รัฐบาลเตรียมจัดงานเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา

ทำเนียบรัฐบาล 9  พ.ค.-นายกฯ แถลงรัฐบาลเตรียมจัดงานเฉลิมพระเกียรติในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 72 พรรษา28 ก.ค.นี้ เลือก 10 โครงการสำคัญพัฒนาคุณภาพชีวิตปชช.


นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี แถลงข่าวการจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6  รอบ  28  กรกฎาคม 2568 ว่า ด้วยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเจริญพระชนมายุ  6 รอบ หรือ 72 พรรษาในวันที่ 28 กรกฎาคม 2567 นับเป็นมหามงคลสมัยพิเศษยิ่ง ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ รัฐบาลจึงเห็นสมควรดำเนินการจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและสมพระเกียรติทุกประการ

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การจัดงานจะมีทั้งงานพระราชพิธี งานพิธีการ โครงการและกิจกรรม ทั้งนี้ ในส่วนของการจัดทำโครงการและกิจกรรมต่าง ๆ ของรัฐบาล หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชนเพื่อน้อมนำแนวพระราชดำริ พระราชปณิธาน และพระบรมราโชบายเกี่ยวกับการพัฒนาสิ่งแวดล้อม พัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน ให้อยู่ดีมีสุข ซึ่งจะมุ่งเน้นให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมให้ได้มากที่สุด ขณะนี้มีหน่วยงานภาครัฐ เอกชนเสนอโครงการและกิจกรรมเข้าร่วมเฉลิมพระเกียรติจำนวนมาก ซึ่งรัฐบาลได้เลือกโครงการขนาดใหญ่จากที่เสนอในการประชุมวันนี้ ให้เป็นโครงการเฉลิมพระเกียรติในนามรัฐบาล จำนวน 10 โครงการ โดยมอบหมายให้หน่วยงานต่าง ๆ รับไปดำเนินการ


นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สำหรับโครงการเฉลิมพระเกียรติ ประกอบด้วย โครงการที่ 1 โครงการยกระดับสวนสาธารณะบึงหนองบอน และ Pocket Parks 72 แห่ง เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียว รวมทั้งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติแบบครบวงจร ให้กับประชาชนในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล โดยจะพัฒนาสวนสาธารณะขนาดใหญ่ 2 แห่ง ได้แก่ สวนหลวง ร.9 ซึ่งมีพื้นที่ประมาณ 500 ไร่ และสวนสาธารณะบึงหนองบอน ให้เป็นสวนสาธารณะระดับมหานครที่มีพื้นที่รวมกันกว่า 1,144 ไร่ โดยจะจัดให้เป็นสถานที่เล่นกีฬา ออกกำลังกาย พักผ่อนหย่อนใจ และทำกิจกรรมต่าง ๆ แบบครบวงจร เพียบพร้อมด้วยอาคารสถานที่ และสิ่งอำนวยความสะดวก ตลอดจนภูมิทัศน์ที่สวยงาม

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า โครงการที่ 2 โครงการ 72 ล้านต้น พลิกฟื้นผืนป่า เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567  เพื่อเป็นการฟื้นฟูและรักษาสภาพป่าต้นน้ำ รวมถึงการคืนสภาพโครงสร้างของระบบนิเวศให้กับผืนป่าทั่วประเทศ รัฐบาลจึงจัดทำโครงการเพื่อรวมพลังจิตอาสาของทุกภาคส่วนในการร่วมกันปลูกป่า และบำรุงรักษาต้นไม้ เพื่อคืนธรรมชาติให้มีความอุดมสมบูรณ์ คืนอากาศสะอาดให้กับประชาชน โดยตั้งเป้าหมายในการปลูกป่าทั่วประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 72 ล้านต้น ทั้งนี้ ได้มอบให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นหน่วยงานหลักในการรับลงทะเบียน จัดหาพันธุ์กล้าไม้ และรวบรวมข้อมูลการปลูกต้นไม้ของทุกหน่วยงาน องค์กร หรือกลุ่มบุคคล เพื่อใช้ประกอบในการ

