รมต.สำนักนายกฯ 4 คน ขณะรายชื่อตรงตามโผ ไม่มีเปลี่ยนแปลง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย. 68) เวลา 09.30 น. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ สำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี โดยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 7 กันยายนพุทธศักราช 2568 แล้วนั้น บัดนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เลือกผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดินสืบต่อไปแล้ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเก้าแต่งตั้งรัฐมนตรีดังต่อไปนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ […]

“เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง

กรุงเทพฯ 19 ก.ย. – “เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง เชื่อ 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต หลังจากนี้จะใช้ชีวิตของตัวเองอุทิศให้ประชาชนและประเทศชาติ ชี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์บ้านเมืองว่าจะออกมาเคลื่อนไหวอีกหรือไม่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก สื่อมวลชนอาวุโส กล่าวขอบคุณกระบวนการยุติธรรม และศาลด้วยที่ความเมตตากับตนเอง ที่ผ่านมาเราต่อสู้ด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม สำหรับการตัดสินในวันนี้ทำให้รู้สึกโล่งใจ ดีใจทำให้เรารู้ว่าหลังจากนี้เราจะใช้ชีวิตของเราอย่างไรต่อ เพราะถือว่าเป็นคดีสุดท้าย 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต ต่อจากนี้เป็นต้นไปขอทำหน้าที่สื่อมวลชนที่ดีเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดชีวิตนี้จะอุทิศให้กับพี่น้องประชาชนและประเทศชาติ พร้อมบอกว่าเป็นคดีสุดท้ายใน 20 ปี ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา เราใช้วิชาชีพของตัวเองใช้ความเชี่ยวชาญของตัวเองรับใช้พี่น้องประชาชน ถือว่าเป็น 20 ปี ที่คุ้มมาก พี่น้องประชาชนให้กำลังใจเราเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะคนที่ร่วมมือกับเราในการแสวงหาข้อมูล เรารู้สึกว่ามีคนรักเรามาก และความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น เรานำเสนอความจริง เมื่อถามว่าที่ผ่านรู้สึกอย่างไรได้มีเตรียมใจไว้หรือไม่ น.ส.อัญชะลี ระบุว่า ทุกอย่างเตรียมความพร้อม ทุกอย่างไม่ต้องแอบทำใจ หากเราสู้จนถึงที่สุดแล้วอะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องเกิด ขอบคุณทุกหน่วยงานที่เคยช่วยเหลือทั้งในเรื่องเอกสาร หรืออื่นๆ ส่วนเหตุผลที่ศาลพิจารณายกฟ้องในคดีนี้ คือ ศาลเห็นว่าพยานให้การไม่ตรงกันในหลายประเด็นทั้งพยานวัตถุ […]

ศาลฎีกานัดฟังคำพิพากษาคดีม็อบพันธมิตรบุกยึด NBT ปี51

ศาลอาญา 19 ก.ย. – วันนี้ที่ศาลอาญา รัชดา ได้นัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา หรือคดีแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหรือ พธม. นำผู้ชุมนุมบุกยึดสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย หรือ NBT เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2551 หรือเมื่อ 17 ปีก่อน ในช่วงระหว่างการชุมนุมขับไล่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ในขณะนั้น ซึ่งศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาในเวลา 10:00 น. โดยคดีดังกล่าวมีจำเลย 4 คน ได้แก่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก, นายภูวดล ทรงประเสริฐ, นายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที และนายชิติพัทธ์ ลิ้มทองกุล ซึ่งเป็นน้องชายของนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำ พธม. ทั้งหมดถูกฟ้องในความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป อั้งยี่ซ่องโจร บุกรุก และทำให้เสียทรัพย์ เนื่องจากปรากฏหลักฐานว่า จำเลยทั้งห้าเป็นระดับหัวหน้าและผู้สั่งการให้กระทำความผิด ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ได้มีจำเลยอีก 1 คน คือ นายสมเกียรติ […]

