ยื่นหนังสือจี้รัฐหนุนมาตรการคว่ำบาตรช่องทางการเงิน ‘เมียนมา’

รัฐสภา 25 ก.ค.- พันธมิตรชานม-เครือข่ายในเมียนมา ยื่นหนังสือต่อ กมธ.ความมั่นคงฯ เรียกร้องปฏิบัติตามข้อแนะนำของผู้รายงานพิเศษสหประชาชาติ ร่วมกันคว่ำบาตร MEB และ MOGE หยุดการมีส่วนร่วมสนับสนุนรัฐประหารในเมียนมา


นายรังสิมันต์ โรม สส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ รับหนังสือจากตัวแทนกลุ่มพันธมิตรชานมไทย ร่วมกับองค์กรเครือข่าย 240 องค์กร ภาคประชาคมในเมียนมา และองค์กรระหว่างประเทศ เรียกร้องให้ร่วมกันคว่ำบาตรธนาคารเศรษฐกิจเมียนมา (Myanma Economic Bank: MEB) และบริษัทวิสาหกิจน้ำมันและก๊าซเมียนมา (Myanma Oil and Gas Enterprise: MOGE) เนื่องจากคณะรัฐประหารได้ใช้ทุนจากองค์การรัฐวิสาหกิจซื้ออาวุธเชื้อเพลิงสำหรับอากาศยาน และเข้าถึงตลาดการเงินระหว่างประเทศ

ตัวแทนกลุ่มพันธมิตรชานมไทย และเครือข่ายเมียนมา กล่าวว่า สหภาพยุโรปคว่ำบาตร MOGE เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2565 ทำให้คณะรัฐประหารสูญเสียเงินอย่างน้อย 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่อเมริกาคว่ำบาตร MOGE ได้เพียงบางส่วน และบริษัท PTT Group ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจเชื้อเพลิงฟอสซิลของรัฐไทย ยังคงจ่ายรายได้จากก๊าซหลายสิบล้านดอลลาร์ต่อเดือนให้กับบัญชี MOGE ที่ถูกควบคุมโดยคณะรัฐประหาร


ทั้งนี้ อเมริกาเพิ่งตอบรับข้อเรียกร้องในการคว่ำบาตรธนาคาร Myanmar Foreign Trade Bank (MFTB) และธนาคาร Myanmar Investment and Commercial Bank (MICB) แต่ยังเหลือช่องทางที่เผด็จการทหารเปลี่ยนไปใช้ธนาคาร Myanma Economic Bank (MEB) และธนาคาร Myanma Agriculture Development Bank (MADB) แทน ซึ่งฝั่งสหภาพยุโรป และอังกฤษยังไม่ได้คว่ำบาตรธนาคารทั้งหมดที่ว่า ขณะที่แคนาดาและออสเตรเลียคว่ำบาตรเพียงธนาคาร MFTB และ MICB เท่านั้น

นอกจากนี้ ยังมีการขนส่งอาวุธ และอุปกรณ์ทางทหารในเมียนมาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงระบุสถาบันการเงินที่ให้บริการธุรกรรม เกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างของกองทัพ ซึ่งกองทัพพึ่งพิงรายได้จากก๊าซธรรมชาติมากขึ้นจากเดิมหลายเท่า แสดงให้เห็นข้อสำคัญ 2 เรื่อง คือ มาตรการระหว่างประเทศสามารถขัดขวางห่วงโซ่อุปทานของเผด็จการทหารอย่างมีประสิทธิภาพ และพบว่าปริมาณอาวุธในกองทัพลดลงเป็นอย่างมากจริง ในส่วนของอาวุธที่จำหน่ายโดยบริษัทจดทะเบียนในสิงคโปร์ ซึ่งมีธนาคารของสิงคโปร์ช่วยให้บริการทางการเงิน

