หวั่นหากคณะกรรมการ ป.ป.ช. มาจากการเมืองอาจถูกครอบงำ

โรงแรมทีเค พาเลซฯ 2 ก.ค.- เวทีเสวนาการสรรหาและคุณสมบัติ ป.ป.ช. ชี้ปัญหาตั้งสเปคไร้คน ลงสมัคร งานหนัก-เงินน้อย ต้องต่อสู้กับอิทธิพล-ถูกวิจารณ์ หวั่นหากมีที่มาจากการเมืองจะถูกครอบงำ


คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จัดโครงการเสวนาเพื่อรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับการสรรหาและคุณสมบัติของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 2560 มีนายกล้าณรงค์ จันทิก ประธานคณะกรรมาธิการ กิจการองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ วุฒิสภาและอดีต ป.ป.ช. นายสมคิด เลิศไพฑูรย์ อดีตสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ นายมานิตย์ จุมปา และนายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส. บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ร่วมแลกเปลี่ยน เสนอความเห็นเกี่ยวกับ คุณสมบัติผู้ที่จะเข้ามาทำหน้าที่เป็นกรรมการสรรหา และ กรรมการป.ป.ช. โดยมีการนำรัฐธรรมนูญปี 2540 2550 และ 2560 มาเทียบเคียง ให้เห็นถึงปัญหา

นายกล้านรงค์ กล่าวว่าผู้ที่เป็นอธิบดีหรือเทียบเท่าที่อยากมาเป็น คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีจำนวนมาก แต่ไม่อยากมาเป็น เพราะค่าตอบแทนน้อย แต่ทำงาน และความรับผิดชอบค่อนข้างหนัก อีกทั้งคนที่ทำงานในองค์กรอิสระจะต้องถูกตรวจสอบอย่างเข้มข้น ตั้งแต่ประวัติในอดีต จึงต้องคิดว่าทำอย่างไรให้มีคนสนใจเข้ามาสมัครดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ และหากลดมาตรฐานตำแหน่งลงไปจะมีปัญหา เพราะป.ป.ช. ดำเนินการเสร็จไปอัยการสูงสุด จากแยการสูงสุด ไปศาลฎีกาแผนกคดีอาญา ดังนั้นคุณสมบัติเป็นกรรมการป.ป.ช. ได้นอกจากการสุจริตเที่ยงธรรม ต้องมีความกล้าหาญ ส่วนเกณฑ์อายุงาน 5 ปี มองว่าค่อนข้างเป็นปัญหา ควรปรับให้มีความเหมาะสมมากกว่านี้


นายสมคิด กล่าวว่า มีการกำหนด คุณสมบัติ ของผู้ที่จะมาเป็นป.ป.ช. ต้องจบการศึกษาอะไร แต่อาจไม่มีความเชี่ยวชาญ ส่วนคุณสมบัติเฉพาะที่กำหนดไว้ ในมาตรา 232 เช่นต้องเป็นผู้พิพากษาอัยการระดับอธิบดี 5 ปี และกำหนดอายุระหว่าง 45 ถึง 70 ปีเพราะผู้พิพากษาก็ทำงานถึง 70 ปีอยู่แล้ว ไม่ได้ถูกใครฟ้องด้วย และได้รับความปลอดภัยในเรื่องต่างๆ ซึ่งทำให้หาคนได้น้อย แต่พอคณะกรรมการ ป.ป.ช. กำหนดว่าต้องอายุ 70 ปีก็ไม่มีใครอยากมาสมัคร เมื่อเทียบกับศาลรัฐธรรมนูญที่ขยายเกณฑ์อายุออกไปเป็น 75 ปี เพราะหากไม่ขยาย ทางศาลรัฐธรรมนูญรู้ดีว่า จะไม่มีใครมาสมัคร จึงมองว่า หาก ป.ป.ช. ขยายเกณฑ์อายุ อาจมีคนอยากมาสมัครมากขึ้น ซึ่งช่วงหลังมาพบว่า ผู้ที่เป็น คณะกรรมการ ป.ป.ช. ก็เป็นคนของ ป.ป.ช. เอง ส่วนตัวมองว่า ไม่ได้ดีมาก เพราะไม่มีความหลากหลาย ทั้งยังเห็นว่าคุณสมบัติแบบนี้ จะได้คนมาให้เราเลือกน้อย เพราะงานหนัก เงินน้อยและต้องต่อสู้กับอิทธิพลต่างๆ พร้อมกับถูกวิพากษ์วิจารณ์ ทำให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีทางเลือกน้อยลง และอยากให้กระบวนการสรรหาบุคคลเป็น ป.ป.ช. ต้องเอาคนดีมาเลือกคนดี มาทำหน้าที่