‘มาครง’ เตรียมเสนอหลักฐานยืนยัน ‘บริฌิตต์’ เป็นหญิงไม่ใช่ชาย

ปารีส 19 ก.ย. – ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส และบริฌิตต์ ภริยา เตรียมเสนอหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ต่อศาลสหรัฐเพื่อพิสูจน์ว่าบริฌิตต์เป็นผู้หญิงจริงๆ ไม่ใช่ผู้ชาย ทนายความของประธานาธิบดีมาครงและบริฌิตต์ บอกว่า ทั้งคู่จะยื่นเอกสารเหล่านี้ในคดีหมิ่นประมาทที่ทั้งสองได้ยื่นฟ้อง แคนแดซ โอเวนส์ อินฟลูเอนเซอร์ฝ่ายขวาชาวอเมริกัน ที่เผยแพร่ความเชื่อของตนผ่านทางสื่อและรายการพ็อคแคสต์ของตนเองว่าบริฌิตต์ เกิดมาเป็นผู้ชาย ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เธอเสียใจและไม่สบายใจอย่างมากกับข้อกล่าวหาดังกล่าว และเรื่องนี้รบกวนจิตใจของประธานาธิบดีฝรั่งเศส แม้จะไม่ได้ทำให้มาครงสมาธิหลุดจากภารกิจหน้าที่ของเขาในฐานะผู้นำประเทศ แต่มันก็เป็นเรื่องรบกวนจิตใจของคนที่ต้องรับผิดชอบทั้งเรื่องครอบครัวและเรื่องงาน ซึ่งตัวประธานาธิบดีก็ไม่มีข้อยกเว้น ในส่วนของการยื่นหลักฐานต่อศาลนั้น ทนายความของมาครงและภริยาบอกว่า ทั้งคู่พร้อมที่จะแสดงหลักฐานอย่างชัดเจนทั้งในภาพรวมและในรายละเอียด รวมถึงคำให้การจากผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะเป็นลักษณะทางวิทยาศาสตร์เพื่อพิสูจน์ว่าข้อกล่าวหานั้นเป็นเท็จ แม้จะเป็นกระบวนการที่บริฌิตต์จะต้องเผชิญต่อหน้าสาธารณชนอย่างเปิดเผย แต่เธอก็ยินดีที่จะทำ เธอตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อทำให้เรื่องนี้กระจ่าง สำหรับประเด็นเรื่องบริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ถูกเผยแพร่ครั้งแรกตามสื่อออนไลน์ของฝ่ายขวาและกลุ่มต่อต้านวัคซีนในฝรั่งเศสตั้งแต่ปี 2021 ต่อมา แคนแดซ โอเวนส์ อดีตนักวิจารณ์ของเดลี่ไวร์ (Daily Wire) สำนักข่าวสายอนุรักษ์นิยมของสหรัฐฯ ซึ่งมีผู้ติดตามบนโซเชียลมีเดียหลายล้านคน ได้เผยแพร่มุมมองของตนเองหลายครั้งว่า บริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ที่มีชื่อว่า ฌอง-มิเชล ทรอกโนซ์ (Jean-Michel Trogneux) ก่อนที่จะแปลงเพศในเวลาต่อมา ถึงขั้นอ้างว่าเธอพร้อมเดิมพันชื่อเสียงในอาชีพทั้งหมดของเธอกับข้อกล่าวหานี้ ส่งผลให้มาครงและภริยายื่นฟ้องต่อศาลสหรัฐฯ […]

ข่าวแนะนำ

นายกสมาคมค้าทองคำ รับทองขึ้นเร็ว-แรง สิ้นปีทองไทยอาจแตะ 59,000 บาท

กรุงเทพฯ 23 ก.ย. – ทองไทยทุบสถิตินิวไฮรอบใหม่ เปิดตลาดพุ่งพรวด 550 บาท ทองไทยแตะ 57,300 บาท ตามราคาทองโลกที่นิวไฮต่อเนื่อง นายกสมาคมค้าทองคำ รับทองขึ้นเร็ว-แรงกว่าคาด สิ้นปีทองไทยอาจแตะ 59,000 บาท สมาคมค้าทองคำรายงานราคาทองคำเปิดตลาดเช้านี้ (23 ก.ย.) เวลา 09.04 น. ปรับเพิ่มขึ้นทันที 550 บาท โดยทองแท่ง ราคารับซื้อ 56,400 บาท ขายออก 56,500 บาท ทองรูปพรรณ รับซื้อ 55,273.36 ขายออก 57,300 บาท แตะระดับสุงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ โดยล่าสุดเมื่อเวลา 09.49 น. ปรับเปลี่ยนไปแล้ว 3 ครั้ง ทองแท่ง รับซื้อ 56,300 บาท ขายออก 56,400 บาท ทองรูปพรรณ รับซื้อ […]

