รัฐสภา 19 มิ.ย.-“จิราพร” แจง รัฐบาลเดินหน้าดันซอฟต์พาวเวอร์พัฒนาคนควบคู่พัฒนาอุตสาหกรรม บอกไม่ได้ทำต่อจากรัฐบาลชุดที่แล้ว ชี้ เริ่มนโยบายตั้งแต่สมัยไทยรักไทย ระบุงบประมาณจากรัฐบาลอัดฉีดอย่างเดียวคงไม่พอ ต้องดึงเอกชนเข้ามาลงทุน
น.ส.จิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ขึ้นชี้แจงร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 วาระแรก หลัง สส.พรรคก้าวไกล อภิปรายว่า รัฐบาลกำลังหลงทางเรื่องซอฟต์พาวเวอร์ ช่วงเวลา 10 เดือน แทบไม่เห็นผลงาน ว่า คำนิยามหรือความหมายของคำว่าซอฟต์พาวเวอร์ ที่ได้พยายามหยิบยกขึ้นมาอธิบายความ เป็นสิ่งที่เราสามารถหาได้ตามหนังสือ ตำรา หรืออินเตอร์เน็ตทั่วไป ซึ่งการนำคำนิยามเหล่านั้นมาแปลงเป็นนโยบายคือสิ่งที่สำคัญที่สุด ซึ่งเชื่อว่าไม่มีคำตอบตายตัวในการผลักดันซอฟต์พาวเวอร์ เพราะแต่ละประเทศมีต้นทุนไม่เหมือนกัน มีบริบทและสภาวะที่เผชิญแตกต่างกันไป จากการที่ได้ศึกษาการทำนโยบายซอฟพาวเวอร์ของหลายประเทศมีแกนหลักอยู่ 2 ประการคือ 1. การพัฒนาคนทรัพยากรมนุษย์ 2. การพัฒนาอุตสาหกรรม
ส่วนคำกล่าวที่ว่า รัฐบาลทำนโยบายซอฟต์พาวเวอร์ต่อจากรัฐบาลชุดที่แล้ว นั้น น.ส.จิราพร ระบุว่า น่าจะเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน เพราะนโยบายนี้เริ่มวางรากฐานการขับเคลื่อนซอฟพาวเวอร์ตั้งแต่สมัยรัฐบาลพรรคไทยรักไทย ซึ่งมีหลายโครงการ เช่น โอทอป ครัวไทยสู่ครัวโลก เป็นต้น
รัฐมนตรีประจำสำนักงานนายกรัฐมนตรี ยังขอบคุณฝ่ายค้านที่อภิปราย ถึงอุตสาหกรรมอาหารของ และชื่นชมว่าปัจจุบันอาหารไทยที่เป็นที่รู้จักอยู่แล้วใน ต่างประเทศ ซึ่งนั่นเป็นเพราะการริเริ่มโครงการครัวไทยสู่ครัวโลกที่เริ่มมา ตั้งแต่สมัยรัฐบาลไทยรักไทย นำไปสู่การขยายเพิ่มจำนวนร้านอาหารไทยในต่างประเทศทั่วโลก ดังนั้นเราประสบความสำเร็จอย่างมากจนเป็นต้นแบบให้เกาหลีใต้นำไปทำตาม เพียงแต่ว่าการทำรัฐประหารทำให้การพัฒนาของไทยสะดุดไม่ต่อเนื่อง ทั้งนี้ สำหรับโครงการหนึ่งหมู่บ้านหนึ่งเชฟอาหาร เป็นการพัฒนาคน โดยตั้งเป้าให้เชฟของแต่ละหมู่บ้านเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ เป็นเซลล์แมนของหมู่บ้าน ในการขายผลิตภัณฑ์สินค้าต่างๆ รวมถึงสินค้าเกษตรในชุมชนให้ชาวโลกได้รู้จักโดยใช้โซเชียลมีเดียเข้ามาช่วยในการทำโปรโมท
อย่างไรก็ตาม การที่ระบุว่าให้แนะนำให้เน้นเฉพาะโปรโมทอาหารไทยเพื่อสร้างความต้องการของตลาด ไม่ใช่สิ่งที่ผิด แต่เป็นการมองเพียงแค่มิติเดียว การโปรโมทการโฆษณาเป็นสิ่งที่รัฐบาลทำอยู่แล้ว แต่ต้องทำไปควบคู่กับการพัฒนาคน ที่สำคัญ บางอย่างเรา โปรผำโดยที่ไม่ต้องใช้งบประมาณจากภาครัฐ หลักฐานปรากฏตามที่นายภูมิธรรมเวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่ดึงซีรีส์วายมาช่วยโปรโมทสินค้าและบริการของไทย โดยเราจะเอาสินค้าอาหารสถานที่ท่องเที่ยวเอาไปใส่ในซีรี่ย์วาย ซีรี่ย์ยูริ ที่กำลังนิยมมากในตลาดต่างประเทศ ดังนั้นรัฐบาลไม่ได้ทำเพียงแค่มิติเดียว แต่ทำเรื่องมิติการพัฒนาคนและอุตสาหกรรมซอฟพาวเวอร์ควบคู่กัน
น.ส.จิราพร กล่าวถึง เรื่องการจัดอีเวนท์หรือ festival ของรัฐบาล เป็นรูปแบบ festival economy หรือเศรษฐกิจเทศกาล ที่จะช่วยเครื่องมือสำคัญในการที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ทั้งในระดับท้องถิ่นระดับประเทศ และระดับนานาชาติ ผ่านการจัดเทศกาลหลากหลายรูปแบบที่มีศักยภาพสามารถดึงนักท่องเที่ยวเข้ามา นอกจากนี้ยังพยายามสนับสนุนการยกระดับเทศกาลท้องถิ่นของไทยให้ได้รับความนิยมในระดับนานาชาติ เช่น เทศกาลสงกรานต์ ลอยกระทง เหล่านี้จะช่วยกระจายเม็ดเงินสร้างรายได้ให้กับคนไทย ซึ่งได้พิสูจน์จากการจัดงานเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา
“นี่เป็นครั้งแรกของประเทศไทย ที่เรามีรัฐบาลที่ให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนนโยบายซอฟต์พาวเวอร์ ของประเทศอย่างจริงจังที่สุดเท่าที่เคยมีมา และเป็นครั้งแรกที่รัฐบาลให้ภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วม ในการกำหนดทิศทางนโยบาย มีส่วนร่วมในการจัดทำงบประมาณเพื่อขับเคลื่อนซอฟต์พาวเวอร์ของประเทศ ซึ่งหน่วยงานรัฐที่เป็นหน่วยรับงบประมาณ และข้าราชการก็พร้อมที่จะทำงานตามนโยบาย เพียงแต่ที่ผ่านมาหลายหน่วยงานมีการทำเรื่องซอฟพาวเวอร์อยู่แล้ว เป็นลักษณ ต่างคนต่างต่างทำ ต่างคนต่างของบประมาณ ไม่ได้บูรณาการกัน” น.ส.จิราพร ระบุ
รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า งบประมาณเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่รัฐบาลใช้ในการบริหาร แต่สำหรับซอฟต์พาวเวอร์ถือเป็นนโยบายใหญ่ที่จะอาศัยเพียงแค่งบประมาณจากรัฐบาลอัดฉีดอย่างเดียวคงไม่พอ เนื่องจากงบประมาณของภาครัฐและงบประมาณของประเทศมีอยู่อย่างจำกัด สิ่งสำคัญคือต้องทำให้ชัดเจน ชี้นำให้เอกชนเข้ามาลงทุน
“ที่ผ่านมารัฐบาลไม่ได้อาศัยเพียง แค่การทำงบประมาณเพื่อที่จะนำไปพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์ แต่ยังรวมไปถึงการแก้ไขกฎหมาย กฎระเบียบที่เป็นอุปสรรค” น.ส.จิราพร ระบุ .-316-สำนักข่าวไทย