แม้ว่าอาเซียนยังคงยึดหลักฉันทามติ 5 ข้อ และเลือกที่จะทำตามหลักการ ‘ไม่แทรกแซงกิจการภายใน’ แต่ประเทศไทยกลับอนุญาตให้ ปตท. และธนาคารไทย เป็นแหล่งทุนให้เผด็จการทหารเมียนมา และปล่อยให้ธนาคารไทยและบริษัทต่าง ๆ เปิดทางให้เผด็จการทหารเข้าถึงอาวุธและเชื้อเพลิงอากาศยาน จึงยื่น 6 ข้อเรียกร้อง ดังนี้


  1. ขอให้ประชาคมระหว่างประเทศปฏิบัติตามข้อแนะนำของผู้รายงานพิเศษสหประชาชาติ โดยเฉพาะการร่วมมือคว่ำบาตรต่อธนาคารที่เป็นรัฐวิสาหกิจของเมียนมา กลุ่มภาคธุรกิจก๊าซธรรมชาติและเชื้อเพลิงอากาศยาน สหรัฐอเมริกาต้องคว่ำบาตรธนาคาร MEB และ MADB รวมถึงคว่ำบาตร MOGE อย่างเต็มรูปแบบโดยทันที คณะรัฐมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ และประเทศสมาชิก รวมถึงอังกฤษ และสหภาพยุโรป ควรคว่ำบาตรต่อธนาคาร MFTB, MICB, MEB และ MADB และปฏิบัติตามมาตรการคว่ำบาตรบริษัท MOGE ที่นำโดยสหภาพยุโรป
  2. ขอให้ประเทศสมาชิกสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ASEAN) ไม่นิ่งเฉยต่อปัญหานโยบายของไทยอันชัดเจน ที่อนุญาตให้กลุ่ม ปตท. และธนาคารไทย สนับสนุนเผด็จการทหารเมียนมาอยู่เบื้องหลัง
  3. ขอให้รัฐบาลไทยสนับสนุนมาตรการคว่ำบาตร อันเป็นการตัดการเข้าถึงบริการทางการเงินระหว่างประเทศของเผด็จการทหารเมียนมา และตัดการเข้าถึงรายได้จากก๊าซ พร้อมดำเนินการตามการนำของสิงคโปร์ เพื่อให้แน่ใจว่าธนาคารในไทย ไม่ได้อำนวยการจัดซื้ออาวุธ และเชื้อเพลิงอากาศยานของเผด็จการทหารเมียนมา
  4. ขอให้ธนาคารไทยปฏิบัติตามข้อผูกพันภายใต้หลักการชี้แนะว่าด้วยธุรกิจ และสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ ยุติการทำธุรกรรมทั้งหมด อันเป็นการสนับสนุนเผด็จการทหารเมียนมา
  5. ขอให้บริษัท ปตท. ยุติการมีส่วนร่วมในการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง และปิดกั้นรายได้ก๊าซธรรมชาติของเผด็จการทหารเมียนมา ตามเสียงเรียกร้องจากภาคประชาสังคมเมียนมา รัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ (NUG) และพรรคก้าวไกล
  6. ขอให้ผู้ถือหุ้นของบริษัท ปตท. ดำเนินการตามการนำของกองทุน Norwegian Sovereign Wealth Fund และ Rebeco และถอนการลงทุนจากกลุ่ม ปตท. เนื่องจากมีส่วนเกี่ยวข้องกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนในเมียนมา

ด้านนายรังสิมันต์ กล่าวว่า กมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐ พยายามติดตาม และแก้ปัญหาเรื่องนี้อยู่ ในวันที่ 2 ส.ค.นี้ คณะ กมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐ จะเดินทางไปที่ธนาคารแห่งประเทศไทย และช่วงปลายเดือนสิงหาคม จะเดินทางไปที่กระทรวงการต่างประเทศ เพื่อแก้ปัญหาในเรื่องนี้ .-317

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

ศาล รธน. สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก”

ศาล รธน. 25 ส.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก” ชี้บิดเบือน-ทำเสียหาย ศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารข่าว ระบุว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งพิจารณาคดี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2568 ไต่สวนพยานบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกมาให้ถ้อยคำ จำนวน 2 ปาก ได้แก่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้อง และนายฉัตรชัย บางขวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เรื่อง ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ เมื่อเสร็จสิ้นการไต่สวนแล้ว ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้เข้าฟังการไต่สวนนำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่ และห้ามไม่ให้บิดเบือนข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายในลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน อันเป็นคำสั่งศาลตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 […]

