“อนุทิน” มอบผู้ว่าฯ ทั่วประเทศจัดแผนป้องกันเผชิญเหตุอุทกภัย

กทม. 19 พ.ค.-“อนุทิน” มอบผู้ว่าฯ ทั่วประเทศจัดแผนป้องกันและเผชิญเหตุอุทกภัย ลดความสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขานุการ รมว.มหาดไทย และโฆษกกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า กองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (บกปภ.ช.) ได้ร่วมกับกรมอุตุนิยมวิทยา คาดการณ์ว่าในช่วงปลายเดือน พ.ค.67 ประเทศไทยจะเข้าสู่ฤดูฝน อุณหภูมิจะเริ่มลดลง ฝนตกชุก และอาจก่อให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก


เพื่อเป็นการป้องกันและลดผลกระทบต่อชีวิต ทรัพย์สิน พื้นที่การเกษตรของประชาชน ตลอดจนทรัพย์สินของทางราชการ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะผู้บัญชาการ บกปภ.ช. ได้มอบหมายไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด และกรุงเทพมหานคร ให้เตรียมการป้องกัน และมีแผนเผชิญเหตุเพื่อแก้ไขปัญหาอุทกภัย ตลอดช่วงฤดูฝน ปี 2567 ที่กำลังจะมาถึง ให้พร้อมและสามารถลดความเสียหายที่จะเกิดกับประชาชนให้ได้มากที่สุด

“ท่านอนุทิน ห่วงใยพี่น้องประชาชนจากผลกระทบของภัยพิบัติ ที่ในช่วงฤดูฝนทุกปีได้สร้างความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินในวงกว้าง โดยเฉพาะในปีนี้ที่ทั่วโลก รวมถึงไทยเผชิญกับภาวะอากาศสุดขั้ว ร้อนจัด และสถาบันต่างๆ ก็คาดว่าจะมีปรากฎการณ์ลานีญาในช่วงฤดูฝน นั่นคืออาจมีปริมาณฝนที่มากกว่าปกติ รวมถึงพายุที่รุนแรง ในฐานะผู้บัญชาการ บกปภ.ช. ท่านจึงมอบหมายและกำชับว่า ทุกจังหวัดและกรุงเทพมหานครให้เตรียมแผนงานให้พร้อมเข้าช่วยเหลือประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ” น.ส.ไตรศุลี กล่าว


โฆษกกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ในส่วนการเตรียมความพร้อม รมว.มหาดไทย ให้ทุกจังหวัด/กรุงเทพมหานคร จัดตั้งคณะทำงานเพื่อติดตามสภาพอากาศ ที่ประกอบด้วยผู้แทนทั้งจากหน่วยงานด้านการพยากรณ์ การบริหารจัดการน้ำ และฝ่ายปกครอง ทบทวนแผนเผชิญเหตุในแต่ละจังหวัด โดยให้ความสำคัญกับข้อมูลล่าสุด ทั้งส่วนของพื้นที่เสี่ยง เครื่องจักร วัสดุ อุปกรณ์ ข้อมูลประชาชนกลุ่มเปราะบาง การกำหนดจุด/พื้นที่ปลอดภัย แผนการอพยพประชาชนไปยังพื้นที่ปลอดภัย

ดำเนินการตรวจสอบความมั่นคงแข็งแรงสถานที่ใช้กักเก็บน้ำ เช่น อ่างเก็บน้ำ ฝาย พนังกั้นน้ำ รวมทั้งให้กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยในแต่ละระดับ เชื่อมโยงในเรื่องของการระบายน้ำอย่างเป็นระบบ โดยเฉพาะพื้นที่รอยต่อความรับผิดชอบในพื้นที่ซึ่งเป็นเส้นทางน้ำไหลผ่าน วางแผนการติดตั้งเครื่องจักรกลสาธารณภัยล่วงหน้าในพื้นที่เสี่ยง เช่น เขตชุมชน พื้นที่สำคัญทางเศรษฐกิจ สถานที่สำคัญ เส้นทางคมนาคม รวมทั้งวางระบบการแจ้งเตือนภัยพิบัติให้สามารถไปถึงประชาชนในทุกช่องทางอย่างมีประสิทธิภาพ

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ส่วนของแผนเผชิญเหตุ หากเกิดเหตุหรือคาดว่าจะเกิดสถานการณ์อุทุกภัย วาตภัย หรือดินถล่ม ให้ดำเนินการจัดตั้งศูนย์บัญชาการระดับจังหวัด อำเภอ และศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เพื่อเป็นศูนย์บัญชาการ ระดมกำลังจากหน่วยงานต่างๆ ทั้งฝ่ายพลเรือน ทหาร อปท. องค์กรการกุศล เพื่อให้ความช่วยเหลือ บริหารสถานการณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งส่วนการเฝ้าระวัง การเปิดทางน้ำ เร่งระบายน้ำ การให้ความช่วยเหลือประชาชนด้านการดำรงชีพ ที่อยู่อาศัย การสัญจร ในช่วงการเกิดเหตุ โดยไม่เกิดปัญหาความทับซ้อนของหน่วยงาน


ทั้งนี้ บกปภ.ช.ได้รายงานข้อมูลผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ในช่วงปี 2564-66 ที่ผ่านมา ว่า

1) ปี 2564 เกิดอุทกภัยในพื้นที่ 69 จังหวัด รวม 548 อำเภอ/เขต 3,026 ตำบล/อปท./แขวง 21,990 หมู่บ้าน/ชุมชน ประชาชนได้รับผลกระทบ 321,870 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิต 11 ราย และบ้านเรือนที่อยู่อาศัยเสียหาย 19,132 หลัง

2) ปี 2565 เกิดอุทกภัยในพื้นที่ 74 จังหวัด รวม 715 อำเภอ/เขต 4,201 ตำบล/อปท./แขวง 32,005 หมู่บ้าน/ชุมชน ประชาชนได้รับผลกระทบ 769,889 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิต 21 ราย และบ้านเรือนที่อยู่อาศัยเสียหาย 37,255 หลัง

3) ปี 2566 เกิดอุทกภัยในพื้นที่ 67 จังหวัด รวม 547 อำเภอ/เขต 2,752 ตำบล/อปท./แขวง 17,454 หมู่บ้าน/ชุมชน ประชาชนได้รับผลกระทบ 42,058 ครัวเรือน และบ้านเรือนที่อยู่อาศัยเสียหาย 34,731 หลัง.-317.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบร่างพลทหารรัวยิงชาวบ้านแล้ว คาดจบชีวิตตัวเองในป่า

15 ส.ค.- พบร่างพลทหารที่ก่อเหตุยิงชาวบ้านแล้ว คาดใช้อาวุธปืนจบชีวิตตัวเอง ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 200 เมตร อยู่ระหว่างเคลียร์พื้นที่ นำร่างผู้เสียชีวิตออกมา เมื่อเวลาประมาณ 10.30 น. พบร่างพลทหารที่ก่อเหตุยิงชาวบ้านแล้ว คาดใช้อาวุธปืนจบชีวิตตัวเอง ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 200 เมตร ซึ่งเป็นป่าติดกับคลองส่งน้ำ เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างเคลียร์พื้นที่ นำร่างผู้เสียชีวิตออกมาส่งพิสูจน์ทราบต่อไป ด้านครอบครัวที่มาเฝ้ารอ ต่างเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น – สำนักข่าวไทย

ทบ.แจงเหตุทหารรัวยิงชาวบ้านกาบเชิง เจ็บ 2 ยังคุมตัวไม่ได้

15 ส.ค.- กองทัพบกแจงเหตุทหารหนีออกจากหน่วยพร้อมอาวุธปืน รัวยิงกลางดึก ชาวบ้านกาบเชิง เจ็บ 2 ราย จนท.เร่งล่า ยังไม่พบตัว หากประชาชนพบเห็นรีบแจ้งทันที กองทัพบกชี้แจงเหตุการณ์ใช้อาวุธปืนในพื้นที่อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2568 เวลา 00.45 น. กำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 1623 ได้ยินเสียงปืนดังเป็นชุด จำนวน 10 นัด บริเวณถนนข้างวัดบ้านเขื่อนแก้ว อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ ต่อมาเวลา 00.54 น. ได้ยินเสียงปืนเพิ่มอีก 2 นัด จากการตรวจสอบกำลังพลและอาวุธประจำกาย พบว่า พลทหารรัฐภูมิ เทพศิริ สังกัดกองร้อยทหารราบที่ 1623 ได้ออกจากที่ตั้งโดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมอาวุธปืนเล็กยาวและกระสุนจำนวนหนึ่ง เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย ได้แก่ ผู้บาดเจ็บทั้งสองรายได้รับการปฐมพยาบาลเบื้องต้นและส่งโรงพยาบาลกาบเชิง ก่อนส่งต่อรักษาตามความเหมาะสม โดยขณะนี้พ้นขีดอันตรายแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจร่วมกับกำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 1623 ได้ตรวจสอบพื้นที่และสอบถามพยาน เบื้องต้นคาดว่าพลทหารดังกล่าวอาจเป็นผู้ก่อเหตุ […]

แจ้งจับ “ภูมิธรรม” ปล่อยกัมพูชารุกราน ทำไทยเสียเปรียบ

ขอนแก่น 15 ส.ค. – องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันภาคพลเมืองจังหวัดขอนแก่น แจ้งความเอาผิด “ภูมิธรรม” รักษาการนายกฯ ไม่ทำหน้าที่ตัวเอง ปล่อยกัมพูชารุกรานไทย องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันภาคพลเมืองจังหวัดขอนแก่น เข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน เพื่อเอาผิด นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ในข้อหาหรือฐานความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม.119, ม.120, ม.124 ม.157 และมาตราอื่นที่เกี่ยวข้อง นายตุลย์ ประเสริฐศิลป์ ประธานองค์กรต่อต้านคอรัปชั่นภาคพลเมืองจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า การมาร้องทุกข์กล่าวโทษครั้งนี้ ด้วยเรื่องเอกราชและอธิปไตยของชาติเป็นสิ่งสำคัญสูงสุด แต่รักษาการนายกฯ ไม่ได้ทำหน้าที่ตัวเอง โดยปล่อยปละละเลยทำให้ต่างชาติรุกรานประเทศไทย ต้องปกป้องรักษาเอกราชและอธิปไตยของชาติให้มั่นคง แต่ที่ทหารขาขาด บาดเจ็บ ประชาชนล้มตายทรัพย์สินเสียหาย คือ ความร้ายแรงของของผู้รักษาการนายกรัฐมนตรีต้องทำและต้องปกป้องให้ได้ แต่ไม่มี มีแต่ไปเข้าข้างศัตรูโดยเฉพาะกัมพูชา เป็นโทษร้ายแรงมาก.-สำนักข่าวไทย

“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท

รัฐสภา 15 ส.ค.-“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง ผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจ หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท ตั้งคำถามหลายรัฐวิสาหกิจมีผลกำไรดี จะมาตั้งของบอีกทำไม นายวีระ ธีระภัทรานนท์ ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ในเรื่องของรัฐวิสาหกิจ ว่า ในเอกสารงบประมาณที่เป็นงบประมาณรายจ่าย มาตรา 29 มีรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งของบประมาณรวมกันทั้งสิ้น 79,298 ล้านบาท แต่ค่าใช้จ่ายของรัฐวิสาหกิจทั้งหมด 1.43 แสนล้านบาท ซึ่งในรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งที่ของบประมาณมาตนไม่ค่อยติดใจ เพราะมีรัฐวิสาหกิจจำนวนหนึ่งไม่มีรายได้ อีกส่วนเป็นรัฐวิสาหกิจมีรายจ่ายมากกว่ารายได้ บางรัฐวิสาหกิจมีหนี้สินจำนวนมาก เช่น ขสมก. การรถไฟแห่งประเทศไทย นายวีระ ฝากไปถึงคนที่ต้องจัดการรัฐวิสาหกิจว่า รัฐวิสาหกิจที่มีปัญหารัฐบาลต้องตัดสินใจให้เด็ดขาดว่า รัฐวิสาหกิจเหล่านั้นคงอยู่ต่อไปในสภาพแบบนั้น หรือ จะดำเนินการแปรรูปให้เอกชนเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เพื่อไม่ให้เกิดภาระการคลังในอนาคตอย่างที่เป็นอยู่ปัจจุบัน สำหรับกรณี บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งประสบความสำเร็จในการฟื้นฟูกิจการ โดยที่รัฐบาลยังถือหุ้นใหญ่อยู่ประมาณ 40% แต่ไม่มีสถานะภาพเป็นรัฐวิสาหกิจอีกต่อไป […]

ข่าวแนะนำ

พลทหารยิงชาวบ้านเจ็บ 2 ก่อนหนีเข้าป่า จบชีวิตตัวเอง

สุรินทร์ 15 ส.ค. – ตื่นตระหนก เหตุพลทหารที่ปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ชายแดน อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ ควงปืนอาวุธประจำกาย ออกมายิงชาวบ้าน มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย ก่อนจะหลบหนี และสุดท้ายปลิดชีพตนเอง ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนหาสาเหตุ ติดตามได้จากรายงานของศูนย์ข่าวภาคตะวันออกเฉียงเหนือ.-สำนักข่าวไทย

ไล่ล่าโจรชิงทอง 123 บาท กลางห้างย่านบางบ่อ

สมุทรปราการ 15 ส.ค. – ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ เรียกประชุมตำรวจที่เกี่ยวข้อง แกะรอยหาเบาะแส ไล่ล่าโจรชิงทองห้างย่านบางบ่อ ยืนยันจำนวนทอง 123 บาท มูลค่ากว่า 6 ล้าน ขณะที่พนักงานยังผวาทุกครั้งที่เห็นคนใส่ชุดไรเดอร์เดินเข้าห้าง จากเหตุการณ์คนร้ายแต่งกายด้วยชุดไรเดอร์ สวมกางกางยีนขายาวสีดำ รองเท้าผ้าใบสีขาว เดินเท้าบุกเดี่ยวมาที่ร้านทอง แล้วชักอาวุธปืนพกแบบออโตเมติก สีบอร์นซ์ ขู่บังคับให้พนักงานขายทองซึ่งเป็นหญิง 3 คน หยิบทองรูปพรรณส่งให้คนร้าย แต่พนักงานขายทองไม่หยิบส่งให้ และหมอบลงกับพื้น คนร้ายจึงกระโดดข้ามตู้ทองด้านหน้าร้าน ไปเลื่อนกระจกตู้ทองด้านหลัง หยิบเอาทองคำรูปพรรณ มีสร้อยข้อมือ หนัก 5 บาท 5 เส้น น้ำหนัก 25 บาท น้ำหนัก 3 บาท 30 เส้น น้ำหนักรวม 90 บาท, หนัก 2 บาท 24 เส้น รวม 48 บาท […]

ย้าย “ลุงพล” มาคุมขังต่อที่เรือนจำกลางนครพนม

15 ส.ค. – เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ย้ายตัว “ลุงพล” จำเลยคดีน้องชมพู่ ไปควบคุมต่อที่เรือนจำกลางนครพนม ด้าน “ป้าแต๋น” ตามมาเยี่ยมให้กำลังใจสามี บอกเอาหัวใจมาฝาก ยืนยันลุงพลสู้ต่อถึงฎีกา หลังเมื่อวันที่ 13 สิงหาคมที่ผ่านมา ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษาแก้เพิ่มโทษ นายไชย์พล วิภา หรือ “ลุงพล” จำเลยที่ 1 จาก 20 ปี เป็น 26 ปี และยกฟ้อง นางสมพร หลาบโพธิ์ หรือ “ป้าแต๋น” ในคดีฆ่า เด็กหญิงอรวรรณ หรือน้องชมพู่ อายุ 3 ขวบ หลังหายตัวจากบ้านพัก ขณะนั่งเล่นกับพี่สาวที่บ้าน กกกอก ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร เหตุเกิดช่วงเช้าวันที่ 11 พ.ค.2563 ต่อมาจำเลย ได้ยื่นหลักทรัพย์ขอปล่อยตัวชั่วคราว และวานนี้ ศาลฎีกาไม่อนุญาตให้ประกันตัว […]

สส.เพื่อไทย ให้กำลังใจ “แพทองธาร” ผ่านอุปสรรคกลับมารับใช้ประชาชน

รัฐสภา 15 ส.ค.-สส.เพื่อไทย ให้กำลังใจ “แพทองธาร” ผ่านอุปสรรคกลับมารับใช้ประชาชน ด้านเจ้าตัวยิ้มสู้-ยังเข้มแข็ง กำชับ สส.ทำงานสภาเต็มที่ ลงพื้นที่ดูแลประชาชนใกล้ชิด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร​ เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 วาระที่สอง วันสุดท้าย ซึ่ง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้เดินทางเข้ามาติดตามการประชุม ตลอด 3 วันที่ผ่านมา โดยในช่วงเช้า สส.พรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะ สส.เขต ได้มีการเข้าพบหารือกับนางสาวแพทองธาร ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เพื่อปรึกษาปัญหาในพื้นที่ รวมถึงเรื่องการผลักดันนโยบายต่างๆ ที่จะลงในพื้นที่ เนื่องจากในหลายจังหวัดมีโครงสร้างพื้นฐานพร้อมทุกด้าน แต่ยังขาดเรื่องการประชาสัมพันธ์ จึงอยากให้นางสาวแพทองธาร ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมผลักดันเกี่ยวกับซอฟพาวเวอร์ และจัดกิจกรรมอีเวนท์ต่างๆเพื่อ ให้จังหวัดนั้นๆเป็นที่รู้จักมากขึ้น นอกจากนี้ บรรดา สส. ของพรรคยังได้ให้กำลังใจนางสาวแพทองธาร เนื่องจากกลัวว่า อาจมีความเครียดและกังวลเรื่องคดีความ พร้อมขอให้นายกฯสู้ๆ เข้มแข็ง ผ่านอุปสรรคไปได้และได้กลับมาทำงานเพื่อประชาชน ขณะที่นางสาวแพทองธาร ยังคงยิ้มแย้ม แสดงความเข้มแข็ง และขอให้ สส.ทุกคน เดินหน้าทำหน้าทำงานในสภาอย่างเข้มแข็งเช่นกัน […]