รัฐบาลเตรียมส่งมอบที่ดินทำกิน 72,000 ไร่ พัฒนาคุณภาพชีวิต ปชช.

ทำเนียบฯ 20 ก.ค.- นายกฯ ออกรายการ “คุยกับเศรษฐา” เทปพิเศษ เผยรัฐบาลดำเนิน 10 โครงการเฉลิมพระเกียรติในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบฯ เตรียมส่งมอบที่ดินทำกิน 72,000 ไร่ พัฒนาคุณภาพชีวิตให้ประชาชน เชิญชวนทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมการดำเนินโครงการ


นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พูดในรายการ “คุยกับเศรษฐา” เทปพิเศษ ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ในเวลา 08:00 น. ถึง 08:30 น. โดยมี น.ส. ชุติมา พึ่งความสุข เป็นผู้ดำเนินรายการ ซึ่งนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึง 10 โครงการเฉลิมพระเกียรติ ในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ว่า หลังจากได้รับตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี ได้ลงพื้นที่ไปกับหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งได้มีการนำเสนอโครงการพระราชดำริในเชิงลึก ทำให้รัฐบาลทราบถึงความยากลำบากว่าจะต้องใส่ใจและใส่เงินเข้าไป เพราะ ผลจะเกิดขึ้นกับประชาชนในเชิงบวก ทั้งเรื่องของปากท้อง การเปลี่ยนแปลงอาชีพ หรือเรื่องที่ทำแบบไม่ถูกกฎหมาย มาเป็นแบบที่ถูกกฎหมาย โดยเฉพาะเรื่องของการทำกินก็ได้เห็นชัดเจนขึ้น

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 ทรงห่วงใยประชาชน โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีความยากลำบาก อยู่ไกลความเจริญ ประชาชนส่วนนั้นใช้ชีวิตโดยพึ่งพาการเกษตรในการประกอบอาชีพ ดังนั้นเรื่องของน้ำ เรื่องของการไม่ลุกล้ำป่าเรื่องชีวิตความเป็นอยู่ของคน ทั้งเรื่องสาธารณสุข การศึกษา ก็สามารถ ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนดีขึ้นในทุกๆมิติ


นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า เนื่องในโอกาสปีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระชนม์มายุ 72 พรรษา จึงถือเป็นโอกาสที่ดีที่พวกเราในฐานะประสบนิกรจะร่วมกันเฉลิมฉลองปีมหามงคลนี้ โดยรัฐบาลได้น้อมนำโครงการพระราชดำริต่างๆ ที่เกี่ยวกับเรื่องป่า เรื่องน้ำ เรื่องคนมาบรรจุในโครงการที่เราทำขึ้นมา ซึ่งรัฐบาลได้ร่วมกัน กับภาคเอกชนและองค์กรต่างๆคัดเลือกกว่า 600 โครงการ เหลือ 10 โครงการหลัก ส่วนที่เหลืออีก 500 กว่าโครงการก็ยังคงดำเนินการต่อ โดย 10 โครงการเป็นเรื่องป่า น้ำ และคน

นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงโครงการยกระดับสวนสาธารณะบึงหนองบอนและPocket Park 72 แห่ง ว่า โครงการบึงหนองบอนอยู่ใกล้กับสวนหลวง ร.9 มีพื้นที่หลาย 100 ไร่ และมีบึงอยู่แล้วซึ่งรัฐบาลได้ไปสำรวจมาอยากให้มีการพัฒนาเป็นสวนสาธารณะที่ใหญ่แห่งหนึ่ง ตนและคณะรัฐมนตรีได้ลงพื้นที่พบว่ามีต้นไม้ที่ดี มีสระน้ำที่ใหญ่ พร้อมในการพัฒนาให้เป็นสวนสุขภาพได้ เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจของประชาชน ถือเป็นสวนสาธารณะที่ใหญ่ที่สุดใน 72 สวนสาธารณะที่รัฐบาลจะทำโครงการ เพราะบางพื้นที่มีแค่ไร่เดียวหรือ 2งาน แต่อยู่ใกล้กับพื้นที่ที่มีความแออัดสูง ซึ่งการพัฒนาพื้นที่เหล่านี้ให้เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของคนกรุงฯ เนื่องจากปัจจุบันที่อยู่อาศัยอาจมีความคับแคบจึงต้องการพัฒนาให้เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจเป็นสถานที่ในการออกกำลังกาย และอาจจะเป็นสวนสาธารณะเล็กๆ ที่มีสนามกีฬาเพื่อให้เด็กและเยาวชนรวมถึงประชาชนทั่วไปมาออกกำลังกายกันได้