“โครงการที่ 3 โครงการแหล่งน้ำบาดาลขนาดใหญ่แก้ปัญหาภัยแล้งอันเนื่องมาจากพระราชดำริ 72 แห่ง เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567  เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของราษฎรที่ประสบปัญหาภัยแล้งในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ ให้มีน้ำเพียงพอต่อการอุปโภคบริโภคได้ตลอดทั้งปี รวมถึงเพื่อเป็นการขยายผลต่อยอด จากโครงการจัดหาน้ำบาดาลขนาดใหญ่แก้ปัญหาภัยแล้งอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จากเดิมที่ทรงรับไว้เป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จำนวน 47 โครงการ ครอบคลุมพื้นที่ 25  จังหวัด   รัฐบาลโดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จึงขยายขอบเขตการดำเนินโครงการเพิ่มเติม จำนวน 25  แห่ง รวมเป็น 72  แห่ง เพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ โดยจะพิจารณาพื้นที่ที่ประสบปัญหาภัยแล้งและขาดแคลนน้ำ ไม่มีศักยภาพในการเจาะบ่อน้ำบาดาล จำเป็นต้องทำการเจาะบ่อน้ำบาดาลขนาดใหญ่ พร้อมกับก่อสร้างระบบประปาบาดาลในพื้นที่ที่มีความเหมาะสมเพื่อช่วยเหลือราษฎรไม่ให้เดือดร้อน” นายกรัฐมนตรี กล่าว


นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า โครงการที่ 4    โครงการ “10 คลองสวย น้ำใส คนไทยมีสุข” เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567   เพื่อเป็นการสืบสาน และขยายผลต่อยอดพระบรมราโชบายในการพัฒนาแม่น้ำ ลำคลอง และแหล่งน้ำต่าง ๆ ที่เสื่อมโทรมไปตามกาลเวลา ตลอดจนเพื่อเป็นการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในด้านต่าง ๆ รวมถึงสร้างความเจริญก้าวหน้าของบ้านเมือง เช่น โครงการพัฒนาคลองเปรมประชากร และพัฒนาคลองแม่ข่า รัฐบาลได้มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยจัดทำโครงการพัฒนาแม่น้ำ คู คลองทั่วประเทศ โดยเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วน  ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินการตั้งแต่ขุดลอกคู คลอง ปรับภูมิทัศน์ และทัศนียภาพ รวมถึงพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนตลอดสองฝั่งคลอง ได้แก่ การจัดระเบียบที่อยู่อาศัยใหม่ ความสะอาดของทางเดิน และถนน การกำจัดขยะ การพัฒนาระบบสาธารณูปโภค การเพิ่มพื้นที่สีเขียว และระบบการระบายน้ำ โดยจะดำเนินการนำร่องในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และจังหวัดอื่น ๆ รวม 10 แห่ง

 “โครงการที่ 5  โครงการพัฒนา 72 สายน้ำอย่างยั่งยืน เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567    ด้วยรัฐบาลเล็งเห็นว่า น้ำเป็นปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิต ดังนั้น เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำสำหรับการอุปโภค และบริโภคของประชาชน จึงได้มอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการขุดลอกคลองและอ่างเก็บน้ำ จำนวนทั้งสิ้น 72 แห่ง เพื่อเพิ่มพื้นที่ในการเก็บกักน้ำให้สามารถรองรับปริมาณน้ำฝนในช่วงฤดูฝนที่จะมาถึงและสามารถบริหารจัดการน้ำรวมถึงแก้ปัญหาภัยแล้งได้อย่างยั่งยืน” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า โครงการที่ 6 โครงการยกระดับโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช โรงพยาบาลชุมชนเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลชัยพัฒน์ และหน่วยบริการปฐมภูมิ 72 แห่ง เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567   เพื่อเป็นการยกระดับคุณภาพการให้บริการและการเข้าถึงการบริการด้านสาธารณสุขลดความแออัด ลดระยะในการรอคอยการเข้ารับการบริการของประชาชน รวมถึงมีสถานที่ที่เอื้อต่อการส่งเสริมสุขภาพ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชน

“รัฐบาลมอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุขยกระดับการขยายบริการทางการแพทย์ และขยายศักยภาพในการรักษาผู้ป่วยเฉพาะทางที่มีความซ้ำซ้อน และลดการส่งต่อผู้ป่วย โดยจะดำเนินการทั้งสิ้น 72 แห่ง แบ่งเป็น 1. การยกระดับคุณภาพการบริการของโรงพยาบาล 36 แห่ง ได้แก่ โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชฯ  21 แห่ง โรงพยาบาลชุมชนเฉลิมพระเกียรติ 11 แห่ง โรงพยาบาลชัยพัฒน์ 4 แห่ง 2. การยกระดับการเข้าถึงบริการของประชาชน โดยเป็นการจัดสร้างชุดอาคารศูนย์สุขภาพชุมชน 36 แห่ง ทั่วประเทศ” นายกรัฐมนตรี กล่าว

 นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า โครงการที่ 7 โครงการพัฒนาคุณภาพชีวิต ที่ดินทำกิน และที่อยู่อาศัย เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567  เพื่อเป็นการพัฒนาคุณภาพชีวิต ช่วยเหลือและให้โอกาสแก่ประชาชนผู้ด้อยโอกาสรวมถึงผู้พิการหรือทุพพลภาพในการที่จะได้รับสิทธิขั้นพื้นฐาน อันได้แก่ ที่พักอาศัย หรือที่ดินทำกิน สำหรับการประกอบอาชีพเพื่อให้สามารถพึ่งพาตนเองได้

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กระทรวงกลาโหมจึงได้เสนอการดำเนินการ 2 กิจกรรม ได้แก่ การจัดหาที่ดินที่เป็นพื้นที่ของเหล่าทัพทั่วประเทศ รวมจำนวน 72,000 ไร่ สำหรับจัดสรรให้กับประชาชนได้ใช้ประโยชน์ในการเป็นที่ดินทำกินหรือที่อยู่อาศัย รวมถึงได้รับเอกสารสิทธิ์ตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อเป็นการพัฒนาคุณภาพชีวิตให้แก่ประชาชนอย่างยั่งยืน การปรับปรุงซ่อมแซมบ้านพักอาศัยสำหรับคนพิการ จำนวน 720 หลัง และผู้ด้อยโอกาส จำนวน 720 หลัง

 “โครงการที่ 8 โครงการบริจาคโลหิต 10,000,000 CC เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567  เพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้ภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชนได้มีส่วนร่วมในการแสดงความจงรักภักดี และทำประโยชน์ในการช่วยเหลือต่อชีวิตและลมหายใจให้กับผู้อื่น เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล ในการนี้ รัฐบาล จึงได้จัดทำโครงการเพื่อเป็นการรวมพลังจิตอาสาทั่วประเทศจากทุกภาคส่วนในการบริจาคโลหิต โดยมีเป้าหมายในการรับบริจาคครั้งนี้ จำนวน 10 ล้าน CC เพื่อมอบให้แก่สภากาชาดไทยสำหรับใช้เป็นโลหิตสำรองให้กับผู้ป่วยในโรงพยาบาลต่างๆ ทั่วประเทศ” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า โครงการที่ 9 โครงการจัดหากายอุปกรณ์สำหรับช่วยเหลือคนพิการ 72,000 ชุด เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 เพื่อช่วยเหลือผู้พิการทางการเคลื่อนไหวหรือทางร่างกาย หรือผู้มีแนวโน้มจะเป็นคนพิการที่มีรายได้น้อยที่ประสบความเดือดร้อน เข้าไม่ถึงสิทธิและสวัสดิการ ให้กลับมาใช้ชีวิตประจำวัน เข้าร่วมกิจกรรมทางสังคมได้อย่างเท่าเทียม และดำรงชีวิตด้วยตนเองได้อย่างอิสระ กระทรวงพัฒนาสังคม และความมั่นคงของมนุษย์ จะจัดหากายอุปกรณ์ และเครื่องช่วยความพิการ สำหรับช่วยเหลือคนพิการทางการเคลื่อนไหวหรือทางร่างกายดังกล่าว ที่มีความจำเป็นที่จะต้องได้รับอุปกรณ์สำหรับช่วยความพิการที่มีความเหมาะสมต่อสภาพความพิการของแต่ละบุคคลทั่วประเทศจำนวน 72,000 ชุด

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า โครงการที่ 10 โครงการ “หลอมรวมใจ มอบน้ำใสสะอาดให้โรงเรียน” เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ให้เด็กนักเรียนได้มีน้ำสะอาดอุปโภคบริโภค รวมถึงส่งเสริมสุขภาวะที่ดี รัฐบาลมอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักดำเนินการ โดยบูรณาการการดำเนินงานร่วมกันของหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องปรับปรุงคุณภาพน้ำประปาในโรงเรียนทุกแห่งทั่วประเทศ ซึ่งต้องตรวจสอบและวิเคราะห์คุณภาพน้ำทั้งด้านกายภาพ เคมี และแบคทีเรีย ตามวิธีการมาตรฐานที่ได้รับการรับรองเพื่อให้เหมาะกับการอุปโภคและบริโภคต่อไป  