“แม่ทัพกุ้ง” รับเคยถูกทาบนั่งตำแหน่งระดับสูง แต่ปฏิเสธ มองไม่ยั่งยืน

กองทัพบก 23 ก.ย.- “แม่ทัพกุ้ง” เผยการเมืองทาบทามนั่งตำแหน่งระดับสูง แต่ปฏิเสธ มองไม่ยั่งยืน ขอเป็นที่ปรึกษาเพื่อนๆ ในกองทัพ ย้ำ ปะทะรอบ 2 ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ มองเหตุพื้นที่สระแก้ว-กปจ.ชต.เชื่อมต่อ ทภ.2 เส้นเขตแดนเดียวกัน พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่2 ตรวจเยี่ยมศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ภายในกองบัญชาการกองทัพบก พร้อมร่วมร้องเพลงชาติกับเด็ก โดยพลโทบุญสิน กล่าวย้ำว่า แม้จะเกษียณอายุราชการในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ ยืนยันว่าจะยังคงช่วยงานของกองทัพอย่างแน่นอน แม้ไม่ได้แต่งเครื่องแบบทหารแล้ว ยังสามารถเป็นที่ปรึกษาให้กับเพื่อน ๆ ได้ พร้อมยืนยันว่าจะไม่ทำงานด้านการเมือง และที่ผ่านมา ตนได้เข้าไปพูดคุยกับนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อเราบอกว่าไม่ได้เล่นการเมือง เขาก็เปิดใจ พูดคุยกับเรา ยืนยันตนจะรักษาสถานภาพนี้ไปเรื่อยๆ ไม่เอาเรื่องการเมืองเข้ามายุ่ง รับว่ามีคนติดต่อเข้ามา จะให้ตำแหน่งระดับสูงทางการเมือง แต่ก็ไม่เอา มองว่าไม่ยั่งยืน นอกจากนี้พลโทบุญสิน ยังกล่าวถึงการเตรียมความพร้อมการประชุม คณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค ไทย-กัมพูชา(RBC) ว่า ยังไม่ได้กำหนดวัน ส่วนการถอนอาวุธหนักออกจากพื้นที่ตามข้อตก การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา (GBC)ที่ให้รือกันภายใน3สัปดาห์ นั้น ยังไม่ได้มีการพูดคุยกัน ซึ่งยอมรับว่าเป็นสิ่งที่เขาพูดกันเอาไว้ แต่ก็ต้องรอดูสถานการณ์ […]