ส่วน โครงการ 72 ล้านต้น พลิกฟื้นผืนป่า นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าเรื่องของสภาพแวดล้อมถือเป็นเรื่องสำคัญ โดยรัฐบาลและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้มีการแจกต้นกล้าให้กับหน่วยงานต่างๆนำไปปลูกทุกทุกจังหวัดของประเทศไทย อย่างที่ทราบกันดีว่าปัจจุบันมีการทำไร่เลื่อนลอยต่างๆ รัฐบาลพยายามที่จะแก้ไขปัญหาควบคู่กับเรื่องของการทำมาหากิน เมื่อมีการตัดป่าก็ต้องมีการปลูกทดแทน เพื่อเสริมระบบนิเวศให้สมบูรณ์ และการรักษาหน้าดิน ทำให้มีฝนตกที่ดีพอก็ก่อให้เกิดแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติตามมา ส่งผลครอบคลุมทุกมิติทั้งสิ่งแวดล้อมและเรื่องของเศรษฐกิจ


นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้งว่าทุกรัฐบาลให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ เช่นเดียวกันกับรัฐบาลชุดนี้เราไม่ได้โฟกัสเฉพาะเรื่องของสาธารณูปโภคอย่างสนามบินหรือแลนด์บริดจ์เพียงอย่างเดียว หากการดูแลไม่ให้เกิดปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้งก็จะส่งผลกับมูลค่าทางเศรษฐกิจอย่างมโหฬาร โดยรัฐบาลมีโครงการแหล่งน้ำบาดาลขนาดใหญ่แก้ไขปัญหาภัยแล้งอันเนื่องมาจากพระราชดำริ 72 แห่ง

สำหรับโครงการพัฒนา 72 สายน้ำอย่างยั่งยืน นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าประเทศไทยโชคดีที่เรามีแม่น้ำใหญ่ๆอยู่เยอะ เป็นสายเลือดที่ไปหล่อเลี้ยงเกษตรกรได้และประชาชนได้รับประโยชน์จากแม่น้ำในการอุปโภคบริโภค และการท่องเที่ยว แต่พบปัญหาเรื่องของความตื้นเขิน ตะกอน เรื่องขยะ ทำให้น้ำไหลไม่ดี รัฐบาลได้พยายาม แก้ไขปรับปรุง และยังเป็นที่มาของโครงการ 10 คลองสวย น้ำใส คนไทยมีสุข จากการลงพื้นที่พบว่าชุมชนที่อยู่ริมคลองได้มีการพัฒนา จัดที่อยู่อาศัยให้เป็นสัดส่วนมีทางเดิน ทำให้ประชาชนอยู่อย่างมีความสุข โดยเฉพาะคลองโอ่งอ่าง คลองหลอดหลังกระทรวงกลาโหมข้างกระทรวงมหาดไทย จากการลงพื้นที่ก็รู้สึกแปลกใจว่าคลองใสมาก มีปลา กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ดี ซึ่งสมัยก่อนกรุงเทพเป็นเวนิสของตะวันออกก็ว่าได้ ซึ่งก่อนหน้าที่พระองค์ท่านทรงมีพระราชดำริให้ดูแลเรื่องคลองสวยน้ำใสพบว่าน้ำในคลองมีความขุ่นมีกลิ่น แต่หลังจากลงไปดำเนินโครงการก็พบว่าน้ำในคลองคลองใสขึ้น ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนที่อยู่ริมคลองไม่ใช่แค่มีสภาพอากาศที่ดีขึ้น แต่กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวได้ และมีร้านอาหารที่อร่อยหลายร้านถือเป็นนิมิตหมายที่ดี

นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ในการเข้าไปดำเนินโครงการต่างๆที่เกี่ยวพันกับความเป็นอยู่การดำเนินชีวิตของประชาชนที่มีอยู่อย่างยาวนาน สิ่งสำคัญคือการทำความเข้าใจ เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน เราจะไปสั่งการอย่างเดียวไม่ได้เพราะฉะนั้นต้องไปพูดคุยกันถ้าเกิดว่าความเป็นอยู่ดีก็จะมีรายได้เสริมที่ดีขึ้นด้วย

“ การทำความเข้าใจกับประชาชนโดยเฉพาะเรื่องของการดำเนินวิถีชีวิต เช่น เรื่องการทิ้งขยะ ก็เป็นเรื่องสำคัญ เหมือนเวลาที่เราไปต่างประเทศอย่างที่เจนนีวา ก็จะพบว่าน้ำในคลองของเขาใสแจ๋ว ซึ่งหากมาดูบ้านเราพบว่าคลองหลายแห่งมีขยะน้อยลง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครได้ไปจัดหาอุปกรณ์มาสำหรับแก้ไขปัญหา โดยเรื่องของคลองที่มีกลิ่นเหม็น ถ้ามีการลอกดินขึ้นมา อาจเกิดปัญหาตลิ่งทรุดได้ แต่ปัจจุบันได้นำเครื่องมือมาดูดหน้าดินที่มีแก๊สไข่เน่าทำให้ส่งกลิ่น เข้าสู่กระบวนการบำบัดน้ำแยกขยะออกจากดิน พวกพลาสติกทั้งหลาย ดินเมื่อเข้าสู่กระบวนการบำบัดก็จะนำไปทำปุ๋ยแล้วนำน้ำกลับคืนสู่แม่น้ำได้ กลับคืนสู่คลองได้ ซึ่ง 1 กิโลเมตร จะใช้ระยะเวลา 2 เดือนในการจะทำให้ น้ำในคลองใส“ นายกรัฐมนตรี ระบุ

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงปัญหาที่ประชาชนสะท้อนมาในระหว่างการลงพื้นที่ว่า หนึ่งในหลายเรื่อง คือ เรื่องของสาธารณสุข เพราะฉะนั้นเราจึงมีโครงการพัฒนาเติมเต็มอุปกรณ์ให้กับโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช โรงพยาบาลชุมชนเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลชัยพัฒน์ และหน่วยบริการปฐมภูมิ 72 แห่ง ซึ่งจากการลงพื้นที่ไปก็จะมีการเพิ่มเติมเรื่องของอุปกรณ์ และการต่อเติมอาคาร

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงโครงการหลอมรวมใจมอบน้ำใสสะอาดให้โรงเรียน ว่า ได้ลงพื้นที่ที่จังหวัดนนทบุรีเพราะเรื่องของน้ำถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งค่าใช้จ่ายเรื่องน้ำดื่มสูงมาก จึงทำเรื่องของน้ำดื่มได้ในโรงเรียน ทำให้น้ำใสสามารถอุปโภคบริโภคได้โดยไม่มีพิษ

ขณะที่โครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัยของประชาชน ในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ปัญหาที่ดินทำกินยังคงเป็นปัญหา เพราะว่าสิ่งที่ทำกิน ที่ดินสามารถทำอะไรได้หลาย ๆ อย่าง เป็นต้นทุนในการหากระแสเงินสดหรือการเลี้ยงชีพก็ได้ โดยรัฐบาลทำงานร่วมกับกองทัพไทยในการที่จะมอบที่ดิน 72,000 ไร่ให้กับประชาชน ซึ่งจะมีการ Kick off เร็ว ๆ นี้ ณ จังหวัดนครพนม นอกเหนือจากการมอบที่ดิน เราก็ดูแลและซ่อมแซมบ้านทั่วประเทศด้วย

นายกรัฐมนตรี กล่าวถึง การดำเนินโครงการสำหรับกลุ่มคนพิการ โดยการจัดหากายอุปกรณ์ช่วยเหลือคนพิการ จำนวน 72,000 ชุด ซึ่งมีรถจากกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.) ได้ปล่อยขบวนรถออกไป เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เพื่อนำอุปกรณ์ต่าง ๆ ไปมอบให้ เป็นการยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของคนพิการ ผู้ป่วยติดเตียง หรือทุพพลภาพในบางมิติให้สามารถดำรงชีวิตได้อย่างมีเกียรติมีศักดิ์ศรี พร้อมกันนี้ รัฐบาลได้ดำเนินโครงการบริจาคโลหิต 10,000,000 ซีซี ซึ่งเรื่องของการบริจาคโลหิตถือเป็นเรื่องใหญ่ ทุกวันนี้ยังมีคนที่ต้องการโลหิตอยู่จำนวนมาก เพราะฉะนั้นเรื่องของการให้ถือเป็นเรื่องสำคัญ การรณรงค์ทั้งเอกชนและหน่วยงานภาครัฐให้มีการบริจาคโลหิตตรงนี้ โดยเปิดให้มีการบริจาคโลหิตไปจนถึงสิ้นปีนี้ ประชาชนที่สนใจอยากเป็นผู้ให้ก็สามารถไปบริจาคโลหิตได้ที่โรงพยาบาลรัฐทุกแห่งทั่วประเทศ และที่สภากาชาดไทย

นายกรัฐมตตรี ยังกล่าวเชิญชวนประชาชนเข้าร่วมโครงการเฉลิมพระเกียรติฯ รวมถึงโครงการอื่น ๆ ของรัฐบาลที่ได้เปิดกว้างและอยากให้ประชาชนมีส่วนร่วม รวมถึงห้างร้าน และเอกชนต่าง ๆ ก็สามารถเข้ามามีส่วนร่วมในหลายสิบโครงการที่ได้มีการพูดถึง หรือโครงการย่อย ๆ อีก 500 กว่าโครงการ รัฐบาลขอเชิญชวนให้ทุกคนมีส่วนร่วมเข้ามาตรงนี้ ทั้งนี้ จากผลการดำเนินโครงการเฉลิมพระเกียรติฯ ได้รับการตอบรับด้วยดีจากทุกหน่วยงาน และทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นบริษัท รัฐวิสาหกิจ เอกชนต่าง ๆ ทำให้ผู้ที่ด้อยโอกาสสามารถยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของตัวเองขึ้นมาได้ ซึ่งโครงการเฉลิมพระเกียรติฯ ทั้ง 10 โครงการหลักของรัฐบาล จะดำเนินการอย่างต่อเนื่องไปจนถึงปลายปี และเชื่อว่าในวาระอื่น ๆ ในมิติอื่น ๆ รัฐบาลก็ยังเป็นผู้สนับสนุนเรื่องน้ำ เรื่องป่า และเรื่องคนต่อไป

“ผมเชื่อว่าการที่พระองค์ท่านทรงงานอย่างหนักท่านไม่ได้อยู่ในวังอย่างเดียว ท่านลงพื้นที่ค่อนข้างมาก มีการลงรายละเอียดแต่ละโครงการด้วยพระองค์เอง ทางเราเองก็มีการศึกษาติดตามโครงการพระราชดำริต่าง ๆ เวลาที่ผมลงพื้นที่ต่างจังหวัดต่าง ๆ ได้มีการเข้าถึงและเข้าใจถึงปัญหาต่าง ๆ ที่พระองค์ท่านพยายามจะทำ รัฐบาลมีหน้าที่ที่จะขับเคลื่อนหน่วยงานต่าง ๆ ที่อยู่ภายใต้รัฐบาล รัฐวิสาหกิจมีส่วนร่วมมาก และภาคเอกชน เราได้มีการพยายามเชิญเข้ามามีส่วนร่วมในการต่อยอดในการทำโครงการพระราชดำริต่าง ๆ” นายกรัฐมนตรี ระบุ .-316 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

มทภ.2 ยันไม่เคยสั่งกำลังพลไปเก็บศพเขมร อย่าเชื่อข่าวปลอม

5 ส.ค. – แม่ทัพภาคที่ 2 ยืนยันไม่เคยมีคำสั่งให้กำลังพลไปเก็บศพชาวกัมพูชา บริเวณชายแดน ขออย่าหลงเชื่อข่าวปลอม เมื่อวันที่ 5 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า จากกรณีที่สื่อโซเชียลมีเดียได้ลงข้อความอันเป็นเท็จ ที่ทำให้พี่น้องประชาชนเข้าใจผิดว่า แม่ทัพภาคที่ 2 ได้สั่งให้กำลังพลไปเก็บศพชาวกัมพูชาที่อยู่บริเวณชายแดนนั้น ตนยืนยันว่าไม่เป็นความจริง และไม่เคยมีคำสั่งให้กำลังพลไปปฏิบัติอย่างนั้น ผู้เสียชีวิตนั้นเป็นชาวกัมพูชา ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับทางประเทศไทย “ผมไม่เคยมีคำสั่งแบบนี้ และขอยืนยันว่า ข่าวที่ออกมานั้นเป็นข่าวปลอม ขอให้พี่น้องประชาชนอย่าได้หลงเชื่อ“ แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าว.-313-สำนักข่าวไทย