นายสมคิด กล่าวว่า ป.ป.ช.มีหน้าที่ตรวจสอบนักการเมืองสส. สว. หากคนเหล่านี้ตั้งมาจะกล้าไปตรวจสอบหรือไม่ และหากใครมีเสียงข้างมากในสภาคนนั้นก็สามารถตั้งองค์กรอิสระได้หรือไม่ พร้อมระบุปัจจุบันศาลยุติธรรมได้รับการยอมรับ มากที่สุดในบรรดา 3 ศาล คือ ศาลปกครองและศาลรัฐธรรมนูญที่2ศาลหลังได้รับการยอมรับน้อยมากทั้งที่ได้รับมีจุดยึดโยงกับจากประชาชน พร้อมยอมรับว่าหาทางออกที่ดีที่สุดให้ประเทศไทยไม่ได้

นายสมคิดไม่เห็นด้วย กับการใช้ระบบการเมืองแท้ๆ กับองค์กรอิสระ เพราะหากเมื่อใดที่วางให้องค์กรอิสระมาจากการเมือง เชื่อว่าองค์กรอิสระจะถูกครอบงำไม่สามารถทำงานได้เต็มที่
“ในโลกนี้ประเทศส่วนใหญ่มีสภาเดียว เราถกเถียงจะมีกี่สภา ส่วนตัวขอถามว่าวุฒิสภา มีประโยชน์อะไร ไม่มีการกำหนดคุณสมบัติการศึกษา สว. แต่มี สว. เพื่อถ่วงรั้ง สส. ถ้ามี สว. อย่างน้อยเหนี่ยวรั้งสส. ไว้ และไม่ให้ประเทศสวิงไปตามการเมือง ผมโชคดีไม่ต้องไปร่างรัฐธรรมนูญอีก ทุกครั้งเถียงกันเรื่องจะมีสว. หรือไม่ฝากให้คนที่ต้องไปแก้ไขทำยังไงให้ป.ป.ช. ดีที่สุดให้การทุจริตน้อยที่สุด”นายสมคิดกล่าว


นายมานิตย์ คาดว่าการกำหนดคุณสมบัติต้องมีอายุงาน 5 ปีเพราะต้องการได้คนรู้ความสามารถ มีประสบการณ์ แต่คนที่ครบหลักเกณฑ์นี้ มีน้อย หวังว่าระบบการคัดป.ป.ช.มีกรรมการสรรหาที่น่าไว้วางใจ ต้องขยายวงของผู้ที่จะเข้าข่ายมีคุณสมบัติ ให้กว้างขึ้น ปรับ คุณสมบัติอายุงาน จาก 5 ปีมา 3 หรือ 2 ปีซึ่งจะเป็น การแก้อย่างง่ายในระยะสั้นแต่ระยะยาว ต้องคิดว่าจะกลับไปใช้ระบบเดิมเช่น ให้ ที่ประชุม อธิการบดี เลือกกันเองแล้ว ส่งตัวแทนเข้ามาเป็นกรรมการสรรหา

นายมานิตย์ กล่าวว่าการควานหาคนมีคุณสมบัติครบถ้วน เป็นข้อจำกัดที่สำคัญ ดังนั้นถ้าปลดล็อคให้ผู้มีคุณสมบัติมากขึ้นมาสมัครมากขึ้นจะได้อะไรที่ครบเครื่องกับการทำหน้าที่ป.ป.ช. ทั้งนี้อยากเห็น ผู้ที่มีประสบการณ์ภาคเอกชน ที่ไม่มีประวัติมัวหมอง ไม่ทำการทุจริต แต่รู้ข้อมูล ช่องทางการทุจริต ใช้ Connection ในทางบวกเปิดกว้าง ปลดล็อกให้คนเหล่านี้ เข้ามาทำหน้าที่ป.ป.ช. เพื่อหามาตรการป้องกันปราบปรามการทุจริต

“องค์กรอิสระยังมีความจำเป็นต่อประเทศไทยแต่สิ่งสำคัญคือการรักษาให้ปฏิบัติหน้าที่ได้เป็นอิสระ องค์กรป.ป.ช.เป็นที่หมายปองนัมเบอร์วัน เพราะถ้าต้องการหลุดรอดการตรวจสอบ ต้องเข้ามายึดป.ป.ช. แต่การจะมายึดป.ป.ช.ต้องยึดสว. ให้ได้เสียก่อน ดังนั้นต่อให้วางกระบวนการสรรหาอย่างไร หากจบที่สว. และสว.ไม่มีหลักประกันอิสระ ก็ทำให้ท้าทายว่าป.ป.ช.ก็จะไม่อิสระ บางคนบอกว่าถ้าคิดไม่ออกบอกไม่ถูกให้เลือกตั้งป.ป.ช.ไปเสียเลย แต่เมืองไทยก็มีปัญหา เพราะไม่ได้เลือกคนดีเป็นการเลือกผู้แทน ทางทฤษฎีเป็นดรื่องที่ดีการเลือกตั้งยึดโยงประชาชน จุดเชื่อมโยงมาสู่สว. ไม่ได้รับความเชื่อถือ สว. ที่จะกำลังเข้ารับตำแหน่งมีหลักประกันที่มั่นคงว่าเป็นอิสระ กระบวนการสรรหาป.ป.ช.ก็จะอิสระ หรือวันข้างหน้า หากเราตัดสินใจจะไม่มีสว.จะมีเพียงสส. จะมีหลักประกันอะไรที่จะทำให้ป.ป.ช.มีอิสระ”นายมานิตย์ กล่าว

