“สิริลภัส” วอนรัฐบาล เพิ่มงบช่วยเหลือผู้ป่วยสุขภาพจิต

รัฐสภา 20 มิ.ย.-“สิริลภัส” สส.ก้าวไกล วอนรัฐบาล เพิ่มงบจัดสรรโครงการช่วยเหลือผู้ป่วยสุขภาพจิต ก่อนจะสายไป พร้อมยกตัวอย่าง โครงการ 2 ประเภทที่ไม่ควรตัดงบ และเพิ่มการเข้าถึงบริการ เพิ่มการตระหนักรู้ เพิ่มความรู้ความเข้าใจเรื่องสุขภาพจิตให้ประชาชน

ในการประชุมการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2568 นางสาวสิริลภัส กองตระการ สส.กรุงเทพพรรคก้าวไกล กล่าวอภิปรายในหัวข้อ “การจัดสรรงบประมาณในการแก้ไขปัญหาสุขภาพจิตให้กับประชาชน” ระบุว่า ปัจจุบันปัญหาสุขภาพจิตของคนไทย เปรียบเสมือนภูเขาไฟที่รอวันระเบิด ทำลายระบบนิเวศ เศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงของประเทศ


ซึ่งโจทย์การแก้ไขสุขภาพจิตทุกช่วงวัย แบ่งออกเป็น 3 ระยะ คือระยะสั้น การแก้ไขสุขภาพทุกช่วงวัยยังเร่งด่วน ระยะกลาง คือกระบวนการการรักษาที่มีประสิทธิภาพ ระยะยาว คือ ทำให้ประชาชนเข้าสู่สังคมสุขภาพจิตที่ดีอย่างยั่งยืน

ส่วนรายงานสถิติความรุนแรงในครอบครัว มากถึง 2,778 ราย จาก 4,127 ราย ซึ่งเกิดขึ้นในเด็ก ถึง 995 ราย และ 2 ใน 5 ผู้เป็นมารดา เชื่อว่าการทำโทษบุตรเป็นสิ่งที่จำเป็น ทั้งยังพบว่า เด็กอายุ 3-4 ขวบ ได้รับการอบรมด้วยวิธีการใช้ความรุนแรง และอาจทำให้เด็กเหล่านั้นกลายเป็นผู้ป่วยจิตเภท ไม่สามารถเข้าสังคมได้ ไม่เห็นอกเห็นใจผู้อื่น และเป็น 1 ในปัจจัยทำให้เด็กเหล่านั้นโตขึ้นมาเป็นอาชญากร หากไม่ได้รับการบำบัดรักษา จะส่งผลกระทบในวันต่อมา คือ ช่วงของวัยรุ่น และวัยเรียน


ทั้งยังพบว่า วัยรุ่นจำนวนกว่า 1 แสนราย เสียงเป็นโรคซึมเศร้ามากกว่า 1 หมื่นราย และเสี่ยงฆ่าตัวตายเกือบ 2 หมื่นราย นอกจากปมการเลี้ยงดูวัยเด็กที่สร้างแผลทางใจ ยังมีอีก 1 ปัจจัยที่ต้องเผชิญ คือ การถูกกลั่นแกล้ง รังแกกันในโรงเรียน และในสังคมออนไลน์ ซึ่งเด็กเหล่านั้นเสี่ยงเจอปัญหาสุขภาพจิต ภาวะเครียด ซึมเศร้า มีปัญหาต่อการเข้าสังคม และมีโอกาสทำร้ายผู้อื่น ทำร้ายตัวเอง ถึงการฆ่าตัวตาย

ส่วนการบูลลี่ระยะเวลา 3 เดือนที่ผ่านมา บนโลกโซเชียลมีเดีย มีมากถึง 176,822 ข้อความ ส่วนวัยทำงาน พบว่าวัยทำงานก็ว่า 1 ล้านคน เสี่ยงเป็นโรคซึมเศร้ากว่า 60,000 คน มีภาวะหมดไฟมากถึง 50,000 คน และมีความเครียดสูงกว่า 50,000 คน เป็น ขณะเเดียวกัน บนโซเชียลฯ ระยะเวลา 3 เดือนที่ผ่านมา มีคำที่พูดว่า ภาระงานหนัก ความเครียด ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงทำให้เกิดโรคซึมเศร้ากว่า 9 หมื่นข้อความ มียอดการเข้าถึงเป็น 10 ล้านครั้ง