ทหารไทยยอมรับได้กลิ่นศพทหารกัมพูชาจริง

ศรีสะเกษ 5 ส.ค. – วันนี้ยังมีการเก็บกู้ระเบิดที่กัมพูชายิงเข้ามาในพื้นที่พลเรือนฝั่งไทย ส่วนเมื่อคืนนี้ (4 ส.ค.) เป็นคืนแรกของการประชุม GBC ชุด ชรบ.หมู่บ้านแนวชายแดน อ.กันทรลักษ์ จึงออกตรวจตราเข้มข้น ขณะที่ทหารแนวหน้ายอมรับได้กลิ่นศพทหารกัมพูชาจริง ทีมข่าวมีโอกาสได้พูดคุยกับทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา สอบถามถึงเรื่องที่กำลังเป็นประเด็น คือกลิ่นศพของทหารกัมพูชา ทหารยอมรับว่ามีกลิ่นจริง และมีศพทหารกัมพูชาถูกทิ้งไว้จริง แต่ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะอยู่ในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ หากมีหน้ากากอนามัยเชื่อว่าจะช่วยบรรเทาได้บ้าง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีหน้ากาก N95 ส่งถึงพื้นที่บ้างแล้ว พร้อมขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ส่งกำลังใจ ทหารยังพร้อมปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ วันนี้ทีมข่าวยังเกาะติดภารกิจเก็บกู้ระเบิดที่กัมพูชายิงใส่พื้นที่พลเรือนของไทยใน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ จุดแรก จรวด BM-21 ถูกกัมพูชายิงตกใส่ลงทุ่งนาของชาวบ้าน พื้นที่ ต.ทุ่งใหญ่ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม วันเดียวกับที่ยิงใส่ปั๊ม ปตท.บ้านผือ โดยห่างกันราว 1 กิโลเมตร ส่วนอีกจุดเป็นการทำลายลูกจรวด PG-7 ที่ถูกยิงจากเครื่องยิงจรวด RPG ตกลงในสวนยางพาราของชาวบ้าน ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ ที่ถูกพบในสภาพพร้อมทำงาน จุดนี้อยู่ห่างจากชายแดนกัมพูชาเพียง […]

เปิดศักยภาพ Gripen เขี้ยวเล็บใหม่กองทัพอากาศไทย

5 ส.ค. – เปิดคุณสมบัติโดดเด่นของ “กริพเพน” เครื่องบินรบฝูงใหม่ ซึ่งกองทัพอากาศและประเทศไทยกำลังจะทำสัญญาจัดซื้อจากสวีเดน .-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 ขึ้นภูมะเขือ ย้ำกำลังพลไม่ประมาท นำร้องเพลงชาติไทย

5 ส.ค.- แม่ทัพภาค 2 ตรวจเยี่ยมภูมะเขือ ย้ำกำลังพลไม่ประมาท ปกป้องอธิปไตย พร้อมร่วมร้องเพลงชาติ เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 5 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่หน่วยเฉพาะกิจที่ 1 กองกำลังสุรนารี พื้นที่ภูมะเขือ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ โดยได้ทำการเดินลาดตระเวน ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจกำลังพลที่วางกำลังฐานปฏิบัติการ ทั้งนี้ มีพระสงฆ์จำนวน 3 รูปจากวัดใกล้เคียง มารอแม่ทัพภาคที่ 2 เพื่อมอบวัตถุมงคลและให้กำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ พร้อมให้พรกำลังพลทุกนาย ให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากอันตรายต่างๆ จากนั้นแม่ทัพภาคที่ 2 ได้ฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ในพื้นที่ภูมะเขือ โดยเน้นย้ำให้อยู่ในความไม่ประมาท ปฏิบัติหน้าที่รักษาอธิปไตยของชาติ ด้วยความปลอดภัยและให้ดูแลรักษาสุขภาพให้ดี จากนั้น พล.ท.บุญสิน ได้ให้กำลังพลเปลี่ยนธงชาติไทยผืนใหญ่กว่าเดิม นำร้องเพลงชาติบนยอดภูมะเขือร่วมกัน ก่อนเดินทางกลับได้มอบเครื่องอุปโภคบริโภคและถ่ายรูปร่วมกับกำลังพล -สำนักข่าวไทย