“จิราพร” ชี้ Soft Power เริ่มนโยบายตั้งแต่สมัยไทยรักไทย

รัฐสภา 19 มิ.ย.-“จิราพร” แจง รัฐบาลเดินหน้าดันซอฟต์พาวเวอร์พัฒนาคนควบคู่พัฒนาอุตสาหกรรม บอกไม่ได้ทำต่อจากรัฐบาลชุดที่แล้ว ชี้ เริ่มนโยบายตั้งแต่สมัยไทยรักไทย ระบุงบประมาณจากรัฐบาลอัดฉีดอย่างเดียวคงไม่พอ ต้องดึงเอกชนเข้ามาลงทุน


น.ส.จิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ขึ้นชี้แจงร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 วาระแรก หลัง สส.พรรคก้าวไกล อภิปรายว่า รัฐบาลกำลังหลงทางเรื่องซอฟต์พาวเวอร์ ช่วงเวลา 10 เดือน แทบไม่เห็นผลงาน ว่า คำนิยามหรือความหมายของคำว่าซอฟต์พาวเวอร์ ที่ได้พยายามหยิบยกขึ้นมาอธิบายความ เป็นสิ่งที่เราสามารถหาได้ตามหนังสือ ตำรา หรืออินเตอร์เน็ตทั่วไป ซึ่งการนำคำนิยามเหล่านั้นมาแปลงเป็นนโยบายคือสิ่งที่สำคัญที่สุด ซึ่งเชื่อว่าไม่มีคำตอบตายตัวในการผลักดันซอฟต์พาวเวอร์ เพราะแต่ละประเทศมีต้นทุนไม่เหมือนกัน มีบริบทและสภาวะที่เผชิญแตกต่างกันไป จากการที่ได้ศึกษาการทำนโยบายซอฟพาวเวอร์ของหลายประเทศมีแกนหลักอยู่ 2 ประการคือ 1. การพัฒนาคนทรัพยากรมนุษย์ 2. การพัฒนาอุตสาหกรรม

ส่วนคำกล่าวที่ว่า รัฐบาลทำนโยบายซอฟต์พาวเวอร์ต่อจากรัฐบาลชุดที่แล้ว นั้น น.ส.จิราพร ระบุว่า น่าจะเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน เพราะนโยบายนี้เริ่มวางรากฐานการขับเคลื่อนซอฟพาวเวอร์ตั้งแต่สมัยรัฐบาลพรรคไทยรักไทย ซึ่งมีหลายโครงการ เช่น โอทอป ครัวไทยสู่ครัวโลก เป็นต้น


รัฐมนตรีประจำสำนักงานนายกรัฐมนตรี ยังขอบคุณฝ่ายค้านที่อภิปราย ถึงอุตสาหกรรมอาหารของ และชื่นชมว่าปัจจุบันอาหารไทยที่เป็นที่รู้จักอยู่แล้วใน ต่างประเทศ ซึ่งนั่นเป็นเพราะการริเริ่มโครงการครัวไทยสู่ครัวโลกที่เริ่มมา ตั้งแต่สมัยรัฐบาลไทยรักไทย นำไปสู่การขยายเพิ่มจำนวนร้านอาหารไทยในต่างประเทศทั่วโลก ดังนั้นเราประสบความสำเร็จอย่างมากจนเป็นต้นแบบให้เกาหลีใต้นำไปทำตาม เพียงแต่ว่าการทำรัฐประหารทำให้การพัฒนาของไทยสะดุดไม่ต่อเนื่อง ทั้งนี้ สำหรับโครงการหนึ่งหมู่บ้านหนึ่งเชฟอาหาร เป็นการพัฒนาคน โดยตั้งเป้าให้เชฟของแต่ละหมู่บ้านเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ เป็นเซลล์แมนของหมู่บ้าน ในการขายผลิตภัณฑ์สินค้าต่างๆ รวมถึงสินค้าเกษตรในชุมชนให้ชาวโลกได้รู้จักโดยใช้โซเชียลมีเดียเข้ามาช่วยในการทำโปรโมท

อย่างไรก็ตาม การที่ระบุว่าให้แนะนำให้เน้นเฉพาะโปรโมทอาหารไทยเพื่อสร้างความต้องการของตลาด ไม่ใช่สิ่งที่ผิด แต่เป็นการมองเพียงแค่มิติเดียว การโปรโมทการโฆษณาเป็นสิ่งที่รัฐบาลทำอยู่แล้ว แต่ต้องทำไปควบคู่กับการพัฒนาคน ที่สำคัญ บางอย่างเรา โปรผำโดยที่ไม่ต้องใช้งบประมาณจากภาครัฐ หลักฐานปรากฏตามที่นายภูมิธรรมเวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่ดึงซีรีส์วายมาช่วยโปรโมทสินค้าและบริการของไทย โดยเราจะเอาสินค้าอาหารสถานที่ท่องเที่ยวเอาไปใส่ในซีรี่ย์วาย ซีรี่ย์ยูริ ที่กำลังนิยมมากในตลาดต่างประเทศ ดังนั้นรัฐบาลไม่ได้ทำเพียงแค่มิติเดียว แต่ทำเรื่องมิติการพัฒนาคนและอุตสาหกรรมซอฟพาวเวอร์ควบคู่กัน

น.ส.จิราพร กล่าวถึง เรื่องการจัดอีเวนท์หรือ festival ของรัฐบาล เป็นรูปแบบ festival economy หรือเศรษฐกิจเทศกาล ที่จะช่วยเครื่องมือสำคัญในการที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ทั้งในระดับท้องถิ่นระดับประเทศ และระดับนานาชาติ ผ่านการจัดเทศกาลหลากหลายรูปแบบที่มีศักยภาพสามารถดึงนักท่องเที่ยวเข้ามา นอกจากนี้ยังพยายามสนับสนุนการยกระดับเทศกาลท้องถิ่นของไทยให้ได้รับความนิยมในระดับนานาชาติ เช่น เทศกาลสงกรานต์ ลอยกระทง เหล่านี้จะช่วยกระจายเม็ดเงินสร้างรายได้ให้กับคนไทย ซึ่งได้พิสูจน์จากการจัดงานเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา


“นี่เป็นครั้งแรกของประเทศไทย ที่เรามีรัฐบาลที่ให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนนโยบายซอฟต์พาวเวอร์ ของประเทศอย่างจริงจังที่สุดเท่าที่เคยมีมา และเป็นครั้งแรกที่รัฐบาลให้ภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วม ในการกำหนดทิศทางนโยบาย มีส่วนร่วมในการจัดทำงบประมาณเพื่อขับเคลื่อนซอฟต์พาวเวอร์ของประเทศ ซึ่งหน่วยงานรัฐที่เป็นหน่วยรับงบประมาณ และข้าราชการก็พร้อมที่จะทำงานตามนโยบาย เพียงแต่ที่ผ่านมาหลายหน่วยงานมีการทำเรื่องซอฟพาวเวอร์อยู่แล้ว เป็นลักษณ ต่างคนต่างต่างทำ ต่างคนต่างของบประมาณ ไม่ได้บูรณาการกัน” น.ส.จิราพร ระบุ

รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า งบประมาณเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่รัฐบาลใช้ในการบริหาร แต่สำหรับซอฟต์พาวเวอร์ถือเป็นนโยบายใหญ่ที่จะอาศัยเพียงแค่งบประมาณจากรัฐบาลอัดฉีดอย่างเดียวคงไม่พอ เนื่องจากงบประมาณของภาครัฐและงบประมาณของประเทศมีอยู่อย่างจำกัด สิ่งสำคัญคือต้องทำให้ชัดเจน ชี้นำให้เอกชนเข้ามาลงทุน

“ที่ผ่านมารัฐบาลไม่ได้อาศัยเพียง แค่การทำงบประมาณเพื่อที่จะนำไปพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์ แต่ยังรวมไปถึงการแก้ไขกฎหมาย กฎระเบียบที่เป็นอุปสรรค” น.ส.จิราพร ระบุ .-316-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดเนื้อหาหนังสือแจง UNSC กัมพูชาวางทุ่นระเบิด-เริ่มยิงก่อน

25 ก.ค.- เปิดเนื้อหาหนังสือจากผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติที่นิวยอร์ก เพื่อชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทย ประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ส่งหนังสือชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ระบุว่า ขอแจ้งให้ท่านและสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติทุกท่านทราบ ถึงสถานการณ์อันร้ายแรงที่ส่งผลกระทบต่ออธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย อันเป็นผลจากการรุกรานทางทหารของประเทศกัมพูชา โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 1.     เมื่อวันที่ 16 และ 23 กรกฎาคม ค.ศ. 2025 ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารไทยกำลังลาดตระเวนตามเส้นทางปกติที่กำหนดไว้ ซึ่งอยู่ภายในอาณาเขตของประเทศไทย ทหารได้เหยียบทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 ส่งผลให้ทหาร 2 นาย ได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสส่งผลถึงขั้นพิการถาวร ขณะที่ทหารนายอื่น ๆ ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทุ่นระเบิด PMN-2 ทั้งหมดที่พบอยู่ในสภาพใหม่ ยังมีเครื่องหมายที่มองเห็นได้ชัดเจน หลักฐานบ่งชี้ว่าทุ่นระเบิดเหล่านี้เพิ่งถูกวางใหม่ ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นรัฐภาคีของอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ไทยได้ยื่นรายงานประจำปีเกี่ยวกับความโปร่งใสในการดำเนินการตามพันธกรณีในอนุสัญญาดังกล่าว ตามมาตรา 7 ของอนุสัญญาฯ อย่างต่อเนื่อง รายงานดังกล่าวระบุว่าประเทศไทยได้ทำลายทุ่นระเบิดในคลังทั้งหมดแล้วตั้งแต่ปี ค.ศ. 2003 และต่อมา ได้ทำลายทุ่นระเบิดทั้งหมดที่เก็บไว้เพื่อการฝึกอบรมและการวิจัยในปี ค.ศ. […]

“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน”

ก.มหาดไทย 25 ก.ค.-“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน” ชี้รับฟังทุกความไม่พอใจ แต่ทุกอย่างเป็นไปตามยุทธวิธี ให้ทหารมีอิสระในการทำงาน มอง “ก่อแก้ว” ขอศาล รธน. คืนอำนาจให้ “แพทองธาร” เป็นความเห็นเหมือนประชาชนจำนวนมาก แต่ให้เป็นตามกระบวนการยุติธรรม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาการนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ ระบุถึง อยากให้กองทัพสั่งสอนความเจ้าเล่ห์ของฮุนเซนก่อน ว่า ก็เหมือนประชาชนทั่วไป ที่เวลานี้มีความรู้สึกเช่นนั้น หลายคนแสดงความเห็นให้ทำแบบนู้นแบบนี้ เราก็รับฟังความห่วงใยความไม่พอใจที่เราถูกกระทำ ตนเข้าใจความรู้สึกเหล่านั้น และเห็นว่าเป็นจุดมุ่งหมายเดียวกัน เพราะเรื่องอธิปไตยของประเทศ การรุกล้ำเข้ามา กระทบประชาชนเรายอมไม่ได้ ซึ่งที่ผ่านมาทุกฝ่ายจะเห็นว่าเราประนีประนอม (Compromise) ให้มากที่สุด แต่เมื่อสิ่งดังกล่าวไม่เกิดขึ้น และเป็นปัญหา วันนี้จึงได้สั่งการให้ทหารมีอิสระในพื้นที่ โดยผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นผู้คุมยุทธการ ปฏิบัติได้ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงได้มีการทำความเข้าใจกับ พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีการโทรคุยกับผู้บัญชาการทหารสูงสุด […]

เข้าสู่วันที่ 2 กัมพูชาเปิดฉากตั้งแต่เช้ามืด ที่ปราสาทตาเมือนธม

สุรินทร์ 25 ก.ค.-เข้าสู่วันที่ 2 เหตุปะทะไทย-กัมพูชา เริ่มเปิดฉากยิงกันตั้งแต่เช้ามืด บริเวณปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ขณะนี้เสียงยังดังต่อเนื่อง ก่อนขยายการสู้รบไปตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านอีสานใต้ อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เป็นพื้นที่แรกที่ฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิงก่อนด้านปราสาทตาเมือนครับ เช้ามืดวันนี้ ราวตี 5 ครึ่ง ก็เริ่มปะทะกันอีก ขณะนี้ก็มีเสียงดังอย่างต่อเนื่อง เส้นทางจากอำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ เข้าสู่อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ แม้สายแล้ว ก็มีรถสัญจรไปมาค่อนข้างน้อย เนื่องจากเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยการสู้รบ โดยอำเภอพนมดงรักเป็นหนึ่งใน 4 อำเภอ ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ประกาศให้ผู้ที่ไม่มีความจำเป็นเข้าพื้นที่ร่วมกับอำเภอกาบเชิง บัวเชดและสังขะ โดยตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา ในพื้นที่ตามแนวชายแดนได้ยินเสียงการปะทะด้วยกระสุนปืนใหญ่ดังอย่างต่อเนื่อง ผู้นำหมู่บ้านบันทึกสถิติเฉพาะฝั่งไทยตอบโต้เกินกว่า 100 ลูกแล้ว บ้านหนองแรด ตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก ที่จรวดหลายลำกล้อง BM 21 ตกเยอะสุด 10 ลูก วานนี้โดยรอบหมู่บ้าน โชคดีไม่ลงบ้านเรือน มีกระจกแตกเล็กน้อยจากแรงอัดลูกจรวดเท่านั้น วันนี้ ยังมีชาวบ้านอยู่นับร้อยคนหลบอยู่ในหลุมหลบภัย จากทั้งหมด […]

เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราวรองรับประชาชนพื้นที่เสี่ยงภัยชายแดน

ศรีสะเกษ 24 ก.ค. – บรรยากาศคืนแรกที่ศูนย์อพยพฯ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ประชาชนต้องละทิ้งบ้านเรือนมาพักอาศัยชั่วคราว จากเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา นี่เป็นบรรยากาศค่ำคืนแรกที่ประชาชนในเขต อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ต้องออกมาพักอาศัยนอกบ้านเรือน ตั้งแต่เกิดเหตุกัมพูชายิงจรวดเข้าใส่เขตพักอาศัยของพลเรือน ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศ ทำให้ตลอดทั้งวัน อ.กันทรลักษ์ มีการอพยพประชาชนแล้วมากกว่า 41,000 คน กระจายไปตามจุดต่างๆ โดยจุดนี้เป็นจุดที่น่าจะมีผู้อพยพมากที่สุด เพราะใกล้แนวชายแดนที่อยู่ในระยะปลอดภัยมากที่สุด คือ ประมาณ 40 กิโลเมตร จากแนวชายแดน มีประชาชนเข้ามาพักอาศัย 4,865 คน และยังมีจุดอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกระจายกันไป ผลจากสถานการณ์ตึงเครียดและพลเรือนตกเป็นเป้าของการโจมตี ทำให้หลายคนอยู่ในอาการเครียดและกังวล เจ้าหน้าที่ต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้กำลังใจเป็นระยะ รวมทั้งให้บริการยาและอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นเบื้องต้น พร้อมกันนี้ได้ย้ำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของนายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ที่ได้ฝากแจ้งประชาชนที่ยังลังเลไม่ยอมอพยพออกจากพื้นที่ เนื่องจากเป็นห่วงทรัพย์สินหรือสัตว์เลี้ยง ว่า ขณะนี้มีชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ผู้ใหญ่บ้าน และกำนัน ดูแลพื้นที่อย่างใกล้ชิดทุกหมู่บ้าน จึงขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือ และออกมาจากพื้นที่เสี่ยงตามจุดนัดหมาย เพื่อความปลอดภัยของตนเองและครอบครัว. – สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

น่านยังอ่วม บางจุดน้ำท่วมสูงเกือบ 2 เมตร

น่าน 25 ก.ค. – เข้าสู่วันที่ 3 น้ำท่วมใหญ่เป็นประวัติการณ์ของเมืองน่าน แม้ระดับน้ำลดลงบ้างแล้ว แต่ในตัวเมือง-เขตเศรษฐกิจยังท่วมสูง บางจุดระดับน้ำเกือบ 2 เมตร ขณะที่ “บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์” นำทีมกู้ภัยฝ่ากระแสน้ำเชี่ยวเข้าช่วยเหลือชาวบ้าน .-สำนักข่าวไทย

มีผลทันที! ประกาศกฎอัยการศึก 8 อำเภอ “จันทบุรี-ตราด”

25 ก.ค.- กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ประกาศใช้กฎอัยการศึกบางพื้นที่ มีผลทันที กองทัพเรือ โดย กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด “ประกาศใช้กฎอัยการศึก” บางพื้นที่ ดังนี้ ตามที่ได้มีประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ลงวันที่ 19 กันยายน 2549 ให้ใช้กฎอัยการศึกทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 19 กันยายน 2549 เวลา 21.05 นาฬิกา ซึ่งต่อมาได้มีพระบรมราชโองการเลิกใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่ และให้ใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่ ลงวันที่ 31 ธันวาคม 2550 นั้น โดยที่ปรากฏว่าประเทศกัมพูชาได้ใช้กำลังและอาวุธรุกรานเข้ามาในราชอาณาจักรไทยตลอดแนวชายแดน จึงมีความจำเป็นโดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้ที่ต้องใช้กำลังทหาร ตำรวจ พลเรือน ตลอดจนประชาชนชาวไทยทุกคน เพื่อป้องกันประเทศให้พ้นจากภัยคุกคามอันมีที่มาจากภายนอกราชอาณาจักรดังกล่าว เพื่อรักษาไว้ซึ่งอธิปไตยของชาติและบูรณภาพแห่งดินแดน ตลอดจนชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนชาวไทย และจำเป็นต้องประกาศใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่เพิ่มเติม อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 176 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ประกอบกับมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติกฎอัยการศึก พุทธศักราช 2457 จึงให้ใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่เพิ่มเติม ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 จังหวัดจันทบุรี อำเภอเมืองจันทบุรี […]

จรวด BM-21 ตกในพื้นที่สุรินทร์ 6 ลูก เร่งอพยพคนเพิ่ม

สุรินทร์ 25 ก.ค. – กระสุนของฝั่งกัมพูชามาตกไกลกว่าเหตุปะทะปี 2554 ตามที่เจ้าหน้าที่คาดการณ์ ล่าสุดมีจรวด BM-21 จำนวน 6 ลูก ตกในพื้นที่ อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ เตรียมอพยพประชาชนไปยังที่ปลอดภัยกว่า .-สำนักข่าวไทย

สดุดี 3 ทหารกล้า สมรภูมิปราสาทตาควาย

25 ก.ค.- กองทัพภาคที่ 2 สดุดี 3 ทหารกล้า สละชีพ สมรภูมิปราสาทตาควาย หลังกัมพูชายิงจรวด BM-21 หน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 ยืนยันมีทหารไทยเสียชีวิต 3 นาย จากการปฏิบัติหน้าที่เมื่อช่วงเช้าวันนี้ที่ปราสาทตาควาย จ.สุรินทร์ หลังกัมพูชายิงจรวดหลายลำกล้อง BM-21 ซึ่งกัมพูชานำไปจอดไว้ในพื้นที่ชุมชน โรงเรียน และวัด เพื่อเป็นโล่กำบัง โดยทหารที่เสียสละเพื่อประเทศชาติ ได้แก่ 1.สิบเอกนพดล บุญเลิศ 2.สิบเอก กฤษฎา น้อยโคตร 3.สิบเอก จิรายุ สิงห์อ้น กองร้อยลาดตระเวนระยะไกล ที่ 6 กองพลทหารราบที่ 6 ร้อย.ลว.ไกล 6 และมีสิบเอกสุทธิชัย เรื่อเรือง ได้รับบาดเจ็บ -สำนักข่าวไทย