นายพริษฐ์ กล่าวว่า ประสิทธิภาพและความไว้วางใจที่ป.ป.ช. มีต่อประชาชนส่งผลต่อการพิจารณาคดีสำคัญ มองว่าเป็นจังหวะที่ดีในการยกร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญให้มีส.ส.ร.มาจากการเลือกตั้ง และระดมความเห็นจากภาพส่วนต่างๆนำมาสู่การแก้ไข ทั้งนี้เห็นว่าจากเรื่องคุณสมบัติไปถึงการเสนอชื่อการสรรหาและการรับรอง มีอยู่ 3 หลัก ที่อยากเห็นป.ป.ช.กว้างขึ้น ให้มีการแข่งขัน ให้คนมาสมัครที่มีความเชี่ยวชาญ หลากหลาย รวมถึงอยากเห็นป.ป.ช. มีความยึดโยงกับประชาชนมากขึ้น และอยากให้ป.ป.ช.เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่ายมากขึ้น

นายพริษฐ์ ชี้ช่อง ว่า มีหลักสูตรต่างๆที่ทำให้มีโอกาส เข้าถึงตัวกรรมการสรรหาได้ จึงต้องสร้างกลไกป้องกันระบบอุปถัมภ์ขณะที่ มองว่า สว.ชุดใหม่ห่างเหินจากการเลือกตั้งเพราะให้ผู้สมัครคัดเลือกกันเองจาก 20 กลุ่มอาชีพ และการที่ไม่ได้รับรองจากองค์กรที่มาจากการเลือกตั้งจะขาดความยึดโยงจากประชาชนพร้อมเสนอแนวคิด ที่พบจากประเทศญี่ปุ่น ให้ประชาชน รับรอง ผู้ได้รับการสรรหา เข้ามาเป็น ป.ป.ช.โดย กำหนดเกณฑ์ว่าจำนวนเท่าใดถึงจะผ่านเกณฑ์

นาย พริษฐ์ เสนอ แนวคิดการแก้ไขกำหนดคุณสมบัติ ของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ต้องแตกต่างองค์กรอิสระอื่นๆ และตั้งคำถามว่าจำเป็นหรือไม่ที่ต้องกำหนดคุณสมบัติของคณะกรรมการ ป.ป.ช. เป็นเฉพาะทาง หรือผู้เชี่ยวชาญในด้านต่างๆ โดยเฉพาะ ทั้งนี้เห็นว่าต้องออกแบบระบบเลือกตั้งสว.ให้แตกต่างจากสส. เพราะเห็นว่าการเลือกตั้งสว. จะเป็นการเชื่อมโยงจากประชาชนตรงที่สุด และสิ่งสำคัญคือจำเป็นต้องมีวุฒิสภาหรือไม่ ซึ่งทั้งหมดเป็นการออกแบบที่ไม่ง่ายต้องคู่ขนานกับสถาบันการเมืองอื่นๆด้วย

” เราต้องการให้ป.ป.ช.ตรวจสอบทุจริตเข้มข้นที่สุดในสังคม แต่มีมุมมองเรื่อง มาตรฐานทาง จริยธรรม ต่างกัน การให้องค์กรใดมาผูกขาดคำนิยามเรื่องจริยธรรมและมีผลทางกฎหมายอาจเป็นความท้าทาย พยายามแก้ไขและสร้างวัฒนธรรมให้ผู้มีอำนาจแสดงความรับผิดชอบทางกลไกทางการเมืองน่าจะยั่งยืนและมีช่องโหว่น้อยกว่าที่ถูกใช้เป็นเครื่องมือทำลายล้างกันและกัน มันเป็นโจทย์ที่ท้าทายว่ากระบวนการแต่งตั้งรับรองจะไปจบที่ไหน ถ้าเราจะแก้กระบวนการสรรหาหรือที่มาขององค์กรอิสระแยกจากการออกแบบสถาบันทางการเมืองทั้งหมด” นายพริษฐ์ กล่าว