“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป  ผมจะลงพื้นที่ติดตามการดำเนินโครงการในนามรัฐบาลทั้ง 10 โครงการรวมทั้งโครงการอื่น ๆ ที่เข้าร่วมเฉลิมพระเกียรติ โดยจะร่วมทำกิจกรรมกับพี่น้องประชาชนให้มากที่สุด ผมขอเชิญชวนพี่น้องประชาชน องค์กร มูลนิธิ และภาคเอกชนต่าง ๆ ได้ร่วมกันแสดงถึงพลังแห่งความจงรักภักดี  และความสามัคคีของปวงชนชาวไทย เนื่องในโอกาสอันเป็นมหามงคลยิ่งนี้ เพราะโครงการต่าง ๆ จะสำเร็จลงได้ด้วยการมีส่วนร่วมของพี่น้องประชาชน ภาคเอกชนที่มีส่วนช่วยสนับสนุนเพื่อให้การดำเนินโครงการบรรลุวัตถุประสงค์ ให้พี่น้องประชาชนมีความสุข มีคุณภาพชีวิตที่ดี เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงเป็นที่รักยิ่งของพวกเราชาวไทย” นายกรัฐมนตรี กล่าว.-314.-สำนักข่าวไทย    

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

ศาล รธน. สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก”

ศาล รธน. 25 ส.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก” ชี้บิดเบือน-ทำเสียหาย ศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารข่าว ระบุว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งพิจารณาคดี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2568 ไต่สวนพยานบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกมาให้ถ้อยคำ จำนวน 2 ปาก ได้แก่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้อง และนายฉัตรชัย บางขวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เรื่อง ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ เมื่อเสร็จสิ้นการไต่สวนแล้ว ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้เข้าฟังการไต่สวนนำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่ และห้ามไม่ให้บิดเบือนข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายในลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน อันเป็นคำสั่งศาลตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 […]

“แพทองธาร” รีโพสต์โต้คลิปบิดเบือน ยันศาลบอก “นั่งลงครับ”

กรุงเทพฯ 25 ส.ค.- “แพทองธาร” รีโพสต์สตอรี่ไอจี โต้ดรามาคลิปบิดเบือน ยันศาล รธน. บอก “นั่งลงครับ” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รีโพสต์สตอรี่ในอินสตราแกรมของสำนักข่าว VOICE TV ยืนยันไม่เป็นความจริง ต่อกระแสดรามาปล่อยคลิปเสียงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พูดว่า “นั่งลงลูก” ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวคําปฏิญาณ ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน คดีคลิปสนทนากับ ฮุน เซน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในคลิปดังกล่าวมีข้อความระบุว่า ฟังชัดๆๆ ศาลบอกว่า “นั่งลงครับ” ไม่ใช่ “นั่งลงลูก” อย่างที่มีคนปั่น!! อย่ามั่ว อย่าบิดเบือนข่าว อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงเช้าวันนี้ (25 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร จะดำเนินการเรื่องการส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลนัดยื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันนี้ ก่อนจะนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 15.00 น.-316 -สำนักข่าวไทย

ปลัด มท. สั่งสอบด่วน ปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ

ไอคอนสยาม 25 ส.ค.- ปลัด มท. เผยยังไม่ได้รับรายงานปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ สั่งกรมการปกครองสอบด่วน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานว่า มีกลุ่มบุคคลสแกนม่านตาประชาชนและชักชวนให้เข้าไปใช้แอปพลิเคชันเพื่อแลกกับเงินหรือเหรียญในระบบ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง กระทรวงมหาดไทยจะสั่งการให้กรมการปกครองดำเนินการแก้ไขและจัดการอย่างถูกต้องทั่วประเทศอย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง สามารถแจ้งเรื่องมายังกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ทุกจังหวัดดำเนินการตรวจสอบตามข้อเท็จจริง ส่วนกรณีที่มีรายงานว่ายังมีการดำเนินการในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปลัดกระทรวงมหาดไทยยืนยันว่าจะเร่งตรวจสอบทั้งที่สุราษฎร์ธานีและทุกจังหวัดที่ได้รับเรื่องร้องเรียน ทั้งนี้ การตรวจสอบจะพิจารณาว่าความผิดปกติเกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลอื่น หากพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทรวงมหาดไทยจะดำเนินการตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยย้ำให้ประชาชนมั่นใจว่า กระทรวงพร้อมตรวจสอบอย่างโปร่งใส.-319 -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

พายุคาจิกิกระทบหลายจังหวัดเหนือ-อีสาน

27 ส.ค. – ผลกระทบจากพายุ “คาจิกิ” ส่งผลหลายจังหวัดภาคเหนือและภาคอีสาน ฝนตกหนัก อย่าง จ.แม่ฮ่องสอน น้ำป่าไหลหลากอย่างรุนแรงในพื้นที่บ้านแม่โกปี๋ ต.แม่ยวมน้อย อ.ขุนยวม ส่วน จ.เลย แม่น้ำเหืองเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน ต.นาแก้ว อ.นาแห้ว ชาวบ้านต้องเร่งยกสิ่งของขึ้นที่สูง พายุคาจิกิเคลื่อนตัวสู่ จ.น่าน ทำให้ 6 อำเภอทางตอนเหนือของเมืองน่าน มีฝนตกหนักและเริ่มมีน้ำป่าหลากดินสไลด์ใน ต.ปิงหลวง อ.นาหมื่น ชาวบ้านตามชุมชนและร้านค้าต่างๆ เร่งเก็บข้าวของไว้บนที่สูง อย่างชุมชนสวนตาลล่าง ซึ่งยังไม่ทันฟื้นฟูความเสียหายจากพายุวิภาเมื่อเดือนที่แล้ว ต้องเตรียมพร้อมกันอีกรอบ อย่างร้านจำหน่ายแอร์และกล้องวงจรปิดร้านนี้ ซึ่งครั้งที่แล้วเสียหายไปกว่า 6 ล้านบาท ต้องขนสินค้าออกจากร้านและยกขึ้นชั้น 2 หวั่นเจอน้ำท่วมซ้ำอีก ขณะเดียวกันเริ่มอพยพผู้สูงอายุและผู้ป่วยติดเตียงที่อยู่ในจุดเสี่ยงน้ำท่วมออกมาอยู่ที่ศูนย์พักพิงแล้วกว่า 20 ราย รวมทั้งเร่งเสริมคันดินและกระสอบทรายตามจุดเสี่ยงรอบเมือง โดยเฉพาะโรงพยาบาลน่าน ที่เคยถูกน้ำท่วมเสียหายเมื่อเดือนที่แล้ว ซึ่งขนอุปกรณ์การแพทย์ขนาดใหญ่ไปไว้ในที่ปลอดภัย และเสริมแนวกระสอบทรายป้องกันไว้แล้ว พร้อมยกระดับยกระดับการป้องกันและรับมือกับพายุคาจิกิขั้นสูงสุด ขณะที่ จ.แม่ฮ่องสอน มีผู้ใช้โซเชียลโพสต์คลิปสถานการณ์น้ำป่าไหลหลากอย่างรุนแรงช่วงบ่ายวานนี้ (26 ส.ค.) ในพื้นที่บ้านแม่โกปี๋ ต.แม่ยวมน้อย อ.ขุนยวม […]

ทบ.ย้ำชัดกัมพูชาบิดเบือน-ให้ร้าย ตั้งชุมชนรุกล้ำผิด MOU 2000

27 ส.ค.- โฆษก ทบ.โต้กัมพูชา กล่าวหาบิดเบือนพยายามให้ร้ายฝ่ายไทย ย้ำชัดวางลวดหนาม “บ้านหนองจาน” อยู่ในเขตอธิปไตยไทย ชี้เขมรตั้งชุมชนรุกล้ำผิด MOU 2000 จากกรณีที่สำนักข่าว Fresh News รายงานว่า นายชุม ซอนรี โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของกัมพูชา แถลงความคืบหน้าเกี่ยวกับการปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงระหว่างกัมพูชา–ไทย เมื่อช่วงเย็นวันที่ 26 สิงหาคม 2568 เวลา 16.00 น. โดยระบุว่า ฝ่ายไทยได้ละเมิดอธิปไตยของกัมพูชา และละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ด้วยการวางลวดหนามรุกล้ำพื้นที่บ้านเรือนและที่ดินของประชาชนในหมู่บ้านโจกเจย ตำบลโอเบยเจือน อำเภอโอโจรว จังหวัดบันเตียเมียนเจย ซึ่งสะท้อนถึงฝ่ายไทยได้ขยายพื้นที่ความขัดแย้งเข้ามาสู่เขตชุมชนพลเรือน และจากการประชุม GBC เมื่อ 7 สิงหาคม 2568 มีบันทึกความเข้าใจ 13 ข้อ ระบุว่าจะไม่มีการดำเนินการใด ๆ ที่เป็นการยั่วยุ และจะหลีกเลี่ยงการกระทำใด ๆ ที่อาจก่อให้เกิดความตึงเครียดเพิ่มขึ้น รวมถึงตามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ปี 2000 ห้ามการดำเนินการใด ๆ […]

อุตุฯ เตือนเหนือ-อีสานตอนบน ฝนตกหนักบางพื้นที่

กรุงเทพฯ 27 ส.ค. – กรมอุตุฯ เตือนประชาชนโดยเฉพาะบริเวณ จ.แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา น่าน แพร่ ตาก สุโขทัย อุตรดิตถ์ ระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วนภาคกลาง รวมทั้ง กทม.-ปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ มีฝนตกหนักบางแห่ง กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ ส่วนภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้มีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนโดยเฉพาะบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา น่าน แพร่ ตาก สุโขทัย อุตรดิตถ์ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก และฝนที่ตกสะสม อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านประเทศเมียนมา เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณภาคเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมกำลังค่อนข้างแรงบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบน […]

“มาริษ” เผยสวีเดนกังวลสถานการณ์ไทย-กัมพูชา ยกหารือเวที UN พรุ่งนี้

สวีเดน 26 ส.ค.-“มาริษ” เผยสวีเดนกังวลสถานการณ์ไทย-กัมพูชา หลังกัมพูชาใช้โล่มนุษย์ยั่วยุในพื้นที่ต่อเนื่อง เตรียมยกเรื่องนี้หารือเวที UN ที่เจนีวา พรุ่งนี้ ยันยังไม่ส่งทูตกลับ จนกว่าเขมรแสดงให้เห็นว่าจริงใจ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวภายหลังการหารือทวิภาคีกับนางมารีอา มัลเมอร์ สเตเนอร์การ์ด (Maria Malmer Stenergard) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสวีเดน ถึงสถานการณ์ในพื้นที่ชายแดนไทย – กัมพูชา บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว ที่มีการยั่วยุโดยใช้พลเรือนเป็นเครื่องมืออย่างต่อเนื่อง ว่า เรื่องนี้เป็นประเด็นที่หน่วยงานในพื้นที่ต้องช่วยกันระมัดระวังไม่ให้เกิดการกระทบกระทั่งกัน เพราะเมื่อมีพลเรือนเข้ามาเกี่ยวข้อง ในการทำงานของทางทหารก็จะยากลำบาก อาจจะนำไปสู่การสร้างความตึงเครียดมากยิ่งขึ้น ดังนั้นหน่วยงานที่เป็นพลเรือนในพื้นที่ก็จำเป็นจะต้องเข้ามาดูแลและแก้ไขสถานการณ์ตรงนี้ นายมาริษ กล่าวว่า ในการพบหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของสวีเดน ตนได้อธิบายให้เข้าใจว่า เรื่องนี้เป็นสิ่งที่กัมพูชาพยายามใช้ ซึ่งขัดต่อความตกลงในกฎบัตรสหประชาชาติเป็นอย่างมาก เหมือนกับใช้ประชาชนและพลเรือนเป็นโล่มนุษย์ เพื่อที่จะทำให้สถานการณ์แย่ลงไปอีก ถือเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง ซึ่งประเทศสวีเดนก็เข้าใจ และพรุ่งนี้ (27 ส.ค.) ตนจะมีโอกาสได้ชี้แจงกับที่ประชุม UN ที่นครเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ ตนจะยกประเด็นนี้ขึ้นแสดงความห่วงกังวลว่า การใช้วิธีเอาพลเรือนมาเป็นตัวกดดัน หรือมาสร้างความตึงเครียด หรือขยายความตึงเครียดบริเวณชายแดนมากยิ่งขึ้น เป็นสิ่งที่ไม่ควรกระทำ […]