ยกตัวอย่าง อาชีพตำรวจ ทหาร ที่มีเรื่องความสัมพันธ์กับผู้บังคับบัญชา การใช้อำนาจในองค์กร กดขี่นายทหาร-ตำรวจชั้นผู้น้อย รวมทั้งรายได้หนี้สิน ส่งผลการฆ่าตัวตายของตำรวจมากกว่าประชาชนทั่วไป ถึง 3 เท่า เนื่องจากอาชีพดังกล่าว เข้าถึงอาวุธได้มากกว่าคนทั่วไป และอาจส่งผลให้ก่อเหตุความรุนแรงขึ้นได้ เป็นต้น


ส่วนปัญหาสุขภาพจิต ในกลุ่มผู้สูงอายุ หรือผู้สูงวัย ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยผู้สูงวัยก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยเต็มรูปแบบ ความโดดเดี่ยว โรคประจำตัว รัฐจะดูแลผู้สูงวัยเหล่านี้ให้ดีได้อย่างไร ทั้งกายและใจ ดังนั้น จึงเห็นได้ว่าปัญหาสุขภาพจิตขอวคนไทย เป็นปัญหาที่ไม่สามารถรอได้ และควรแก้ไขอย่างเร่งด่วน

ขณะที่ปี 67 นี้ กรมสุขภาพจิต ได้รับการจัดสรรงบประมาณแทบไม่ต่างจากปี 66 ขอไป 4,000 กว่าล้าน แต่ได้รับจัดสรรมา 3,036 ล้านบาท คิดเป็น 1.8 เปอร์เซ็นต์ จากงบกระทรวงสาธารณสุข ทั้งนี้ มีหลายโครงการได้รับงบน้อยกว่าปีที่แล้ว ทั้งทําเป็นโครงการเข้าไปแก้ไขปัญหาสุขภาพจิตในแต่ละช่วงวัยให้เข้าถึงจำนวนกลุ่มเป้าหมายตามที่กรมได้คำนวนไว้ เช่น โครงการพัฒนาเด็กประถมวัย มีกลุ่มเป้าหมาย 26,000 คน ของบไป 31 ล้านบาท แต่โดนตัดเหลือ 11 ล้านบาท ค่าเฉลี่ยต่อหัว 1,000 กว่าบาท เหลือเพียง คนละ 400 กว่าบาทเท่านั้น

ปัจจุบัน กรมสุขภาพจิต ออกมาเปิดเผยข้อมูลว่า คนไทยที่มีปัญหาด้านสุขภาพจิต สูงถึง 10 ล้าน มีเพียง 3 ล้านเท่านั้นที่เข้ารับการรักษาในระบบสาธารณะสุข แต่กลับกัน ตนแนะนำให้รัฐควรพิจารณา เพิ่มงบประมาณการผลิตบุคลากรให้มากขึ้น เพื่อไม่ให้ผู้ป่วยต้องรอคิวยืดยาว หรือคนไม่สามารถเข้าถึงบริการได้ ดังนั้น ควรวางแผนในด้านอื่นเพิ่มเติมเพื่อป้องกันปัญหาสุขภาพจิต อาทิ เพิ่มการเข้าถึงบริการ เพิ่มการตระหนักรู้ เพิ่มความรู้ความเข้าใจเรื่องสุขภาพจิตให้ประชาชน ตามที่กรมสุขภาพจิตตั้งเป้าไว้ แต่ติดที่โครงการดังกล่าว ได้รับงบไม่เพียงพอตามคำขอ