พลตำรวจเอก วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานกรรมการ ป.ป.ช. กล่าวว่า เห็นด้วยในหลายประเด็น จากประสบการณ์ที่ทำงานมา 8 ปีกว่า เห็นว่าการกำหนดคุณสมบัตินั้นทำไว้ดีแล้ว ที่จะต้องมีคุณสมบัติที่ชัดเจน อย่าง การบริหารราชการแผ่นดิน การบัญชี เศรษฐศาสตร์ ฯ ซึ่งปัจจุบัน ผู้ที่ดำรงตำแหน่งกรรมการป.ป.ช จะต้องเกี่ยวกับเรื่องคดีที่มีความต่อเนื่องถึง 9 ปี ปัจจุบันเราไม่มีสัดส่วนของอัยการ มีตุลาการเพียง 4 ท่าน และตำรวจก็กำลังหมดวาระลง และคาดว่าจะไม่มีเข้ามาอีก เพราะ 5 ปี เป็นเรื่องที่ยากมากจะมีตำแหน่งอธิบดีเข้ามา ทั้งนี้ตนเห็นด้วยในเรื่องคณะกรรมการสรรหาที่จะลดระดับลงมา เพราะการนำตัวแทนขององค์กรอิสระ ไปเป็นกรรมการสรรหาในองค์กรอิสระ จะมีปัญหามากกว่าจะให้คนในองค์กรอิสระนั้นเข้าไป ตามที่วงเสวนาได้เสนอ เพราะกระบวนการสรรหาวันนี้มีผู้ที่สมัครเข้ามาเป็นคณะกรรมการป.ป.ช. ไม่น้อยในแต่ละรอบ และหากลดคุณสมบัติลงมา ก็จะมีผู้สมัครมากขึ้น และจะช่วยหากมีการแบ่งแยกสายที่ชัดเจน ดังนั้นจึงขอให้ดูที่มาตรา 13 วรรค 3 ที่ระบุว่า “วิธีการอื่นใดที่เหมาะสม” เช่นการ “ให้คะเเนน” ยกตัวอย่างมีผู้สมัคร 100 ท่าน มีตำแหน่งว่างแค่ 1-5 ตำแหน่ง จะทำอย่างไรเพื่อไม่ให้ผู้สมัครที่เหลือสูญเปล่า ดังนั้นจึงเสนอเเนะให้มีการ ให้คะเเนนจากประสบการณ์ ความรู้ ความสามารถจากคุณวุฒิ เพื่อคัดเลือกตามสัดส่วนของกรรมการที่ว่างลง และให้กรรมการสรรหาเป็นผู้สรรหา เพื่อไม่ให้สูญเปล่า ซึ่งคนที่ผ่านเข้ามาทุกคนควรที่จะมีคะแนนอยู่ เมื่อกลั่นกรองมาในระดับหนึ่งแล้ว คนที่ได้อันดับ 1 คือผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อ และผู้ที่ได้คะแนนรองลงมาเป็นตัวสำรอง เพื่อลดขั้นตอน หากผู้ที่ได้คะแนนอันดับ 1 ไม่ผ่านการคัดเลือก ก็นำผู้ที่ได้คะเเนนรองลงมาคัดเลือก เเต่ปัจจุบันหากผู้ที่ได้คะแนนอันดับหนึ่งไม่ผ่าน ก็จะสูญเปล่าทั้ง 100 คน ถือว่า “เป็นการสูญเปล่าในการบริหารงานบุคคล” เห็นด้วยในแก้ไขกระบวนการคัดเลือกคณะกรรมการสรรหา เพื่อออกเป็นอนุบัญญัติให้ชัดเจนโปร่งใส .-319 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ลิณธิภรณ์” แจงปมสะกดคำผิด ยอมรับผิดพลาดพร้อมแก้ไข