ราคาหมูร่วงจากกำลังซื้อหด-ศก.ซบ-แรงงานต่างชาติหาย

กรุงเทพฯ 23 ก.ย.- ราคาหมูร่วงจากกำลังซื้อหด-เศรษฐกิจซบ-แรงงานต่างชาติหาย สมาคมผู้เลี้ยงหมูผนึกกำลังร่วมแก้ปัญหา ขายหมูราคาพิเศษ นำร่องวันนี้ “2 กก. ราคา 100 บาท” ตัดวงจรลูกสุกร เก็บหมูเข้าห้องเย็น จำกัดน้ำหนักเข้าเชือด หวังดึงตลาดกลับสู่สมดุล ราคาสุกรขุนหน้าฟาร์มปรับตัวลดลงต่อเนื่องตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา ปัจจุบันเหลือเพียง 52-64 บาท/กก.กำลังกลายเป็นปัญหาที่สร้างแรงกดดันต่อเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรทั่วประเทศ นายสิทธิพันธ์ ธนาเกียรติภิญโญ นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ กล่ววว่า สมาคมฯเร่งออกมาตรการเร่งด่วนเพื่อสร้างเสถียรภาพตลาด ซึ่งราคาหมูตกต่ำเกิดจากหลานปัจจัย ทั้งภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว กำลังซื้อของประชาชนที่ลดลงต่อเนื่อง การหดตัวของภาคการท่องเที่ยวและร้านอาหาร รวมถึงการที่แรงงานกัมพูชาจำนวนมากเดินทางกลับประเทศ ส่งผลให้การบริโภคลดลง นอกจากนี้ ฝนที่ตกยาวนานยิ่งทำให้การจับจ่ายไม่คึกคัก ผลที่ตามมาคือปริมาณสุกรมีมากเกินความต้องการบริโภค ราคาขายหน้าฟาร์มตกต่ำลงจนต่ำกว่าต้นทุนการผลิต เกษตรกรจำนวนไม่น้อยเริ่มประสบภาวะขาดทุนสมาคมฯ จึงวางมาตรการสำคัญหลายด้าน ได้แก่ การจัดกิจกรรม “หมู 2 โล 100” เพื่อกระตุ้นการบริโภค ซึ่งจะจัดพร้อมกันทั่วประเทศในวันที่ 1 ตุลาคมนี้ นอกจากนี้ยังมีมาตรการเพื่อเร่งลดปริมาณสุกรในตลาด ได้แก่ โครงการตัดวงจรลูกสุกร นำมาทำหมูหันทันทีจำนวน 100,000 ตัว เพื่อลดซัพพลายในช่วง 4 […]

คาดพายุ “รากาซา” ขึ้นฝั่งเวียดนาม 25-26 ก.ย. ไทยตอนบนฝนตกต่อเนื่อง

กรุงเทพฯ 23 ก.ย. – กรมอุตุนิยมวิทยาคาดพายุ “รากาซา” จะอ่อนกำลังลงเป็นพายุโซนร้อนก่อนขึ้นฝั่งเวียดนามตอนบน 25–26 ก.ย.นี้ ส่งผลร่องมรสุมและมรสุมตะวันตกเฉียงใต้มีกำลังแรงขึ้น เตือนภาคเหนือ อีสาน และตะวันออกตอนล่าง เสี่ยงฝนตกหนัก น้ำหลาก น้ำท่วมฉับพลัน นายสมควร ต้นจาน ผู้อำนวยการกองพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา (22 ก.ย.) พายุไต้ฝุ่น “รากาซา” ได้เคลื่อนตัวลงสู่ทะเลจีนใต้ตอนบนแล้ว ขณะนี้กำลังเคลื่อนตัวทางตะวันตก มุ่งหน้าไปยังเกาะฮ่องกง จากนั้นจะเลียบชายฝั่งประเทศจีน ผ่านเกาะไหหลำ และลงสู่อ่าวตังเกี๋ย โดยคาดว่า จะอ่อนกำลังลงเป็นพายุโซนร้อนก่อนเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามตอนบนช่วงวันที่ 25–26 กันยายน 2568 แม้พายุจะมีแนวโน้มอ่อนกำลังลงเร็ว เนื่องจากปะทะกับมวลอากาศเย็นที่แผ่ลงมาจากจีนตอนใต้ แต่ยังคงส่งผลกระทบต่อสภาพอากาศในไทย โดยเฉพาะการเสริมกำลังของร่องมรสุมและมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ทำให้หลายพื้นที่ในประเทศไทยตอนบนมีแนวโน้มฝนตกหนักเพิ่มขึ้น สำหรับฝนช่วงวันที่ 23–30 กันยายน 2568 ยังคงได้รับอิทธิพลจากร่องมรสุมที่พาดผ่านภาคเหนือตอนล่างและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ร่วมกับลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางถึงค่อนข้างแรง โดยร่องมรสุมยังขยับขึ้น-ลง พื้นที่ที่ต้องเฝ้าระวังฝนตกหนักถึงหนักมาก ได้แก่ สำหรับประชาชนใน ลุ่มน้ำเจ้าพระยา […]