“แพทองธาร” รีโพสต์โต้คลิปบิดเบือน ยันศาลบอก “นั่งลงครับ”

กรุงเทพฯ 25 ส.ค.- “แพทองธาร” รีโพสต์สตอรี่ไอจี โต้ดรามาคลิปบิดเบือน ยันศาล รธน. บอก “นั่งลงครับ” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รีโพสต์สตอรี่ในอินสตราแกรมของสำนักข่าว VOICE TV ยืนยันไม่เป็นความจริง ต่อกระแสดรามาปล่อยคลิปเสียงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พูดว่า “นั่งลงลูก” ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวคําปฏิญาณ ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน คดีคลิปสนทนากับ ฮุน เซน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในคลิปดังกล่าวมีข้อความระบุว่า ฟังชัดๆๆ ศาลบอกว่า “นั่งลงครับ” ไม่ใช่ “นั่งลงลูก” อย่างที่มีคนปั่น!! อย่ามั่ว อย่าบิดเบือนข่าว อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงเช้าวันนี้ (25 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร จะดำเนินการเรื่องการส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลนัดยื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันนี้ ก่อนจะนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 15.00 น.-316 -สำนักข่าวไทย

ปลัด มท. สั่งสอบด่วน ปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ

ไอคอนสยาม 25 ส.ค.- ปลัด มท. เผยยังไม่ได้รับรายงานปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ สั่งกรมการปกครองสอบด่วน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานว่า มีกลุ่มบุคคลสแกนม่านตาประชาชนและชักชวนให้เข้าไปใช้แอปพลิเคชันเพื่อแลกกับเงินหรือเหรียญในระบบ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง กระทรวงมหาดไทยจะสั่งการให้กรมการปกครองดำเนินการแก้ไขและจัดการอย่างถูกต้องทั่วประเทศอย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง สามารถแจ้งเรื่องมายังกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ทุกจังหวัดดำเนินการตรวจสอบตามข้อเท็จจริง ส่วนกรณีที่มีรายงานว่ายังมีการดำเนินการในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปลัดกระทรวงมหาดไทยยืนยันว่าจะเร่งตรวจสอบทั้งที่สุราษฎร์ธานีและทุกจังหวัดที่ได้รับเรื่องร้องเรียน ทั้งนี้ การตรวจสอบจะพิจารณาว่าความผิดปกติเกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลอื่น หากพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทรวงมหาดไทยจะดำเนินการตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยย้ำให้ประชาชนมั่นใจว่า กระทรวงพร้อมตรวจสอบอย่างโปร่งใส.-319 -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผยภาคเหนือฝนตกหนักบางแห่ง-กทม.ฟ้าคะนอง 40%

กรุงเทพฯ 28 ส.ค. – กรมอุตุฯ เผยมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณ จ.แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย และน่าน ระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 40% กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนอง และมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนโดยเฉพาะบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย และน่าน ระวังอันตรายจากฝนตกหนัก และฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านประเทศเมียนมา ตอนบนของภาคเหนือ เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศลาว และเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบน มีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบน มีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนอ่าวไทยตอนบนและทะเลอันดามันตอนล่าง มีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง กรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ […]

กั้นแนวถนนบ้านหนองจาน ตามประกาศเคอร์ฟิว

สระแก้ว 27 ส.ค. – มวลชนชาวไทยร่วมร้องเพลงชาติ ที่บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว เมื่อเวลา 18.00 น. จากนั้นทหารขอความร่วมมือให้ออกนอกพื้นที่ ตามประกาศเคอร์ฟิว ก่อนนำลวดหนามและเครื่องกีดขวาง กั้นแนวขอบถนนศรีเพ็ญ ห้ามผู้ใดข้ามไป เพื่อความปลอดภัย. – สำนักข่าวไทย