กระทรวงวัฒนธรรม 4 ก.ค.- “ลิณธิภรณ์” ยอมรับดรามาใช้ภาษาไทยสะกดคำผิด พร้อมแก้ไขปรับปรุงตัว รับปากจะไม่ให้เกิดขึ้นอีก บอก บางครั้งรีบพิมพ์ไม่ได้ตรวจทาน ทำเกิดผลเสียทุกวันนี้ แจงมีปัญหาสุขภาพ อาจทำให้ออกเสียงควบกล้ำไม่ได้ น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ให้สัมภาษณ์ถึงดรามาเรื่องการใช้ภาษาไทยในโซเชียลมีเดีย ว่า ตนขอยอมรับอย่างซื่อตรง ว่าบางครั้งในการสะกดคำของตนเองก็มีความผิดพลาด ซึ่งบางครั้งใช้การพิมพ์ด้วยเสียงผ่านโทรศัพท์มือถือ และได้โพสต์ข้อความไปแล้ว ก่อนจะมารู้ตัวอีกทีก็ผ่านไป 2-3 ชั่วโมง มันเป็นความผิดพลาด อันนี้ตนยอมรับด้วยความจริงใจ และวันนี้ตนก็เข้าใจดีว่าเมื่อมานั่งตำแหน่งตรงนี้ สิ่งที่จำเป็นต้องทำ คือต้องปรับปรุง และคิดว่าหลังจากนี้ความผิดพลาดเหล่านี้ก็จะไม่เกิดขึ้น เพราะตนก็อยากเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับเด็กและเยาวชน ของประเทศเหมือนกัน รวมถึงอีกสิ่งที่ตนอยากจะบอกคือการออกเสียงควบกล้ำ ซึ่งเป็นผลกระทบ จากปัญหาสุขภาพ แต่ส่วนหนึ่งตนก็จะพยายามทำให้ดีที่สุด น.ส.ลิณธิภรณ์ กล่าวว่า วันนี้ตนเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในภาพนโยบายใหญ่ คงต้องขึ้นอยู่กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาฯ ซึ่งตอนนี้ยังไม่ได้มีการพูดคุยใน รายละเอียดที่ชัดเจน และจะเข้ากระทรวงพร้อมกันในวันที่ 8 กรกฎาคม สำหรับตนหากใครที่เคยติดตาม ก็เคยเป็นคนหนึ่งที่ พูดเรื่องการศึกษาในส่วนของพรรคเพื่อไทยมาโดยตลอด ตั้งแต่เป็นโฆษกพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะเรื่องการลดค่าสอบทีแคส (TCAS) รวมถึงเรื่องการทำโครงการ ด้านสุขภาพภาวะจิต และอาจจะเป็นโครงการหนึ่งที่ตนจะสานต่อ […]

มอบ “จิราพร” เข้าร่วมประชุมผู้นำ BRICS ที่บราซิล

ทำเนียบ 3 ก.ค.-มอบ “จิราพร” เข้าร่วมประชุมผู้นำ BRICS ครั้งที่ 17 ที่บราซิล 6-7 ก.ค.นี้ นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จะเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมผู้นำกลุ่ม BRICS ครั้งที่ 17 ระหว่างวันที่ 6 – 7 กรกฎาคม 2568 ร่วมกับผู้นำจาก 10 ประเทศสมาชิกกลุ่ม BRICS และประเทศหุ้นส่วนจากหลากหลายประเทศ ที่นครรีโอเดจาเนโร สหพันธ์สาธารณรัฐบราซิล โดยไทยเข้าร่วมในฐานะประเทศหุ้นส่วนของกลุ่ม BRICS (Partner Country) สำหรับการประชุมผู้นำกลุ่ม BRICS จะจัดขึ้นภายใต้หัวข้อ “เสริมสร้างความร่วมมือโลกใต้เพื่อการสร้างธรรมาภิบาลที่ครอบคลุมและยั่งยืนยิ่งขึ้น โดยบราซิลในฐานะประธานกลุ่ม BRICS ปีนี้ ให้ความสำคัญกับประเด็นหลัก 6 ด้าน ได้แก่ (1) สาธารณสุข (2) การค้า การลงทุน และการเงิน (3) การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (4) ธรรมาภิบาลของปัญญาประดิษฐ์ […]

Hun Sen, at event marking ruling party's 74th founding anniversary

ฮุน เซน เรียกร้องปั๊ม ปตท. งดนำเข้าน้ำมันจากไทย

พนมเปญ 3 ก.ค.- นายฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ยังคงเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเรียกร้องให้เจ้าของปั๊ม ปตท.เลิกนำเข้าน้ำมันจากไทย และหันไปนำเข้าจากประเทศอื่นแทน สื่อของกัมพูชารายงานว่า นายฮุน เซน พูดถึงเรื่องนี้ในระหว่างการประชุมกับครูและนักเรียนที่ศูนย์การศึกษาและฝึกอบรมในจังหวัดไพรแวงในวันนี้ เรียกร้องให้เจ้าของปั๊มน้ำมัน ปตท.ทุกแห่งในกัมพูชาเลิกนำเข้าน้ำมันจากไทย และหันไปนำเข้าน้ำมันจากประเทศอื่น ๆ แทน ไม่ว่าจะเป็นจากเวียดนาม  มาเลเซีย หรือสิงคโปร์ โดยไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนชื่อปั๊ม แม้ว่า ปตท.จะเป็นรัฐวิสาหกิจของไทยก็ตาม นอกจากนี้นายฮุน เซนยังพูดถึงเรื่องที่ไทยเคยขู่ว่าจะตัดไฟฟ้า ตัดอินเทอร์เน็ต ห้ามขายเชื้อเพลิง และอื่นๆ ให้กัมพูชาด้วยว่า เมื่อไทยขู่มากัมพูชาก็ตอบโต้ทันที กัมพูชาต้องพึ่งพาตนเองให้ได้เพื่อรับมือกับภัยคุกคามในอนาคตเหมือนกับที่กำลังเผชิญจากไทยในเวลานี้ แม้ว่าจะมีแรงกดดันจากไทย แต่กัมพูชาก็ได้ดำเนินการไปแล้ว ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นถึงความแข็งแกร่งและความสามารถในการพึ่งพาตนเองได้ของกัมพูชา ประธานวุฒิสภากัมพูชาเน้นย้ำว่า มาตรการทั้งหมดที่กัมพูชาได้ดำเนินไปนั้นเป็นการตอบโต้โดยตรงกับภัยคุกคามจากฝ่ายไทย รวมทั้งการที่ไทยปิดด่านพรมแดนแต่เพียงฝ่ายเดียว เขาแสดงท่าทีอย่างชัดเจนว่า การเจรจากับไทยจะเริ่มขึ้นได้ ต่อเมื่อฝ่ายไทยจะต้องยอมเปิดด่านทุกจุดอย่างเต็มรูปแบบเหมือนที่เคยทำก่อนวันที่ 7 มิถุนายนแล้วเท่านั้น.-816(814).-สำนักข่าวไทย

เปิด 7 จุดยืน “ปชน.” ทางออกประเทศหาก “แพทองธาร” พ้นเก้าอี้

กรุงเทพฯ 4 ก.ค. – พรรคประชาชนโพสต์เฟซบุ๊กแสดง 7 จุดยืน หาก “แพทองธาร” พ้นตำแหน่ง เปิดเงื่อนไขโหวตนายกฯ คนใหม่ พรรคประชาชนโพสต์เฟซบุ๊กแสดง 7 จุดยืน หาก “นายกฯ แพทองธาร” พ้นจากตำแหน่ง เพื่อนำพาประเทศไปสู่ทางออกที่จะเป็นประโยชน์ที่สุดสำหรับประชาชนทุกคน ดังนี้ 1.สิ่งที่ประเทศต้องการมากที่สุด คือรัฐบาลที่มีเสถียรภาพ มีความชอบธรรม และสามารถตั้งทีมบริหารจากความรู้ความสามารถ ไม่ใช่จากการต่อรองผลประโยชน์ทางการเมือง2.รัฐบาลที่จะมีคุณสมบัติดังกล่าวจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้จากสภาชุดปัจจุบัน ทางออกสำหรับประเทศจึงเป็นการจัดให้มี “การเลือกตั้งใหม่” โดยเร็ว3.รักษาการนายกฯ ควรประกาศให้ชัดเจนว่าจะใช้อำนาจที่ตนเองมี ในการเดินหน้าสู่การยุบสภา เพื่อคืนอำนาจให้กับประชาชนผ่านคูหาเลือกตั้ง4.หากรักษาการนายกฯ ไม่ทำ และมีเหตุใดที่ทำให้นายกรัฐมนตรีแพทองธาร พ้นจากตำแหน่ง กระบวนการในการเลือกนายกฯ คนใหม่ จะต้องนำไปสู่การได้มาซึ่งนายกฯ ที่พร้อมเดินหน้าสู่การยุบสภา5.เพื่อให้ประเทศไม่ถูกบีบไปสู่ทางตันหรือการใช้อำนาจนอกครรลองประชาธิปไตย เราพร้อมจะพิจารณาลงมติให้กับผู้เสนอตัวเป็นนายกฯ คนใหม่คนใดก็ตาม ที่ยอมรับ “เงื่อนไข” ในการเป็นรัฐบาลชั่วคราว โดยทางพรรคประชาชนจะไม่เข้าร่วมรัฐบาลและจะไม่มีใครจากพรรคประชาชนไปเป็นรัฐมนตรี 6.“เงื่อนไข” ในการเดินหน้าสู่การยุบสภา สำหรับนายกฯ คนใหม่ จะต้องประกอบไปด้วยอย่างน้อย6.1 การประกาศเส้นตายว่าจะยุบสภาภายในสิ้นปี6.2 การยืนยันภารกิจเฉพาะหน้าที่จะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาดังกล่าว (เช่น การดำเนินการให้มีการจัดประชามติพร้อมกับการเลือกตั้ง เพื่อถามประชาชนเรื่องการมี […]

