fbpx

หวั่นหากคณะกรรมการ ป.ป.ช. มาจากการเมืองอาจถูกครอบงำ

โรงแรมทีเค พาเลซฯ 2 ก.ค.- เวทีเสวนาการสรรหาและคุณสมบัติ ป.ป.ช. ชี้ปัญหาตั้งสเปคไร้คน ลงสมัคร งานหนัก-เงินน้อย ต้องต่อสู้กับอิทธิพล-ถูกวิจารณ์ หวั่นหากมีที่มาจากการเมืองจะถูกครอบงำ


คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จัดโครงการเสวนาเพื่อรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับการสรรหาและคุณสมบัติของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 2560 มีนายกล้าณรงค์ จันทิก ประธานคณะกรรมาธิการ กิจการองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ วุฒิสภาและอดีต ป.ป.ช. นายสมคิด เลิศไพฑูรย์ อดีตสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ นายมานิตย์ จุมปา และนายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส. บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ร่วมแลกเปลี่ยน เสนอความเห็นเกี่ยวกับ คุณสมบัติผู้ที่จะเข้ามาทำหน้าที่เป็นกรรมการสรรหา และ กรรมการป.ป.ช. โดยมีการนำรัฐธรรมนูญปี 2540 2550 และ 2560 มาเทียบเคียง ให้เห็นถึงปัญหา

นายกล้านรงค์ กล่าวว่าผู้ที่เป็นอธิบดีหรือเทียบเท่าที่อยากมาเป็น คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีจำนวนมาก แต่ไม่อยากมาเป็น เพราะค่าตอบแทนน้อย แต่ทำงาน และความรับผิดชอบค่อนข้างหนัก อีกทั้งคนที่ทำงานในองค์กรอิสระจะต้องถูกตรวจสอบอย่างเข้มข้น ตั้งแต่ประวัติในอดีต จึงต้องคิดว่าทำอย่างไรให้มีคนสนใจเข้ามาสมัครดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ และหากลดมาตรฐานตำแหน่งลงไปจะมีปัญหา เพราะป.ป.ช. ดำเนินการเสร็จไปอัยการสูงสุด จากแยการสูงสุด ไปศาลฎีกาแผนกคดีอาญา ดังนั้นคุณสมบัติเป็นกรรมการป.ป.ช. ได้นอกจากการสุจริตเที่ยงธรรม ต้องมีความกล้าหาญ ส่วนเกณฑ์อายุงาน 5 ปี มองว่าค่อนข้างเป็นปัญหา ควรปรับให้มีความเหมาะสมมากกว่านี้


นายสมคิด กล่าวว่า มีการกำหนด คุณสมบัติ ของผู้ที่จะมาเป็นป.ป.ช. ต้องจบการศึกษาอะไร แต่อาจไม่มีความเชี่ยวชาญ ส่วนคุณสมบัติเฉพาะที่กำหนดไว้ ในมาตรา 232 เช่นต้องเป็นผู้พิพากษาอัยการระดับอธิบดี 5 ปี และกำหนดอายุระหว่าง 45 ถึง 70 ปีเพราะผู้พิพากษาก็ทำงานถึง 70 ปีอยู่แล้ว ไม่ได้ถูกใครฟ้องด้วย และได้รับความปลอดภัยในเรื่องต่างๆ ซึ่งทำให้หาคนได้น้อย แต่พอคณะกรรมการ ป.ป.ช. กำหนดว่าต้องอายุ 70 ปีก็ไม่มีใครอยากมาสมัคร เมื่อเทียบกับศาลรัฐธรรมนูญที่ขยายเกณฑ์อายุออกไปเป็น 75 ปี เพราะหากไม่ขยาย ทางศาลรัฐธรรมนูญรู้ดีว่า จะไม่มีใครมาสมัคร จึงมองว่า หาก ป.ป.ช. ขยายเกณฑ์อายุ อาจมีคนอยากมาสมัครมากขึ้น ซึ่งช่วงหลังมาพบว่า ผู้ที่เป็น คณะกรรมการ ป.ป.ช. ก็เป็นคนของ ป.ป.ช. เอง ส่วนตัวมองว่า ไม่ได้ดีมาก เพราะไม่มีความหลากหลาย ทั้งยังเห็นว่าคุณสมบัติแบบนี้ จะได้คนมาให้เราเลือกน้อย เพราะงานหนัก เงินน้อยและต้องต่อสู้กับอิทธิพลต่างๆ พร้อมกับถูกวิพากษ์วิจารณ์ ทำให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีทางเลือกน้อยลง และอยากให้กระบวนการสรรหาบุคคลเป็น ป.ป.ช. ต้องเอาคนดีมาเลือกคนดี มาทำหน้าที่

นายสมคิด กล่าวว่า ป.ป.ช.มีหน้าที่ตรวจสอบนักการเมืองสส. สว. หากคนเหล่านี้ตั้งมาจะกล้าไปตรวจสอบหรือไม่ และหากใครมีเสียงข้างมากในสภาคนนั้นก็สามารถตั้งองค์กรอิสระได้หรือไม่ พร้อมระบุปัจจุบันศาลยุติธรรมได้รับการยอมรับ มากที่สุดในบรรดา 3 ศาล คือ ศาลปกครองและศาลรัฐธรรมนูญที่2ศาลหลังได้รับการยอมรับน้อยมากทั้งที่ได้รับมีจุดยึดโยงกับจากประชาชน พร้อมยอมรับว่าหาทางออกที่ดีที่สุดให้ประเทศไทยไม่ได้

นายสมคิดไม่เห็นด้วย กับการใช้ระบบการเมืองแท้ๆ กับองค์กรอิสระ เพราะหากเมื่อใดที่วางให้องค์กรอิสระมาจากการเมือง เชื่อว่าองค์กรอิสระจะถูกครอบงำไม่สามารถทำงานได้เต็มที่
“ในโลกนี้ประเทศส่วนใหญ่มีสภาเดียว เราถกเถียงจะมีกี่สภา ส่วนตัวขอถามว่าวุฒิสภา มีประโยชน์อะไร ไม่มีการกำหนดคุณสมบัติการศึกษา สว. แต่มี สว. เพื่อถ่วงรั้ง สส. ถ้ามี สว. อย่างน้อยเหนี่ยวรั้งสส. ไว้ และไม่ให้ประเทศสวิงไปตามการเมือง ผมโชคดีไม่ต้องไปร่างรัฐธรรมนูญอีก ทุกครั้งเถียงกันเรื่องจะมีสว. หรือไม่ฝากให้คนที่ต้องไปแก้ไขทำยังไงให้ป.ป.ช. ดีที่สุดให้การทุจริตน้อยที่สุด”นายสมคิดกล่าว


นายมานิตย์ คาดว่าการกำหนดคุณสมบัติต้องมีอายุงาน 5 ปีเพราะต้องการได้คนรู้ความสามารถ มีประสบการณ์ แต่คนที่ครบหลักเกณฑ์นี้ มีน้อย หวังว่าระบบการคัดป.ป.ช.มีกรรมการสรรหาที่น่าไว้วางใจ ต้องขยายวงของผู้ที่จะเข้าข่ายมีคุณสมบัติ ให้กว้างขึ้น ปรับ คุณสมบัติอายุงาน จาก 5 ปีมา 3 หรือ 2 ปีซึ่งจะเป็น การแก้อย่างง่ายในระยะสั้นแต่ระยะยาว ต้องคิดว่าจะกลับไปใช้ระบบเดิมเช่น ให้ ที่ประชุม อธิการบดี เลือกกันเองแล้ว ส่งตัวแทนเข้ามาเป็นกรรมการสรรหา

นายมานิตย์ กล่าวว่าการควานหาคนมีคุณสมบัติครบถ้วน เป็นข้อจำกัดที่สำคัญ ดังนั้นถ้าปลดล็อคให้ผู้มีคุณสมบัติมากขึ้นมาสมัครมากขึ้นจะได้อะไรที่ครบเครื่องกับการทำหน้าที่ป.ป.ช. ทั้งนี้อยากเห็น ผู้ที่มีประสบการณ์ภาคเอกชน ที่ไม่มีประวัติมัวหมอง ไม่ทำการทุจริต แต่รู้ข้อมูล ช่องทางการทุจริต ใช้ Connection ในทางบวกเปิดกว้าง ปลดล็อกให้คนเหล่านี้ เข้ามาทำหน้าที่ป.ป.ช. เพื่อหามาตรการป้องกันปราบปรามการทุจริต

“องค์กรอิสระยังมีความจำเป็นต่อประเทศไทยแต่สิ่งสำคัญคือการรักษาให้ปฏิบัติหน้าที่ได้เป็นอิสระ องค์กรป.ป.ช.เป็นที่หมายปองนัมเบอร์วัน เพราะถ้าต้องการหลุดรอดการตรวจสอบ ต้องเข้ามายึดป.ป.ช. แต่การจะมายึดป.ป.ช.ต้องยึดสว. ให้ได้เสียก่อน ดังนั้นต่อให้วางกระบวนการสรรหาอย่างไร หากจบที่สว. และสว.ไม่มีหลักประกันอิสระ ก็ทำให้ท้าทายว่าป.ป.ช.ก็จะไม่อิสระ บางคนบอกว่าถ้าคิดไม่ออกบอกไม่ถูกให้เลือกตั้งป.ป.ช.ไปเสียเลย แต่เมืองไทยก็มีปัญหา เพราะไม่ได้เลือกคนดีเป็นการเลือกผู้แทน ทางทฤษฎีเป็นดรื่องที่ดีการเลือกตั้งยึดโยงประชาชน จุดเชื่อมโยงมาสู่สว. ไม่ได้รับความเชื่อถือ สว. ที่จะกำลังเข้ารับตำแหน่งมีหลักประกันที่มั่นคงว่าเป็นอิสระ กระบวนการสรรหาป.ป.ช.ก็จะอิสระ หรือวันข้างหน้า หากเราตัดสินใจจะไม่มีสว.จะมีเพียงสส. จะมีหลักประกันอะไรที่จะทำให้ป.ป.ช.มีอิสระ”นายมานิตย์ กล่าว

นายพริษฐ์ กล่าวว่า ประสิทธิภาพและความไว้วางใจที่ป.ป.ช. มีต่อประชาชนส่งผลต่อการพิจารณาคดีสำคัญ มองว่าเป็นจังหวะที่ดีในการยกร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญให้มีส.ส.ร.มาจากการเลือกตั้ง และระดมความเห็นจากภาพส่วนต่างๆนำมาสู่การแก้ไข ทั้งนี้เห็นว่าจากเรื่องคุณสมบัติไปถึงการเสนอชื่อการสรรหาและการรับรอง มีอยู่ 3 หลัก ที่อยากเห็นป.ป.ช.กว้างขึ้น ให้มีการแข่งขัน ให้คนมาสมัครที่มีความเชี่ยวชาญ หลากหลาย รวมถึงอยากเห็นป.ป.ช. มีความยึดโยงกับประชาชนมากขึ้น และอยากให้ป.ป.ช.เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่ายมากขึ้น

นายพริษฐ์ ชี้ช่อง ว่า มีหลักสูตรต่างๆที่ทำให้มีโอกาส เข้าถึงตัวกรรมการสรรหาได้ จึงต้องสร้างกลไกป้องกันระบบอุปถัมภ์ขณะที่ มองว่า สว.ชุดใหม่ห่างเหินจากการเลือกตั้งเพราะให้ผู้สมัครคัดเลือกกันเองจาก 20 กลุ่มอาชีพ และการที่ไม่ได้รับรองจากองค์กรที่มาจากการเลือกตั้งจะขาดความยึดโยงจากประชาชนพร้อมเสนอแนวคิด ที่พบจากประเทศญี่ปุ่น ให้ประชาชน รับรอง ผู้ได้รับการสรรหา เข้ามาเป็น ป.ป.ช.โดย กำหนดเกณฑ์ว่าจำนวนเท่าใดถึงจะผ่านเกณฑ์

นาย พริษฐ์ เสนอ แนวคิดการแก้ไขกำหนดคุณสมบัติ ของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ต้องแตกต่างองค์กรอิสระอื่นๆ และตั้งคำถามว่าจำเป็นหรือไม่ที่ต้องกำหนดคุณสมบัติของคณะกรรมการ ป.ป.ช. เป็นเฉพาะทาง หรือผู้เชี่ยวชาญในด้านต่างๆ โดยเฉพาะ ทั้งนี้เห็นว่าต้องออกแบบระบบเลือกตั้งสว.ให้แตกต่างจากสส. เพราะเห็นว่าการเลือกตั้งสว. จะเป็นการเชื่อมโยงจากประชาชนตรงที่สุด และสิ่งสำคัญคือจำเป็นต้องมีวุฒิสภาหรือไม่ ซึ่งทั้งหมดเป็นการออกแบบที่ไม่ง่ายต้องคู่ขนานกับสถาบันการเมืองอื่นๆด้วย

” เราต้องการให้ป.ป.ช.ตรวจสอบทุจริตเข้มข้นที่สุดในสังคม แต่มีมุมมองเรื่อง มาตรฐานทาง จริยธรรม ต่างกัน การให้องค์กรใดมาผูกขาดคำนิยามเรื่องจริยธรรมและมีผลทางกฎหมายอาจเป็นความท้าทาย พยายามแก้ไขและสร้างวัฒนธรรมให้ผู้มีอำนาจแสดงความรับผิดชอบทางกลไกทางการเมืองน่าจะยั่งยืนและมีช่องโหว่น้อยกว่าที่ถูกใช้เป็นเครื่องมือทำลายล้างกันและกัน มันเป็นโจทย์ที่ท้าทายว่ากระบวนการแต่งตั้งรับรองจะไปจบที่ไหน ถ้าเราจะแก้กระบวนการสรรหาหรือที่มาขององค์กรอิสระแยกจากการออกแบบสถาบันทางการเมืองทั้งหมด” นายพริษฐ์ กล่าว

พลตำรวจเอก วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานกรรมการ ป.ป.ช. กล่าวว่า เห็นด้วยในหลายประเด็น จากประสบการณ์ที่ทำงานมา 8 ปีกว่า เห็นว่าการกำหนดคุณสมบัตินั้นทำไว้ดีแล้ว ที่จะต้องมีคุณสมบัติที่ชัดเจน อย่าง การบริหารราชการแผ่นดิน การบัญชี เศรษฐศาสตร์ ฯ ซึ่งปัจจุบัน ผู้ที่ดำรงตำแหน่งกรรมการป.ป.ช จะต้องเกี่ยวกับเรื่องคดีที่มีความต่อเนื่องถึง 9 ปี ปัจจุบันเราไม่มีสัดส่วนของอัยการ มีตุลาการเพียง 4 ท่าน และตำรวจก็กำลังหมดวาระลง และคาดว่าจะไม่มีเข้ามาอีก เพราะ 5 ปี เป็นเรื่องที่ยากมากจะมีตำแหน่งอธิบดีเข้ามา ทั้งนี้ตนเห็นด้วยในเรื่องคณะกรรมการสรรหาที่จะลดระดับลงมา เพราะการนำตัวแทนขององค์กรอิสระ ไปเป็นกรรมการสรรหาในองค์กรอิสระ จะมีปัญหามากกว่าจะให้คนในองค์กรอิสระนั้นเข้าไป ตามที่วงเสวนาได้เสนอ เพราะกระบวนการสรรหาวันนี้มีผู้ที่สมัครเข้ามาเป็นคณะกรรมการป.ป.ช. ไม่น้อยในแต่ละรอบ และหากลดคุณสมบัติลงมา ก็จะมีผู้สมัครมากขึ้น และจะช่วยหากมีการแบ่งแยกสายที่ชัดเจน ดังนั้นจึงขอให้ดูที่มาตรา 13 วรรค 3 ที่ระบุว่า “วิธีการอื่นใดที่เหมาะสม” เช่นการ “ให้คะเเนน” ยกตัวอย่างมีผู้สมัคร 100 ท่าน มีตำแหน่งว่างแค่ 1-5 ตำแหน่ง จะทำอย่างไรเพื่อไม่ให้ผู้สมัครที่เหลือสูญเปล่า ดังนั้นจึงเสนอเเนะให้มีการ ให้คะเเนนจากประสบการณ์ ความรู้ ความสามารถจากคุณวุฒิ เพื่อคัดเลือกตามสัดส่วนของกรรมการที่ว่างลง และให้กรรมการสรรหาเป็นผู้สรรหา เพื่อไม่ให้สูญเปล่า ซึ่งคนที่ผ่านเข้ามาทุกคนควรที่จะมีคะแนนอยู่ เมื่อกลั่นกรองมาในระดับหนึ่งแล้ว คนที่ได้อันดับ 1 คือผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อ และผู้ที่ได้คะแนนรองลงมาเป็นตัวสำรอง เพื่อลดขั้นตอน หากผู้ที่ได้คะแนนอันดับ 1 ไม่ผ่านการคัดเลือก ก็นำผู้ที่ได้คะเเนนรองลงมาคัดเลือก เเต่ปัจจุบันหากผู้ที่ได้คะแนนอันดับหนึ่งไม่ผ่าน ก็จะสูญเปล่าทั้ง 100 คน ถือว่า “เป็นการสูญเปล่าในการบริหารงานบุคคล” เห็นด้วยในแก้ไขกระบวนการคัดเลือกคณะกรรมการสรรหา เพื่อออกเป็นอนุบัญญัติให้ชัดเจนโปร่งใส .-319 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

คะแนนสูสี ศึกชิงตำแหน่งนายก อบจ.ปทุมธานี

การเลือกนายก อบจ.ปทุมธานี ผลคะแนนของผู้สมัครเบอร์ 1 คือ นายชาญ สังกัดพรรคเพื่อไทย ขับเคี่ยวสูสีกับ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ชนิดต่างฝ่ายต่างระบุต้องลุ้นจนถึงที่สุด จนกว่าคะแนนชัดเจนจึงจะยอมเปิดใจกับสื่อมวลชน

คุมตัวผู้ต้องสงสัยคาร์บอมบ์ยะลาได้ 1 ราย

คุมตัวผู้ต้องสงสัยก่อเหตุคาร์บอมบ์หน้าแฟลตตำรวจบันนังสตา แล้ว 1 ราย หลังพบมีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำรถของทางการไปใช้ประกอบระเบิดครั้งนี้

ข่าวแนะนำ

นายกฯ ตรวจโครงการพัฒนาคูคลอง เกาะรัตนโกสินทร์

นายกฯ ตรวจโครงการพัฒนาคู คลอง กรุงเทพฯ ชั้นใน บริเวณเกาะรัตนโกสินทร์ พัฒนาทางเท้า ปรับปรุงน้ำให้ใสสะอาด เฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 28 กรกฎาคม 2567

อุตุฯ เตือนฝนตกหนักมากบริเวณอีสานตอนบน-กทม.ฟ้าคะนอง 60%

กรมอุตุฯ เตือนฝนตกหนักมากบางพื้นที่บริเวณภาคอีสานตอนบน ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก ส่วนกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ฝนฟ้าคะนอง 60% ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง