รัฐสภา 9 เม.ย.-“คำนูณ” หารือที่ประชุม สว.นัดสุดท้าย ปมที่มาเงินดิจิทัล จี้รัฐบาลชัดเจน หากออก พ.ร.บ.โอนงบประมาณ 67 มาจากงบกลาง ห่วงอาจก่อให้เกิดความเสียหาย กรณีเกิดความจำเป็นเร่งด่วน หากต้องใช้งบกลางในอนาคต
การประชุมวุฒิสภา นัดสุดท้ายก่อนปิดสมัยการประชุม เริ่มขึ้นเวลา 09.30 น. โดยมีนายศุภชัย สมเจริญ ทำหน้าที่ประธานการประชุม ก่อนเข้าสู่ระเบียบวาระ เปิดให้สมาชิกปรึกษาหารือถึง ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนและการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล โดยนายคำนูณ สิทธิสมาน สมาชิกวุฒิสภา(สว.) ใช้เวลาช่วงหารือในการประชุมวุฒิสภานัดสุดท้าย ฝากไปยังรัฐบาลเกี่ยวกับประเด็นการใช้เงินในโครงการเงินดิจิทัล วอลเล็ต 10,000 บาท โดยสาระสำคัญการจัดทำงบประมาณ ปี 2568 เป็นงบขาดดุลสูงสุด 8.65 แสนล้านบาท ยอดรวมทั้งสิ้น 3.75 ล้านล้านบาท ขาดดุลเพิ่มขึ้นจากร่างเดิม 1.52 แสนล้านบาท
“ผมจำเป็นต้องพูดเรื่องนี้ เพราะรัฐบาลจะแถลงพรุ่งนี้(10 เม.ย.) โดยเชื่อว่า วันนี้ครม. จะอนุมัติเห็นชอบตามที่ 4 หน่วยงานของรัฐเสนอกรอบงบประมาณ ปี 2568 มา ทำให้คาดการณ์ทิศทางของโครงการได้ไม่ยาก คือ 1. ไม่ออกกฎหมาย พิเศษกู้เงิน 500,000 ล้านบาท 2.ใช้เงินจากงบประมาณ โดยผสมผสานจากงบ ปี 2568 ที่ขาดดุลเพิ่มจุด 1.5 แสนล้านบาท แล้วตัดออกมาจากส่วนงานอื่นก็น่าจะได้ประมาณ 3.5-3.7 แสนล้านบาทบาท ประเด็นอยู่ที่ ยังขาดเงินมาดำเนินโครงการอีก 1.3 แสนล้านบาท จะเอามาจากไหน จึงมีการคาดการณ์กันว่า ปลอดภัยที่สุด ก็คือ มาจากงบประมาณ ปี 2567 โดยมีการแปลงงบประมาณออกมาอีกไม่เกิน 1.3 แสนล้านบาท ถ้าขาดเหลืออยู่บ้าง ก็จะให้ธนาคารของรัฐปฏิบัติตามมาตรา 28 ของ พรบ.วินัยการเงินการคลัง” นายคำนูณ กล่าว
นายคำนูณ กล่าวว่า เห็นด้วยกับวิธีการใช้เงิน คือ ใช้จากเงินงบประมาณเพราะในพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายผ่านรัฐสภาแล้ว ไม่ใช่เงินนอกงบประมาณที่ออกกฎหมายพิเศษกู้เงินแต่ปัญหาที่รู้สึกหน้าชาเหมือนถูกตบหน้า เพราะในส่วนที่จะนำเงินมาจากงบประมาณ ปี 2567 ที่ผ่านมาไม่มีใครอภิปรายเรื่องเงินดิจิทัล ทั้งในชั้นของ สส. และ สว. โดยไม่มีชื่อโครงการนี้ อยู่ในร่างงบประมาณ ดังนั้น การจะแปลงงบประมาณออกไป ก็เหมือนกับว่าโครงการไม่ได้ถูกตั้งมาตั้งแต่ต้น ทั้งที่รัฐบาลสามารถทำได้ และมีหลายคนแนะนำให้รัฐบาลทำ
นายคำนูณ กล่าวว่า ช่วงเวลานั้นรัฐบาลสาละวนอยู่กับการออกกฎหมายพิเศษกู้เงิน ดังนั้น สิ่งที่จะเกิดขึ้นเมื่อผ่านสภาฯ ก็จริง แต่เหมือนไม่ผ่านประเด็นอยู่ที่ว่า ในที่สุดก็ต้องเอาจากงบประมาณ ปี 2567 เมื่อไปดูกฎหมายที่เกี่ยวข้องแล้ว รัฐบาลมีความจำเป็นและตนเห็นว่ารัฐบาลต้องแถลงให้ชัดเจนว่า การนำงบประมาณ ปี 2567 ประมาณ 1.3 แสนล้านบาท รัฐบาลจะต้องตราเป็นพระราชบัญญัติโอนงบประมาณรายจ่ายประจำปี ผ่านสภาฯ ตามปกติ
“การออกกฎหมายเช่นนี้ จะต้องทำเป็นพระราชบัญญัติเท่านั้น แต่สิ่งสำคัญการที่จะตัดงบประมาณออกมาได้ 1.3 แสนล้านบาท ก็มีข่าวที่คาดการณ์กันว่า น่าจะตัดมาจากงบกลาง ประมาณ 4-5 หมื่นล้านบาท จึงเป็นร่างพระราชบัญญัติโอนงบประมาณที่แปลกกว่าทุกฉบับที่เคยมีมา เนื่องจากปกติจะตัดจากหน่วยงานอื่น ๆ มาไว้ที่งบกลาง แต่กรณีนี้จะตัดจากงบกลาง มาไว้เพื่อใช้ในโครงการใหม่ ที่ไม่เคยพิจารณาในชั้นร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี หากรัฐบาลจะออกร่างพระราชบัญญัติโอนงบประมาณรายจ่ายประจำปี เมื่อไม่ระบุเช่นนี้ เงื่อนเวลาจึงสำคัญ เพราะถ้าออกกฎหมายโอนงบประมาณมาก่อน จะรู้ได้อย่างไรว่างบกลางจะเหลือ หากก่อน 30 กันยายน เกิดเหตุฉุกเฉิน มีความจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องใช้งบกลาง สามารถอธิบายได้หรือไม่” นายคำนูณ กล่าว
นายคำนูณ กล่าวว่า ประเด็นต่างๆ เหล่านี้ ล้วนเป็นปริศนา แต่ที่จำเป็นต้องหารือวันนี้ไปยังรัฐบาล เพราะถ้าตนไม่พูดวันนี้ ก็จะไม่ได้พูด เปิดประชุมสมัยประชุม 3 กรกฎาคม เรื่องทั้งหมดก็จะผ่านไปแล้ว ดังนั้น ประเด็นทั้งหมด จึงฝากไปยังรัฐบาลให้มีความชัดเจนว่า จะใช้วิธีการใดในการโอนงบประมาณงบ ปี 2567 ออกไป ซึ่งแน่นอนจะต้องตราเป็นพระราชบัญญัติโองงบประมาณ ก็ต้องชี้แจงให้ชัดเจน เพื่อจะไม่ก่อให้เกิดความเสียหายในกรณีที่เกิดความจำเป็นเร่งด่วน หากต้องใช้งบกลางในอนาคต.-312.-สำนักข่าวไทย