ข่าวแนะนำ

ไฟไหม้รถยนต์ อดีต สส.ศิริโชค วอดทั้งคัน

สงขลา 5 ก.ค.-“ศิริโชค” อดีต สส.ปชป. เผยเหตุระทึก รถยนต์ PHEV ไฟลุกไหม้วอดทั้งคันกลางดึก ทั้งที่ไม่ได้ชาร์จ ภาพคลิปเหตุการณ์ไฟไหม้รถยนต์ส่วนตัวของนายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งจอดอยู่บริเวณบ้านพักที่ อ.นาทวี จ.สงขลา ช่วงตี 3 เมื่อเช้ามืดที่ผ่านมา (5 ก.ค.68) โดยเพจเฟซบุ๊ก “ศิริโชค โสภา” ได้โพสต์คลิปเหตุการณ์ พร้อมระบุข้อความว่า “อุทาหรณ์สยอง! ผมตื่นมากับเปลวเพลิงกลางดึก-ไฟลุกท่วมรถ PHEV ทั้งคัน ทั้งที่ไม่ได้ชาร์จ! เช้ามืดวันนี้ ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมเสียง “ปะทุ” ดังสนั่นกลางความเงียบของตีสาม…เมื่อรีบวิ่งออกมาดู สิ่งที่ผมเห็นคือเปลวไฟสีส้มแดงกำลังลุกโชนอย่างบ้าคลั่งจากรถยนต์ PHEV ที่จอดนิ่งหน้าบ้าน ตอนนั้นผมไม่ได้เสียบชาร์จไว้ด้วยซ้ำ-จอดไว้เฉยๆ แต่จู่ๆ ไฟกลับลุกขึ้นมาเอง โดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้าแม้แต่นิดเดียว รถดับเพลิงต้องใช้เวลาหลายนาทีกว่าจะควบคุมเพลิงได้ และเมื่อไฟดับลง… สิ่งที่เหลืออยู่คือซากรถที่ไหม้เกรียมทั้งคันนี่ไม่ใช่แค่ความเสียหาย แต่คือคำเตือนที่น่ากลัวสำหรับผู้ใช้รถ EV และ PHEVแม้ไม่ได้ชาร์จ แม้จอดนิ่ง แบตเตอรี่ก็ยังมีโอกาสลุกไหม้ได้เองโดยไม่ทันตั้งตัว ไฟฟ้าเงียบ-แต่มันเผาผลาญทุกอย่างได้ในพริบตา ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ […]

เด้ง 5 เสือ สน.บางเขน เซ่นจับบ่อนสะพานใหม่

กทม. 5 ก.ค. – สั่งเด้ง 5 เสือ สน.บางเขน เซ่นจับบ่อนสะพานใหม่ ขณะที่เช้านี้เจ้าหน้าที่คุมตัว 72 นักพนัน ไปฝากขังศาลแขวงดอนเมือง พบส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.อ.เสกสิทธิ์ สุภาอ้วน รอง ผบก.น.2 รรท.ผบก.น.2 ลงนามในคำสั่ง กองบังคับการตำรวจนครบาล 2 ที่ 183/2568 เรื่อง ให้ข้าราชการตำรวจปฏิบัติราชการ และแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีเมื่อวันที่ 4 ก.ค.68 เวลาประมาณ 14.00 น. เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้เข้าทำการสืบสวนสถานที่ต้องสงสัย ซึ่งคาดว่าเป็นบ่อนการพนัน บริเวณอาคารพาณิชย์ กลางซอยพหลโยธิน 52 แยก 3 แขวงคลงถนน เขตสายไหม กรุงเทพมหานคร และได้จับกุมผู้ต้องหากับพวกในข้อหา “ร่วมกันเป็นผู้จัดให้มีการเล่นการพนันไฮโล เพื่อพนันเอาทรัพย์สินกัน โดยไม่ได้รับอนุญาต”และ “ร่วมกันเข้าเล่นหรือเล่นการพนันโฮโลเพื่อพนันเอาทรัพย์สินกันโดยไม่ได้รับอนุญาต” ซึ่งเหตุดังกล่าวเป็นเขตพื้นที่รับผิดชอบของสน.บางเขน เพื่อให้การบริหารงานในภาพรวมของ กองบังคับการตำรวจนครบาล 2 เป็นไปอย่างต่อเนื่อง และเรียบร้อย […]

ค้นบ้านพักสีกา คนสนิท “ทิดอาชว์” พบจีวรหลายผืน

กทม. 5 ก.ค.-“บิ๊กเต่า” รับเมื่อวาน ปปป. พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นำหมายศาลค้นบ้านพักสีกา ก.ไก่ คนสนิท “ทิดอาชว์” อดีตเจ้าอาวาสวัดตรีทศเทพ พบภายในบ้านมีจีวรหลายผืน เวลา 10.00 น. พลตำรวจตรี จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง หรือ บช.ก. เปิดเผยถึงความคืบหน้า การสืบสวนสอบสวนหาข้อมูลและหลักฐาน ที่เกี่ยวข้องกับวัดตรีทศเทพ ว่าเมื่อวานที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้นำหมายศาลเข้าตรวจค้นบ้านพักหลังหนึ่งในหมู่บ้านดังของสีกาไฮโซ อักษรย่อ ก.ไก่ หญิงสาวคนสนิทของทิดอาชว์ เพื่อค้นหาพยานหลักฐาน พร้อมสอบปากคำสีกาคนดังกล่าว จากการตรวจค้นภายในบ้านพัก พบพยานหลักฐานจำนวนหนึ่ง โดย 1 ในนั้นเป็นจีวรพระหลายพื้น แต่จะเป็นของพระรูปไหนอย่างไร ยังไม่ทราบ เพราะเจ้าตัวยังไม่เปิดเผย จากการสอบปากคำสีกา ก. ให้การเป็นประโยชน์เป็นที่น่าพอใจ สามารถขยายผลนำไปสู่การสืบสวนสอบสวนคดีทุจริตในอนาคตได้ นอกจากนี้ สีกาไฮโซ ก. ยินยอมให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบข้อมูลในโทรศัพท์ได้ ซึ่งถือว่าเป็นให้ความร่วมมือในทิศทางที่ดี อย่างไรก็ตาม หลังหมดเวลาตรวจค้น 18.00 น. เจ้าหน้าที่ได้เชิญตัว […]

‘ทรัมป์’ ฉลองวันชาติสหรัฐด้วยการลงนามร่างกฎหมายสำคัญ

วอชิงตัน 5 ก.ค. – ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง เมลาเนีย ทรัมป์ ได้ร่วมฉลองวันประกาศอิสรภาพของสหรัฐเมื่อวานนี้ ด้วยการแสดงพลุไฟตระการตาเหนือน่านฟ้ากรุงวอชิงตัน นายทรัมป์จัดพิธีฉลองวันชาติที่สนามหญ้าด้านทิศใต้ของทำเนียบขาวในวันหยุดเพื่อรำลึกวันประกาศอิสรภาพ 4 กรกฎาคม โดยมีการแสดงการบินของเครื่องบินทิ้งระเบิดล่องหนและเครื่องบินขับไล่ คล้ายกับที่เครื่องบินที่ใช้ในการโจมตีโรงงานนิวเคลียร์ในอิหร่านเมื่อเร็วๆ นี้ มีผู้สนับสนุนนายทรัมป์หลายร้อยคนเข้าร่วม รวมถึงเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาว สมาชิกสภาคองเกรส และครอบครัวทหาร ก่อนหน้านั้น นายทรัมป์ลงนามบังคับใช้ แพ็กเกจกฎหมายขนาดใหญ่ว่าด้วยการลดภาษีและการใช้จ่าย ในพิธีที่จัดขึ้นที่ทำเนียบขาว เพียงหนึ่งวันหลังจากที่สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งพรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมาก ได้อนุมัติร่างกฎหมายสำคัญนี้ไปอย่างฉิวเฉียด ซึ่งถือเป็นกฎหมายสำคัญประจำวาระที่สองของรัฐบาลทรัมป์ ร่างกฎหมายฉบับนี้จะใช้เพื่อเป็นเงินทุนสำหรับการปราบปรามการเข้าเมืองของนายทรัมป์ ทำให้การลดภาษีในปี 2017 ของเขาเป็นไปแบบถาวร และคาดว่าจะทำให้ ชาวอเมริกันหลายล้านคนถูกตัดสิทธิ์จากการประกันสุขภาพ โดยร่างกฎหมายผ่านสภาฯ ด้วยคะแนนเสียง 218 ต่อ 214 หลังจากการอภิปรายที่เข้มข้นในสภา การผ่านร่างกฎหมายนี้ถือเป็นชัยชนะครั้งใหญ่สำหรับทรัมป์และพันธมิตรพรรครีพับลิกัน ซึ่งโต้แย้งว่ากฎหมายจะช่วยกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ ขณะเดียวกันก็มองข้ามการวิเคราะห์ที่เป็นกลางซึ่งคาดการณ์ว่ากฎหมายจะเพิ่ม หนี้ของประเทศอีกกว่า 3 ล้านล้านดอลลาร์ จากหนี้ปัจจุบันที่ 36.2 ล้านล้านดอลลาร์ แม้ว่าสมาชิกสภาบางคนจากพรรคของนายทรัมป์จะแสดงความกังวลเกี่ยวกับต้นทุนของร่างกฎหมายและผลกระทบต่อโครงการดูแลสุขภาพ แต่สุดท้ายแล้วมีเพียง ส.ส. รีพับลิกันเพียงสองคนจากทั้งหมด 220 […]