ดินถล่มหมู่บ้าน อ.แม่แจ่ม ตาย 3 สูญหาย 6

เชียงใหม่ 27 ส.ค. – ฝนที่ตกหนักจากฤทธิ์ของพายุ “คาจิกิ” ทำให้เกิดดินถล่มในหมู่บ้านปางอุ๋ง ซึ่งอยู่บนดอยสูง อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ มีผู้เสียชีวิตแล้ว 3 ราย บาดเจ็บ 15 ราย และยังสูญหายอีก 6 ราย สภาพหมู่บ้านเต็มไปด้วยดินโคลนที่ถล่มลงมาทับบ้านเรือนเสียหายนับร้อยหลัง. – สำนักข่าวไทย

“มาริษ” แจงข้าหลวงใหญ่ UN ปมกัมพูชา

สวิตเซอร์แลนด์ 27 ส.ค.-“มาริษ” เผยคุยรองข้าหลวงใหญ่ UN ปมไทย-กัมพูชา สัญญาณบวก เข้าใจไทยไม่ทำผิดกติการะหว่างประเทศ ไม่เห็นด้วย “ฮุน เซน” อัดเสียงคุยนายกฯ และการใช้สงครามข่าวปลอม นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เข้าพบหารือกับนางนาดา อัล-นาชิฟ (Nada Al-Nashif) รองข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ เพื่อแสดงข้อมูลหลักฐานและชี้แจงข้อเท็จจริงต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างไทยกับกัมพูชา นายมาริษ เปิดเผยภายหลังการหารือว่า ได้เล่าให้รองข้าหลวงใหญ่ฯ ฟังถึงการละเมิดสิทธิมนุษยชนของกัมพูชาในหลายประเด็น ซึ่งรองข้าหลวงใหญ่ฯมีความเห็นที่สนับสนุนประเทศไทยในหลายเรื่อง และมีท่าทีที่เป็นห่วงประเทศไทยมาก ซึ่งตนได้ชี้แจงข้อเท็จจริง โดยเฉพาะการที่กัมพูชาใช้โซเชียลมีเดียโจมตีไทยมานานแล้ว มีการให้ข้อมูลว่าไทยลอกเลียนแบบวัดและประวัติศาสตร์ของกัมพูชา ซึ่งไทยพยายามแก้ไขปัญหานี้ด้วยความอดทนอดกลั้น และพยายามชี้แจงให้เห็นว่าเป็นประวัติศาสตร์ที่ก่อตั้งกันมาจากรากเหง้าทางวัฒนธรรมเดียวกัน ไทยต้องการแก้ไขปัญหาไม่ต้องการแสดงความร้าวฉานระหว่างชุมชนและ ประชาชนของทั้งสองประเทศ และเมื่อปัญหาคุกรุ่นมากขึ้นไทยก็พยายาม แก้ปัญหาด้วยการให้กัมพูชามาพูดคุยแบบทวิภาคี เป็นการอธิบายให้รองข้าหลวงใหญ่ฯ ได้เข้าใจว่าไทยปฏิบัติตามกติกา ยึดถือกฎบัตรสหประชาชาติและกฎหมายระหว่างประเทศ และพยายามหาทางให้กัมพูชามาพูดคุยกับไทย ซึ่งไทยกับกัมพูชามีข้อตกลง MOU43 ที่ทั้งสองประเทศจะต้องแก้ปัญหาร่วมกันอย่างสันติวิธี และด้วยความจริงใจ นับเป็นกลไกที่องค์การสหประชาชาติให้ความสำคัญ คือการเจรจาทวิภาคีโดยสันติและจริงใจ โดยไทยยึดมั่นมาโดยตลอด และเป็นเป้าหมายที่สำคัญของไทย นายมาริษ กล่าวว่าตนได้หยิบยกประเด็นที่สมเด็จฮุน เซน อัดเสียงพูดคุยกับนายกรัฐมนตรีของไทย และนำมาเผยแพร่ในที่สาธารณะ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง […]