fbpx

“ศิริกัญญา” ขอทราบแผนดิจิทัลวอลเล็ต 

รัฐสภา 10 เม.ย.-“ศิริกัญญา” ขอทราบแผนดิจิทัล วอลเล็ต ติดใจร้านสะดวกซื้อเข้าข่ายร้านขนาดเล็กหรือไม่ ถามรัฐบาลถึงไตรมาส 4 ไม่เลื่อนอีก แนะส่งกฤษฎีกาพิจารณากฎหมาย ธกส.ก่อนนำเงินมาแจก หวั่นผิดวัตถุประสงค์

น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล  สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล  ให้สัมภาษณ์ภายหลังที่นายกรัฐมนตรีแถลงนโยบายดิจิทัล วอลเล็ต  ว่า ตอนนี้เข้าใจว่าข้าราชการสำนักงบประมาณไม่มีวันหยุดสงกรานต์    โดยในส่วนงบประมาณปี 67 มีเวลาได้เตรียมตัว   เตรียมการณ์    แต่ไม่ได้เตรียมอะไรไว้เลย   สุดท้ายน่าจะต้องโอนและเพิ่มงบฯไปที่กองทุนประชารัฐเพื่อสวัสดิการ   และแจกจ่ายผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และยังมีปัญหาว่าปกติบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจะจ่ายผ่านบัตรประชาชน   แต่รอบนี้จะให้ใช้เป็น OPEN LOOP  คือเอาไปใช้ที่ไหนก็ได้    แต่ตามปกติก็ต้องไปกดเงินผ่านบัตรประชาชนที่ตู้เอทีเอ็มเท่านั้น   และยังต้องใช้ผ่านร้านค้าที่มีเครื่องรับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเท่านั้น  ยังเป็นปัญหาที่ระบบ   เพื่อให้ใช้เงินได้


น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่าอยากฝากไปยังรัฐบาล   ว่าเมื่อมีการยืนยันว่าไตรมาส 4 จะไม่เลื่อนแน่นอน    อยากจะเห็นแผนงานทั้งหมด    ไม่ใช่แค่เรื่องหาแหล่งที่มาให้ครบจำนวน ไม่ว่าจะเป็นออกร่างพระราชบัญญัติ งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปี   จะทำเมื่อไหร่ และทางสภาก็รออยู่  ว่าจะอนุมัติหรือไม่อย่างไร   และยังมีเรื่องการพัฒนาระบบ   ซึ่งมีการยืนยันแล้วว่า   ไม่ได้เป็นแอพลิเคชั่น เป๋าตัง    แต่มีการทำแอพใหม่โดยให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม  กับสำนักงานรัฐบาลดิจิทัล   เป็นคนจัดทำนั้นจะเสร็จเมื่อไหร่ เพราะกระบวนการทำระบบจำเป็นต้องมีการทดสอบระบบก่อนที่จะใช้งานได้จริง  เพราะหากใช้จริงแล้วเกิดข้อผิดพลาดขึ้นมาก   ก็จะส่งผลต่อความเชื่อมั่นของประชาชนเช่นเดียวกัน 

น.ส.ศิริกัญญา ยังกล่าวว่าส่วนรายละเอียดของการใช้จ่ายที่มีการแก้ไขไปในทางที่ดี  ในการที่ระบุว่าให้ใช้รอบแรกสำหรับร้านค้ารายเล็กเท่านั้น    แต่อย่างไรก็ตามร้านค้ารายเล็กเรายังได้ยินไม่ชัดเจนว่าตกลงร้านสะดวกซื้อ   เป็นร้านค้าขนาดเล็กหรือไม่    เพราะกลไกที่ค่อนข้างยุ่งยากในการแลกเป็นเงินสด   คือ ต้องใช้ 2 รอบ แล้วจึงสามารถแลกเป็นเงินสดได้ ซึ่งร้านที่แลกได้ก็แลกได้เฉพาะที่อยู่ในฐานภาษีเท่านั้น    อาจจะทำให้ร้านค้ารายเล็กรายย่อยตัวจริงไม่อยากเข้าร่วมโครงการ   หรือเข้าร่วมโครงการน้อยลงหรือไม่   เพราะแลกมาแล้วก็ยังแลกเป็นเงินสดไม่ได้    ก็ต้องไปใช้จ่ายต่อ   แต่เงินก็ต้องหมุนไปรายวัน   จะมีความลำบากสำหรับร้านค้ารายเล็ก    และหากสุดท้ายร้ายค้ารายเล็กเข้าร่วมโครงการได้น้อย   วัตถุประสงค์ของโครงการจะทำให้เศรษฐกิจที่หมุนเวียนอยู่ในระดับฐานรากได้มากขึ้นก็เป็นเรื่องที่น่ากังวลใจ     แต่วันนี้ยังไม่ค่อยได้รายละเอียดอะไรเพิ่มเติม   คงต้องรอนัดถัดไปเพื่อได้ข้อมูลเพิ่มเติม    แต่ถือว่ารับฟังความเห็นจากประชาชน   ฝ่ายค้าน และสื่อมวลชนในการที่จะปรับในเรื่องของร้านค้าขนาดเล็กเข้าร่วมโครงการ


เมื่อถามว่าการที่ผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทยไม่มาร่วมประชุมบอร์ดใหญ่ดิจิทัล วอลเล็ต ถึงสองครั้ง  มีนัยยะอะไรหรือไม่   น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า จริงๆ ก็ติดภารกิจประชุมกรรมการนโยบายการเงิน   ซึ่งเข้าใจว่ามีตัวแทนมาเข้าร่วมประชุม   และเข้าใจว่าทางคณะกรรมการคงจะมีมติอยู่บนความคิดเห็นที่รอบด้านจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

เมื่อถามว่าโครงการรดิจิทัล วอลเล็ตจะสามารถกระตุ้นจีดีพี และเศรษฐกิจได้จริงหรือไม่ น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า จากที่รัฐบาลได้มีการคาดการณ์เอาไว้    ว่าจะเพิ่มขึ้นประมาณ 1.2-1.8     และคาดการณ์ของปี 68 แบบฐานปกติน่าจะโตประมาณ 3.3 ก็เท่ากับว่าเศรษฐกิจปี 68 หากมีดิจิทัล วอลเล็ต    ก็น่าจะโตได้ประมาณ    3.5-4.1    ซี่งเป็นเรื่องที่ต้องอยู่ในความรับผิดชอบของรัฐบาลว่าจะสามารถเป็นไปได้อย่างที่คาดการณ์หรือไม่ เพราะหลายเจ้าจะประเมินอยู่ที่ประมาณ    0.9-1 เปอร์เซ็นต์ทั้งนั้น    แต่เรื่องที่เราเป็นกังวลมากกว่าคือรัฐบาลสัญญาไว้ว่า 4 ปี   จีดีพีต้องโตเฉลี่ย 5 เปอร์เซ็นต์   แต่ปีที่อัดทุ่มเงินงบประมาณมากที่สุดยังโตได้แค่  5.1 อย่างเต็มที่   แล้วปีอื่นๆที่เหลือ   ที่ไม่เหลือเงินไปทำอย่างอื่นแล้วจะเกิดอะไรขึ้น    และเรื่องที่ผลจะตามมาคือหนี้สาธารณะ    ซึ่งตอนนี้เฉพาะที่ขยายวงเงินของปี 68  หนี้สาธารณะขึ้นไปอยู่ที่ประมาณ 67 เปอร์เซ็นต์  เรียบร้อยแล้ว และภาระดอกเบี้ยที่จ่ายในแต่ละปีขึ้นเป็น 11 เปอร์เซ็นต์ของรายได้   เท่ากับว่าจะเก็บภาษีมาเท่าไหร่ก็เอาไปจ่ายเป็นดอกเบี้ยหมดไปแล้ว   ยังไม่นับว่าปี 67  ก็ต้องกู้เพิ่มอีก

“จึงเป็นคอขวดที่สำคัญ   ที่รัฐบาลต้องก้มหน้ารับไป   และยิ่งใช้เร็วก็จะยิ่งดี  ยิ่งไปกินเงินงบประมาณในส่วนอื่นๆ ไปอีกระยะหนึ่ง    รัฐบาลชุดต่อไปที่จะต้องมาแบกรับภาระหนี้ต่ออยู่แบบคอหอยแล้ว    อีกนิดเดียวจะชนเพดานที่  70 เปอร์เซ็นต์แล้ว   นี่ขนาดเป็นกู้สาธารณะเพียงแค่งบปี 67 และงบปี 68  ยังไม่นับรวมกู้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.)   ซึ่งไม่ได้อยู่ในหนี้สาธารณะก็จริง   แต่สุดท้ายก็ยังต้องใช้เงินงบประมาณในการใช้คืนหนี้อยู่ดี   ฉะนั้นนอกเหนือจากการกระตุ้นเศรษฐกิจ   ก็ยังมีเรื่องภาระที่แฝงมาด้วย หลังจากที่ทำโครงการดิจิทัล วอลเล็ต”  น.ส.ศิริกัญญากล่าว


เมื่อถามว่าคิดอย่างไรกับนโยบายกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ที่รัฐบาลออกมา    น.ส.ศิริกัญญากล่าวว่าตามปกติแล้วนโยบายนี้   ไม่ใช่นโยบายใหม่     ซึ่งเราก็ทำกันมาหลายครั้งโดยต้องการจะกระตุ้นภาคอสังหาฯให้เดินต่อไปได้    แต่รอบนี้ที่แปลกคือเรื่องของการลดค่าโอน   ที่จากเดิมลดค่าโอนเฉพาะบ้านที่ราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท   แต่วันนี้ขยายไปที่ 7 ล้านบาท  ซึ่งเป็นเพราะว่ามีสต๊อกคงค้างอยู่ค่อนข้างมาก    ขายไม่ออกถึง 46 เปอร์เซ็นต์  จึงชวนให้ตั้งข้อสังเกตว่า    สุดท้ายโครงการนี้จะเป็นไปเพื่ออะไรกันแน่   เพื่อให้ผู้มีรายได้น้อยสามารถเข้าถึงที่อยู่อาศัยได้มากขึ้น    หรือเป็นเพียงแค่กระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์อย่างเดียว     เพื่อจะทำให้บริษัทที่อยู่ในภาคนี้สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้     และเลี่ยงไม่ได้ที่จะถูกตั้งคำถามเกี่ยวกับผลประโยชน์ทับซ้อนของนายกรัฐมนตรีอย่างแน่นอน    โดยเรื่องที่สำคัญคือค่าธรรมเนียมผ่านการโอนต่างๆ  เป็นเงินที่จะต้องส่งต่อไปให้องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น    และรอบนี้เนื่องจากขยายไปจนถึง 7 ล้านบาททำให้สูญเสียเม็ดเงินค่าธรรมเนียมไปถึง 2.3 หมื่นล้านบาท    เท่ากับว่าท้องถิ่นเงินหายไปในจำนวนดังกล่าว  จึงอยากให้รัฐบาลนี้เปลี่ยนวิธีการบ้าง     ซี่งในสมัยรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ทำแบบนี้   

“เหมือนกับการควักเงินขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่นไปอุดหนุนภาคอสังหาฯและรอบนี้หากจะให้ดีรัฐบาลต้องตั้งเงินเพื่อที่จะชดเชยให้กับองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นในส่วนค่าธรรมเนียมที่หายไปด้วย    มิเช่นนั้นจะไม่เป็นการยุติธรรมกับองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นที่รายได้อยู่ดีๆ จะหายไป    รอบที่แล้วภาษีที่ดินก็ยังคืนเขาไม่หมด มารอบนี้ก็จะมาลดค่าธรรมเนียมการโอนอีก ทำให้เขาเดือดร้อนแน่นอน”   น.ส.ศิริกัญญา  กล่าว

เมื่อถามว่ารัฐมีอำนาจในการใช้เงินของ  ธกส. และเป็นไปตามวินัยการคลังหรือไม่   ว่า เรื่อง ธกส.ยังมีประเด็นในเรื่องของข้อกฎหมาย   เพราะว่าตามวัตถุประสงค์ของ ธกส.ที่ระบุไว้ตามกฎหมาย   สามารถทำได้ในการช่วยให้เกษตรกรเพิ่มผลผลิต ลดต้นทุนค่าใช้จ่าย แต่ไม่ได้มีวัตถุประสงค์ข้อใดที่จะไปทำให้มีการพัฒนาคุณภาพชีวิตของเกษตรกร   โดยการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต   ซึ่งตอนนี้ก็ยังเป็นประเด็นกันอยู่ว่าจะต้องส่งคณะกรรมกฤษฎีกาตีความเหมือนกับกรณีของธนาคารออมสินหรือไม่   แต่ว่ามันมีความเทาๆที่จะสามารถตีความให้เข้าข้างรัฐบาลก็สามารถทำได้    ที่สำคัญจะทำอย่างไรให้มีเงินมาใช้จ่ายให้เต็มที่ เพราะ ธกส.ยังติดเกณฑ์ของกรอบวินัยการเงินการคลัง   รัฐบาลก็พูดย้ำหลายรอบ  ว่าไม่มีการขยายแน่นอน   ก็ต้องมารอดูว่าโครงการไหนจะไปก่อน   เพราะพักหนี้เกษตรกรจะทำต่อจนครบ 3 ปีหรือไม่   หรือว่าโครงการไร่ละ 1 พันจะยังคงเดินหน้าไปต่อได้หรือไม่  อันนี้ก็เป็นข้อกังวลสำหรับการใช้เงินของ  ธกส.

เมื่อถามว่าฝ่ายค้านจะดำเนินการอย่างไรนอกจากรอให้รัฐบาลถามกฤษฎีกา  น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า ไม่แน่ใจว่ารัฐบาลจะถามกฤษฎีกาอยู่หรือไม่   เราก็จะช่วยกระทุ้งอีกแรงว่าตรงดูให้ดีๆ หรือต้องแก้ไข พ.ร.บ.ธกส.ให้เรียบร้อยก่อน   ถ้ารัฐบาลจะออก พ.ร.บ.งบประมาณกลางปี 67  แก้นิดหน่อยเพื่อให้มีความสบายใจ   และให้ ธกส.ไม่ต้องกังวลที่จะเอาเงินมาให้ดิจิทัลวอลเล็ตใช้ด้วย   แค่นี้ก็บิดมากพอแล้วที่ให้เป็นโครงการดิจิทัลวอลเล็ตสำหรับเกษตรกรโดยเฉพาะ   เพื่อที่จะจ่ายให้เฉพาะเกษตกร ต้องไปหามา 17 ล้านคนก็ว่าเหนื่อย  ตัวระเบียบและกฎหมายต่างๆก็ควรจะทำให้เรียบร้อยเช่นเดียวกัน.-314.- สำนักข่าวไทย  

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบศพโบลท์หญิงวัย 47 ในป่าหญ้าริมทาง คาดถูกฆ่าชิงรถ

โบลท์หญิงวัย 47 ปี หายตัวจากบ้านพักย่านดินแดง 9 วัน ล่าสุดพบเป็นศพในป่าหญ้าริมถนนสายนครชัยศรี-ห้วยพลู อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ส่วนรถยนต์โผล่ที่ จ.ภูเก็ต คาดถูกคนร้ายฆ่าชิงรถ

pagers on display

ทำไมยังมีการใช้ “เพจเจอร์” ในยุคสมาร์ทโฟน

ลอนดอน 19 ก.ย.- เพจเจอร์ หรือวิทยุติดตามตัวเป็นอุปกรณ์การสื่อสารยอดนิยมในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1990 ที่ต้องหลีกทางให้แก่โทรศัพท์เคลื่อนที่ เนื่องจากเป็นการสื่อสารทางเดียว แต่ยังคงมีการใช้งานในบางกลุ่ม รวมถึงกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ที่เพจเจอร์ระเบิดพร้อมกันหลายพันเครื่องทั่วเลบานอนเมื่อวันที่ 17 กันยายน แหล่งข่าวเผยว่า ฮิซบอลเลาะห์ใช้เพจเจอร์ เนื่องจากเป็นช่องทางสื่อสารเทคโนโลยีต่ำ ส่งข้อความผ่านสัญญาณวิทยุ จึงตรวจจับสัญญาณและตำแหน่งได้ยากกว่าโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ส่งสัญญาณไปยังเสาส่งที่อยู่ใกล้ที่สุด อีกทั้งไม่มีเทคโนโลยีระบุพิกัดบนพื้นโลกอย่างจีพีเอสด้วย อดีตเจ้าหน้าที่สำนักงานสอบสวนกลางหรือเอฟบีไอ (FBI) ของสหรัฐเผยว่า ในอดีตแก๊งอาชญากรรมโดยเฉพาะแก๊งค้ายาเสพติดในสหรัฐเคยนิยมใช้เพจเจอร์ แต่ขณะนี้หันมาใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่แบบเติมเงินราคาถูกที่สามารถเปลี่ยนเครื่องและหมายเลขได้อย่างง่ายดาย ทำให้เจ้าหน้าที่ติดตามแกะรอยได้ยาก อย่างไรก็ดี  ศัลยแพทย์โรงพยาบาลใหญ่แห่งหนึ่งในสหราชอาณาจักรเผยว่า เพจเจอร์เป็นอุปกรณ์ที่แพทย์และพยาบาลสังกัดสำนักงานบริการสุขภาพแห่งชาติหรือเอ็นเอชเอส (NHS) ต้องพกติดตัวอยู่เสมอ เพื่อรับแจ้งข่าวในการปฏิบัติหน้าที่ เป็นช่องทางที่ถูกที่สุดและมีประสิทธิภาพมากที่สุดในการแจ้งข่าวทางเดียวกับคนจำนวนมาก เพจเจอร์หลายรุ่นสามารถส่งเสียงไซเรนและมีข้อความเสียงแจ้งให้ทีมแพทย์ไปรวมตัวที่ห้องฉุกเฉินได้ทันที ข้อมูลล่าสุดในปี 2562 ระบุว่า เอ็นเอชเอสใช้เพจเจอร์ประมาณ 130,000 เครื่อง คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 1 ใน 10 ของที่ใช้ทั่วโลก คอกนิทีฟมาร์เก็ตรีเสิร์ช  (Cognitive Market Research) ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยคาดการณ์ว่า ตลาดเพจเจอร์จะเติบโตร้อยละ 5.9 ต่อปี จากปี 2566 ถึงปี 2573 […]

ข่าวแนะนำ

“อนุทิน” ลุยเชียงใหม่ร่วมบิ๊กคลีนนิ่ง ฟื้นฟูหลังน้ำลด

“อนุทิน” ลงพื้นที่เชียงใหม่ ร่วมทีม จนท.-กู้ภัย-อาสาสมัคร “บิ๊กคลีนนิ่ง” ฟื้นฟูเมืองหลังน้ำลด เร่งจ่ายเยียวยาผู้ประสบภัย