อย่างไรก็ตาม หากรัฐบาลให้ความสำคัญกับปัญหา และสะท้อนผ่านมายังการจัดสรรงบประมาณที่เพิ่มมากขึ้น จะสามารถพัฒนาทรัพยากรทั้งคนและของให้เพิ่มมากขึ้นเช่นเดียวกัน ตนขอเสนอให้รัฐบาล พิจารณาการจัดสรงบประมาณ โดยแบ่งโครงการออกเป็น 2 ประเภท คือ 1.โครงการที่ควรให้งบเต็มจำนวนตามคำขอ ที่มีกลุ่มเป้าหมายตามเป้าดังกล่าว รวมทั้งโครงการขยายผลที่จะช่วยยกระดับสุขภาพจิตให้ประชาชน 2.โครงการใหม่ที่ควรได้งบเพิ่ม อย่าง โครงการส่งเสริมสุขภาพจิต เด็กและเยาวชนในถิ่นทุรกันดารในพระราชดำรัสพระกนิษฐาธิราชเจ้า ที่ควรได้รับงบเต็ม แต่กลับได้ไม่ครบตามคำขอ

นางสาวสิริลภัส กล่าวทิ้งท้ายว่า รัฐบาลจะเร่งแก้ไขตอนนี้ หรือจะรอให้ปัญหาสุขภาพจิตของคนไทยเป็นภูเขาไฟที่ระเบิดออกมาทำลายทุกอย่างก่อน หากถึงวันนั้นจริง ท่านอาจไม่สามารถรักษา หรือคว้ามือใครขึ้นมาได้อีกเลย.-317.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.เรือนจำทักษิณป่วย ไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน  

13 มิ.ย. – ศาลฎีกาฯ ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนกรณีกรมราชทัณฑ์อนุญาตให้ “ทักษิณ” เข้ารักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจ นัดไต่สวนเพิ่มอีก 6 นัด เดือน ก.ค.68 ด้าน ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ยอมรับไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนคดีชั้น 14 ในเรื่องการบังคับคดีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ล่าสุดการไต่สวนนัดแรกเสร็จสิ้นแล้ว โดยศาลได้สอบถาม นายมานพ ชมชื่น ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพคนปัจจุบัน เกี่ยวกับกระบวนการในการส่งตัวนายทักษิณจากเรือนจำไปโรงพยาบาลตำรวจ ในคืนวันที่ 22 สิงหาคม ซึ่งนายทักษิณ มีอาการแน่นหน้าอก นอนไม่หลับ พยาบาลเวรตรวจอาการแล้ว ถึงโทรไปหาแพทย์ และมีความเห็นให้ส่งตัวไปที่โรงพยาบาลตำรวจ โดยไม่ได้เข้าไปที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน และอาการก็ตรงกลับใบส่งตัวที่แพทย์เขียนไว้ล่วงหน้า เพราะเป็นผู้ป่วยกรณีฉุกเฉิน แต่ก็ยอมรับว่าไม่ได้เข้าโรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน จากนั้นศาลได้นัดไต่สวน 6 นัด ในเดือนกรกฎาคม 2568 และใน […]

เครื่องบินแอร์อินเดีย ตกใส่อาคารที่พักแพทย์ ตาย 241 รอดคนเดียว

นิวเดลี 13 มิ.ย. – เครื่องบินโดยสารของสายการบินแอร์อินเดีย พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประสบอุบัติเหตุตกใส่อาคารในย่านชุมชนทางตะวันตกของประเทศ มีผู้เสียชีวิต 241 ราย รอดชีวิตปาฏิหาริย์เพียงคนเดียว ยังไม่มีการยืนยันว่ามีคนในอาคารบ้านเรือนเสียชีวิตเท่าไร เครื่องบินลำที่ประสบอุบัติเหตุเป็นเครื่องบินโบอิ้ง 787-8 ดรีมไลน์เนอร์ ของสายการบิน แอร์ อินเดีย เที่ยวบิน เอไอ171 (AI171) พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประกอบด้วยผู้โดยสาร 230 คน และลูกเรือ 12 คน เพิ่งจะออกเดินทางจากท่าอากาศยานระหว่างประเทศเมืองอาห์เมดาบัด รัฐคุชราต ทางตะวันตกของอินเดียเมื่อเวลา 13.34 น. วานนี้ มุ่งหน้าไปยังท่าอากาศยานแกตวิค กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ คนบนเครื่องบินเป็นชาวอินเดีย 169 คน และมีพลเมืองอังกฤษ 53 คน โปรตุเกส 7 คน และแคนาดา 1 คน คลิปที่ผู้ใช้งานสื่อออนไลน์ในอินเดียส่งต่อกันแพร่หลาย เผยให้เห็นช่วงเวลาขณะที่เครื่องบินโดยสารลำนี้เครื่องบินค่อยๆ […]

แพทยสภายืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย

กทม. 12 มิ.ย.- แพทยสภามีมติ 2 ใน 3 ยืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย ปมส่งตัว “ทักษิณ” รักษาชั้น 14 รพ.ตร. ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา อุปนายกแพทยสภา เปิดเผยหลังการประชุมการลงมติแพทยสภากว่า 5 ชม. ว่า กรณีที่มีการกล่าวโทษแพทย์ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ เกี่ยวกับการประพฤติผิดจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม การประชุมคณะกรรมการแพทยสภาครั้งที่ 6/2568 ประจำเดือนมิถุนายน คือวันนี้ มีวาระสำคัญคือการพิจารณาหนังสือยับยั้งมติลงโทษผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมของคณะกรรมการแพทยสภาจากสภานายกพิเศษ วาระนี้มีคณะกรรมการแพทยสภาเข้าร่วมประชุมจำนวน 68 คน จากจำนวนแพทยสภาที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งสิ้น 69 คน ได้พิจารณาการยับยั้งมติแพทยสภาของสภานายกพิเศษ มีมติด้วยคะแนนเสียงเกินกว่า 2 ใน 3 ของคณะกรรมการฯ ที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งคณะ ซึ่งมีคะแนนโหวตมากกว่า 60 เสียง ยืนยันตามมติเดิมของคณะกรรมการแพทยสภาเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2568 กระบวนการต่อไปแพทยสภาจะออกคำสั่งบังคับตามมติและแจ้งให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทราบ คาดว่าคำสั่งจะออกได้ในวันพรุ่งนี้ และจะมีผลการลงโทษหลังจากคำสั่งไปยังผู้ถูกร้องเรียน ทั้งนี้ […]

“ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน

ฉะเชิงเทรา 12 มิ.ย. – “ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน จ.ฉะเชิงเทรา พบกองขยะอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วนเครื่องยนต์นำเข้ากองเต็มพื้นที่ ฝ่าฝืนคำสั่งกรมโรงงานฯ น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าทีมสุดซอย พร้อมเจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่อุตสาหกรรมจังหวัด และตำรวจสอบสวนกลาง เข้าตรวจสอบโรงงานรีไซเคิลใน อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นการขยายผลจากข้อมูลที่ผู้ใหญ่บ้าน ต.เขาหินซ้อน อ้างว่ามีบริษัทคัดแยกขยะอุตสาหกรรมในพื้นที่ให้นำดินไปแจกฟรี แต่กลับพบว่าเป็นขยะอุตสาหกรรม จากการตรวจสอบพบว่าบริษัทแห่งนี้จะรับขยะอิเล็กทรอนิกส์ เศษสายไฟ วัสดุแบตเตอรี่ มอเตอร์ และชิ้นส่วนเครื่องยนต์ที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ ผ่านบริษัทแห่งหนึ่งที่ฮ่องกง โดยบริษัทดังกล่าวรับซื้อเศษขยะมาจากญี่ปุ่นอีกทอดหนึ่ง ก่อนส่งมาที่โรงงานรีไซเคิลในไทยให้คัดแยก แต่สำแดงเป็นโลหะผสม (Mixed metal) และมีการเสียภาษีต่อเที่ยวตามน้ำหนัก รวมแล้วประมาณ 33,000 บาท การคัดแยกขยะจะใช้แรงงานต่างด้าวคัดแยกเหล็ก อะลูมิเนียม ทองแดงออก โดยในส่วนของเหล็ก จะส่งโรงเหล็กในประเทศ สำหรับอะลูมิเนียมกับทองแดง จะส่งกลับไปฮ่องกง เพื่อขายต่อ โดยไม่ต้องเสียภาษี เนื่องจากเป็นเศษโลหะ อีกทั้งยังมีกองขยะที่ไม่สามารถนำไปแปรรูปใช้งานต่อได้จำนวนมากถูกทิ้งไว้ในประเทศ โรงงานดังกล่าวมีการขออนุญาตประกอบกิจการตั้งแต่ปี 2558 แต่ก่อนหน้านี้พบว่ามีการขยายโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต การจัดเก็บวัสดุไม่ถูกต้องตามมาตรฐาน คือกองอยู่ลานโล่งด้านนอกอาคาร ปัญหาเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยในการประกอบกิจการ และการปล่อยน้ำเสีย […]

ข่าวแนะนำ

ไทยตอนบนฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนภาคใต้ฝนฟ้าคะนอง

กทม. 15 มิ.ย.-กรมอุตุฯ รายงานไทยตอนบนฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนภาคใต้ยังคงมีฝนฟ้าคะนองบางพื้นที่ กรุงเทพฯ และปริมณฑล ฝนฟ้าคะนอง 60% ของพื้นที่ กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยตอนบนมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนภาคใต้ยังคงมีฝนฟ้าคะนองบางพื้นที่ ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ส่วนเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย ทั้งนี้เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1 – 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุโซนร้อน “หวู่ติบ” มีศูนย์กลางอยู่บริเวณมณฑลกว่างซี ประเทศจีน ได้อ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชันแล้ว ขอให้ผู้ที่จะเดินทางไปบริเวณดังกล่าวตรวจสอบสภาพอากาศก่อนออกเดินทางไว้ด้วย พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทย 06.00 น. วันนี้ ถึง 06.00 น. วันพรุ่งนี้ ภาคเหนือ มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง […]

แฟนนางงามแห่ต้อนรับ “โอปอล” กลับไทยสุดอบอุ่น

กรุงเทพฯ 14 มิ.ย. – แฟนนางงามแห่รับ “โอปอล สุชาดา” Miss World 2025 กลับไทยสุดอบอุ่น ก่อนขึ้นรถแห่ฉลองทั่วกรุง “โอปอล” สุชาตา ช่วงศรี มิสเวิลด์ 2025 เดินทางกลับถึงไทย ด้วยเที่ยวบิน TG603 ร่วมงาน ‘Home Coming 72nd Miss World 2025’ ท่ามกลางการต้อนรับสุดอบอุ่นจากแฟนนางงามแน่นสนามบินสุวรรณภูมิ โอปอล กล่าวขอบคุณคนไทย และบอกว่ามงกุฎนี้เป็นของพวกเราทุกคน ตั้งเป้าใช้ตำแหน่งเพื่อช่วยเหลือสังคม หลังจบพิธี โอปอลขึ้นรถโรลส์-รอยซ์เปิดประทุน โบกธงชาติไทย มุ่งหน้าท้องฟ้าจำลอง ร่วมขบวนแห่ฉลองชัยมิสเวิลด์คนแรกของประเทสไทยอย่างสมเกียรติ บรรยากาศที่ท้องฟ้าจำลองมีประชาชนมารอต้อนรับโอปอล บรรดาแฟนนางงามต่างแสดงสัญลักษณ์ด้วยการใส่ชุดสีฟ้า บางคนมีการทำมงกุฎ Miss World มาใส่ และทันทีที่รถของโอปอลเลี้ยวเข้ามายังท้องฟ้าจำลอง มีการโห่ร้องต้อนรับอย่างอบอุ่น ส่วนแรงบันดาลใจในการทำรถขบวนแห่ของ Miss World 2025 นี้ นายธีรฉัตร อินถา ผู้ออกแบบขบวน ระบุว่า ได้มีการนำวัฒนธรรมผสมผสานระหว่างสากลและวัฒนธรรมไทย […]

ประชุม JBC วันแรกเป็นไปด้วยดี สองฝ่ายหารือตรงไปตรงมา

14 มิ.ย.- โฆษก กต. เผยการประชุม JBC “ไทย-กัมพูชา” บรรยากาศเป็นไปด้วยดี ทั้งสองฝ่ายหารือกันอย่างตรงไปตรงมา พร้อมย้ำไทยไม่ยอมรับอำนาจศาลโลก สำหรับการประชุมจะเสร็จสิ้นในวันพรุ่งนี้ นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงการประชุมกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย – กัมพูชา หรือ JBC ครั้งที่ 6 ว่าตั้งแต่เมื่อเช้า หลังจากคณะผู้แทนไทยฯ ที่นำโดยนายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย เดินทางถึงกรุงพนมเปญเมื่อวานนี้ ได้รับรายงานความคืบหน้ามาเป็นระยะ และเมื่อสักครู่ที่ผ่านมา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศก็ได้เรียกประชุมผู้บริหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ที่ขอให้เรียกประชุมและรายงานความคืบหน้าเป็นระยะ เพื่อจะได้มีข้อสั่งการ นายนิกรเดช กล่าวว่า การประชุมเริ่มจากที่พบหารือระหว่างสองประธานไทย-กัมพูชา กลุ่มเล็ก จากนั้นได้เริ่มการประชุม JBC เต็มคณะ เพื่อหารือประเด็นทางเทคนิค ที่อยู่ในขอบเขตการทำงานของ JBC เช่นการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีการสำรวจภูมิประเทศ ขณะนี้การประชุมก็ยังคงดำเนินอยู่ ซึ่งช่วงบ่ายก็จะเป็นการหารือตามระเบียบวาระที่วางไว้ เช่นการพูดคุยด้านเทคนิค และคาดว่าจะมีการประชุมไปจนถึงวันพรุ่งนี้ บรรยากาศการประชุมเป็นไปด้วยดี และทั้งสองฝ่ายกำลังเดินหน้าหารือกันตามวาระ ถือว่าการประชุมเป็นไปด้วยดี ทั้งสองฝ่ายเดินหน้าคุย และปรับความคิดหากันด้วยดี ฝ่ายไทยหวังว่าการประชุมครั้งนี้จะมีส่วนช่วยลดความ ตึงเครียดของสถานการณ์ที่เกิดขึ้น […]

ประชุม JBC “ไทย-กัมพูชา” ยึด MOU43 แก้ปมชายแดน-ลดตึงเครียด

14 มิ.ย.- “ไทย-กัมพูชา” แถลงย้ำความสำคัญของการใช้กลไกคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม JBC เจรจาประเด็นด้านเขตแดนระหว่างกัน และการทำงานร่วมกันด้วยสันติวิธี ภายใต้กรอบ MOU43 นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ประธานกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ฝ่ายไทย เป็นประธานการประชุมกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 6 (JBC) ร่วมกับนายฬำ เจีย รัฐมนตรีรับผิดชอบกิจการชายแดนและหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา ประธานร่วมฝ่ายกัมพูชา ทั้งสองฝ่ายกล่าวถ้อยแถลงย้ำความสำคัญของการใช้กลไกคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) ในการเจรจาประเด็นด้านเขตแดนระหว่างกันและการทำงานร่วมกันด้วยสันติวิธี ภายใต้กรอบบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบก พ.ศ. 2543 (MOU 43) เพื่อประโยชน์ในการแก้ไขปัญหาชายแดนและลดความตึงเครียดที่มีอยู่ ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการของทั้งสองฝ่าย ประกอบด้วย ผู้แทนจากหน่วยงานเชิงเทคนิคที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม กรมแผนที่ทหาร กองทัพบก กองทัพเรือ สำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา (เทียบเท่ากระทรวง) กระทรวงกลาโหมกัมพูชา กองทัพภาคต่าง ๆ ของกัมพูชา รวมถึงผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชาของกัมพูชาทุกจังหวัด -สำนักข่าวไทย